Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม รายงานข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสินค้าที่แอปเปิลจะเปิดตัวในงานแถลงข่าว Scary fast วันอังคารที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งก็เป็น Gurman นี่เองที่เคยให้ข่าวลือก่อนหน้าว่าแอปเปิลจะจัดงานในวันดังกล่าว
สินค้าแรกคือ MacBook Pro มีสองรุ่น J514 และ J516 คาดว่าจะมาพร้อมชิปใหม่ M3 Pro และ M3 Max ซึ่ง Gurman บอกว่าแอปเปิลมีการทดสอบหลายสเป็กจำนวนคอร์ส่วนประมวลผลและกราฟิก ของทั้ง M3 Pro และ M3 Max จุดขายหนึ่งที่จะนำเสนอคือความสามารถในการเล่นเกมกราฟิกสูง ให้ไปในทิศทางเดียวกับ iPhone 15 Pro
รายงานข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม คราวนี้ว่าด้วยกลุ่มสินค้า AirPods ที่จะขายในปี 2024 รายละเอียดดังนี้
Gurman เริ่มต้นอธิบายปัญหาปัจจุบันของแอปเปิลว่า AirPods 3 ซึ่งใช้ดีไซน์แบบ AirPods Pro แต่ไม่มีจุกอินเอียร์ ยอดขายที่ไม่เป็นไปตามที่แอปเปิลคาดหวังนัก ลูกค้ามักตัดสินใจซื้อ AirPods 2 ดีไซน์เดิมที่ราคาถูกกว่าและแอปเปิลก็ยังขายอยู่ ฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ แอปเปิลต้องรื้อไลน์สินค้าใหม่ทั้งหมด
ข้อมูลนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม โดยเขาบอกว่าแอปเปิลเตรียมยกเครื่องแอป Apple TV ใหม่ทั้งหมด ให้เป็นแอปรวมคอนเทนต์บันเทิงครบทุกอย่างภายในแอปเดียว ซึ่งจะมีผลประมาณเดือนธันวาคมนี้
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเห็นภาพชัดที่สุดในกล่อง Apple TV ที่เป็นระบบปฏิบัติการ tvOS เนื่องจากมีแอป Apple TV ที่ตอนนี้เป็นแอปหลัก แต่ก็มี Movies กับ TV Shows ที่เป็นคอนเทนต์แยกตามประเภทที่ซื้อจาก iTunes Store แยกออกมาอีกแอป
ส่วนการเปลี่ยนแปลงใน iOS และ iPadOS จะอยู่ที่แอป iTunes Store ซึ่งนำหัวข้อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ออกไป แล้วย้ายการซื้อนี้ไปอยู่ที่แอป Apple TV แทน ทั้งหมดนี้จะทำให้ Apple TV มีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในการเป็นแอปวิดีโอสตรีมมิ่งที่รวมทุกอย่างในแอปเดียว
มีรายงานว่า NVIDIA กำลังพัฒนาซีพียูบนสถาปัตยกรรม ARM สำหรับใช้กับพีซีระบบปฏิบัติการ Windows ของไมโครซอฟท์ ทำให้บริษัทมีความครอบคลุมในไลน์สินค้าทั้งซีพียูควบคู่กับชิปกราฟิกในแบบ AMD และแอปเปิล
แผนงานนี้ของ NVIDIA มีความสำคัญเนื่องจากข้อตกลงพิเศษของไมโครซอฟท์กับ Qualcomm ให้เป็นผู้ผลิตซีพียู ARM สำหรับ Windows โดยเฉพาะจะหมดลงในปี 2024 ซึ่งแนวทางของไมโครซอฟท์ตอนนี้เป็นการพัฒนาซีพียูบนสถาปัตยกรรม ARM ขึ้นมาเอง ขณะเดียวกัน AMD และ NVIDIA ก็มีแผนออกซีพียูบน ARM ด้วย คาดว่าภายในปี 2025
ข้อมูลนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg ในจดหมายข่าว Power On ซึ่งนอกจากพูดถึงแผนการผลักดัน AI ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของแอปเปิล เขายังให้ข้อมูลเรื่อง iMac 24 นิ้ว ตัวใหม่ด้วย
โดยเขาบอกว่าแอปเปิลมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เน้นไปที่ Mac ช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดยสินค้าสำคัญที่น่าจะเห็นคือ iMac 24 นิ้วรุ่นใหม่ ที่อัพเดตฮาร์ดแวร์ เนื่องจากรุ่นปัจจุบันที่ขายอยู่ออกมาตั้งแต่เมษายน 2021 และเป็น Mac โมเดลเดียวที่ยังมีเฉพาะชิป M1
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวลือล่าสุดของแอปเปิลในจดหมายข่าว Power On คราวนี้ว่าด้วยแผนงานการพัฒนา AI ในผลิตภัณฑ์
รายงานบอกว่าแอปเปิลได้ให้อำนาจผู้บริหารระดับสูง เพื่อทำให้สินค้าและบริการของแอปเปิลมี AI มากขึ้น ตามกระแสในปัจจุบัน ด้วยงบสนับสนุนระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
แอปเปิลใช้วิธีแบ่งภารกิจนี้ให้ 3 ผู้บริหารระดับสูง โดย John Giannandrea หัวหน้าฝ่าย AI ดูแลการพัฒนาเทคโนโลยีหลัก ให้ AI สามารถประยุกต์ใช้กับทุกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ดูแลการใส่ฟีเจอร์ AI ใน iOS ซึ่งแผนเบื้องต้นคือปรับปรุง Siri และ Message รวมถึงนำ AI มาใส่ใน Xcode เพื่อช่วยนักพัฒนา แบบเดียวกับ Copilot ของไมโครซอฟท์
ข้อมูลนี้มาจาก Jeff Pu นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้านซัพพลายเชนจาก Haitong International Securities ซึ่งเขาออกรายงานอ้างแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ว่าแอปเปิลได้เริ่มติดตั้งเซิร์ฟเวอร์สำหรับงาน AI จำนวนมากในปีนี้ และจะเพิ่มจำนวนอีกในอนาคต เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ของ AI บนคลาวด์ ควบคู่ไปกับการพัฒนา AI ที่ประมวลในระดับอุปกรณ์ สำหรับงานด้าน Generative AI ซึ่งต้องสามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งานได้ด้วย
เขาบอกว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน Generative AI จะเป็นฟีเจอร์จุดขายใน iOS 18 และ iPadOS 18 กำหนดออกมาในปีหน้า โดยอาจมาใช้รูปแบบคำสั่ง Siri ที่สามารถทำงานซับซ้อนมากได้ในแอป Shortcuts
Business Insider อ้างเอกสารภายในของ Amazon ระบุว่าบริษัทเตรียมทำสัญญาซื้อไลเซนส์ใช้งานบริการคลาวด์ Microsoft 365 กับไมโครซอฟท์ โดยมูลค่าที่ Amazon จ่ายนั้นมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นระยะเวลามากกว่า 5 ปี
ก่อนหน้านี้ Amazon ใช้ไลเซนส์ Microsoft Office แบบติดตั้งกับเครื่องหรือ On-premise แต่ในแผนโครงการนี้ Amazon ต้องการเปลี่ยนมาใช้ Microsoft 365 บนคลาวด์แทน โดยคาดจะเริ่มทดสอบใช้งานในเดือนพฤศจิกายน และย้ายพนักงานทั้งหมดไป Microsoft 365 ได้ในต้นปี 2024
เรื่องนี้เป็นประเด็นเล็ก ๆ เพราะ Amazon กับไมโครซอฟท์ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของการให้บริการคลาวด์ ที่ผ่านมา Amazon มีแนวทางเลี่ยงการใช้ Microsoft 365 มาตลอด เพราะมองว่าเป็นการนำข้อมูลของบริษัทไปเก็บไว้บนคลาวด์ของคู่แข่ง
ดูเหมือนแอปเปิลน่าจะเปิดตัวสินค้าใหม่สักอย่างในสัปดาห์นี้หรือเดือนนี้แน่ คราวนี้เป็นรายงานจากบล็อกภาษาญี่ปุ่นขาประจำอีกแห่ง MacOTAKARA ซึ่งอ้างข่าวลือเรื่องเปิดตัว iPad, iPad Air, iPad mini รุ่นใหม่ภายในสัปดาห์ โดยบอกว่าไม่น่ามีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ แต่เราจะได้เห็น Apple Pencil 3 แทน
ข้อมูลที่รายงานบอกว่า Apple Pencil 3 มีจุดขายใหม่คือสามารถเปลี่ยนหัวดินสอได้หลายรูปแบบ รองรับงานเขียน-วาดที่แตกต่างกัน เช่น หัวสำหรับงานทั่วไป, งานเขียนแบบ และงานวาดลงสี
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลล่าสุดแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On ซึ่งพูดถึง Vision Pro เฮดเซต Mixed Reality ในประเด็นที่แอปเปิลจะทำรุ่นราคาถูกลงออกมาขายในปี 2025 ซึ่งเขาเคยรายงานครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน
ข้อมูลใหม่บอกว่าเฮดเซตรุ่นราคาถูกลงนี้ มีราคาในช่วง 1,500-2,500 ดอลลาร์ (55,000-90,000 บาท) โดยแอปเปิลลดต้นทุน ด้วยการตัดส่วนจอด้านนอกที่แสดงดวงตาผู้สวมใส่ออกไป (ก่อนหน้านี้ Gurman บอกว่าแอปเปิลไม่น่าตัดส่วนนี้ออก) ลดจำนวนกล้องภายนอก ลดจำนวนเซ็นเซอร์ ลดความละเอียดหน้าจอลง และใช้ชิปเกรด iPhone จากเดิมเป็นชิประดับ Mac
9to5Mac รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งให้ข้อมูลตรงกับเว็บ Supercharged ระบุว่าแอปเปิลเตรียมประกาศ iPad รุ่นอัพเดตในสัปดาห์นี้ โดยน่าจะเป็นภายในวันอังคารที่ 17 ตุลาคม
รายงานบอกว่า iPad ที่ประกาศอัพเดตคาดว่ามีสามรุ่นคือ iPad Air, iPad mini และ iPad รุ่นพื้นฐาน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการอัพเกรดสเป็ก ไม่ใช่ดีไซน์ใหม่ โดยแอปเปิลจะใช้วิธีออกจดหมายข่าว ไม่มีการจัดงานเปิดตัว
รายงานของ Mark Gurman แห่ง Bloomberg ในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On ตอนล่าสุด พูดถึงแผนการณ์พัฒนาเฮดเซต VR ในอนาคตของ Meta ซึ่งเขาบอกว่าตอนนี้การทำงานภายในของ Meta อยู่ในโหมดกลัวการมาของแอปเปิล และบอกว่าแตกต่างไปจากท่าทีของอุตสาหกรรมโทรศัพท์ที่มอง iPhone เมื่อปี 2007
ปัจจุบันแอปเปิลเปิดตัวเฮดเซต Mixed Reality Vision Pro แต่สินค้าจะเริ่มส่งมอบลอตแรกในต้นปีหน้า สถานะตอนนี้คือขั้นตอนทำงานร่วมกับนักพัฒนา
มีรายงานว่าไมโครซอฟท์เตรียมประกาศ ว่าการเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard ได้เสร็จสมบูรณ์ ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งหมด เร็วที่สุดภายในวันศุกร์หน้า 13 ตุลาคม 2023
แหล่งข่าวบอกว่าตอนนี้เหลือเพียงหน่วยงานเดียวที่ยังไม่ได้อนุมัติคือ CMA ของสหราชอาณาจักร แต่ไมโครซอฟท์คาดว่า CMA จะแจ้งคำตัดสินได้ช่วงตั้งแต่วันนี้จนถึงสัปดาห์หน้า ซึ่ง CMA เคยให้ความเห็นล่าสุดว่าไม่มีประเด็นติดขัด โดยไมโครซอฟท์จะต้องขายสิทธิ์เกมให้ Ubisoft ภายในประเทศ ตามที่เสนอมา
Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT กำลังศึกษาแนวทางการสร้างชิปสำหรับงานด้าน AI ขึ้นเอง โดยรวมถึงพิจารณาหากต้องซื้อกิจการบริษัทด้านนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม OpenAI ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะลงมาทำชิปสำหรับ AI นี้หรือไม่ แต่ไอเดียนี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อแก้ปัญหาชิปขาดแคลนและมีราคาสูง ซึ่งนอกจากแนวทางทำชิปเองแล้ว OpenAI ก็มีแนวคิดอื่นด้วย เช่น ไปร่วมมือกับผู้ผลิตชิปรายอื่น หรือแม้แต่เปิดการเจรจาพิเศษกับ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปประมวลผล AI รายใหญ่ที่สุดในตลาด
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า แอปเปิลเคยเจรจากับ DuckDuckGo ผู้ให้บริการเสิร์ชที่ชูจุดขายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยแอปเปิลมีแผนนำ DuckDuckGo มาใส่เป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้น (default) สำหรับการใช้งานโหมด Private ใน Safari
อย่างไรก็ตามการเจรจานี้ไม่บรรลุผล และแอปเปิลก็เลือกใช้ Google Search ของกูเกิลเป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้นต่อไป
มีรายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่า Netflix มีแผนปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกอีกครั้ง มีผลกับแพ็คเกจราคาสูงที่ไม่มีโฆษณาแทรกระหว่างรับชม เบื้องต้นจะขึ้นราคาเฉพาะในอเมริกาและแคนาดาก่อน ส่วนการขึ้นราคาในประเทศอื่นทั่วโลกยังอยู่ในขั้นตอนหารือ
ทั้งนี้ The Wall Street Journal สอบถามเรื่องนี้ไปยัง Netflix แต่บริษัทปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ทั้งนี้ Netflix มีการปรับขึ้นราคาครั้งล่าสุดในเดือนมกราคม 2022 แต่มีผลเฉพาะอเมริกาและแคนาดา
Mark Gurman แห่ง Bloomberg ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอปเปิลผ่านจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On ตอนล่าสุดพูดถึงการพัฒนาเสิร์ชเอ็นจินสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของแอปเปิล
ประเด็นนี้สืบเนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Eddy Cue ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจ Services ของแอปเปิล ให้การต่อศาลในคดีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิล เรื่องผูกขาดธุรกิจเสิร์ช ซึ่ง Cue บอกว่านอกจากกูเกิลให้ผลประโยชน์ต่อปีที่สูงแล้ว แอปเปิลเองก็ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าการใช้กูเกิลเป็นเสิร์ชพื้นฐานต่อไป จากนั้นไม่กี่วันก็มีรายงานข่าวว่าในปี 2020 ไมโครซอฟท์เคยเสนอให้แอปเปิลซื้อกิจการ Bing ไป แต่ดีลไม่เกิดขึ้น จึงอาจมีคำถามว่าแล้วทำไมแอปเปิลไม่ลองทำเสิร์ชเองบ้าง?
ข้อมูลนี้มาจาก Business F1 สื่อที่รายงานข่าวสารการแข่งขันรถ Formula 1 อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าแอปเปิลแสดงความสนใจ ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขัน Formula 1 โดยข้อเสนออาจสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
รายงานบอกว่าผลประโยชน์การถ่ายทอดการแข่งขัน Formula 1 ปัจจุบันรวมทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ ข้อเสนอแอปเปิลจึงเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว อย่างไรก็ตามเนื่องจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมีหลายรายและหลายสัญญาทั่วโลก แอปเปิลอาจต้องรอหลายปีหากต้องการลิขสิทธิ์ครบทั้งหมด ซึ่งตามรายงานแอปเปิลให้ข้อเสนอลิขสิทธิ์ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งน่าจะครอบคลุมระยะเวลาของแต่สัญญาปัจจุบันทยอยครบกำหนด
Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่าในช่วงปี 2020 ไมโครซอฟท์เคยหารือกับแอปเปิล เพื่อเสนอขายธุรกิจเสิร์ชเอ็นจิน Bing โดยผู้บริหารของไมโครซอฟท์ได้เจรจาเรื่องนี้กับ Eddy Cue หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Services ของแอปเปิล
อย่างไรก็ตามการเจรจานั้นเป็นเพียงการพิจารณาโอกาสเบื้องต้นเท่านั้น และไม่มีการพูดคุยระหว่างสองฝ่ายในประเด็นนี้อีกเลย
รายงานระบุว่าเหตุผลหลักที่แอปเปิลยังไม่สนใจข้อเสนอนี้ เพราะแอปเปิลมีข้อตกลงกับกูเกิล ในการใช้ Google Search เป็นค่าเริ่มต้นในทุกอุปกรณ์อยู่แล้ว ซึ่งกูเกิลก็จ่ายเงินให้แอปเปิลต่อปีเป็นตัวเลขที่สูงด้วย ข้อมูลในปี 2020 เปิดเผยว่าอยู่ที่ระดับ 4-7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
มีรายงานจาก The Wall Street Journal ว่า OpenAI มีแผนขายหุ้นให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นสำคัญคือราคาที่เสนอขาย จะอิงจากมูลค่ากิจการที่สูงถึงราว 8-9 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากเมื่อต้นปี และจะทำให้ OpenAI เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดในโลก
ข้อมูลจาก CBInsights จะมีเพียง 2 สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ากิจการสูงกว่า OpenAI หากสามารถขายหุ้นได้ในมูลค่าดังกล่าวคือ ByteDance เจ้าของ TikTok (2.25 แสนล้านดอลลาร์) และ SpaceX (1.37 แสนล้านดอลลาร์)
รายงานนี้มาจาก DigiTimes ซึ่งให้ข้อมูลจากซัพพลายเชนสั้น ๆ ว่า แอปเปิลจะเปิดตัว iPad ขนาดเล็กรุ่นใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งน่าจะหมายถึง iPad mini 7th Gen อย่างไรก็ตามข้อมูลของ DigiTimes เป็นฝั่งการผลิต ช่วงเวลาจึงอาจเลื่อนได้
ข้อมูลนี้อาจพูดได้ว่าใกล้เคียงกับข้อมูลของ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์แอปเปิลขาประจำ ที่เขาเคยบอกว่า iPad mini ใหม่ จะเริ่มผลิตต้นปี 2024 และต่อมาเขาก็ย้ำว่าแอปเปิลจะไม่มี iPad รุ่นใหม่ออกมาในปีนี้ ส่วน Mark Gurman แห่ง Bloomberg บอกว่าเราอาจเห็น iPad บางรุ่นอัพเดตในเดือนตุลาคม
เมื่อต้นสัปดาห์ข่าวที่เซอร์ไพรส์หลายคนคือประกาศลาออกจากไมโครซอฟท์ของ Panos Panay หัวหน้าทีม Surface ที่ทำงานมานาน 19 ปี และเป็นการประกาศลาออกก่อนงานเปิดตัวสินค้าตระกูล Surface ชุดใหม่ไม่กี่วัน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นไลน์สินค้าที่เปิดตัวก็อาจพอบอกสาเหตุของการลาออกนี้ได้
รายงานของ Business Insider บอกว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Panos ตัดสินใจลาออก คือการถูกสั่งยกเลิกโครงการฮาร์ดแวร์ที่มีสถานะทดลองตลาดจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจฮาร์ดแวร์ หลังการปลดพนักงานชุดใหญ่เมื่อต้นปี
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Alibaba เตรียมนำบริษัทในเครือ Cainiao Network Technology ซึ่งดูแลธุรกิจขนส่งสินค้า ไอพีโอเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง โดยจะยื่นเอกสารไฟลิ่งภายในสัปดาห์หน้า ทำให้ Cainiao อาจเป็นบริษัทย่อยของ Alibaba บริษัทแรกที่เข้าตลาดหุ้น ตามแผนแยกธุรกิจออกเป็น 6 บริษัท
ก่อนหน้านี้ Alibaba มีแผนนำ Freshippo ที่เป็นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงก่อน แต่เนื่องจากตัวเลขการบริโภคในจีนไม่ดีนักจึงเลื่อนแผนออกไป
Delivery Hero บริษัทให้บริการส่งอาหารจากเยอรมนี ยืนยันแผนการขายกิจการธุรกิจเดลิเวอรีในเอเชียบางส่วน โดยมูลค่าของดีลยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา
Wirtschaftswoche สื่อของเยอรมนีระบุว่าผู้ที่อาจจะซื้อกิจการนี้คือ Grab โดยซื้อกิจการ Foodpanda ในประเทศสิงคโปร์ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และไทย ด้วยมูลค่าเบื้องต้น 1 พันล้านยูโร หรือประมาณ 3.86 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามตัวแทนของ Grab ยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อข้อมูลนี้
ทั้งนี้พื้นที่ซึ่ง Foodpanda ให้บริการอยู่ แต่ไม่ถูกระบุในดีลการขายนี้คือ ไต้หวัน ฮ่องกง ปากีสถาน บังกลาเทศ
ที่มา: Reuters
จากกรณี Unity ยอมถอยหลังนักพัฒนาเกมประท้วงโมเดลการคิดเงินแบบใหม่ แม้ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดของแผนการใหม่ประกาศออกมา แต่ Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg ก็อ้างแหล่งข่าวภายในบริษัทว่า โอกาสยกเลิกแผนคิดเงินทั้งหมด ถอยกลับไปแบบเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
แนวทางใหม่ของ Unity จะยังคิดเงินตามจำนวนการติดตั้งเกมเหมือนเดิม แต่ปรับวิธีการนับจำนวนจากระบบการนับของ Unity เอง (ที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอย่างไร) มาเป็นให้นักพัฒนาเกมรายงานตัวเลขเอง (self-report), ไม่นับตัวเลขย้อนหลังในอดีต และจำกัดเพดานเงินที่ต้องจ่ายให้ Unity ที่ 4% ของรายได้เกม (เฉพาะเกมที่มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์เท่านั้นด้วย)