Fitbit รายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 โดยในรายงานนี้ได้ประกาศปลดพนักงานออก 110 คน คิดเป็น 6% ของพนักงานทั่วโลก ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งบริษัทไม่ได้ระบุว่าเป็นพนักงานกลุ่มใดเป็นพิเศษ บอกเพียงเพื่อปรับองค์กรให้โฟกัสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Fitbit เปิดเผยว่าขายอุปกรณ์ในไตรมาสที่ผ่านมาไป 6.5 ล้านชิ้น โดยซีอีโอ James Park กล่าวว่ายอดขายในเทศกาล Black Friday ที่ผ่านมานั้นน้อยกว่าที่บริษัทคาดไว้ แต่ในตลาดต่างประเทศกลุ่ม EMEA ยังเติบโตถึง 58% จึงมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องชั่วคราว อีกทั้งเชื่อว่า Fitbit อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง พร้อมก้าวสู่โอกาสใหม่ๆ ในอนาคตได้ต่อไป
Fitbit จะรายงานผลประกอบการโดยละเอียดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์
ที่มา: Fitbit
ดีแทครายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2559 มีรายได้รวม 21,465 ล้านบาท ลดลง 7.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 30 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 97% มีสาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรอีก 146 ล้านบาท
จำนวนผู้ใช้งาน ณ สิ้นปี 2559 มีอยู่ 24.480 ล้านเลขหมาย ลดลง 340,000 เลขหมาย แบ่งเป็นระบบเติมเงินลดลง 548,000 เลขหมาย และรายเดือนเพิ่มขึ้น 207,000 เลขหมาย มีลูกค้าลงทะเบียนบนโครงข่าย 2.1GHz อยู่ 95% มีผู้ใช้ 4G แล้ว 5 ล้านเลขหมาย
สำหรับปี 2560 ดีแทคมีแผนลงทุนด้วยวงเงินราว 17,000-20,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการใกล้เคียงกับปี 2559 โดยบริษัทมีเป้าหมายเป็นแบรนด์ดิจิทัลอันดับหนึ่งในประเทศไทยภายในปี 2563
ที่มา: ดีแทค
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2017 (ตุลาคม-ธันวาคม 2016) รายได้รวม 24,090 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 5,200 ล้านดอลลาร์
ธุรกิจคลาวด์ที่เป็นธุรกิจทำเงินสำคัญของไมโครซอฟท์ยังคงเติบโตสูง โดยเฉพาะ Azure มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 93% ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Personal Computing รายได้ลดลง 5% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากธุรกิจโทรศัพท์
ในไตรมาสนี้ไมโครซอฟท์ยังเริ่มบันทึกรายได้ของ LinkedIn ที่ซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนธันวาคม โดยรายได้เฉพาะเดือนธันวาคมอยู่ที่ 228 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Satya Nadella ให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์ว่าความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI ถือเป็นโอกาสของการเติบโตในแพลตฟอร์มคลาวด์มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่มา: ไมโครซอฟท์ และ Tech Trader Daily
Alphabet รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 รายได้รวม 26,064 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6,593 ล้านดอลลาร์ โดยซีเอฟโอ Ruth Porat อธิบายว่ารายได้หลักเติบโตจากการค้นหาผ่านมือถือ และ YouTube
มีตัวเลขที่น่าสนใจในรายงานผลประกอบการหลายรายการ อย่างไรก็ตาม Alphabet ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก มีดังนี้
ซีอีโอ Sundar Pichai ยังตอบคำถามจากนักวิเคราะห์ เรื่องความกังวลว่าหากคอมพิวเตอร์สั่งงานด้วยเสียงได้รับความนิยมมากขึ้น กูเกิลอาจเสียโอกาสไปเนื่องจากมันไม่มีจอแสดงโฆษณา (ซึ่งเป็นช่องทางทำเงินหลักของกูเกิล) ว่าตอนนี้การสั่งงานด้วยเสียงยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และกูเกิลยังมองเห็นโอกาสอีกมากในสิ่งนี้
LINE รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4/2016 มีรายได้ 37,465 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 15.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อกับไตรมาส 3/2016 และมีกำไรสุทธิ 2,217 ล้านเยน
โฆษณาซึ่งกลายมาเป็นรายได้หลักของ LINE ยังคงมีการเติบโตที่ดี เพิ่มขึ้นถึง 48% จากปีก่อน ขณะที่รายได้จากผู้ใช้งาน อย่างการขายสติกเกอร์และสิ่งของในเกมมีแนวโน้มลดลง 9.6% และ 7.5% ตามลำดับ
จำนวนผู้ใช้งาน LINE มี 217 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.4% โดยเป็นผู้ใช้ใน 4 ประเทศหลัก (ญี่ปุ่น, ไทย, ไต้หวัน และอินโดนีเซีย) รวม 167 ล้านคน ส่วน LINE NEWS มี 106 ล้านคน และ B612 มี 93 ล้านคน
Takeshi Idezawa ซีอีโอ LINE กล่าวว่าแนวโน้มรายได้จากโฆษณายังสดใส และจะเพิ่มเป็นรายได้ 50% ของรายได้รวมในเร็วๆ นี้ รวมทั้งให้ความเห็นเรื่องการขยายสู่ตลาดประเทศใหม่ๆ ว่าแอพสนทนาตอนนี้เริ่มยึดครองพื้นที่กันชัดเจนแล้ว LINE จึงจะโฟกัสที่การเพิ่มรายได้ในประเทศที่เป็นฐานที่มั่นทั้ง 4 แห่งเป็นหลัก
ที่มา: Nikkei
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2016 ซึ่งถือเป็นไตรมาสสำคัญทุกปีของบริษัท เนื่องจากมีกิจกรรมเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 โดยมีรายได้รวม 7,669 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,471 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานผ่านมือถือมีจำนวน 493 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มี 450 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขธุรกิจคลาวด์ก็มีการเติบโตน่าสนใจ รายได้เพิ่มขึ้น 115% เป็น 254 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนลูกค้า 765,000 ราย แต่ยังขาดทุนอยู่ 49 ล้านดอลลาร์
ในเอกสารรายงานผลประกอบการ Alibaba ยังพูดถึงเหตุการณ์สำคัญช่วงที่ผ่านมา ทั้งยอดขายวันที่ 11.11, การตรวจจับสินค้าลอกเลียนแบบ, การลงทุนในห้างสรรพสินค้าเพื่อเชื่อมออนไลน์กับออฟไลน์ และล่าสุดคือการประกาศความร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
ที่มา: Alibaba
ซัมซุงรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 ฉบับเต็ม โดยออกมาดีที่สุดในรอบ 3 ปี ตามที่บริษัทคาดไว้เมื่อต้นเดือน มีรายได้รวม 53.33 ล้านล้านวอน กำไรจากการดำเนินงาน 9.22 ล้านล้านวอน และมีกำไรสุทธิ 7.09 ล้านล้านวอน
ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนคือตัวสร้างกำไรหลักให้กับซัมซุงของไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งหน่วยความจำและหน้าจอแสดงผล โดยเฉพาะสินค้าระดับบนอย่าง V-NAND, หน้าจอ OLED และหน้าจอ UHD ขนาดใหญ่ ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือมียอดขายคงที่ สะท้อนว่า Galaxy S7 และ S7 Edge ยังทำยอดขายให้ซัมซุงได้ดี
ที่มา: ซัมซุง
ยาฮูรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 มีรายได้รวม 1,469 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 164 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Marissa Mayer กล่าวว่าตลอดปีที่ผ่านมา ยาฮูสามารถดำเนินงานได้ดีตามแผน มีรายได้จากบนมือถือเพิ่มมากขึ้น ส่วนประเด็นปัญหาความปลอดภัยนั้น Mayer กล่าวว่า 90% ของผู้ใช้ยาฮูเป็นประจำ ได้มีการแก้ไขเพื่อปกป้องบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนประเด็นการเข้าซื้อกิจการของ Verizon นั้น Mayer กล่าวว่า คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 (ก่อนหน้านี้ยาฮูคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1)
ที่มา: Yahoo! Finance
Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 รายได้รวม 2,477.5 ล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55%
ตัวเลขที่น่าสนใจมากกว่าคือจำนวนสมาชิก โดยมีสมาชิกรวม 93.80 ล้านคน เพิ่มขึ้นไตรมาสที่ผ่านมาถึง 7.05 ล้านคน แบ่งเป็นอเมริกา 1.93 ล้านคน และนอกอเมริกา 5.12 ล้านคน
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix กล่าวว่าถึงแม้กำไรจะเพิ่มขึ้น แต่ในอนาคต Netflix จะยังไม่เน้นการเพิ่มอัตรากำไรแบบเร่งรีบ โดยจะเพิ่มการลงทุนต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่า Netflix จะยังเป็นผู้นำโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต
กลยุทธ์ที่ Netflix จะเน้นมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างรายการของตนเองที่ยังคงเดินหน้าต่อ ก็คือการสร้างรายการท้องถิ่นสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น อนิเมะจากญี่ปุ่น, ละครจากตุรกี โดยยกตัวอย่างความสำเร็จจากละครชุดของประเทศบราซิล ที่มีผู้เลือกชมแบบคำบรรยายภาษาอังกฤษเป็นจำนวนนับล้านคน
ที่มา: Netflix และ Business Insider
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 มีรายได้รวม 21,770 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4,501 ล้านดอลลาร์
ถึงแม้ส่วนรายได้ของไอบีเอ็มจะยังคงลดลงต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 19 แต่กลุ่มธุรกิจใหม่ตามเป้าหมายบริษัท (คลาวด์, Analytics, อุปกรณ์พกพา และความปลอดภัย) ยังคงเติบโตถึง 11% และหากพิจารณาเฉพาะธุรกิจคลาวด์นั้นเติบโตถึง 33% อันเป็นผลจาก IBM Watson, IBM Blockchain และ IBM Cloud ที่มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
David Holt นักวิเคราะห์จาก CFRA Research มองว่าถึงแม้รายได้จากธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์จะยังเติบโตได้ดีมาก แต่ก็น่าสนใจว่าเมื่อใดที่ภาพรวมรายได้ของไอบีเอ็มจะกลับทิศทางมาเพิ่มขึ้น
TOT แถลงผลประกอบการประจำปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้รวม 30,800 ล้านบาท, ค่าใช้จ่าย 29,200 ล้านบาท, มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 1,617 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 5,800 ล้านบาท
ถึงแม้ตัวเลขผลประกอบการของ TOT จะขาดทุนหลายพันล้านบาท แต่ TOT บอกว่าตัวเลขนี้ขาดทุนน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม 14,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากโครงการต่างๆ ดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ปัจจุบันรายได้หลักของ TOT มาจากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่คิดเป็น 1/3 ของรายได้ทั้งหมด
ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 คาดว่าจะมีรายได้ราว 53 ล้านล้านวอน ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนเล็กน้อย 0.6% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานนั้นอยู่ที่ 9.2 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 50% และเป็นระดับกำไรที่สูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปีของซัมซุงเลย
ซัมซุงยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นมามากเกิดจากอะไร แต่นักวิเคราะห์คาดว่าธุรกิจชิปหน่วยความจำน่าจะเป็นตัวสร้างกำไรหลัก เนื่องจากราคาขายหน่วยความจำที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และมากพอจะชดเชยปัญหา Galaxy Note 7 ได้
นักวิเคราะห์จาก LS Asset Management ยังมองว่าแม้จะมีปัญหา Note 7 แต่ซัมซุงก็แก้ปัญหาได้ดี โดยนำยอดขาย S7 มาชดเชยได้มากพอ ซึ่งน่าสนใจว่าในปี 2017 นี้ ซัมซุงอาจทำสถิติยอดขาย-กำไรสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
ที่มา: Reuters
BlackBerry ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (กันยายน-พฤศจิกายน 2016) ถือเป็นไตรมาสสุดท้ายก่อนเลิกขายฮาร์ดแวร์เอง และขายสิทธิให้บริษัทจีน TCL
ผลคือตัวเลขรวมยังออกมาแย่ รายได้รวม 289 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 548 ล้านดอลลาร์เกือบครึ่ง หักลบออกมาแล้วไตรมาสนี้ขาดทุน 117 ล้านดอลลาร์ (แต่ยังดีกว่าไตรมาสก่อนที่ขาดทุนถึง 372 ล้านดอลลาร์) ถ้านับผลประกอบการ 9 เดือนตามปีงบประมาณ 2017 บริษัทขาดทุนไปแล้ว 1,159 ล้านดอลลาร์
Bloomberg รายงานตัวเลขจากแหล่งข่าวภายในว่า ผลประกอบการของ Uber ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2016 ขาดทุนถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ขาดทุนถึง 800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมผลขาดทุนของ Uber ในจีน ที่ขายกิจการและถอนตลาดไป
อย่างไรก็ตามในส่วนรายได้นั้น Uber ยังเติบโตได้ดี มีรายได้เฉพาะส่วนบริษัทในงวด 9 เดือนถึง 3.76 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดรายได้รวม (รวมทั้งหมดที่ผู้โดยสารจ่าย ก่อนหักให้คนขับและค่าธรรมเนียม) เติบโตทุกไตรมาส โดยไตรมาส 1-3 มีรายได้ 3.8 พันล้านดอลลาร์, 5.0 พันล้านดอลลาร์ และ 5.4 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
แหล่งข่าวยังบอกว่านอกจากจีนที่ทำให้ Uber ขาดทุนหนัก แม้แต่ในอเมริกาที่ Uber เคยบอกว่ามีกำไรแล้ว แต่ในไตรมาสที่ 2 และ 3 บริษัทก็กลับมาขาดทุนอีกครั้งราว 100 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส
ที่มา: Bloomberg
Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท (กันยายน-พฤศจิกายน) มีรายได้รวม 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 399.6 ล้านดอลลาร์
Creative Cloud เป็นธุรกิจหลักและยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ไตรมาสที่ผ่านมามีรายได้ 886 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 38%
ซีเอฟโอ Mark Garrett กล่าวว่าปีที่ผ่านมาของ Adobe นั้นแข็งแกร่ง และทำได้ทุกเป้าหมายที่วางไว้
ที่มา: Adobe
Oracle รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท (กันยายน-พฤศจิกายน) มีรายได้รวม 9.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% แม้ภาพรวมจะเติบโตไม่มาก แต่หากพิจารณาเฉพาะรายได้จากบริการคลาวด์ทั้ง Saas, PaaS และ IaaS จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ โดยเติบโตถึง 62%
Safra Catz ซีอีโอ Oracle กล่าวว่ารายได้จากบริการคลาวด์นั้นเติบโตติดต่อกันถึง 4 ไตรมาสแล้ว โดยในไตรมาสนี้รายได้รวมก็ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ทั้งยังระบุว่าในตลาด SaaS บนคลาวด์ Oracle มีจำนวนลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (พนักงานมากกว่า 1 พันคน) แซงหน้า Salesforce.com เป็นที่เรียบร้อย และจากการซื้อกิจการ NetSuite จะทำให้ Oracle สามารถครองส่วนแบ่งในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดเล็กต่อไปได้อีกด้วย
ที่มา: Oracle, ที่มาภาพ: Instagram Oracle
Hewlett Packard Enterprise (HPE) รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท สิ้นสุดเดือนตุลาคม 2016 รายได้รวม 12,478 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 302 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่เรียกว่า Enterprise Group มีรายได้รวมทั้งกลุ่มลดลง 9% กลุ่ม Enterprise Service ลดลง 6% และซอฟต์แวร์ลดลง 6%
ซีอีโอ Meg Whitman กล่าวว่าปีที่ผ่านมาของ HPE ถือเป็นปีประวัติศาสตร์ เพราะบริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และเปลี่ยนผ่านองค์กรได้ตามกลยุทธ์ พร้อมกับผลการดำเนินงานที่ดี
ที่มา: HPE และ Tech Trader Daily
HP Inc. รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท (สิงหาคม-ตุลาคม 2016) รายได้รวม 12,512 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 492 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจพีซีมีรายได้เพิ่มขึ้น 4% ขณะที่เครื่องพิมพ์รายได้ลดลง 8% แต่หากนับจำนวนเครื่องที่ขายได้ก็เพิ่มขึ้นอยู่ 1%
ซีอีโอ Dion Weisler กล่าวถึงตัวเลขในธุรกิจเครื่องพิมพ์ว่า แนวโน้มรวมนั้นดีขึ้น โดยรายได้ลดลงในอัตราที่น้อยลง และในไตรมาสที่ผ่านมาจำนวนเครื่องก็ขายได้เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าธุรกิจนี้กำลังมีโอกาสที่ดี (ก็เลยซื้อกิจการจากซัมซุง)
ที่มา: HP และ Tech Trader Daily
Tencent ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนแถลงผลกำไรสุทธิ 10.6 พันล้านหยวน หรือ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นปีต่อปี 43% ด้านรายรับมี 40.4 พันล้านหยวน (6 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งทางบริษัทบอกว่าเป็นเพราะผลงานของ WeChat ล้วนๆ
WeChat แอพแชทครอบจักรวาลของ Tencent มีผู้ใช้ต่อเดือนกว่า 800 ล้านราย มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี คิดเป็นปีละ 30% ซึ่ง WeChat เป็นสื่อสำคัญช่วยในการโฆษณาธุรกิจในเครือ Tencent ได้เป็นอย่างดี ทาง Tencent ระบุเลยว่าการใช้กลยุทธ์โฆษณาสินค้าบนไทม์ไลน์ของ WeChat คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
เมื่อมาดูยอดรายได้จากการโฆษณามี 7.1 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วกว่า 50% และการโฆษณาช่วยเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์อื่นใน Tencent ได้ถึง 83%
ช่วงหลังมีบริษัทไอทีเริ่มประสบปัญหาธุรกิจหลายราย แต่บริษัทที่ยังร้อนแรงอย่างต่อเนื่องคือ NVIDIA ที่ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3/2017 ตามปีงบประมาณ) มีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ 2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 54% จากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงาน 639 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 161%
ปัจจัยความสำเร็จของ NVIDIA มาจากจีพียู Pascal ที่ขายดิบขายดีในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดเกม, VR, รถยนต์ไร้คนขับ (Drive PX 2) และศูนย์ข้อมูลสำหรับงานประมวลผล AI (Tesla/DGX-1) ไม่ว่าลูกค้าเลือกคลาวด์เจ้าไหนก็ใช้ NVIDIA อยู่ดี
NVIDIA ยังประเมินว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2.1 พันล้านดอลลาร์ และบริษัทยังมีโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น หน่วยประมวลผลใน Nintendo Switch หรือ Tegra ตัวใหม่รหัส "Xavier" ที่จะใช้ในรถยนต์ไร้คนขับ
กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีรายได้รวม 30,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด 6,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% สุทธิแล้วขาดทุน 2,753.5 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายในการขยายโครงข่าย และเริ่มรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz
ทรูมูฟ เอช ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกถึง 1.1 ล้านเลขหมาย ทำให้มีลูกค้ารวม 22.6 ล้านเลขหมาย ซึ่งห่างจากดีแทคอยู่ 2.2 ล้านเลขหมาย โดยผลการดำเนินตามส่วนธุรกิจเป็นดังนี้
ที่มา: ทรู คอร์ปอเรชั่น
เอไอเอสรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2559 มีรายได้รวม 37,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิลดลง 24% อยู่ที่ 6,529 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายการตลาดในการทำแคมเปญโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการทำโฆษณาออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่าเช่าโครงข่ายกับ TOT ที่เริ่มบันทึกค่าใช้จ่ายในไตรมาส 3/2559
จำนวนผู้ใช้บริการเอไอเอสมี 39.87 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 518,400 เลขหมาย โดยเป็นลูกค้ารายเดือน 295,900 เลขหมาย ที่น่าสนใจคืออัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยในกลุ่มลูกค้ารายเดือนนั้นเพิ่มเป็น 4,090 MB ต่อเลขหมายต่อเดือน ถ้าเฉลี่ยรวมกับกลุ่มเติมเงินจะอยู่ที่ 2,960 MB ส่วนจำนวนลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 80,000 ราย รวมตอนนี้ 195,000 ราย
สถานีฐาน 4G ของเอไอเอสมีจำนวน 21,200 สถานี ครอบคลุม 65% ของประชากร และตั้งเป้าครอบคลุม 80% ภายในสิ้นปี ขณะที่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ครอบคลุมประชากร 3 ล้านคนใน 28 จังหวัด พร้อมตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดอย่างมีนัยสำคัญภายใน 3 ปีข้างหน้า
ที่มา: เอไอเอส
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส สิ้นสุดเดือนกันยายน 2016 มีรายได้รวม 5,142 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน รายได้จากการขาย 78% มาจากบนมือถือ โดยมีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน 450 ล้านคน และมีกำไรสุทธิ 1,942 ล้านดอลลาร์
ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ Alibaba จะจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าวันคนโสดจีน (11.11) ซึ่งปีที่แล้วยอดขายเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว ในปีนี้ Alibaba ระบุว่าได้เพิ่มกลยุทธ์ใหม่ๆ อาทิ สตรีมมิ่ง, VR, AR ไปจนถึงการขายร่วมกับช่องทางจัดจำหน่ายดั้งเดิม (Omni-channel) ซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น
กลุ่มธุรกิจอื่นของ Alibaba นอกจากอีคอมเมิร์ซ ก็มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยธุรกิจคลาวด์มีรายได้เพิ่มขึ้น 130% มีลูกค้าแบบจ่ายเงิน 651,000 ราย ขณะที่ธุรกิจสื่อบันเทิงดิจิตอลรายได้เพิ่มขึ้น 302% อย่างไรก็ตามทั้งสองธุรกิจนี้ยังขาดทุน
ที่มา: Alibaba และ The New York Times
Facebook รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2016 รายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 56% เป็น 7,011 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,379 เพิ่มขึ้นถึง 166% โดยรายได้จากโฆษณาบนมือถือคิดเป็น 84% ของรายได้รวม
ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวในแถลงผลประกอบการว่า Facebook ยังคงเดินหน้าเน้น Video First ต่อไป รวมทั้งดำเนินงานตามแผนเทคโนโลยีใน 10 ปีข้างหน้า
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน (Monthly active users - MAUs) ล่าสุดอยู่ที่ 1,788 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% โดยเป็นผู้ใช้งานผ่านมือถือ 1,091 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20%
ยังมีประเด็นน่าสนใจอีกหลายอย่างในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์ดังนี้
โซนี่ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปีการเงินบริษัท 2016 สิ้นสุดเดือนกันยายน รายได้รวมลดลง 10.8% จากปีก่อน อยู่ที่ 1.69 ล้านล้านเยน ซึ่งโซนี่ระบุว่าเป็นผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่า หากตัดปัจจัยดังกล่าวรายได้จะคงที่จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.8 พันล้านเยน ลดลงถึง 86%
ไตรมาสที่ผ่านมาโซนี่ตัดสินใจขายธุรกิจแบตเตอรี่ให้ Murata Manufacturing ซึ่งโซนี่ต้องลงบันทึกขาดทุนส่วนนี้ราว 37,000 ล้านเยน และผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่คุมาโมโต้ก็ส่งผลกระทบอีก 13,700 ล้านเยน
สำหรับรายได้ตามส่วนธุรกิจ โทรศัพท์มือถือ ขายได้ 3.5 ล้านเครื่อง รายได้ลดลง 40%, เกม รายได้ลดลง 11.3% จากการลดราคา PS4 ส่วนธุรกิจอุปกรณ์ถ่ายภาพและเซนเซอร์ รายได้ลดลงถึง 25% ขณะที่ธุรกิจการเงินยังคงทำกำไรให้โซนี่เป็นอัตราส่วนสูงที่สุด
ที่มา: โซนี่