หัวเว่ยออกแถลงการณ์หลังมีประเด็นใหญ่ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ว่ากูเกิลจะหยุดทำธุรกิจกับหัวเว่ย ซึ่งต่อมากูเกิลบอกว่าอุปกรณ์ปัจจุบันจะยังใช้งานได้ตามปกติ และเรื่องดูจะขยายผลเมื่อมีบริษัทอีกหลายแห่งที่มีข่าวคล้ายกัน
หัวเว่ยชี้แจงว่าบริษัทจะยังสนับสนุนและพัฒนา Android ต่อไปในฐานะพาร์ทเนอร์รายสำคัญ รวมทั้งออกอัพเดตด้านปลอดภัย ตลอดจนบริการหลังการให้กับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยและ Honor รุ่นปัจจุบันทั้งหมด รวมทั้งรุ่นที่ยังมีอยู่ในสต๊อกสินค้าทั่วโลก หัวเว่ยจะยังคงสร้างระบบนิเวศของซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยต่อไป เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้งานทั่วโลก
จากข่าว กูเกิลหยุดทำธุรกิจกับ Huawei ตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก และเกิดคำถามตามมามากมายว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต Huawei ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android จะได้รับผลกระทบแค่ไหน
Blognone จึงพยายามตอบคำถามเหล่านี้ ตามข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
Nikkei Asian Review อ้างแหล่งข่าวภายในของบริษัท Infineon Technologies สองคน ระบุว่าบริษัทได้หยุดส่งชิปให้หัวเว่ยตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์สั่งแบนหัวเว่ยและบริษัทในเครือ
ตัว Infineon เองเป็นบริษัทเยอรมัน อย่างไรก็ดีคำสั่งของทรัมป์มีผลกระทบ เพราะ Infineon ใช้เทคโนโลยีสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูงจนมีผลบังคับ หากไม่ทำตามก็อาจถูกแบนแบบเดียวกับที่หัวเว่ยถูกแบนเพราะข้อกล่าวหาว่าขายเทคโนโลยีสหรัฐฯ ให้อิหร่าน
จากกรณี กูเกิลแบนการทำธุรกิจกับ Huawei ตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐที่เซ็นโดย Donald Trump
นอกจากกูเกิลแล้ว ยังมีบริษัทสหรัฐอีกจำนวนมากที่จะถูกห้ามทำธุรกิจกับ Huawei ซึ่งเว็บไซต์ Bloomberg ก็รายงานข่าวว่า บริษัทผลิตชิปสัญชาติอเมริกันทั้งหลาย ตั้งแต่ Intel, Qualcomm, Broadcomm, Xilinx ก็แจ้งพนักงานให้เตรียมตัวหยุดทำธุรกิจกับ Huawei แล้วเช่นกัน
update: บริษัทอื่น เช่น Intel, Xilinx, Broadcom, Qualcomm เริ่มมีข่าวเลิกขายสินค้าให้หัวเว่ยเช่นกัน
กูเกิลออกแถลงสั้นๆ ยืนยันว่าจะให้บริการ Google Play กับโทรศัพท์หัวเว่ยต่อไป แม้จะมีคำสั่งแบนหัวเว่ยและบริษัทในเครือจากประธานาธิบดี หลังมีข่าววันนี้ว่ากูเกิลจะหยุดให้บริการทั้งหมดกับโทรศัพท์หัวเว่ย
แถลงของกูเกิลยืนยันเฉพาะ "รุ่นปัจจุบัน" เท่านั้น (existing devices) โดยยังไม่มีรายละเอียดว่ารุ่นต่อไปในอนาคตจะเป็นอย่างไรโดยกูเกิลอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อทำตามคำสั่งนี้
update: แถลงของกูเกิลระบุจะให้บริการกับอุปกรณ์ Huawei รุ่นปัจจุบันต่อไป
update 2: บริษัทอื่น เช่น Intel, Xilinx, Broadcom, Qualcomm เริ่มมีข่าวเลิกขายสินค้าให้หัวเว่ยเช่นกัน
หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งแบนเทคโนโลยีสื่อสารที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็ทราบกันดีว่ามี Huawei เป็นเป้าหมายหลัก
ประธานาธิบดีทรัมป์ออกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งห้ามไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกัน ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งคำสั่งนี้น่าจะพุ่งเป้าไปที่บริษัทสัญชาติจีน โดยเฉพาะ Huawei ที่กำลังมีปัญหากันอยู่
หลังจากนี้ภายใน 150 วัน กระทรวงพาณิชย์จะร่างกฎระเบียบและไกด์ไลน์ในการสกัดกันไม่ให้บริษัทสื่อสารสัญชาติจีนเข้ามาเกี่ยวข้องหรือมีบทบาทใดๆ กับบริษัทสหรัฐ นอกจากนี้ Huawei ยังถูกเพิ่มไปในรายชื่อ Entity List ของ Bureau of Industry and Security (BIS) สังกัดกระทรวงพาณิชย์ด้วย ซึ่งเท่ากับว่าหากบริษัทสหรัฐจะขายสินค้าใดๆ ให้ Huawei ต้องได้รับการรับรองจาก BIS ก่อนด้วย
เมืองซานฟรานซิสโกออกระเบียบการใช้เทคโนโลยีติดตามบุคคล (surveillance technology) บังคับให้หน่วยงานรัฐภายใต้การดูแลของเมืองทั้งหมดรวมถึงตำรวจ ต้องมาขออนุญาตใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ และผ่านกระบวนนการอนุญาตที่ชัดเจนขึ้น
การใช้เทคโนโลยีในประกาศนี้บังคับไว้กว้างขวาง ตั้งแต่ กล้องวงจรปิด, ระบบอ่านป้ายทะเบียน, ระบบจดจำใบหน้า, กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ (body camera), การเก็บดีเอ็นเอ, ข้อมูลชีวมิติอื่นๆ, ไมโครโฟนจับตำแหน่งเสียงปืน, และระบบจับตำแหน่งโทรศัพท์ด้วยการจำลองเสาสัญญาณโทรศัพท์
กระทรวงยุติธรรมแถลงการจับกุมและแจ้งข้อหาผู้ต้องหารวม 9 คนจากการร่วมกันออกซิมปลอม (SIM Swapping/SIM Hijacking) เพื่อขโมยเงินของเหยื่อ โดยคำฟ้องระบุว่ากลุ่มนี้สามารถโจมตีเหยื่อเพื่อขโมยเงินคริปโตได้สำเร็จ 7 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 2.4 ล้านดอลลาร์หรือ 76 ล้านบาท
ผู้ต้องหา 6 คนเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า The Community พยายามออกซิมด้วยวิธีการต่างๆ กันไป เช่น ปลอมตัวเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เพื่อหลอกล่อให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือออกซิมใหม่ให้ ในบางกรณีก็ให้สินบนพนักงานของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ออกซิมใหม่ โดยในการจับกุมครั้งนี้ก็มีอดีตพนักงานผู้ให้บริการถูกแจ้งข้อหาอีก 3 คน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือ SEC ได้อนุมัติการจัดตั้งตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ (หุ้น) แห่งใหม่ หลังจากมีผู้ยื่นขอใบอนุญาต โดยตลาดแห่งใหม่นี้ชื่อว่า Long-Term Stock Exchange (LTSE) มีสำนักงานอยู่ที่ซิลิคอนวัลเล่ย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป้าหมายคือเน้นบริษัทด้านเทคโนโลยี สตาร์ทอัพ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนั้นและเมืองใกล้เคียงจำนวนมาก
ข้อเสนอจัดตั้งตลาดหุ้นใหม่นี้มาจาก Eric Ries ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี และที่ปรึกษาสตาร์ทอัพชื่อดัง ซึ่งหลายคนอาจคุ้นชื่อเพราะเขาคือผู้เขียนหนังสือ The Lean Startup โดยเขาได้ระดมทุนมาก่อนหน้าแล้ว 19 ล้านดอลลาร์ สำหรับดำเนินงานจัดตั้งตลาดทุนใหม่นี้
จากที่ Ajit Pai ประธาน FCC ได้ออกมาพูดค้าน China Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายในจีนจะเข้ามาขอใบอนุญาตโทรต่างประเทศในสหรัฐฯ ล่าสุด มีมติโหวตอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการ FCC อย่างเป็นเอกฉันท์ ไม่ให้ China Mobile เข้ามาให้บริการในสหรัฐฯ
Josh Howley วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันจากรัฐมิสซูรี (นักการเมืองที่ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องการเอาเรื่องบริษัทไอที) เตรียมเสนอร่างกฎหมายที่เอาผิดผู้พัฒนาเกม ที่เปิดให้เด็กอายุตำ่กว่า 18 เข้าถึง loot box หรือฟีเจอร์ pay-to-win ในเกม
Howley ให้เหตุผลว่าหากนักพัฒนาทำเกมสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ก็ไม่ควรจะหาเงินจากการเสพติดเกมของเด็ก หรือหากเด็กที่ตำ่กว่า 18 เข้าถึงเกมสำหรับผู้ใหญ่ พวกเขาก็ไม่ควรเข้าถึงระบบซื้อของภายในเกม นักพัฒนาที่ตั้งใจจะเอาเปรียบเด็กควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ไอบีเอ็มประกาศซื้อ Red Hat ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 ตอนนี้กระบวนการอยู่ระหว่างขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศต่างๆ ล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็อนุมัติให้ทั้งสองบริษัทรวมกันแล้ว โดยระบุว่าไม่พบปัญหาการผูกขาดหากสองบริษัทรวมกันแต่อย่างใด
ทั้งสองบริษัทยังต้องรออนุมัติจากประเทศอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยคาดว่ากระบวนการจะเสร็จจริงๆ ครึ่งหลังของปีนี้ตามกำหนดเดิม
ที่มา - Chicago Tribune, SEC
การบีบไม่ให้ประเทศพันธมิตรใช้งานอุปกรณ์ Huawei ของรัฐบาลสหรัฐเริ่มจริงจังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดคืออาจจะไม่แบ่งปันข้อมูลหรือข่าวกรองกับประเทศพันธมิตรเหล่านันเลย จากการเปิดเผยของรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายนโยบายสารสนเทศ, การสื่อสารและไซเบอร์
รองผู้ช่วยรัฐมนตรีระบุว่า จุดยืนของรัฐบาลสหรัฐคือ ทำให้บริษัทที่ขายอุปกรณ์ 5G ที่ไม่น่าเชื่อถืออย่าง Huawei หรือเจ้าอื่นๆ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และหากประเทศไหนที่ให้บริษัทเหล่านี้ดูแลอุปกรณ์ 5G ภายในประเทศ รัฐบาลสหรัฐก็จะต้องประเมินกระบวนการแบ่งปันข้อมูลกับประเทศเหล่านี้
Amazon ประกาศว่าตอนนี้นักพัฒนาสามารถเข้ามาร่วมฝึกทักษะ Alexa ผู้ช่วยอัจฉริยะในภาษาสเปนได้แล้วผ่าน Alexa Skills Kit และคาดว่า Alexa จะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานเป็นภาษาสเปนได้ภายในปีนี้
ในสหรัฐฯมีคนพูดสเปนมากถึง 48.6 ล้านราย โดยเฉพาะในรัฐเทกซัส นิวเม็กซิโก แอริโซนา และแคลิฟอร์เนีย ที่มีพรมแดนใกล้เม็กซิโก ทักษะภาษาสเปนของ Alexa นอกจากจะมีในลำโพงฉริยะ Echo แล้ว ยังรวมถึงอุปกรณ์จากบริษัทอื่น เช่น Bose, Sony , Philips, TP Link และ Honeywell และ Facebook เองก็มีการคาดกันว่าจะเปิดตัวอุปกรณ์ที่มี Alexa บิวต์อินเข้ามา
ปัจจุบัน Alexa สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ อิตาลี โปรตุเกส ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศสได้
Pew Research Center เผยผลสำรวจคนใช้งาน Twitter ในสหรัฐฯ เป็นคนอายุน้อย มีการศึกษาสูง รายได้สูง ชอบแสดงความเห็นสังคมการเมือง และมีแนวคิดออกไปทางเดโมแครต
จากปัญหาที่กำลังรุมเร้า Huawei ไม่ว่าจะเรื่องถูกรัฐบาลหลายชาติสั่งแบน ไปจนถึงคดีความกับ T-Mobile และคดีเรื่องขายของให้อิหร่าน
มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เป็นมหาวิทยาลัยล่าสุดที่ประกาศระงับการทำงานวิจัยร่วมกับ Huawei โดยหนังสือที่แจ้งพนักงานและนักศึกษาของวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยระบุชัดเจนว่าการตัดสินใจนี้มีผลทันที และมหาวิทยาลัยจะไม่รับเงินทุน, ของกำนัลหรือการติดต่อจาก Huawei หรือบริษัทลูกใดๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนผู้ที่อยู่ระหว่างการทำวิจัย หนังสือระบุว่ายังคงให้ทำวิจัยต่อไปจนสิ้นสุดขอบข่ายความรับผิดชอบตามข้อตกลงหรือสัญญาที่ตั้งไว้ โดยมหาวิทยาลัยจะไม่รับรองสัญญาหรือข้อตกลงฉบับใหม่หลังจากนี้
ระบบตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตามผู้ที่เข้ามาในประเทศ แต่ล่าสุดเตรียมยกระดับใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าติดตามคนที่ออกนอกประเทศรวมถึงคนที่อยู่เกินระยะเวลาวีซ่าด้วย
โดยการทำงานของระบบคือ ผู้เดินทางถ่ายรูปสแกนใบหน้าก่อนจะขึ้นเครื่อง รูปเหล่านั้นก็จะใช่ระบุตัวตนควบคู่กับรูปในหนังสือเดินทางและวีซ่าเข้าสหรัฐฯ และถ้าข้อมูลไม่ตรงกันก็จะถูกหน่วยงานป้องกันชายแดนและศุลกากรสหรัฐฯหรือ CBP ตรวจสอบ โดย CBP ระบุว่าระบบจดจำใบหน้าจะสามารถสแกนผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ได้ 97% ภายใน 4 ปี
Donald Kersey ผู้อำนวยการการเลือกตั้งรัฐเวสต์เวอร์จิเนียระบุว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปจะใช้แอปพลิเคชั่นและบล็อคเชนในการเลือกตั้งนอกประเทศ หลังจากทดลองใช้งานมาแล้วในการเลือกครั้งกลางเทอมเมื่อปีที่แล้ว โดยจะใช้บริการของบริษัทสตาร์ตอัพ Voatz
Kersey ยอมรับว่าระบบไม่ได้สมบูรณ์และไม่ได้น่าเชื่อถือเต็มที่สำหรับการลงคะแนนเสียงทั่วไป แต่ปัญหาใหญ่ของการลงคะแนนนอกประเทศมีปัญหาใหญ่คือสัดส่วนผู้มาลงคะแนนนั้นต่ำมาก อยู่ที่ 7% เท่านั้นเทียบกับสัดส่วนการมาลงคะแนนในประเทศที่สูงกว่า 50% การใช้แอปลงคะแนนน่าจะช่วยให้ผู้มีสิทธิ์มาลงคะแนนกันได้ง่ายขึ้น
Microsoft ประกาศปฏิเสธคำขอซื้อเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อนำไปใช้กับกล้องติดตัวและรถยนต์ของตำรวจในรัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว โดย Brad Smith ประธาน Microsoft เป็นผู้พูดเรื่องนี้ใน Stanford University เอง
Smith ระบุว่า Microsoft กังวลเรื่องเทคโนโลยีนี้ในเชิงสิทธิมนุษยชนที่อาจทำให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยถูกตั้งคำถามได้ โดยให้เหตุผลว่าระบบจดจำใบหน้านี้ยังคงมีความลำเอียงทางเพศและเชื้อชาติอยู่ เนื่องจากระบบถูกเทรนด้วยภาพของผู้ชายผิวขาวเป็นหลัก ดังนั้นระบบนี้จึงยังมีข้อผิดพลาดเรื่องการระบุผู้หญิงและคนผิวสีอยู่สูง
FAA หน่วยงานกำกับดูแลการบินพลเรือนของสหรัฐฯ ออกร่างรายงานตรวจสอบแพตช์ที่โบอิ้งส่งไปตรวจสอบ และระบุว่าแพตช์นี้พร้อมใช้งาน หลังจากทางโบอิ้งระบุว่าจะปล่อยแพตช์ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยข้อความในรายงานระบุไว้ดังนี้
In March 2019, the FSB conducted an evaluation of the modified Maneuvering Characteristics Augmentation System (MCAS) for training and checking differences determination. The system enhancement is incorporated on all MAX series aircraft. The MCAS system was found to be operationally suitable.
รัฐบาลสหรัฐนำโดยสำนักงานอัยการเขต Eastern District of Virginia ประกาศแจ้งความผิดต่อ Julian P. Assange ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks ที่เพิ่งถูกจับกุมในอังกฤษ ในข้อหาร่วมกันบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐที่มีเอกสารลับ
เรื่องนี้คือเหตุการณ์ในปี 2010 ที่ Chelsea Manning หรือชื่อเดิม Bradley Manning นักวิเคราะห์ข่าวกรองของกองทัพสหรัฐ นำเอกสารโทรเลขของสถานทูตสหรัฐทั่วโลกมาเผยแพร่ผ่าน WikiLeaks ซึ่งตัวของ Manning ถูกจับ โดนลงโทษจำคุก ได้รับการลดโทษ และพ้นโทษ ถูกปล่อยตัวมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2017
Amazon Go เป็นร้านสะดวกซื้อจาก Amazon โดยมีจุดเด่นที่ใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีพนักงาน ไม่มีการใช้เงินสด เพียงหยิบของและเดินออกไป Amazon จะตัดเงินจากบัตรเครดิตหรือบัญชีที่ธนาคารที่ผูกกับบัญชี Amazon เอง แต่ตอนนี้มีรายงานว่า Amazon กำลังเตรียมแผนให้ Amazon Go รับเงินสดแล้ว
CNBC รายงานว่า Steve Kessel รองประธานอาวุโสฝ่ายร้านค้าแบบ physical กล่าวกับพนักงานว่า ทางบริษัทกำลังเตรียมแผนเพิ่มช่องทางจ่ายเงินให้ร้านค้า Amazon Go เพื่อแก้ปัญหาการแบ่งแยกของร้านค้านี้ อันเนื่องจากวิธีการจ่ายเงิน แต่เขายังไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะทำเมื่อไร
โฆษกของ Amazon ได้ยืนยันเรื่องนี้ โดยระบุว่าทาง Amazon กำลังพัฒนา Amazon Go ให้รองรับเงินสดด้วย
Mark Warner สมาชิกวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และ Deb Fischer จากพรรครีพับลิกัน เสนอร่างกฎหมายห้ามโซเชียลมีเดียรวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ใช้วิธีการซับซ้อนและเล่ห์กลต่างๆ เพื่อผลักให้ผู้ใช้งานล้มเลิกการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของตัวเอง จนต้องกดปุ่ม OK เผยช่องทางให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของผู้ใช้งานได้
โดยวิธีการดังกล่าวเรียกว่า dark pattern ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขยาวเหยียดที่ทำให้ผู้ใช้ต้องยอมแพ้เวลาอ่าน หรือการใช้กลยุทธ์อะไรก็ตามที่ทำให้ผู้ใช้ต้องกดลงทะเบียน หรือกดยินยอม โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือการโชว์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียแม้ว่าจะออกจากระบบมาแล้ว เป็นต้น ซึ่ง dark pattern มีหลายรูปแบบสามารถหาอ่านได้ ที่นี่
ในงาน Google I/O มีการเผยเสียงใหม่ของของ Google Assistant หนึ่งในนั้นมีเสียงนักร้องดัง John Legend ด้วย ล่าสุดผู้ใช้งานในสหรัฐฯ สามารถตั้งค่าเสียงเป็นเสียง John ได้แล้ว
เสียง John จะไม่สามารถตอบทุกคำถามของผู้ใช้ แต่จะโผล่มาเฉพาะคำถามพิเศษเท่านั้น เริ่มจากพูด Hey Google, talk like a Legend ผู้ใช้ถามคำถามประมาณว่า สภาพอากาศ รสนิยมเพลงของคุณ ให้ร้องเพลงให้ฟัง มุกตลกบางอย่าง และถ้าคำถามไหน John ตอบไม่ได้ก็จะเป็นหน้าที่ของเสียงตั้งต้น Google Assistant มาตอบแทน สามารถดูชุดคำถามที่เสียง John จะโผล่มาตอบได้ ที่นี่
ในเสียงของเขาจะไม่เพียงแต่ตอบคำถามแต่ยังมีคาแรกเตอร์ของเขาด้วยเช่น การฮัมเพลง การเพิ่มคำพูดในแบบที่ศิลปินดังทำกัน (หยอดแฟนคลับ)