เมื่อมีภัยร่วมก็ไม่น่าแปลกหาก 3 ก๊กแห่งอุตสาหกรรมเกมอย่าง Sony, Nintendo และ Microsoft จะร่วมมือกัน อย่างล่าสุดจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จนส่งผลกระทบแม้กระทั่งกับอุตสาหกรรมเกมจากการขึ้นภาษี
Sony Interactive Entertainment, Nintendo America และ Microsoft ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกความยาว 7 หน้าไปยังสำนักงานผู้แทนการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา แสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการกำหนดสินค้าประเภทเกมคอนโซลเข้าไปในรายการสินค้าที่จะถูกเก็บภาษี 25% หากนำเข้าจากจีน
ทั้งสามบริษัทระบุว่าต้นทุนภาษีดังกล่าว สุดท้ายแล้วจะกลับมาทำร้ายชาวอเมริกันเอง ทั้งผู้บริโภค, นักพัฒนาเกม, ร้านค้าไปจนถึงผู้ผลิต รวมถึงจะส่งผลให้ชาวอเมริกันตกงานจำนวนมากด้วย (อ่านรายละเอียดเต็มๆ ได้ท้ายข่าว)
อุตสาหกรรมชิปเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและตื่นตัว หลังมีคำสั่งประธานาธิบดีห้ามทำธุรกิจกับบริษัทจีน ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ผลิตชิปสหรัฐหลายเจ้ากำลังหาทางส่งของให้ Huawei อีกครั้งตามสัญญา โดยที่ไม่ละเมิดกฎหมายที่ออกมา
บริษัทที่เริ่มกลับมาส่งมอบแล้วมี Micron ผู้ผลิตชิปแฟลชเมมโมรี, Qualcomm และ Intel โดยแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลตรงนี้ระบุว่าบริษัทอย่าง Intel และ Micron ส่งมอบโดยไม่ระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของอเมริกามาได้ราว 3 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากตัวโรงงานที่ผลิตชิปตั้งอยู่นอกสหรัฐอยู่แล้ว ขณะที่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามส่งมอบสินค้าที่ผลิตจากนอกสหรัฐ
Wall Street Journal ระบุว่าได้รับรายงานของบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Finite State ที่ชี้ว่าอุปกรณ์เครือข่ายของ Huawei มีแนวโน้มจะถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ได้มากกว่าแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ ซึ่งรายงานชิ้นนี้ถูกส่งมอบให้รัฐบาลสหรัฐและสหราชอาณาจักรแล้วด้วย
นักวิจัยได้นำเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับองค์กรของ Huawei กว่า 10,000 ตัว มาทดสอบผ่านอุปกรณ์กว่า 500 ชิ้น ก่อนจะพบว่าเฟิร์มแวร์กว่า 55% มีช่องโหว่อย่างน้อยๆ 1 ช่องโหว่ ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่เจอในอุปกรณ์ของคู่แข่งค่อนข้างมาก โดยช่องโหว่เหล่านั้นรายงานระบุว่ามีสิทธิจะเป็น backdoor ก็ได้ด้วยซ้ำไป (potential backdoor)
มีรายงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเผยว่า การส่งสินค้ารวดเร็วในวงการอีคอมเมิร์ซมีส่วนช่วยให้เกิดภาวะโลกร้อน
สิ่งที่ควรจะเป็นเมื่อผู้คนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์คือเมื่อคนไม่ต้องเดินทางมาซื้อของเอง ก็ไม่ต้องขับรถสร้างมลภาวะ จนกระทั่งธุรกิจแข่งกันที่ความเร็วในการจัดส่ง ยิ่งเร็วยิ่งดี ผลที่เกิดขึ้นคือ ต้องใช้รถในการขนส่งสินค้าขนาดเล็กจำนวนมากและยังมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระดาษและพลาสติกอีก
เดือนที่แล้ว ปธน. สหรัฐออกคำสั่งบริหาร ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารที่อาจเป็นภัยความมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายหลักคือจีน ล่าสุด Wall Street Journal รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่ารัฐบาลกำลังพิจารณา บังคับให้อุปกรณ์ 5G ที่จะใช้งานในประเทศทั้งหมดต้องไม่ถูกผลิตในจีนด้วย
Wall Street Journal ระบุว่ารัฐบาลได้เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม ว่าสามารถพัฒนาและเข้ามาผลิตในสหรัฐเข้ามาได้หรือไม่ ขณะที่แนวคิดนี้ผุดขึ้นมาในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการร่างกฎระเบียบและไกด์ไลน์ที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งประธานาธิบดีภายใน 150 วัน อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังไม่ใช่แนวคิดอย่างเป็นทางการและเพิ่งเริ่มพูดคุยเท่านั้น
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านที่เริ่มต้นขึ้นจากอิหร่านยิงโดรนของสหรัฐอเมริกาตกนั้น เริ่มแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ นอกจากข่าวลือเรื่องการตอบโต้ด้วยปฏิบัติการไซเบอร์แล้ว ยังลามไปถึงวงการเกมอีกด้วย เพราะในขณะนี้ League of Legends เกม MOBA ชื่อดังได้ถูกบล็อกโดยรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาให้ไม่สามารถเล่นได้ในอิหร่านและซีเรียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อผู้เล่นที่อยู่ในประเทศดังกล่าวล็อกอินเข้าเกมจะพบกับข้อความว่า “เนื่องด้วยกฏหมายและมาตรการของสหรัฐอเมริกา ผู้เล่นในประเทศของคุณจะไม่สามารถเข้าเชื่อมต่อกับ League of Legends ได้ในขณะนี้” แต่ผู้เล่นยังสามารถเข้าเกมผ่าน VPN ได้
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังอิหร่านยิงโดรนของสหรัฐอเมริกาตก ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานข่าวในแวดวงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติให้กองกำลังไซเบอร์ของสหรัฐ เริ่มปฏิบัติการสงครามไซเบอร์โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของอิหร่านที่ควบคุมขีปนาวุธแล้ว
ตามข่าวบอกว่า ปฏิบัติการไซเบอร์เริ่มขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐ) โดยทีมงานของ U.S. Cyber Command เพื่อทำให้ระบบควบคุมขีปนาวุธของอิหร่านใช้งานไม่ได้
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ไม่ได้จำกัดแค่ Huawei เท่านั้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เพิ่มบริษัทซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีนอีก 5 รายเข้ารายชื่อบริษัทที่ห้ามทำการค้าด้วย เพื่อไม่ให้บริษัทเหล่านี้สามารถซื้อชิปจากสหรัฐได้
บริษัททั้ง 5 รายได้แก่ Higon, Chengdu Haiguang Integrated Circuit, Chengdu Haiguang Microelectronics Technology, Sugon, Wuxi Jiangnan Institute of Computing Technology ส่วนเหตุผลในการแบนคือ "มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงหรือผลประโยชน์ของสหรัฐ"
เกิดเหตุเหยื่อ Ransomware ยอมจ่ายค่าไถ่อีกครั้ง จากกรณีที่ศาลากลางของเมือง Riviera Beach เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกของรัฐฟลอริด้า ตอนเหนือของไมอามีตคิด Ransomware จากการที่เจ้าหน้าที่เปิดลิงก์มุ่งร้ายจากอีเมลและแพร่มัลแวร์แพร่ไปทั่วเน็ตเวิร์คของศาลากลางจนไม่สามารถใช้งานได้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สภาเมืองจึงมีมติเอกฉันท์ยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์เป็นบิทคอยน์ทั้งหมด 65 บิทคอยน์ มูลค่าราว 600,000 เหรียญเพื่อให้แฮกเกอร์ปลดล็อกไฟล์ในระบบทั้งหมด อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเห็นแย้งว่า สภาเมืองเหมือนกำลังพนันจากการจ่ายค่าไถ่ครั้งนี้ เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่าแฮกเกอร์จะยอมปลดล็อกไฟล์ให้ รวมถึงจะยิ่งส่งเสริมให้เกิดการโจมตีในลักษณะนี้มากยิ่งขึ้น
หลังประกาศคำสั่งประธานาธิบดีของสหรัฐที่ส่งผลให้บริษัทสัญชาติอเมริกันไม่สามารถทำธุรกิจกับ Huawei ได้ จนอาจส่งผลกระทบในหลายๆ ด้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกระทบในระยะกลางและระยะยาวมากกว่า อย่างไรก็ตามผลกระทบในระยะสั้นที่สุดของ Huawei คือเรื่องของความเชื่อมั่นในแบรนด์ และดูเหมือนว่าจะกระทบไม่น้อยเสียด้วย
Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ที่ระยะหลังปรากฎตัวต่อสื่อมากขึ้นได้ให้สัมภาษณ์กับ China Global Television Network ยอมรับว่าบริษัทคาดว่าน่าจะสูญเสียรายได้ราวๆ 3 หมื่นล้านเหรียญภายใน 2 ปีข้างหน้า จากมาตรการครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะเดียวกันยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกก็น่าจะหายไปไม่เกิน 40% ด้วย เรียกได้ว่าเป้าหมายของการแซงซัมซุงเป็นเบอร์ 1 ถูกดับไปดื้อๆ
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานข่าววงในว่ารัฐบาลสหรัฐ เตรียมโจมตีระบบโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐบาลรัสเซีย เพื่อตอบโต้การแทรกแซงการเลือกตั้งของหน่วยข่าวกรองรัสเซียตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สหรัฐอเมริกาเพิ่งยกระดับกองบัญชาการไซเบอร์ (US Cyber Command) เป็นกองบัญชาการรบเต็มขั้น เมื่อปี 2018 และมีอำนาจเพิ่มขึ้นในการปฏิบัติการทางไซเบอร์
ตามข่าวบอกว่า US Cyber Command ได้แทรกซึมเข้าไปยังระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบโครงข่ายไฟฟ้า (กริด) ของรัสเซียแล้ว แต่ก็ไม่มีข้อมูลเชิงลึกว่าเข้าได้มากแค่ไหน และยังไม่มีรายงานว่าสหรัฐเคยเข้าไปปิดระบบไฟฟ้าของรัสเซีย
บริษัทต่างชาติเริ่มมีความเคลื่อนไหวแบนอุปกรณ์หัวเว่ยจากคำสั่งแบนของสหรัฐฯด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ลังเล โดยฟิลิปปินส์ หนึ่งในพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ลงนามในข้อห้ามของสหรัฐ และกำลังดำเนินการตามแผนการที่จะใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการทดลองใช้ระบบไร้สาย 5G ต่อไป
หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ (U.S. Customs and Border Protection - CBP) ระบุว่าบริษัทผู้รับงานรายหนึ่งทำข้อมูลหลุดหลังถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ภาพใบหน้าบุคคลและป้ายทะเบียนรถที่บันทึกขณะเดินทางเข้าเมืองหลุดออกไป
แหล่งข่าวรายหนึ่งแจ้งกับ Washington Post ว่าภาพบุคคลทั้งหมดมีน้อยกว่า 100,000 รายการ เป็นภาพที่ตรวจจากด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคพื้นดินหนึ่งจุด โดยข้อมูลที่หลุดออกไปเป็นข้อมูลที่เก็บในช่วงเวลาประมาณเดือนครึ่ง
แถลงของ CBP ระบุว่าผู้รับเหมาได้ทำสำเนาข้อมูลและส่งไปยังระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทเอง หลังจากนั้นเน็ตเวิร์คของบริษัทถูกโจมตีจนคนร้ายเข้าถึงข้อมูลได้ โดยระบบของ CBP เองไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรง
กรณีการแบน Huawei ของรัฐบาลสหรัฐ อาจมีข้อยกเว้นให้บริษัทกลุ่มที่รับงานจากรัฐบาลสหรัฐ (contractor) มีเวลาปรับตัว ยังสามารถค้าขายกับ Huawei ได้อีก 2 ปี
สำนักงานการจัดการและงบประมาณของทำเนียบขาว (Office of Management and Budget หรือ OMB) ยื่นจดหมายขอให้สภาคองเกรส ยืดเวลาการแบนห้ามไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
คำสั่งแบนอันนี้เป็นคนละส่วนกับ คำสั่งทางปกครองของ Trump ที่ห้ามบริษัทเอกชนสหรัฐทำธุรกิจกับ Huawei ที่อยู่ในรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ แต่เป็นคำสั่งอีกชุดตามกฎหมายความมั่นคง (กฎหมาย National Defense Authorization Act ของปีงบประมาณ 2019) ที่ห้าม "หน่วยงานของรัฐ" ใช้อุปกรณ์ของ Huawei
Tim Cook ซีอีโอ Apple ให้สัมภาษณ์รายการ CBS News มีพูดคุยหลายประเด็น ทั้งความเป็นส่วนตัว การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ประเด็นผู้อพยพและการที่คนเราใช้เวลาไปกับหน้าจอ ซึ่งมีแตะๆ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ด้วย
โดยเฉพาะเมื่อจีนบอกจะเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าสหรัฐฯเพื่อตอบโต้แผนการของทรัมป์ที่จะเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ไปถึงราคา iPhone ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 14% ซึ่งมันแพงไม่ใช่น้อยเลย
Cook ยอมรับว่าการขึ้นภาษีจะกระทบยอดขายแน่และเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเขาบอกด้วยว่า ทางจีนยังไม่ได้เล็งเป้าหมายที่ Apple ตรงๆ
เมื่อเดือนมีนาคม 2018 กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เสนอไอเดียให้ผู้ขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดียร่วมด้วย ล่าสุดข้อบังคับดังกล่าวเกิดขึ้นจริงและมีผลแล้ว
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาต้องระบุชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียของตนย้อนหลัง 5 ปี โดยในแบบฟอร์มคำร้องจะมีรายชื่อโซเชียลมีเดียอยู่จำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ผู้ขอวีซ่ากรอกชื่อบัญชีลงไป และหากผู้ขอวีซ่ามีการใช้งานโซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อข้างต้นก็สามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยสมัครใจ
เขตการศึกษา Lockport City School District ในนิวยอร์ก ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียน 8 แห่ง กำลังจะใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าเพื่อความปลอดภัยในโรงเรียน โดยเฉพาะเวลานี้ที่มีเหตุกราดยิงเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ
ระบบที่เขตการศึกษา Lockport มีชื่อเรียกว่า Aegis ของบริษัท SN Technologies ในแคนาดา โดยทางโรงเรียนลงทุนในระบบนี้ไป 4.2 ล้านดอลลาร์ ในวารสาร The Lockport Union-Sun and Journal ระบุว่า ระบบ Aegis จะสามารถตรวจจับบุคคลต้องสงสัย สามารถติดตามบุคคลที่เป็นผู้กระทำความผิดทางเพศระดับ 2 หรือ 3, นักเรียนที่ถูกสั่งพักการเรียน เจ้าหน้าที่ที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน และยังสามารถตรวจจับปืนได้ 10 ประเภท ซึ่งตอนนี้กำลังอยุ่ระหว่างเริ่มต้นการใช้งาน
Elizabeth Warren ผู้สมัครประธานาธิบดีปี 2020 จากพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งมีความแข็งขันในนโยบาลลดอิทธิพลบริษัทไอที ล่าสุด เธอขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่ตอกย้ำถึงนโยบายของเธอถึงถิ่นบริษัทเทคโนโลยีในซานฟรานซิสโกเลย
ป้ายบิลบอร์ดระบุว่า Break Up Big Tech เป็นป้ายเดี่ยวที่ดูไม่ได้โดดเด่นมาก และตั้งอยู่ในจุดที่ไม่ได้มีคนสัญจรไปมาเยอะ แต่สถานที่ตั้งนั้นเป็นจุดที่ไม่ไกลจากสถานี Caltrain มีบริษัทเทคโนโลยีทำงานอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น Lyft Dropbox และในบริเวณนั้นก็เป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่กูเกิล เฟซบุ๊กด้วย เรียกได้ว่าจุดที่ป้ายบิลบอร์ดตั้งอยู่ คนทำงานบริษัทเทคโนโลยีจะต้องเห็น
Huawei เริ่มใช้มาตรการทางกฎหมายตอบโต้คำสั่งแบนของรัฐบาลสหรัฐแล้ว โดยยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐให้หยุดคำสั่งแบนแล้ว
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวจากแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ตั้งเป้าเล่นงานแค่ Huawei เท่านั้น แต่เตรียมจะเล่นงานบริษัทกล้องวงจรปิดสัญชาติจีน และบริษัทด้านเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าอีกด้วย
บริษัทที่ระบุชื่อมี 5 รายคือ Hikvision ผู้ขายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ของโลก, Dahua Technology ผู้ขายกล้องรายใหญ่ และ Megvii บริษัทด้าน AI เจ้าของเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า, iFlytek บริษัทซอฟต์แวร์แยกแยะเสียงพูด, Meiya Pico บริษัทด้านความปลอดภัยและ digital forensic
ที่งาน Tencent Global Digital Ecosystem Summit ซึ่งจัดขึ้นที่ยูนนาน Pony Ma ซีอีโอ Tencent ได้ให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีนในตอนนี้ จากการอ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่น 36kr เขาให้ความเห็นว่า ก็ต้องคอยจับตาดูต่อว่า สงครามการค้ารอบนี้ จะกลายเป็นสงครามเทคโนโลยี หรือการกีดกันทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่หรือไม่
ซึ่ง Ma ระบุว่า การจะแก้ปัญหานี้ได้ จีนต้องผลิตนวัตกรรมของตัวเอง และต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญๆ เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลของจีน มีรากฐานที่มั่นคง
USPS (The United States Postal Service) ผู้ให้บริการไปรษณีย์ของสหรัฐเตรียมจะทดสอบขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ด้วยรถบรรทุกไร้คนขับเป็นครั้งแรก โดยร่วมมือกับ TuSimple สตาร์ทอัพรถบรรทุกไร้คนขับสัญชาติจีน (ผู้ก่อตั้งเป็นคนจีน) ในย่าน San Diego แคลิฟอร์เนีย
การทดสอบของ USPS จะวิ่งจากเมือง Phoenix รัฐแอริโซนาไปยังเมือง Dallas รัฐเท็กซัส เป็นระยะทางราว 1,600 กิโลเมตร และแน่นอนว่ายังคงมีคนนั่งหลังพวงมาลัยรวมถึงวิศวกรนั่งไปด้วย โดยการทดสอบของ USPS เบื้องต้นจะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ก่อนจะประเมินอีกครั้งว่าจะยังคงร่วมงานกับ TuSimple ต่อไปหรือไม่
ที่มา - Bloomberg
หลังจากที่ช่วงเช้ามีรายงานว่าสหรัฐอเมริกา จะออกใบอนุญาตชั่วคราวให้ Huawei เพื่อทำธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐฯ ได้ต่อไปอีก 90 วัน ล่าสุดซีอีโอ Huawei ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้แล้ว
Ren Zhengfei ซีอีโอของ Huawei ระบุว่าการต่ออายุ 90 วันของสหรัฐฯ นั้น "แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย" และ Huawei ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว
นอกจากนี้ Ren ยังเสริมว่าเทคโนโลยี 5G ของ Huawei จะไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศแบนจากสหรัฐฯ และบอกว่าจะไม่มีบริษัทใดตาม Huawei ทันในด้านเทคโนโลยี 5G ไปอย่างน้อย 2-3 ปี
สุดท้าย Ren ยังบอกอีกว่านักการเมืองสหรัฐฯ นั้นประเมินความสามารถของ Huawei ต่ำไป
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ จนส่งผลกระทบมาถึงกูเกิลแบนหัวเว่ย เริ่มมีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (Commerce Department) ได้ออกใบอนุญาตชั่วคราว ให้หัวเว่ยสามารถสั่งซื้อสินค้าชิ้นส่วนจากบริษัทของสหรัฐได้ เพื่อให้สามารถดูแล สนับสนุน บำรุงรักษา สินค้าปัจจุบันที่หัวเว่ยจำหน่ายอยู่ต่อไปได้
ใบอนุญาตชั่วคราวดังกล่าวมีอายุ 90 วัน จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2019 ทำให้หัวเว่ยอาจใช้ช่วงเวลานี้บริหารจัดการแก้ไขซัพพลายเชน นอกจากนี้ใบอนุญาตนี้ครอบคลุมการสั่งซื้อชิ้นส่วนสินค้า เพื่อใช้งานกับสินค้าปัจจุบันเท่านั้น ไม่รวมถึงการพัฒนาสินค้าตัวใหม่
วันนี้หลังมีข่าวกูเกิลยกและบริษัทสหรัฐฯ ตัดความสัมพันธ์กับหัวเว่ย กระทรวงต่างประเทศจีนโดย Lu Kang โฆษกกระทรวง กล่าวถึงกรณีนี้สั้นๆ ว่า "จีนจะมองความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์นี้ และจะปกป้องบริษัทจีนที่มีสิทธิ์ที่ถูกต้องด้วยกระบวนการทางกฎหมาย"
คำกล่าวภาษาอังกฤษจาก CGTN "China will pay attention to the progress of the situation and support Chinese enterprises in defending their legitimate rights through legal methods"
ท่าทีของจีนที่ผ่านมานั้นค่อนข้างแข็งกร้าวเมื่อหัวเว่ยได้รับผลกระทบ เมื่อครั้ง Meng Wanzhou รองประธานและซีเอฟโอของหัวเว่ยถูกจับในแคนาดา พลเมืองแคนาดาก็ถูกจับด้วยเหตุผลทางความมั่นคงไปสองคนหลังจากนั้นไม่กี่วัน