OpenAI ประกาศว่า Fidji Simo ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นซีอีโอ Instacart จะมารับตำแหน่งใหม่ในบริษัทคือซีอีโอของแอปพลิเคชัน ขึ้นตรงกับซีอีโอ Sam Altman
Altman บอกว่าช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา OpenAI กลายเป็นบริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนทั่วโลกและยังเติบโต ขณะเดียวกันบริษัทก็มีงานวิจัยและเครื่องมือ AI ที่มีผู้ใช้งานในวงกว้าง ทั้งหมดนี้จึงทำให้บริษัทต้องเสริมความแข็งแกร่งของการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานสูง
มีข้อมูลเพิ่มเติมหลังจาก OpenAI ประกาศแผนการปรับโครงสร้างบริษัท โดยไม่ได้เปลี่ยนให้ส่วนธุรกิจแสวงหากำไรหรือ For-Profit มีอำนาจควบคุมธุรกิจเริ่มต้นตอนก่อตั้งที่ไม่แสวงหากำไร (Non-Profit) ตามที่มีข่าวก่อนหน้า แต่ใช้วิธีเปลี่ยนแปลงส่วน For-Profit เป็นบริษัท PBC (Public Benefit Corporation) ที่สร้างกำไรเพื่อประโยชน์ของสาธารณะแทน
ถึงตรงนี้ก็อาจมีคำถามว่าแล้วการเปลี่ยนเป็น PBC ต่างกับรูปแบบ For-Profit เดิมอย่างไร
OpenAI ประกาศความคืบหน้าของแผนปรับโครงสร้างบริษัท โดยให้ส่วนไม่แสวงหากำไร (Non-Profit) ที่เป็นส่วนหลักของบริษัทตั้งแต่วันก่อตั้งยังคงอยู่ และมีอำนาจสูงสุดในบริษัทต่อไป ส่วนธุรกิจที่แสวงหากำไร (For-Profit) ซึ่งก่อตั้งเป็นบริษัทลูกของ Non-Profit ตั้งแต่ปี 2019 จะแปลงสภาพเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นกำไรเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ (Public Benefit Corporation - PBC) โดยมี Non-Profit เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และมีอำนาจควบคุมบริษัทมากที่สุดเหมือนเดิม
OpenAI เขียนบล็อกอธิบายเพิ่มเติมเหตุการณ์ปล่อยอัพเดตโมเดลเวอร์ชั่นช่างประจบ พร้อมกับวิเคราะห์ถึงความผิดพลาดในการทดสอบที่ทำให้ปล่อยโมเดลเวอร์ชั่นนี้ออกมา
โดยปกติแล้วโมเดลของ OpenAI จะถูกฝึกด้วยระบบ reinforcement learning โดยมีระบบให้คะแนนคำตอบคุณภาพสูง ระบบให้คะแนนคิดคะแนนจากคำตอบที่ถูกต้อง, อ่านแล้วได้ประโยชน์, ปลอดภัย หลังจากฝึกแล้ว โมเดลจะถูกตรวจสอบหลายขั้น นับแต่การวัดประสิทธิภาพจากชุดทดสอบต่างๆ, การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ, การประเมินความปลอดภัย, และการทดสอบวงจำกัด
OpenAI ประกาศถอดอัพเดต GPT-4o เวอร์ชั่นล่าสุดออกจาก ChatGPT หลังพบว่าโมเดลมีลักษณะช่างประจบเกินเหตุ หรือเรียกว่า sycophantic
ทาง OpenAI ทดสอบโมเดลเวอร์ชั่นใหม่เรื่อยๆ โดยสังเกตผลตอบรับจากการกด 👍 และ 👎 โดยเมื่อสังเกตุผลตอบรับที่ดีขึ้นก็นำโมเดลไปใช้งาน แต่ภายหลังพบว่าโมเดลรุ่นทดสอบนี้มีลักษณะประจบประแจงเอาใจแต่กลับไม่จริงใจกับผู้ใช้
โมเดลหลังจากนี้จะถูกฝึกให้ลดการประจบประแจงเอาใจ และเพิ่มระบบ guardrails ให้แสดงความจริงใจมากขึ้น พร้อมกับรับความเห็นจากผู้ใช้ให้มากขึ้นระหว่างทดสอบ
ที่มา - OpenAI
OpenAI ประกาศเพิ่มเติมของใหม่ให้เครื่องมือค้นหา ChatGPT Search หลายอย่างดังนี้
OpenAI ประกาศว่าเครื่องมือสำหรับค้นหาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก Deep Research ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้งานแบบเสียเงินทุกกลุ่มสามารถใช้งานได้แบบจำกัดจำนวน ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ใช้งาน OpenAI จึงหาแนวทางให้ทุกคนสามารถใช้งาน Deep Research ได้มากขึ้นด้วยการออกเวอร์ชันใหม่มาเสริม
OpenAI เรียก Deep Research เวอร์ชันใหม่นี้ว่า lightweight ทำงานบนโมเดล o4-mini สามารถค้นหาข้อมูลได้แบบ Deep Research เวอร์ชันปกติ แต่ใช้ต้นทุนที่ต่ำลง เพราะคำตอบจะมีขนาดสั้นลง ผลทดสอบความแม่นยำได้คะแนนน้อยกว่า Deep Research เวอร์ชันเต็มไม่มากนัก
OpenAI ประกาศนำเครื่องมือสร้างรูปภาพ Image Generation ตัวล่าสุดใน ChatGPT ให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้งานผ่าน API gpt-image-1
ได้แล้ว ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ได้ทั้งเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพในแอป หรือเป็นเครื่องมือช่วยแก้ไขภาพในแต่ละกรณี
ตัวอย่างนักพัฒนาที่ OpenAI ยกมาว่านำ gpt-image-1
มาใช้งาน เช่น Canva ที่นำมาเป็นเครื่องมือสร้างรูปด้วย AI, GoDaddy นำมาเป็นเครื่องมือช่วยสร้างโลโก้เว็บไซต์, HubSpot เป็นเครื่องมือสร้างรูปภาพคุณภาพสูงสำหรับโพสต์โซเชียล, invideo ใช้เพื่อให้สร้างข้อความในวิดีโอได้แม่นยำมากขึ้น เป็นต้น
การไต่สวนพิจารณามาตรการเยียวยาที่เริ่มต้นสัปดาห์นี้ จากคดีกูเกิลผูกขาดธุรกิจ Search ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นโจทก์ฟ้อง และกูเกิลถูกตัดสินแพ้ไปตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว มีประเด็นน่าสนใจเมื่อตัวแทนของ OpenAI ได้ให้การต่อศาล
Nick Turley หัวหน้าฝ่าย ChatGPT ของ OpenAI บอกว่าบริษัทไม่ได้ต้องการสร้างแชทบอตอย่าง ChatGPT แต่ต้องการสร้างผู้ช่วยความสามารถสูงที่ทำงานได้หลากหลายและซับซ้อน เพื่อเสริมส่วนนี้บริษัทจึงต้องมีเทคโนโลยีระบบค้นหาหรือ Search ที่ทำให้ AI ได้ข้อมูลปัจจุบันที่สุด
ประเด็นเรื่องการประมวลผลหรือใช้งาน AI มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง เป็นสิ่งที่รับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในการสนทนากับแชทบอต AI นั้น บทสนทนาที่เพิ่มเติมเข้ามา แม้ทำให้ทุกอย่างดูสุภาพมีมารยาทขึ้น แต่ก็มองเป็นเรื่องเปลืองพลังงานได้
เรื่องนี้มาจากผู้ใช้งาน X @tomieinlove โพสต์ลอย ๆ ด้วยความสงสัยว่า OpenAI ต้องจ่ายค่าไฟไปเท่าไหร่ จากการที่ผู้ใช้งานพิมพ์ว่า please หรือ thank you ซึ่งทำให้มีส่วนคำที่ถูกนำไปประมวลผลเพิ่มขึ้น
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI มาตอบโพสต์นี้เองว่า "รวมถึงตอนนี้ก็หลายสิบล้านดอลลาร์ คุณอาจไม่รู้กันมาก่อน"
OpenAI เพิ่มโหมดการประมวลผลแบบ flex processing เป็นตัวเลือกตรงกลางระหว่างการเรียก API ตามปกติ และการสั่งงานแบบ batch processing ที่อาจจะต้องรอนานถึง 24 ชั่วโมง แถมยังใช้ API เหมือนการเรียก Chat Completions API และ Responses API ตามปกติ
เมื่อเราเรียก flex processing จะสามารถกำหนดช่วงเวลารอคอยเพิ่มเติม หรือหากไม่กำหนดจะระบุไว้ที่ 10 นาที การเชื่อมต่อจะเชื่อมต่อรอการประมวลผลเสร็จ ทำให้การใช้งานจริงแก้โค้ดจากการเรียก API เดิมๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากทาง OpenAI ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ว่างภายในเวลาที่กำหนดก็จะได้ 429 Resource Unavailable
มาแทน
OpenAI เปิดตัวโมเดล AI ที่คิดเป็นขั้นตอนก่อนตอบรุ่นล่าสุด o3 และ o4-mini ที่ระบุว่ามีประสิทธิภาพสูง ทำคะแนนจากผลการทดสอบได้ดี อย่างไรก็ตามโมเดลนี้ยังมีปัญหาที่กำลังแก้ไขอยู่
OpenAI เผยแพร่ข้อมูลใน System Card เกี่ยวกับโมเดล o3 และ o4-mini นี้ พูดถึงอาการหลอนหรือ Hallucination ในชุดทดสอบ PersonQA พบอัตราการหลอนของทั้ง 2 โมเดลนี้ สูงกว่าโมเดลคิดเป็นขั้นตอนรุ่นเก่าอย่าง o1
ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับ OpenAI เปิดให้องค์กรธุรกิจใช้งาน OpenAI o3 และ o4-mini ใน Azure AI Foundry แล้ว รวมถึง GitHub Copilot ใน VS Code และ GitHub Models สำหรับนักพัฒนา
o3 และ o4-mini เป็น Reasoning Model ที่สามารถใช้เครื่องมือทั้งหมดภายใน ChatGPT ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้แก่การค้นหาบนเว็บ, Python, การวิเคราะห์รูปภาพ, การตีความไฟล์ และการสร้างรูปภาพ โดย OpenAI เพิ่งประกาศเปิดตัววันนี้
มีรายงานว่า OpenAI กำลังพูดคุยเพื่อซื้อกิจการ Windsurf ผู้พัฒนาโปรแกรม IDE สำหรับเขียนโค้ดที่มี AI เป็นผู้ช่วย โดยมูลค่าที่เสนอซื้อคือ 3,000 ล้านดอลลาร์
Windsurf เดิมชื่อ Codeium เป็น IDE ที่มีจุดขายเรื่องผู้ช่วยเขียนโค้ด AI แนวเดียวกับ Cursor หรือ Replit ซึ่งปัจจุบันผู้พัฒนา AI รายใหญ่ ต่างก็ลงมาเล่นตลาดนี้กันทั้ง Microsoft ที่มี Visual Studio Code ในโหมด Agent รวมทั้ง Anthropic หรือแม้แต่ OpenAI ก็พยายามนำเสนอจุดขายนี้
หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นการซื้อกิจการขนาดใหญ่ที่สุดของ OpenAI
ที่มา: CNBC
OpenAI เปิดตัวเครื่องมือใหม่ Codex CLI พร้อมกับการเปิดตัวสองโมเดลใหม่ o3 และ o4-mini ซึ่งเป็น Agent ผู้ช่วยเขียนโค้ดที่รันโลคอลผ่าน Terminal บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน
Codex CLI เป็น Agent ขนาดเล็ก รองรับอินพุทในแบบข้อมูลผสมผสาน ทั้งการแปะภาพจับหน้าจอเพื่อให้อ่าน command line, ภาพร่าง ไปจนถึงการอ่านโค้ดที่รันอยู่บนอุปกรณ์ ซึ่ง OpenAI บอกว่าเครื่องมือนี้ออกแบบมาเพื่อเรียกใช้ประสิทธิภาพของ o3 และ o4-mini สูงสุด และจะรองรับโมเดล GPT-4.1 ผ่าน API ด้วย
Codex CLI เป็นโปรแกรมโอเพนซอร์ส สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GitHub
OpenAI เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ LLM คู่ใหม่ ได้แก่ o3 โมเดลประสิทธิภาพสูง ทำคะแนนได้ดีทั้งด้านการเขียนโปรแกรมและการวิเคราะห์ภาพ และ o4-mini โมเดลเล็กลงมาเพื่อความเร็วที่ดีขึ้น แต่ยังได้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่
ความพิเศษของทั้งสองโมเดลคือฝึกมาเพื่อให้ "คิดขณะมองภาพ" โมเดลจะมองภาพและคิดไปด้วยได้ เช่นหากพบภาพกลับหัว ก็สามารถซูมแล้วกลับหัวภาพเพื่ออ่านข้อความได้อัตโนมัติ หรือการแก้ปัญหาเขาวงกตก็สามารถเขียนโปรแกรมวาดภาพแล้วกลับมามองภาพอีกทีว่าวาดเส้นทางถูกต้องหรือไม่
อีกความสามารถหนึ่งคือการฝึกโมเดลให้ใช้เครื่องมือโดยเฉพาะ เช่น การเขียนโค้ด, ค้นหาเว็บ, ซูมภาพทีละส่วน โดยกระบวนการฝึกโมเดลมีการฝึกให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้แบบ reinforcement learning เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด
OpenAI เปิดตัวชุดทดสอบ SWE-Lancer เป็นชุดทดสอบที่ได้จากงานเขียนโปรแกรม 1,488 งานบนแพลตฟอร์ม Upwork ปัญหาแต่ละข้อมีค่าจ้างระหว่าง 50-32,000 ดอลลาร์ รวมชุดทดสอบมีค่าจ้าง 1 ล้านดอลลาร์ เมื่อ AI แก้ปัญหาได้ จะได้คะแนนเป็นค่าจ้างของแต่ละข้อไป
อัปเดตสั้น ๆ จาก OpenAI เกี่ยวกับฟีเจอร์ใน ChatGPT หลังประสบความสำเร็จจากฟีเจอร์ Image Generation จนทำให้ผู้ใช้งานต่าง prompt คำสั่งสร้างรูปภาพด้วย AI กันเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เลยเจอปัญหารูปเยอะ หาย้อนหลังลำบาก
ChatGPT เลยเพิ่มฟังก์ชัน Image Library ซึ่งการทำงานก็ตรงตามชื่อ ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูคลังรูปภาพที่เคยสร้างไว้รวมในอัลบั้มเดียว
Image Library รองรับผู้ใช้งาน ChatGPT ทุกประเภททั้งแบบฟรีและเสียเงิน
ที่มา: OpenAI
The Verge อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องหลายรายระบุว่า OpenAI มีโครงการสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเน้นส่งเสริมการใช้เครื่องมือสร้างรูปภาพด้วย AI ของ ChatGPT ซึ่งต้นแบบแรกนั้นลักษณะคล้ายกับ X หรือ Twitter เดิม
รายงานบอกว่า Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ได้นำเสนอต้นแบบโซเชียลเน็ตเวิร์กอันนี้กับบุคคลภายนอกบริษัท เพื่อสอบถามความคิดเห็นไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามต้นแบบดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ รวมทั้งแผนการสร้างโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ก็อาจเป็นเพียงไอเดียเท่านั้น
OpenAI เปิดเผยว่า GPT-4.5 โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะปิดการเข้าถึงใช้งาน API สำหรับนักพัฒนา ตั้งแต่ 14 กรกฎาคมเป็นต้นไป หลังจาก OpenAI เปิดตัวโมเดลใหม่ GPT-4.1 เมื่อคืนนี้
OpenAI บอกว่า GPT-4.1 มีความสามารถการทำงานที่ใกล้เคียงหรือดีกว่า GPT-4.5 ในหลายด้าน ด้วยต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่า ดังนั้นบริษัทจะปิดการใช้งานโมเดลนี้ เพื่อนำทรัพยากรไปโฟกัสที่การพัฒนาโมเดลใหม่ในอนาคตแทน
ปัจจุบันโมเดล GPT-4.5 เปิดให้ใช้งานในสถานะพรีวิวงานวิจัยโดยยังใช้งานได้ต่อไปผ่าน ChatGPT
OpenAI เปิดตัวโมเดล GPT-4.1 เป็นชุดโมเดล LLM สามขนาดปรับปรุงความสามารถจาก GPT-4o ทำให้รองรับอินพุตถึง 1 ล้านโทเค็น และเพิ่มความสามารถด้านการเขียนโปรแกรมจนสูงกว่าโมเดล OpenAI o3-mini ที่ราคาแพงกว่ามาก
ทาง OpenAI โชว์ผลทดสอบของ GPT-4.1 ด้วยการทดสอบ SWE Bench Verified ได้คะแนนถึง 55% (เหลือ 52% ถ้านับข้อที่มีปัญหาระหว่างทดสอบ) สามารถตอบเป็น diff เพื่อการแก้ไขไฟล์ได้ค่อนข้างแม่นยำ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการขยายอินพุตเป็น 1 ล้านโทเค็น ผลทดสอบ needle in haystack สามารถหาข้อมูลได้ทุกจุด
OpenAI เตรียมเพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับการใช้ API ของลูกค้าแบบองค์กร โดยบอกว่าเพื่อให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงโมเดลรุ่นใหม่ที่สุดบนแพลตฟอร์มได้ ขณะที่เดียวยังรักษาความปลอดภัยในการใช้งานได้
ขั้นตอนยืนยันตัวตนสำหรับนักพัฒนาที่ใช้งาน API ขององค์กร OpenAI บอกว่าให้ใช้เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐของประเทศในการยืนยัน เพื่อใช้งาน API สำหรับองค์กรนั้น มีอายุ 90 วัน ทั้งนี้ OpenAI บอกว่าไม่ใช่ทุกหน่วยงานที่ต้องทำการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานแบบนี้ สำหรับคนที่ไม่ทำการยืนยันตัวตน ยังสามารถใช้งานโมเดลปัจจุบันที่ใช้งานอยู่แล้วได้ต่อไป แต่จะไม่สามารถเข้าถึงโมเดล AI ใหม่ที่ออกมาในอนาคตได้
Netflix เริ่มทดสอบระบบค้นหาคอนเทนต์แบบใหม่ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ของ OpenAI มาเสริมในการค้นหาด้วยมิติอื่น จากปัจจุบันระบบค้นหา Netflix เน้นไปที่ ชื่อเรื่อง หรือ ชื่อนักแสดง หรือ ประเภทของเนื้อหา โดยเพิ่มการค้นหาตามลักษณะอารมณ์ของคอนเทนต์นั้นเป็นต้น
ฟีเจอร์นี้เริ่มทดสอบในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ก่อนเฉพาะในแอป iOS ผู้ใช้งานต้องกำหนดเปิดการทำงานเอง (opt-in) สถานะตอนนี้ยังเป็นเบต้าและยังไม่มีกำหนดเปิดใช้งานทั่วโลก เพราะต้องการดูผลตอบรับก่อน
ที่มา: Bloomberg
OpenAI ประกาศแผนยุติการใช้งานโมเดล GPT-4 จากบริการ ChatGPT ทั้งหมด มีผลตั้งแต่ 30 เมษายน 2025 เป็นต้นไป โดยแทนที่ด้วยโมเดล GPT-4o ทั้งนี้ GPT-4 เป็นโมเดลที่ออกมาตั้งแต่เมษายน 2023
OpenAI บอกว่า GPT-4o เป็นโมเดลที่ใหม่กว่า รองรับข้อมูลผสมผสานเป็นพื้นฐาน ในการทดสอบทุกด้านมีความสามารถที่สูงกว่า GPT-4 ไม่ว่าจะเป็นการเขียน, เขียนโค้ด, ตอบปัญหา STEM และอื่น ๆ
GPT-4 จะยังสามารถเข้าถึงได้สำหรับนักวิจัยและนักพัฒนาผ่าน API เท่านั้น ซึ่งเป็นช่องทางเดียวกับการเข้าถึงโมเดลเก่ากว่านั้นเช่น GPT-3.5
OpenAI อัปเดตความสามารถให้ ChatGPT โดยสามารถเรียกความทรงจำหรือข้อมูลแชทในอดีตได้ทั้งหมด เพื่อใช้อ้างอิงเป็นพื้นฐาน ทำให้ได้คำตอบที่ปรับแต่งเข้ากับผู้ใช้งานแต่ละคนได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องป้อนข้อมูลอ้างอิงทุกครั้งเมื่อเริ่มการสนทนาใหม่
OpenAI บอกว่าความสามารถนี้มีประโยชน์มากสำหรับการใช้งาน ChatGPT เพื่อช่วยปรับปรุงการเขียน, การให้คำแนะนำเรื่องต่าง ๆ, วิธีการเรียนรู้เรื่องราว และอื่น ๆ เพราะผลลัพธ์จะเป็นแบบที่ผู้ใช้งานต้องการ
ฟีเจอร์นี้ผู้ใช้งานสามารถปิดการทำงานได้ (opt-out) ซึ่งทำให้ ChatGPT ไม่อ้างอิงแชทในอดีตสำหรับการให้คำตอบ หากผู้ใช้งานต้องการแก้ไขข้อมูลพื้นฐานที่ ChatGPT จดจำอยู่ สามารถถามข้อมูลและสั่งแก้ไขได้ แต่หากต้องการปิดการทำงานชั่วคราวให้ใช้ Temporary Chat