Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2017 มีรายได้รวม 2,636.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 178.2 ล้านดอลลาร์ จำนวนสมาชิกในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.95 ล้านคน รวมเป็น 98.75 ล้านคน แบ่งเป็นเพิ่มขึ้นจากอเมริกา 1.42 ล้านคน และต่างประเทศ 3.53 ล้านคน
Netflix ระบุว่าสาเหตุที่กำไรปรับเพิ่มสูง เนื่องจากรายการที่ผลิตเองส่วนใหญ่ เลื่อนกำหนดฉายจากในไตรมาส 1 ไปเป็นไตรมาส 2 หลายรายการ รวมถึง House of Cards ซีซั่นที่ 5 จึงยังไม่มีการบันทึกต้นทุน และส่งผลให้จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้
ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสแรก ปี 2017 คาดมีรายได้รวม 50 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนเล็กน้อย และมีกำไรจากการดำเนินงาน 9.9 ล้านล้านวอน ซึ่งถือเป็นตัวเลขกำไรสูงที่สุดในรอบ 4 ปี
ในรายงานซัมซุงยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่ากำไรที่เพิ่มสูงมาจากธุรกิจใด แต่นักวิเคราะห์คาดว่ามาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน ซึ่งเป็นแนวโน้มต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยความต้องการหน่วยความจำและหน้าจอแสดงผล OLED ยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ซัมซุงจะรายงานผลประกอบการฉบับเต็มในช่วงปลายเดือนเมษายน
BlackBerry รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงินบริษัท 2017 (ธันวาคม 2016-กุมภาพันธ์ 2017) รายได้รวม 297 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรจากการดำเนินงาน 13 ล้านดอลลาร์
การเปลี่ยนจากบริษัทขายฮาร์ดแวร์ มาเป็นซอฟต์แวร์และบริการมีความชัดเจนมากขึ้น BlackBerry มีรายได้จากส่วนนี้ถึง 193 ล้านดอลลาร์ หรือ 65% ของรายรวม โดยซีอีโอ John Chen กล่าวว่าเขารู้สึกยินดีกับตัวเลขที่ออกมา ซึ่งทำได้ดีกว่าที่วางเป้าหมายไว้ทุกมิติ
รายได้จากซอฟต์แวร์ที่ BlackBerry ขายนั้นเป็นกลุ่มลูกค้าองค์กร ทำให้มีรายได้เข้ามาแบบสม่ำเสมอ และเขามั่นใจว่าตลอดปีนี้ธุรกิจซอฟต์แวร์จะเติบโตขึ้นไปอีก และมีกำไรมากขึ้นกว่าเดิม
ที่มา: BlackBerry และ Tech Trader Daily
Dell Technologies รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (พฤศจิกายน 2016-มกราคม 2017) รายได้รวม 20,074 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 236 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน Dell Technologies มีฐานะเป็นบริษัทแม่ซึ่งเกิดขึ้นหลังการควบรวม EMC ซึ่งมีแบรนด์ย่อย 7 แบรนด์ รวมทั้ง Dell, Dell EMC, VMWare ในรายงานผลประกอบการมีข้อมูลน่าสนใจดังนี้
ที่มา: Dell Technologies
Oracle รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีรายได้รวม 9,205 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,239 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่รายได้จากเฉพาะกลุ่มคลาวด์ (SaaS, PaaS และ IaaS) เติบโตถึง 62% อยู่ที่ 1,189 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจคลาวด์โดยเฉพาะ SaaS กับ PaaS ยังเติบโตสูง และย้ำว่าการที่มียอดขายสูงกว่า Salesforce.com นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น นอกจากนี้เขายังเปรียบการลงทุนในธุรกิจคลาวด์ของ Oracle ว่าเหมือนการสร้างโรงแรม ที่ต้องลงทุนสูงในช่วงแรกแม้ยังไม่มีลูกค้า และจะค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อมีคนมาเข้าพัก
ด้าน Larry Ellison ประธานบริษัทและซีทีโอ กล่าวว่าเขารู้สึกตื่นเต้นกับธุรกิจ IaaS มาก เนื่องจาก Gen 2 ของ IaaS ให้บริการ Oracle Cloud ได้เร็วกว่าและราคาถูกกว่า AWS เสียอีก
ที่มา: Oracle และ Tech Trader Daily
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) รายได้รวม 1,681.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 398.4 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขรายได้นั้นถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดในไตรมาสของ Adobe โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ Creative มีรายได้ 942 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Cloud ยังมีแนวโน้มเติบต่อเนื่อง
ซีเอฟโอ Mark Garrett มองว่าทั้งผลงานของ Adobe และการตอบรับจากลูกค้า ทำให้เขามั่นใจว่าตลอดปี 2017 นี้ ยังคงเป็นปีที่สดใสของ Adobe
ที่มา: Adobe
Rovio ผู้สร้างเกม Angry Birds เคยประสบปัญหาโตเร็วเกินไป จนต้องปลดพนักงาน-ปรับโครงสร้างองค์กร และเปลี่ยนตัวซีอีโอ แต่ล่าสุดช่วงเวลาอันเลวร้ายผ่านไปแล้ว บริษัทประกาศผลประกอบการปี 2016 ว่ากลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
ปัจจุบัน Rovio แยกกิจการเป็น 2 ส่วนคือเกมและภาพยนตร์ รายได้ฝั่งเกมเติบโตจาก 113.5 ล้านยูโรในปี 2015 มาเป็น 159 ล้านยูโรในปี 2016 ส่วนรายได้จากภาพยนตร์ The Angry Birds Movie ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน (ภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลก 350 ล้านดอลลาร์)
กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 มีรายได้รวม 34,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA) 6,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% และขาดทุนสุทธิ 1,669 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่าย
ทรูมูฟ เอช มีจำนวนลูกค้ารวม 24.53 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1.93 ล้านเลขหมายในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้ทรูมูฟ เอช ขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่มีฐานลูกค้ามากเป็นอันดับ 2 ของประเทศเรียบร้อยแล้ว (ดีแทค 24.48 ล้านเลขหมาย)
สำหรับผลการดำเนินแยกตามส่วนธุรกิจเป็นดังนี้
ที่มา: ทรู คอร์ปอเรชั่น
Cisco รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (พฤศจิกายน-มกราคม) มีรายได้ 11,580 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,348 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Chuck Robbins กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นน่าพึงพอใจ การตอบรับจากลูกค้าของผลิตภัณฑ์ก็มีทิศทางที่ดี รวมทั้งการเข้าซื้อ AppDynamics ก็จะเสริมพอร์ตโฟลิโอให้มีผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าให้กับลูกค้ามากขึ้น
Cisco เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ด้านเครือข่าย ก่อตั้งในปี 1984 ส่วน AppDynamics เป็นสตาร์ทอัพให้บริการวิเคราะห์ประสิทธิภาพแอพแบบเรียลไทม์ มีลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่
ที่มา: Cisco
HP Inc. รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัทสิ้นสุดเดือนมกราคม 2017 รายได้รวม 12,684 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 611 ล้านดอลลาร์
HP Inc. มีธุรกิจหลักสองส่วนคือพีซีและเครื่องพิมพ์ โดยกลุ่มพีซีมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% ที่น่าสนใจคือจำนวนโน้ตบุ๊กที่ขายได้เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่เดสก์ทอปคงที่
ส่วนกลุ่มเครื่องพิมพ์ รายได้ลดลง 3% ขณะที่จำนวนเครื่องที่ขายได้เพิ่มขึ้น 6%
ซีอีโอ Dion Weisler กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นอยู่ในจุดดีที่สุดที่บริษัทประเมินไว้ และยังมั่นใจว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีตลอดปีการเงิน 2017
ที่มา: HP
HPE หรือ Hewlett Packard Enterprise รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท สิ้นสุดเดือนมกราคม 2017 มีรายได้รวม 11,407 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 267 ล้านดอลลาร์
รายได้หลักของ HPE มาจากกลุ่ม Enterprise โดยรายได้ส่วนนี้ลดลง 12% แบ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ ลดลง 12%, สตอเรจ ลดลง 13% และเน็ตเวิร์คลดลง 33% ส่วนธุรกิจการเงินเติบโต 6%
ซีอีโอ Meg Whitman กล่าวว่าตนเชื่อว่า HPE เดินมาถูกทาง ทำให้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และมีการปรับโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสม เพื่ออนาคตในระยะยาว
ที่มา: HPE
Fitbit ได้ซื้อสินทรัพย์และสิทธิบัตรของ Pebble ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบว่ามูลค่าในการซื้อขายอยู่ที่เท่าใด รายงานข่าวนั้นบอกเพียงไม่สูงมาก และระบุว่าอยู่ราว 34-40 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อ Fitbit ออกรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ก่อนหน้านี้คือเบื้องต้น) ก็ได้เผยราคาจริงในการซื้อ Pebble ซึ่งน้อยกว่าที่ลือกันเสียอีก
โดย Fitbit ระบุว่ามูลค่าในการซื้อ Pebble นั้นอยู่ที่ 23 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการมาทั้งสินทรัพย์, สิทธิบัตร และพนักงานบางส่วน ซึ่งที่ราคานี้น้อยกว่าเงินที่ Pebble สามารถระดมทุนได้ 26 ล้านดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนปี 2016 เสียอีก
สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา Fitbit มีรายได้ 573.8 ล้านดอลลาร์ ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจาก Fitbit Charge 2, Alta, Fitbit Blaze และ Fitbit Flex 2 สุทธิแล้วขาดทุน 125.7 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Fitbit และ Business Insider
Activision Blizzard เผยผลประกอบการปี 2016 ออกมายอดเยี่ยม รายได้ 6.6 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 42%, กำไร 2.3 พันล้านดอลลาร์
เกมเด่นของค่ายในปี 2016 หนีไม่พ้น Overwatch ที่มีผู้เล่น 25 ล้านคนแล้ว (โตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ Blizzard) และเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าบริษัทสามารถออกเกมซีรีส์ใหม่ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องหากินกับเกมซีรีส์เดิมๆ เพียงอย่างเดียว
Lenovo รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2016/2017 (ไตรมาสสุดท้ายปี 2016) แล้ว มีรายได้อยู่ที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีที่แล้ว 6% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 98 ล้านเหรียญลดลงถึง 67%
อย่างไรก็ตาม Lenovo ระบุว่าธุรกิจพีซีและแท็บเล็ตยังเติบโตขึ้นมาจากปีที่แล้ว 2% และมีส่วนแบ่งตลาดพีซีทั่วโลกสูงที่สุดทำสถิติถึง 22.4% ยังคงครองเบอร์ 1 ต่อไป ส่วนธุรกิจสมาร์ทโฟนซึ่งรวมทั้งของ Lenovo และ Moto มียอดขายลดลงจากปีที่แล้ว 23% โดยรุ่นที่ยอดขายเติบโตมากที่สุดเป็น Moto G ที่ 12% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของ Lenovo อยู่ที่ 9.9%
HTC เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2016 ออกมามีรายได้ 2.22 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 13%
ส่วนตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน (อัตราขาดทุนติดลบ 16% จากรายได้) ลดลงจากปีที่แล้วที่ขาดทุน 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านเหรียญ ลดลงจากปลายปีที่แล้วที่ขาดทุนสุทธิ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4/2016 มีรายได้ 717 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 119 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของ Twitter ต่อไป โดยมีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 319 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2 ล้านคนจากไตรมาส 3/2016 อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ออกมาดีและ Twitter อ้างถึงคืออัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) โดยไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นมาเป็น 11% เทียบกับ 7%, 5% และ 3% ของไตรมาส 3,2 และ 1 ปีที่ผ่านมาตามลำดับ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
จะเห็นว่า MAUs นั้นเติบโตน้อย ขณะที่ DAUs เติบโตได้ดี ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุเดียวกับที่ซีโอโอ Anthony Noto ระบุก็คือการที่ประธานาธิบดี Donald Trump เลือกใช้ Twitter เป็นช่องทางการสื่อสารหลัก ทำให้มีกลุ่มคนที่ติดตามทุกวันเพิ่มมากขึ้น
Noto บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้างว่า Twitter นั้นมีพลังมากมายเพียงใด แต่ก็เป็นความท้าทายหาก Twitter จะพึ่งพาการเติบโตจากทวีตของคนเพียงคนเดียว
ที่มา: Twitter และ Business Insider
GoPro รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 ทำยอดขายได้ 540.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่ดีเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์บริษัท และมีกำไรสุทธิ 42.4 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Nick Woodman กล่าวว่า ยอดขายกล้องในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นจำนวนรวมราว 2 ล้านตัว และอ้างตัวเลขจากบริษัทวิจัยหลายแห่ง ซึ่งระบุว่า HERO5 เป็นรุ่นที่ขายได้มากที่สุดของ GoPro และยังครองส่วนแบ่งสูงที่สุดอีกด้วย
ในรายงาน GoPro ยังแสดงตัวเลขให้เห็นว่าแบรนด์ GoPro ยังแข็งแรงดี โดย Instagram มีผู้ติดตามเพิ่ม 53%, Reach บน Facebook เพิ่ม 160% และคอนเทนต์ที่ถ่ายด้วย GoPro ถูกอัพโหลดขึ้น YouTube เป็นความยาวรวมเพิ่มขึ้น 35%
ซีอีโอ Woodman ยังแจ้งกับนักวิเคราะห์ว่า HERO6 จะเปิดตัวและวางจำหน่ายภายในปีนี้
เอไอเอส รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 รายได้รวม 41,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6,468 ล้านบาท ลดลง 40% สาเหตุหลักจากค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย จากการขยายโครงข่าย 4G รวมทั้งค่าใช้จ่ายการตลาดจากการทำแคมเปญแจกและลดราคามือถือ
ไตรมาสที่ 4 ปี 2559 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 1,157,800 เลขหมาย โดยมาจากระบบเติมเงิน 836,900 เลขหมาย รวมมีลูกค้า 41 ล้านเลขหมาย ขณะที่อัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 3,580 MB ต่อเลขหมายต่อเดือน และถ้าดูเฉพาะลูกค้ารายเดือนก็สูงถึง 4,970 MB แล้ว ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) เพิ่มเป็น 251 บาท
บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีลูกค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาสเดียว 106,500 ราย ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมแล้ว 301,500 ราย
เอไอเอสมองแนวโน้มในปี 2560 โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 4-5% ส่วนการขายเครื่องมือถือจะคงอัตรากำไรให้เท่าทุนหรือใกล้เคียง 0% ต่อไป และวางเงินลงทุนขยายโครงข่าย 40,000-45,000 ล้าน
ที่มา: เอไอเอส
โซนี่รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2016 (ตุลาคม-ธันวาคม 2016) รายได้รวม 2.4 ล้านล้านเยน ลดลง 7.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1.96 หมื่นล้านเยน
โซนี่ระบุว่าหากตัดปัจจัยค่าเงินออกไป รายได้จะคงที่จากปีก่อน ส่วนกำไรที่ลดลงไปมากมาจากการลงบันทึกขาดทุนมูลค่าความนิยม (goodwill) ของโซนี่พิคเจอร์ส 1.1 แสนล้านเยน
ส่วนธุรกิจที่เติบโตของโซนี่คือ เซมิคอนดักเตอร์ มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 17% (ซัมซุงไตรมาสที่ผ่านมาก็เติบโตจากส่วนนี้) และธุรกิจเกมเพิ่มขึ้น 5.2% โดย PS4 ขายได้ 9.7 ล้านเครื่อง ขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือรายได้ลดลง 35% โดยขายสมาร์ทโฟนได้ 5.1 ล้านเครื่อง
ที่มา: โซนี่
Snap บริษัทแม่ของ Snapchat ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อทำไอพีโอแล้ว ตามแผนที่ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นภายในต้นปีนี้ โดยไอพีโอของ Snap จะขายหุ้นเพิ่มทุนมูลค่ารวม 3,000 ล้านดอลลาร์ (เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับราคาต่อหุ้นสุดท้าย) ที่ราคานี้จะทำให้มูลค่ากิจการ Snap อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยตัวย่อ SNAP
Snap มีรายได้ในปี 2016 อยู่ 404.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2015 ซึ่งอยู่ที่ 58.7 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้เกือบทั้งหมดมาจากการขายโฆษณาในแอพที่มีหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตามสิ้นปี 2016 บริษัทขาดทุนถึง 514.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปี 2015 ซึ่งขาดทุน 372.9 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขที่ทำให้นักวิเคราะห์กังวลต่ออนาคต Snap คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งถดถอยอย่างมากโดยเฉพาะครึ่งหลังของปี 2016 มีจำนวนผู้ใช้ 161 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกของปี 13 ล้านคน โดย Snap อธิบายว่ามาจากปัญหาของการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปในแอพ และทำให้การใช้งานไม่ราบรื่น จึงส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน โดยไม่พูดถึงประเด็นที่ Instagram Stories เปิดตัวออกมาแต่อย่างใด
Business Insider ยังสรุปอีกหลายประเด็นน่าสนใจจากเอกสารไฟลิ่ง อ่านต่อได้ที่ท้ายข่าวครับ
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 มีรายได้รวม 43,741 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 749 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jeff Bezos พูดถึงการเติบโตของสมาชิกแบบ Prime ว่ามีรายการสินค้าที่รองรับการส่งฟรีภายใน 2 วัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 73% รวมกว่า 50 ล้านรายการ และยังคงเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก
AWS ยังคงเป็นธุรกิจที่คอยสร้างกำไรให้ Amazon รวม เฉพาะไตรมาสนี้ทำเงิน 3,536 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 47% และมีกำไรเฉพาะส่วนนี้ 926 ล้านดอลลาร์
ในรายงานผลประกอบการ Amazon ยังย้ำว่าบริษัทจะเพิ่มการจ้างงานภายในอเมริกา 1 แสนตำแหน่ง ภายใน 18 เดือนข้างหน้า อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือหน่วย Fulfillment by Amazon (FBA) ว่ามีจำนวนร้านค้าที่ส่งสินค้าผ่าน FBA เพิ่มขึ้นถึง 70% และยอดขายสินค้าที่ส่งผ่าน FBA ก็คิดเป็น 55% ของสินค้าจากบริษัทภายนอกรวม
ที่มา: Amazon
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4/2016 มีรายได้ 8,809 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,568 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 128% รายได้จากโฆษณาบนมือถือคิดเป็น 84% ของรายได้โฆษณารวม
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook ยังคงเติบโต มี MAUs (ผู้ใช้งานประจำทุกเดือน) 1,860 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% และเป็นผู้มีการใช้งานบนมือถือ 1,740 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21%
ซีอีโอ Mark Zuckerberg โพสต์บน Facebook ของเขาว่า โฟกัสของ Facebook ยังคงเป็น Video First บนทุกแพลตฟอร์ม โดย Instagram Stories มีผู้ใช้งานมากกว่า 150 ล้านคนทุกวัน และจะผลักดันสิ่งนี้บนแอพอื่นในเครือด้วย
เขายังย้ำประเด็นนี้ในช่วงแถลงผลประกอบการ โดยบอกว่าวิดีโอคือแนวโน้มใหญ่ (Mega Trend) โดยจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาสั้นๆ มากกว่าการทำคอนเทนต์ขนาดยาวเพื่อลงแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ ecosystem วิดีโอของ Facebook แข็งแกร่งมากขึ้น (ตีความได้ว่า Facebook Video ต้องการเป็น YouTube มากกว่า Netflix)
ส่วนซีเอฟโอ Dave Wehner ได้ย้ำอีกครั้งเหมือนไตรมาสที่แล้วว่าพื้นที่โฆษณาบน Facebook นั้นใกล้เต็มแล้ว รวมทั้งในปี 2017 นี้ Facebook จะมีการลงทุนใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
ที่มา: Facebook, TechCrunch และ Tech Trader Daily
Electronic Arts เปิดเผยผลประกอบกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว (ไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2017) มีรายได้แบบ GAAP ที่ 1,149 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1,070 ล้านเหรียญ ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญ ลดลงจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อแยกเป็นสัดส่วนรายได้ คอนเทนท์ดิจิทัลมีสัดส่วนถึง 60% ที่ 685 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 569 ล้านเหรียญในช่วงปลายปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากเกมกล่องลดลงจาก 501 ล้านเหรียญในปีที่แล้วเหลือ 464 ล้านเหรียญ ขณะที่สัดส่วนคอนเทนท์บนระบบดิจิทัลที่ทำยอดขายเยอะทีสุดเป็น DLC หรือ Extra Content
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (ตุลาคม-ธันวาคม 2016) มีรายได้รวมกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากลดลง ติด ต่อ กัน หลายไตรมาส อยู่ที่ 78,351 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 17,891 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2.5% อัตรากำไรขั้นต้น 38.5% และยอดขายนอกอเมริกาคิดเป็น 64%
การกลับมามียอดขายเติบโตอีกครั้ง ปัจจัยหลักก็คือ iPhone ซึ่งเริ่มจำหน่ายรุ่นใหม่ iPhone 7 ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งขายไปได้ 78.29 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 4% ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นนั้น iPad ขายได้ 13 ล้านเครื่อง ลดลง 19% และ Mac ขายได้ 5.3 ล้านเครื่อง ใกล้เคียงกับปีก่อน
ตัวเลขที่ยังมีแนวโน้มสดใสคือรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ต (App Store, iTunes) ซึ่งเติบโตติดต่อกันมาหลายไตรมาส โดยไตรมาสนี้ทำได้ 7,171 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ และ 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์ โดยซีอีโอ ทิม คุก และซีเอฟโอ Luca Maestri ดังนี้
นินเทนโดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2016 (ตรงกับปีงบประมาณ 3/2016) ภาพรวมคือรายได้และกำไรลดน้อยลงจากปีก่อนพอสมควร (รายได้ลด 26.9%, กำไรจากการดำเนินงานลด 38.1%) แต่ตัวเลขออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ปัจจัยสำคัญมาจากการวางขาย Pokemon Sun & Moon ที่ขายได้ถึง 14.69 ล้านชุด ส่วนเกม Pokemon Go ถึงแม้ทำรายได้ทางตรงไม่เยอะนัก แต่ก็ช่วยให้คนรู้จัก Pokemon มากขึ้น และช่วยดันยอดขายเกมภาคหลัก-ยอดขาย 3DS ให้เติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะตลาดนอกญี่ปุ่น (3DS ขายได้ 6.45 ล้านเครื่อง โตขึ้น 10% จากปีก่อน, ซอฟต์แวร์บน 3DS โต 20%)