Fitbit รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 ซึ่งพลิกมามีกำไรได้หลังจากขาดทุนมาหลายไตรมาส โดยมีกำไร 10 ล้านดอลลาร์ จากรายได้รวม 393.6 ล้านดอลลาร์
ยอดขายอุปกรณ์ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.5 ล้านชิ้น ซึ่งลดลงจากปีก่อน แต่เนื่องจากราคาเฉลี่ยต่อชิ้นเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น ซึ่งสินค้าหลักก็คือ Versa สมาร์ทวอชที่ราคาไม่สูง ที่ Fitbit บอกว่าในอเมริกาขายดีกว่า Garmin, Samsung และ Fossil
Fitbit ประเมินยอดขายในไตรมาสปัจจุบัน ถึงแม้จะเป็นเทศกาลวันหยุด แต่จำนวนอุปกรณ์ขายได้จะลดลง เนื่องจากมีคู่แข่งสำคัญคือ Apple Watch Series 4 แต่ราคาเฉลี่ยต่อชิ้นจะเพิ่มขึ้นทำให้ภาพรวมรายได้ยังเติบโต
Baidu บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีน รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 รายได้รวม 4.11 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1.80 พันล้านดอลลาร์
Robin Li ซีอีโอ Baidu กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสนี้มีจากการเติบโตทุกส่วนโดยเฉพาะรายได้จาก Feed ที่เพิ่มสูงจากจำนวนทราฟิกที่เพิ่มขึ้นมา เช่นเดียวกับรายได้จากธุรกิจวิดีโอของ Baidu ส่วนแพลตฟอร์ม AI ของบริษัท DuerOS ก็มีอุปกรณ์ที่ลงใช้งานแล้วมากกว่า 141 ล้านเครื่อง และโครงการรถยนต์ไร้คนขับ Apollo ก็อยู่ในการทดสอบระดับ 4 ใน 10 เมืองของจีน
ซัมซุงรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2018 ต่อจากตัวเลขเบื้องต้นที่ให้ออกมาก่อนหน้านี้ ยอดขายรวม 65.46 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13.15 ล้านล้านวอน
กลุ่มธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ (DRAM, NAND, เซ็นเซอร์ภาพ) ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และกำไรหลักให้กับซัมซุง (24.77 ล้านล้านวอน กำไรจากการดำเนินงาน 13.65 ล้านล้านวอน) จากความต้องการสินค้าสูงทั้งฝั่งเซิร์ฟเวอร์และสมาร์ทโฟน
Facebook รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 มีรายได้เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 13,727 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 5,137 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% และมีเงินสดหรือรายการเทียบเท่าในมือ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน (MAUs) อยู่ที่ 2,271 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ส่วนจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) คือ 1,495 ล้านคน ทั้งนี้จำนวนผู้ใช้งานในภูมิภาคยุโรปลดลงไป 1 ล้านคน เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2018 สาเหตุหลักคือ GDPR
ซีอีโอ Mark Zuckerberg ชี้แจงในรายงานผลประกอบการ โดยเน้นไปที่การสร้างแพลตฟอร์มรับส่งข้อความ และแพลตฟอร์ม Stories นอกจากนี้ยังพูดถึงโอกาสในอนาคตทั้งวิดีโอและอีคอมเมิร์ซ
นินเทนโดรายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2018 โดย Nintendo Switch ขายไปได้อีก 3.19 ล้านเครื่อง ทำให้ยอดขายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวอยู่ที่ 22.86 ล้านเครื่อง แซงยอดขายของ GameCube ที่ 21.74 ล้านเครื่อง ไปเป็นที่เรียบร้อย และน่าจะเพิ่มสูงมากอีกเนื่องจากไตรมาสถัดไปเป็นเทศกาลปีใหม่
ส่วนตัวเลขทางการเงิน ยอดขายรวม 2.2 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 3.4 หมื่นล้านเยน
เกมยอดนิยมของค่ายนินเทนโดเองในครึ่งปีแรกคือ Mario Kart 8 Deluxe (2.49 ล้านชุด) และ Mario Tennis Aces (2.16 ล้านชุด)
ในไตรมาสปัจจุบันนินเทนโดจะมีเกมที่ผลิตเองวางจำหน่ายหลายเกม มีไฮไลท์คือ Pokémon และ Super Smash Bros. ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขาย Nintendo Switch ให้เพิ่มมากขึ้นอีก
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2018 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 2.182 ล้านล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 1.73 แสนล้านเยน
กลุ่มธุรกิจเกมถือเป็นกลุ่มที่ทำเงินสูงสุดให้โซนี่ ไตรมาสที่ผ่านมารายได้เพิ่มขึ้นถึง 27% เป็น 5.5 แสนล้านเยน ซึ่งมาจากสองเกมทำเงินคือ God of War และ Spider-Man
กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีสินค้าหลักคือเซ็นเซอร์กล้องสมาร์ทโฟน เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง รายได้เพิ่มขึ้น 11% เป็น 2.54 แสนล้านเยน จากยอดขายที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง และการเน้นขายสินค้ากลุ่มมูลค่าเพิ่มสูง
อินเทลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 มีรายได้ทำสถิติใหม่สูงสุด 19,163 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6,398 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจทั้งหมดมีการเติบโตทั้งสิ้น โดยธุรกิจหลัก Client Computing มีรายได้ 10,234 ล้านดอลลาร์, กลุ่ม Data Center รายได้ 6,139 ล้านดอลลาร์, IoT 919 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มหน่วยความจำ 1,081 ล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Bob Swan ซึ่งรักษาการแทนตำแหน่งซีอีโอที่ยังว่างอยู่ อัพเดตสถานการณ์ซีพียู 10 นาโนเมตร ว่ายังคงอยู่ตามแผนงาน รวมทั้งเริ่มแผนการลงทุนพัฒนาซีพียู 7 นาโนเมตรในปีหน้าด้วย
ที่มา: อินเทล
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3/2018 รายได้รวม 33,740 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,192 ล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนใหญ่ของกูเกิลยังคงมาจากธุรกิจโฆษณา (คิดเป็น 86% ของรายได้รวม) ส่วนกลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets อยู่ที่ 146 ล้านดอลลาร์ แต่ส่วนธุรกิจนี้ก็ยังขาดทุนอีก 727 ล้านดอลลาร์
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ภาพรวมรายได้เติบโต 29% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 56,576 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,883 ล้านดอลลาร์
AWS ที่เป็นธุรกิจเติบโตสูงและสร้างกำไรให้ Amazon ในหลายไตรมาสที่ผ่านมา ไตรมาสนี้รายได้ 6,679 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 46% และคิดเป็น 12% ของรายได้รวม อัตรากำไรเฉพาะส่วนนี้อยู่ที่ 31% สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี
กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รายได้ของอเมริกา 34,348 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35% ส่วนต่างประเทศ 15,549 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% แต่ยังขาดทุน เพียงแต่ลดน้อยลง
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 มีรายได้รวม 758 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 106 ล้านดอลลาร์ แต่หากรวมรายการพิเศษกลับค่าภาษี ก็จะมีกำไรถึง 789 ล้านดอลลาร์
Jack Dorsey ซีอีโอ Twitter กล่าวว่าบริษัทยังดำเนินงานได้ผลดีในการทำให้ Twitter เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแรงและมีคุณค่าในการใช้งานทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อความสแปมและบัญชีต้องสงสัยต่าง ๆ รวมทั้งปรับปรุงแอปให้คนใช้งานง่ายขึ้นเวลาต้องการติดตามเหตุการณ์ หัวข้อ หรือสิ่งที่สนใจ
Tesla รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 ซึ่ง Tesla บอกว่าถือเป็นไตรมาสประวัติศาสตร์ของบริษัท เพราะรถยนต์ Model 3 ได้กลายเป็นรถยนต์ที่ทำรายได้สูงสุดในอเมริกา และเป็นอันดับ 5 ในแง่จำนวนคันที่ขายได้ จากกำลังการผลิตเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4,300 คัน
ในด้านตัวเลขทางการเงินก็ออกมาดีเช่นกัน มีรายได้รวม 5,878 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 312 ล้านดอลลาร์ จากที่ขาดทุนต่อเนื่องมาหลายไตรมาส ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สามในประวัติศาสตร์บริษัทที่มีกำไร นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นอีก 881 ล้านดอลลาร์
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2018 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,653 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าถือเป็นไตรมาสที่ห้าติดต่อกันที่ AMD มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น จากยอดขายที่เติบโตของ Ryzen, EPYC และผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์ข้อมูล
รายได้จากกลุ่ม Computing and Graphics เพิ่มขึ้น 12% เป็น 938 ล้านดอลลาร์ โดยมาจากสินค้ากลุ่ม Ryzen ขณะที่ยอดขาย GPU ลดลง ส่วนรายได้ของกลุ่ม Enterprise, Embedded and Semi-Custom ลดลง 5% เป็น 715 ล้านดอลลาร์ จากยอดขายที่ลดลงของกลุ่ม Semi-Custom แต่ได้กลุ่มเซิรฟเวอร์ที่เติบโตมาช่วย
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้รวม 29,084 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,824 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลักของไมโครซอฟท์เป็นดังนี้
PayPal รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2018 รายได้โต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 3,683 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 694 ล้านดอลลาร์
จำนวนบัญชีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 9.1 ล้านบัญชี จำนวนธุรกรรม 2.5 พันล้านคำสั่ง และมีปริมาณการจ่ายเงินผ่านระบบ (TPV - total payment volume) 1.43 แสนล้านดอลลาร์ ค่าเฉลี่ยการทำธุรกรรมต่อบัญชีคือ 36.5 ครั้งต่อปี และรายการธุรกรรมผ่านมือถือคิดเป็น 40% ของธุรกรรมทั้งหมด
Dan Schulman ซีอีโอ PayPal กล่าวว่าความร่วมมือกับ American Express และ Walmart จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า PayPal รวมทั้งโครสร้างการเงินที่แข็งแกร่งจะเสริมให้บริษัทมีนวัตกรรมและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Netflix รายงานตัวเลขผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2018 รายได้รวมเติบโต 34.0% เป็น 3,999 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 403 ล้านดอลลาร์
จำนวนสมาชิกในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 6.96 ล้านคน รวมเป็น 137.10 ล้านคน โดยเป็นสมาชิกนอกอเมริกา 78.64 ล้านคน ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวรวมผู้สมัครสมาชิกที่ใช้งานฟรีเดือนแรกแบบยังไม่ได้เสียเงินด้วย (ถ้าคิดเฉพาะที่จ่ายเงินมี 130.42 ล้านคน) ซึ่ง Netflix บอกว่าตั้งแต่ไตรมาส 1/2019 บริษัทจะรายงานเฉพาะตัวเลขสมาชิกที่เริ่มจ่ายเงินเท่านั้น
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2018 รายได้รวมลดลง 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 18,756 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,694 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไอบีเอ็มกลับมารายได้ลดลงอีกครั้ง จากที่มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกัน
รายได้ส่วนใหญ่ของไอบีเอ็มมาจากกลุ่ม Technology Services and Cloud Platforms รายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 8,292 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% ส่วนกลุ่ม Cognitive Solutions และ Global Business Services มีรายได้ 4,148 ล้านดอลลาร์ (-6%) และ 4,130 ล้านดอลลาร์ (-1%) ตามลำดับ
ที่มา: ไอบีเอ็ม
ดีแทครายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2561 รายได้รวม 17,963 ล้านบาท ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมาจากทั้งการลดลงของรายได้การขายโทรศัพท์ และรายได้จากการให้บริการ และสุทธิแล้วขาดทุน 921 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงรายการพิเศษจากค่าตัดจำหน่ายที่เป็นผลจากการระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมกับ กสท.
จำนวนฐานลูกค้าของดีแทคอยู่ที่ 21.3 ล้านเลขหมาย ลดลงจากไตรมาส 2/2561 ไป 3.13 แสนเลขหมาย ดีแทคอธิบายว่าเป็นผลจากการแข่งขันที่สูง ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้น 6.7% เป็น 247 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน
ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 คาดยอดขายรวม 65 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานราว 17.5 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งอาจทำให้ไตรมาสนี้ซัมซุงทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยสูงกว่าสถิติเดิมในไตรมาส 1/2018
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (มิถุนายน-สิงหาคม 2018) รายได้รวม 9,193 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,265 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6%
รายได้หลักของออราเคิลตอนนี้มีจากกลุ่มธุรกิจบริการคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ โต 3% เป็น 6,609 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากไลเซนส์คลาวด์และไลเซนส์แบบ on-premise ลดลง 3% เป็น 867 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลง 4% เป็น 904 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Mark Hurd กล่าวว่าออราเคิลยังเพิ่มส่วนแบ่งในตลาด ERP บนคลาวด์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ มีลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ Oracle Fusion ERP มากขึ้น เป็นกว่า 5,500 รายแล้ว ขณะที่ NetSuite ERP มีลูกค้ากว่า 15,000 ราย
อโดบีรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2018 (มิถุนายน-สิงหาคม) รายได้รวมยังคงทำสถิติใหม่สูงสุดอีกไตรมาส 2,291 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 666 ล้านดอลลาร์
ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Creative ยังคงเป็นตัวทำเงินหลักให้บริษัท รายได้ส่วนนี้ 1,360 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Document Cloud ก็เติบโตสูงเช่นกัน มีรายได้ 249 ล้านดอลลาร์
แนวโน้มที่ยังคงเป็นต่อเนื่องของอโดบีคือการขายซอฟต์แวร์แบบ Subscription ส่วนนี้รายได้โต 28% ส่วนการขายไลเซนส์แบบเดิมลดลง 6%
HPE หรือ Hewlett Packard Enterprise รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2018 (พฤษภาคม-กรกฎาคม) รายได้รวม 7,764 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 451 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Antonio Neri กล่าวว่าผลลัพธ์นี้พิสูจน์ว่า HPE มีกลยุทธ์ที่ถูกทางในการส่งมอบคุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้า จากผลงานที่ยอดเยี่ยมในทุกส่วนธุรกิจ
รายได้ส่วนของ HPE มาจากกลุ่มที่ชื่อ Hybrid IT ประกอบด้วย เซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ และอุปกรณ์เครือข่าย รายได้ส่วนนี้โต 3% ส่วนกลุ่ม Intelligent Edge (HPE Aruba) เติบโต 10% และกลุ่ม Financial Services โต 3%
Box บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (พฤษภาคม-กรกฎาคม) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 148.2 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 38.1 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย
บริการคลาวด์สตอเรจของ Box นั้นเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าจ่ายเงินมากกว่า 87,000 ราย และปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ระดับเกิน 5 แสนดอลลาร์ ได้ถึง 11 รายในไตรมาสที่ผ่านมา อาทิ Canon U.S.A., เมืองแอตแลนต้า และ Lionsgate
VMware รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2018 รายได้รวม 2,174 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 644 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Pat Gelsinger กล่าวว่า ไตรมาสนี้เป็นอีกไตรมาสที่แข็งแกร่ง เห็นโมเมนตัมที่ดีในทุกผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งในลูกค้าทุกกลุ่มภูมิภาค อีกทั้งลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดี ให้ VMware เป็นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล
รายได้จากไลเซนส์ของ VMware อยู่ที่ 900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% ขณะที่รายได้จากค่าบริการอยู่ที่ 1,274 ล้านดอลลาร์
ที่มา: VMware
HP Inc. รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2018 มีรายได้รวม 14,586 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 880 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจ Personal Systems มีรายได้เพิ่มขึ้น 12% โดยรายได้จากโน้ตบุ๊กเพิ่ม 13% เป็นจำนวนเครื่องที่เพิ่มขึ้น 6% ส่วนเดสก์ท็อป รายได้เพิ่มขึ้น 12% และจำนวนเครื่องเพิ่มขึ้น 7% ถ้าแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้า ลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้น 13% และลูกค้าบุคคล 10%
ส่วนกลุ่มธุรกิจพรินเตอร์มีรายได้เพิ่มขึ้น 11% และจำนวนเครื่องขายได้มากขึ้น 12%
ที่มา: HP Inc.
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2018 มีรายได้รวม 12,229 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,038 ล้านดอลลาร์
การเติบโตด้านรายได้ที่สูงมากของ Alibaba นั้นทำให้บริษัทเติบโตสูงสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอเมริกาและจีน ที่เรียกย่อว่า FAANG และ BAT (Facebook, Amazon, Apple, Netflix, Google, Baidu, Alibaba และ Tencent)
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่าเป็นอีกไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของ Alibaba จากการขยายจำนวนผู้ใช้งาน และกินส่วนแบ่งในธุรกิจค้าปลีกที่มากขึ้น โดยมีการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจ ทั้งธุรกิจหัวใจอย่างค้าปลีก, คลาวด์, ดิจิทัลมีเดีย และสื่อบันเทิง โดยกลุ่มค้าปลีกเติบโต 61% ส่วนบริการคลาวด์โตถึง 93%