แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามมีการเงินบริษัท 2017 (เมษายน-มิถุนายน 2017) มียอดขายรวม 45,408 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,717 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% และมียอดขายนอกอเมริกา 61%
iPhone ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาขายได้ 41 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 2% และยังคงเป็นรายได้หลักของแอปเปิลถึง 24,846 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขที่น่าสนใจคือยอดขาย iPad จากที่ลดลงต่อเนื่องมาตลอด ในไตรมาสที่ผ่านมา ขายได้ 11.4 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 2% คาดว่ามาจากยอดขาย iPad 9.7 นิ้ว รุ่นใหม่ที่เน้นราคาถูกลง
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (เมษายน-มิถุนายน 2017) มีรายได้เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1.86 ล้านล้านเยน มีกำไรจากการดำเนินงาน 1.58 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว และเป็นสถิติกำไรสูงสุดประจำไตรมาสที่ 1 ของบริษัท
ธุรกิจหลักที่เติบโตจนทำให้กำไรของโซนี่เป็นสถิติใหม่ ก็คือธุรกิจกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากเซ็นเซอร์ภาพสำหรับกล้องโทรศัพท์มือถือมียอดขายและกำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก (ส่วนหนึ่งเพราะปี 2016 โซนี่เจอปัญหาจากแผ่นดินไหวใน Kumamoto ด้วย) และอีกธุรกิจที่แข็งแกร่งของโซนี่ก็คือกลุ่มการเงิน
Baidu รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2017 รายได้รวม 3.079 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 651 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 82.9%
รายได้หลักของ Baidu มาจากการตลาดออนไลน์ โดยรายได้ส่วนนี้เติบโต 5.6% เป็น 2.64 พันล้านดอลลาร์ Baidu บอกว่าปัจจุบันลูกค้าที่ทำการตลาดออนไลน์อยู่ 470,000 ราย คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า 5,532 ดอลลาร์
ซีอีโอ Robin Li กล่าวว่า Baidu ได้ประกาศเป้าหมายใหม่ออกมา คือการทำโลกที่ปัจจุบันซับซ้อนให้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทดำเนินไปด้วยสองกลยุทธ์ คือเสริมความแข็งแกร่งในตลาดมือถือ และเป็นผู้นำใน AI ซึ่งช่วยเสริมธุรกิจเดิมบริษัทให้มีพัฒนาการมากขึ้น
Richard Yu ซีอีโอของ Huawei Consumer Business Group ให้ข้อมูลของสมาร์ทโฟนตัวถัดไป Mate 10 ในงานแถลงผลประกอบการครึ่งปีแรก ว่า Mate 10 จะเปิดตัวในช่วงเดียวกับ iPhone รุ่นใหม่ของแอปเปิล แต่จะดีกว่าในหลายด้าน โดย Mate 10 จะมีหน้าจอแบบฟูลสกรีน (คาดว่าเป็นแนวเดียวกับ Galaxy S8) แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น คุณภาพของกล้องดีขึ้น
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรกของ Huawei Consumer Business Group (ไม่รวมธุรกิจฝั่งอุปกรณ์เครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์) มีดังนี้
ที่ผ่านมาเราทราบกันว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีกำไรสูง แต่สถิตินี้อาจเปลี่ยนมือหลังการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2017 เมื่อซัมซุงรายงานตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 14 ล้านล้านวอน หรือคิดเป็น 12,180 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากวัดจากอดีตไตรมาสนี้ซัมซุงอาจมีกำไรมากกว่าแอปเปิลเป็นครั้งแรก
แอปเปิลยังไม่ได้รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ประเมินตัวเลขกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 10,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากออกมาใกล้เคียงจริง จะทำให้เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลเสียสถิตินี้ อย่างไรก็ตามกำไรของซัมซุงส่วนใหญ่ตอนนี้มาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ต่างจากแอปเปิลที่กำไรหลักมาจาก iPhone
ผลประกอบการ Twitter ประจำไตรมาสที่สองของปี 2017 พบว่าสถานการณ์ของบริษัทยังไม่กระเตื้องจากไตรมาสก่อน
จำนวนผู้ใช้ต่อเดือน (monthly active users - MAU) คงตัวที่ 328 ล้านคน ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสที่แล้ว แต่จำนวนผู้ใช้ในสหรัฐกลับลดลงเล็กน้อย จาก 70 ล้านคนในไตรมาสก่อน เหลือ 68 ล้านคนในไตรมาสนี้ (ได้ยอดผู้ใช้นอกสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมาทดแทน)
LG รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2017 รายได้รวม 14.55 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.641 แสนล้านวอน เพิ่มขึ้น 13.6%
เครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงเป็นธุรกิจทำเงินและกำไรหลักให้กับ LG มีรายได้เพิ่มขึ้น 12% จากเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้า ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือรายได้ลดลง 21% และขาดทุนส่วนนี้ 1.3 แสนล้านวอน
LG ระบุว่ายอดขาย G6 นั้นน้อยกว่าที่คาด อีกทั้งต้นทุนชิ้นส่วนก็เพิ่มสูงขึ้นมากจึงทำให้ส่วนธุรกิจนี้ขาดทุน อย่างไรก็ตามในไตรมาสปัจจุบัน LG คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากสมาร์ทโฟน V30 และ Q8
อินเทลรายงานผลประกอบการ ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2017 รายได้รวม 14,763 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,808 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Brian Krzanich กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาอินเทลมีรายได้เป็นสถิติประจำไตรมาสสูงสุดอีกครั้ง และจากการเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตามด้วยผลสะท้อนในตัวเลขครึ่งปีแรก จึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่อินเทลทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
กลยุทธ์ของอินเทลตอนนี้คือการเปลี่ยนผ่าน จากธุรกิจที่เกี่ยวกับพีซี (PC-Centric) มาเน้นกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับข้อมูล (Data-Centric) นั่นคือศูนย์ข้อมูล, หน่วยความจำ และ IoT
ที่มา: อินเทล
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2017 รายได้เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ 37,955 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 197 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 857 ล้านดอลลาร์
กำไรที่ลดลงมากของ Amazon มาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสูง ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายการตลาด, ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีและเนื้อหา ตลอดจนค่าใช้จ่ายของ Fulfillment
AWS ยังคงเป็นธุรกิจที่ทำเงินและกำไรให้ Amazon ต่อเนื่อง ไตรมาสนี้รายได้เพิ่มขึ้น 42% เป็น 4,100 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรส่วนนี้ 916 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตยังคงมีแนวโน้มลดลง (3 ไตรมาสก่อนหน้านี้โต 43%, 47% และ 55% ตามลำดับ)
เอไอเอสรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 39,079 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิลดลง 25% อยู่ที่ 7,215 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าตัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น (เหมือนไตรมาสที่แล้ว)
จำนวนลูกค้าของเอไอเอสมีทั้งหมด 40.47 ล้านเลขหมาย ลดลง 174,300 เลขหมาย ซึ่งคล้ายกับดีแทคคือลูกค้าเติมเงินลดลงมาก ขณะที่ลูกค้าระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำให้รายได้เฉลี่ย/ลูกค้า/เดือน หรือ ARPU เพิ่มเป็น 251 บาท และปริมาณการใช้งานดาต้าก็เพิ่มสูงเป็น 4.7GB/เลขหมาย/เดือน (ไตรมาสที่แล้ว 4GB)
LINE รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ปี 2017 จำนวนผู้ใช้ (MAUs) ทั่วโลกยังมีแนวโน้มลดลง จาก 214 ล้านคนในไตรมาสที่แล้ว อยู่ที่ 207 ล้านคน เมื่อพิจารณาตลาดใน 3 ประเทศหลักที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น (ไทย, ไต้หวัน และอินโดนีเซีย) จำนวนผู้ใช้ก็ลดลงเช่นกันจาก 103 ล้านคน มาอยู่ที่ 99 ล้านคน ส่วนผู้ใช้ในญี่ปุ่นยังคงเติบโตจาก 68 ล้านคน เป็น 70 ล้านคน
ถึงแม้จำนวนผู้ใช้ลดลง แต่รายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ภาพรวมมีรายได้ 39,780 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 17.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 187.6% เป็น 8,917 ล้านเยน
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 มีรายได้รวม 61 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นสถิติสูงสุดใหม่ 14.07 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5.92% และสูงกว่าที่บริษัทเคยให้ตัวเลขก่อนหน้านี้ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.05 ล้านล้านวอน
กำไรหลักของซัมซุงตอนนี้ยังคงมาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าชิปหน่วยความจำ ทั้ง DRAM และ SSD เนื่องจากความต้องการในตลาดที่สูง แต่สินค้าผลิตได้ไม่เพียงพอความต้องการ โดยซัมซุงยังมองแนวโน้มครึ่งปีหลังว่าไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากตลาดเซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะกลุ่มคลาวด์ยังคงขยายตัว รวมทั้งคำสั่งซื้อสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนยังคงเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกำไรจากกลุ่มชิ้นส่วนหน้าจอที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยซัมซุงบอกว่าครึ่งปีหลังมีคำสั่งซื้อ OLED ที่สูง
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 มีรายได้เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 9,321 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 3,894 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 71% ขณะที่รายได้จากโฆษณาบนมือถือคิดเป็น 87% ของรายได้โฆษณารวม
สำหรับตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานแบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) ทะลุ 2 พันล้าน อยู่ที่ 2,006 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% และผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) อยู่ที่ 1,325 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% เช่นกัน
Instagram มีผู้ใช้งาน 700 ล้านคน โดยมีคนใช้ Stories 250 ล้านคน ส่วน Messenger มีผู้ใช้งาน 1,200 ล้านคน
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2017 รายได้ 1,222 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากยอดขายซีพียูตระกูล Ryzen อย่างไรก็ตามสุทธิแล้ว AMD ยังขาดทุนอยู่ 16 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่มีกำไร
AMD ให้มุมมองยอดขายในไตรมาสปัจจุบันและตลอดปีเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อต้นปี โดยบอกว่าความต้องการซีพียู Ryzen ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งยอดขายจีพียูที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2/2017 รายได้เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 26,010 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิลดลง 28% อยู่ที่ 3,524 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักจากเหตุการณ์ที่สหภาพยุโรปสั่งจ่ายค่าปรับราว 2,740 ล้านดอลลาร์ หากไม่รวมรายการนี้ กำไรสุทธิ Alphabet จะอยู่ที่ 6,260 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้ 248 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 34% แต่ยังขาดทุนอยู่ 772 ล้านดอลลาร์
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปฏิทินการเงินบริษัท 2017 (เมษายน-มิถุนายน 2017) รายได้เติบโตสูงถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ 23,317 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 6,513 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 109%
กลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างการเติบโตให้กับไมโครซอฟท์ รายได้รวมส่วนนี้เพิ่มขึ้น 11% เฉพาะ Azure นั้นเติบโตถึง 97% ขณะที่ผลิตภัณฑ์ Office 365 ก็เติบโตสูงถึง 43% นอกจากนี้รายได้จาก Office 365 ยังถือเป็นการผ่านหลักไมล์สำคัญของไมโครซอฟท์ เพราะเป็นครั้งแรกที่รายได้จากการขาย Office ผ่านคลาวด์ทำเงินมากกว่าการขายไลเซนส์แบบดั้งเดิมแล้ว
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2017 มีรายได้ลด 5% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 19,289 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,331 ล้านดอลลาร์
ถึงแม้รายได้ของไอบีเอ็มจะลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 21 แล้ว แต่รายได้จากธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์บริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ภาพรวมนั้นรายได้เพิ่มขึ้น 5% และคิดเป็น 45% ของรายได้รวมบริษัท หากดูเฉพาะธุรกิจคลาวด์มีรายได้เพิ่มขึ้น 15% เป็น 3,900 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจ Analytics เพิ่มขึ้น 4% เป็น 5,100 ล้านดอลลาร์
Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2017 มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านคน ทำให้สมาชิกรวมทั่วโลกทะลุร้อยล้านมีทั้งหมด 104 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว โดย 4.14 ล้านคนที่เพิ่มมาจากตลาดนอกอเมริกา
สำหรับรายได้อยู่ที่ 2,785 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 66 ล้านดอลลาร์
Netflix บอกว่าซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา อาทิ Stranger Things, Cable Girls และ 13 Reasons Why ขณะเดียวกันก็อธิบายการยกเลิกรายการอย่าง The Get Down และ Sense8 ว่าเมื่อยอดผู้ชมไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การยกเลิกการผลิตย่อมเป็นประโยชน์ทางการเงินมากกว่าเพื่อไปพัฒนารายการอื่นแทน
ดีแทครายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2560 มีรายได้ 19,443 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426% สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดที่ลดลงถึง 46%
ดีแทคยังมีจำนวนผู้ใช้ลดลงต่อไปอีกไตรมาส โดยไตรมาสนี้ลดลงอีก 705,000 เลขหมาย รวมมีผู้ใช้ 23.6 ล้านเลขหมาย โดยยังเป็นแนวโน้มเดิมคือผู้ใช้แบบเติมเงินลดลง ขณะที่แบบรายเดือนเพิ่มขึ้น ซึ่งดีแทคบอกว่าเป็นผลจากแคมเปญ Go โน ลิมิต
ตัวเลขอื่นที่น่าสนใจ: การใช้งานข้อมูลของลูกค้าต่อคนต่อเดือนสูงถึง 5.4GB, ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ dtac reward เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา และโครงข่ายครอบคลุม 94% ของประชากร
Xiaomi ในช่วงสองปีที่ผ่านมาประสบปัญหาด้านการเติบโต และบริษัทก็เลือกไม่เปิดเผยตัวเลขยอดขายเลยยิ่งทำให้เชื่อว่าบริษัทกำลังประสบปัญหา อย่างไรก็ตามซีอีโอ Lei Jun ได้กลับมาเปิดเผยข้อมูลยอดขายไตรมาสที่ 2 ปี 2017 เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว
ซัมซุงออกรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 2 ปี 2017 โดยคาดมีกำไรจากการดำเนินงาน 12 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 72% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนรายได้อยู่ที่ 60 ล้านล้านวอน
ในรายงานนี้เป็นตัวเลขเบื้องต้นจึงยังไม่ได้ลงรายละเอียด ว่าธุรกิจใดที่ทำเงินเป็นหลักให้ซัมซุง แต่นักวิเคราะห์ยังคงมองว่าธุรกิจผลิตชิ้นส่วนหน่วยความจำ ตลอดจนหน้าจอ OLED ที่มีความต้องการสูงมากในขณะนี้ จะเป็นตัวทำเงินและสร้างกำไรได้หลักให้กับซัมซุง
รายงานฉบับเต็มของซัมซุงจะออกมาช่วงปลายเดือนกรกฎาคม
เราเห็นข่าว BlackBerry ขายสิทธิของแบรนด์สมาร์ทโฟนให้กับบริษัท TCL ของจีน และหันไปทำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์องค์กรอย่างเต็มตัว และรายได้-กำไรในช่วงต้นปีนี้ออกมาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของ BlackBerry ในไตรมาสล่าสุด (มีนาคม-พฤษภาคม 2017) กลับอาการน่าเป็นห่วง บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 235 ล้านดอลลาร์ และมีกำไร 671 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ด้วยซ้ำ
เหตุผลเป็นเพราะในไตรมาสนี้ BlackBerry ได้ค่าชดเชยด้านสิทธิการใช้งานมาจาก Qualcomm เป็นเงิน 815 ล้านดอลลาร์ด้วย ถ้าหักรายได้ส่วนนี้ไป บริษัทจะกลับมาขาดทุนทันที
Oracle รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท (มีนาคม-พฤษภาคม) มีรายได้รวม 10,892 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,231 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15%
รายได้จากธุรกิจคลาวด์ (SaaS, PaaS และ IaaS) ยังรักษาระดับการเติบโตได้สูง รายได้ส่วนนี้ 1,361 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 64% และคาดว่าใน 1 ปีข้างหน้ารายได้ส่วนนี้จะทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่าธุรกิจกลุ่ม Oracle Cloud ยังเติบโตได้อัตราที่สูง และถ้าดูเฉพาะ SaaS ก็เติบโตถึง 75% มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว
Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงิน 2017 (มีนาคม-พฤษภาคม) รายได้รวม 1,772.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเป็นสถิติรายได้สูงสุดใหม่อีกครั้งของบริษัท โดยมีกำไรสุทธิ 500.4 ล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Mark Garrett กล่าวว่า Adobe ยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการตลอดปีนี้และอนาคต จะยังคงเติบโตด้วยโมเมนตัมเช่นนี้ต่อไปอีก
ทุกกลุ่มธุรกิจของ Adobe ล้วนแต่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่ม Creative Cloud ที่มีรายได้รอบันทึกในอนาคตอีกถึง 4,560 ล้านดอลลาร์ และยังคงเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส
ที่มา: Adobe
The Pokémon Company เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2016 มีกำไรสุทธิ 143.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 2,400% จากปี 2015 ที่มีกำไรสุทธิ 5.6 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้บริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้ เนื่องจากไม่ใช่บริษัทในตลาดหุ้น
เมื่อไม่เปิดเผยรายได้ว่าเกมไหนทำเงิน ก็ต้องย้อนอดีตไปว่าในปีที่ Pokemon X และ Y เปิดตัว บริษัทมีกำไร 10.6 ล้านดอลลาร์ ส่วนปี 2016 ที่ผ่านมามีสองเกมคือ Pokemon Sun และ Moon กับ Pokemon Go ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า Pokemon Go น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำกำไรให้บริษัทได้มากมายนั่นเอง