ประเด็นน่าสนใจจากงานแถลงผลประกอบการ Tesla ไตรมาส 1/2025 ที่รายได้จากรถยนต์ลดลงถึง 20% ข่าวที่คนสนใจที่สุดคงเป็นเรื่อง Elon บอกว่าจะลดงานของตัวเองที่ DOGE ลง

Elon Musk ยังพูดถึงประเด็นการประท้วง Tesla ทั่วโลก ด้วยคำตอบเดิม ว่าผู้ประท้วงนั้นถูกจัดตั้งและรับเงินมาประท้วง

กรณีข่าว Xiaomi ประกาศเลื่อนการเปิดตัว YU7 รถ SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกไป หลังเกิดอุบัติเหตุรถ SU7 เปิด Autopilot ชนแท่งปูนเสียชีวิต 3 ราย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ล่าสุด Xiaomi ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยังมีแผนเปิดตัวในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ ประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยขับ และความปลอดภัยของแบตเตอรี่ของ Xiaomi เป็นที่ถกเถียงอย่างมาก กระทบโครงการ EV มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ฯ ที่มุ่งแข่งขันกับ Tesla และ BYD ในตลาด EV ของจีน

CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (sodium-ion) แบรนด์ใหม่ Naxtra โดยจะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตหลักในเดือนธันวาคมนี้

CATL เคยทำแบตเตอรี่ sodium-ion มาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนแบตเตอรี่แบรนด์ Naxtra นี้มีความจุพลังงาน 175 วัตต์-ชั่วโมง ต่อกิโลกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ LFP ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งจุดเด่นของแบตเตอรี่ sodium-ion คือต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่แบบ lithium-ion และเหมาะกับสภาพพื้นที่อากาศเย็นมากกว่า

นอกจากนี้ CATL ยังเปิดตัวระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่เร็วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ สามารถชาร์จ 5 นาที รองรับระยะทางวิ่ง 520 กิโลเมตร สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 80% ได้ในเวลา 15 นาที ในสภาพอากาศเย็น

Reuters อ้างแหล่งข่าวว่า Tesla ต้องเลื่อนการวางขายรถยนต์ Model Y ตัวใหม่เวอร์ชันราคาถูก จากเดิมที่ตั้งเป้าจะขายภายในครึ่งแรกของปี 2025

รถรุ่นที่ว่านี้คือ Model Y โฉมใหม่ที่เราเรียกกันว่า Juniper ส่วนรถรุ่นที่ต้องเลื่อนออกไป เป็นรุ่นถูกลงโดยตัดฟีเจอร์หลายส่วนออกไป มีขนาดเล็กลง ใช้วัสดุราคาถูกลง ต้นทุนการผลิตลดลง 20% จากเดิม มีโค้ดเนมภายในบริษัทว่า E41 แต่เหตุผลในการเลื่อนยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร

แหล่งข่าวของ Reuters บอกว่า Tesla ตั้งเป้าผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในสหรัฐจำนวน 250,000 คันในปี 2026 รวมถึงจะขยายไปผลิตในยุโรปและจีนต่อด้วยในระยะถัดไป

Tesla เริ่มเสียพื้นที่ในตลาดรถ EV ของแคลิฟอร์เนีย (บ้านเกิดของ Tesla) ในไตรมาสแรกของปี 2025 หลังจำนวนรถจดทะเบียนใหม่ในรัฐลดลง 15.1% ซึ่งร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้ารถยนต์ใหม่รัฐแคลิฟอร์เนีย (CNCDA) พบว่าส่วนแบ่งตลาดรถ EV ของ Tesla ในแคลิฟอร์เนียก็ลดลงจาก 55.5% เหลือ 43.9% เทียบจากปีก่อน สวนทางยอดขายรถ EV ทั้งหมดในรัฐที่เพิ่มขึ้น 7.3% และยอดจดทะเบียนรถใหม่โดยรวมเพิ่มขึ้น 8.3%

จากกรณีรถ SU7 ของ Xiaomi เปิด Autopilot ชนแท่งปูนเสียชีวิต 3 ราย นักวิเคราะห์แนะว่าควรมีการสอนใช้ระบบโหมดช่วยขับ Navigate on Autopilot (NoA) ให้กับผู้ขับขี่หลายล้านคน เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบความปลอดภัยและชีวิตของผู้โดยสาร รวมทั้งรู้สึกตื่นตัวเต็มที่ตลอดเวลาแม้กำลังใช้ระบบอยู่

ด้าน Lei Jun ซีอีโอ Xiaomi โพสต์บน Weibo รายงานความคืบหน้าว่า บริษัทได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนของตำรวจ โดยจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ตามข้อกังวลของลูกค้าทุกคน ซึ่งทางบริษัทได้รับฟีดแบคแล้ว และจะนำไปปรับปรุงอย่างแน่นอน

Xiaomi แถลงพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนอุบัติเหตุที่มณฑลอานฮุย หลังรถสปอร์ตไฟฟ้า SU7 เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา

Xiaomi ระบุว่าก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลา 22:27 น. รถกำลังแล่นอยู่บนทางด่วน Dezhou-Shangrao ที่ความเร็ว 116 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยโหมดช่วยขับ Navigate on Autopilot ก่อนจะมาถึงบริเวณที่มีการก่อสร้างเวลาประมาณ 22:44 น. ซึ่งเลนถูกปิดและมีทางเบี่ยง โดยคนขับพยายามชะลอรถและหมุนพวงมาลัยแต่ก็ชนเข้ากับแท่งปูนด้วยความเร็ว 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเกิดเพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน (ดูรูปในที่มา) ส่งผลให้คนในรถ 3 คนเสียชีวิต

European Automobile Manufacturers Association (ACEA) เผยสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในยุโรปของเดือนกุมภาพันธ์ 2025

บริษัทวิจัยตลาดรถยนต์ Cox Automotive ให้ข้อมูลตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ในสหรัฐอเมริกา ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ถ้านับเฉพาะรถใหม่ขายได้ 95,692 คัน เติบโตขึ้น 10.5% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2024 และถือเป็นยอดขาย EV สูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์เท่าที่เคยเก็บสถิติกันมา

หากดูภาพรวมทั้งตลาด ยอดขาย EV คิดเป็น 7.7% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐ (รถยนต์น้ำมัน 93.8%)

Reuters อ้างข้อมูลจาก เว็บไซต์ซื้อขายรถ Edmunds ว่าจำนวนการนำรถยี่ห้อ Tesla มาเทรดเป็นรถยี่ห้ออื่นนั้นเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

Edmunds บอกว่าเดือนมีนาคม 2024 มีคนนำ Tesla มาเทรดคิดเป็น 0.4% ของรถยนต์ทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม แต่ตัวเลขเพิ่มเป็น 1.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 1.4% ในเดือนมีนาคม (นับเฉพาะครึ่งแรกของเดือน) สูงที่สุดเท่าที่ Edmunds เคยเจอมาของแบรนด์ Tesla และบริษัทคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งหลังของเดือนนี้

Tesla ประกาศเรียกคืน (recall) รถกระบะ Cybertruck ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากขอบโลหะด้านนอก เหนือประตูรถ (ที่เรียกกันว่า cant rail หรือ external trim panel) มีโอกาสหลุดได้ระหว่างการขับขี่ และอาจเป็นอันตรายบนท้องถนนได้ ปัญหานี้เป็นผลจากการติดกาวที่ไม่ดีมากพอในตอนประกอบรถ

ถึงแม้ประกาศนี้ใช้คำว่า recall แต่ก็เป็นไปตามความสมัครใจของเจ้าของรถ ประกาศนี้ถือเป็น recall ครั้งที่ 8 ของ Cybertruck นับตั้งแต่เริ่มออกขายมา (ข่าวรอบก่อนๆ, ข้อมูลการ recall ทั้งหมดดูได้จากเว็บไซต์ NHTSA) โดยผู้ที่นำรถไปเข้าศูนย์บริการจะได้เปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ฟรี

Nio บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศความร่วมมือกับ CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก เพื่อขยายสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้ามาที่ศูนย์บริการและสลับแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอชาร์จไฟฟ้า

บนความร่วมมือนี้ CATL จะซื้อหุ้นของ Nio เป็นมูลค่า 2,500 ล้านหยวน ส่วน Nio จะนำเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่ Choco-swap ของ CATL มาใช้กับโมเดลที่ออกในอนาคตภายใต้แบรนด์ Firefly นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังตกลงร่วมมือวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีอายุยาวนานมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนสำหรับลูกค้า เป้าคือให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุใช้งานเฉลี่ย 15 ปี

Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2024 สิ้นสุดเดือนธันวาคม รายได้รวม 109,005.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 48.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิแบบ Non-IFRS 8,316.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 69.4% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทที่มีรายได้มากกว่าแสนล้านหยวนภายในหนึ่งไตรมาส

การเติบโตสูงของรายได้ Xiaomi มาจากทุกส่วนธุรกิจ โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ามีรายได้รวมกับกลุ่มธุรกิจริเริ่มใหม่ (New Initiatives) 16,661.7 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 15.3% ของรายได้รวม Xiaomi มีกำไรขั้นต้น 3,406.9 ล้านหยวน

T-Online เปิดผลสำรวจชาวเยอรมนีจำนวน 100,000 คน พบว่ากว่า 94% บอกว่าตนจะไม่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla และมีแค่ 3% ที่บอกว่าจะยังซื้อรถ Tesla อยู่

ผลสำรวจนี้สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อแบรนด์ สอดคล้องกับยอดขาย 2 เดือนแรกของปีนี้ในเยอรมนีที่ลดลงกว่า 70% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกับของปีก่อน

ในภาพรวม ยอดขาย Tesla ปี 2024 ในเยอรมนีลดลงกว่า 41% จากปีก่อนหน้า แม้ตลาด EV รวม ๆ จะโตขึ้น 27% โดยมีเหตุผลจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น การแข่งขันที่รุนแรงเพราะผู้เล่นจากจีน การเปลี่ยนลุคใหม่ของ Model Y ทำให้คนชะลอการซื้อลงเพื่อรอรุ่นใหม่ ตลอดจนการออกตัวสนับสนุนพรรค AfD ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดในเยอรมนี

BYD เปิดตัวแพลตฟอร์มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Super E-Platform ที่สามารถชาร์จเร็วสูงสุดระดับ 1,000 กิโลวัตต์ ทำให้การชาร์จ 5 นาที รองรับระยะทางวิ่ง 400 กิโลเมตร

Wang Chuanfu ผู้ก่อตั้ง BYD กล่าวว่าการชาร์จเร็วที่ระดับนี้ น่าจะช่วยแก้ปัญหาที่หลายคนยังไม่อยากใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองการเสียเวลาชาร์จ ซึ่งที่ระยะเวลาชาร์จเท่านี้ก็รวดเร็วในระดับใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันของรถสันดาปแล้ว และถือเป็นครั้งแรกที่มีการชาร์จไฟเร็วระดับเมกะวัตต์

แพลตฟอร์มชาร์จเร็วแบบใหม่นี้ BYD จะเริ่มใช้กับรถยนต์ใหม่ 2 รุ่นคือ Han L ที่เป็นรถซีดาน และ Tang L ที่เป็น SUV นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนตั้งจุดชาร์จเร็วให้ได้ 4,000 จุด ทั่วประเทศจีนด้วย

ยอดขายรถ EV ทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนหน้า โดยมีจีนเป็นผู้นำตลาด คิดเป็น 75% ของยอดขาย EV ทั่วโลก และยอดซื้อเพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แนวโน้มตลาด EV ในจีนกำลังเปลี่ยนไปสู่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) หลังมียอดขายเพิ่มขึ้น 46% มากกว่ายอดขายรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่เพิ่มขึ้น 22% หลังรถรุ่นใหม่ของ BYD, Xiaomi, Xpeng, และ Zeekr กำลังมาแรง โดยในช่วงสองเดือนแรกของปี 2025 จีนมียอดขาย EV 1.4 ล้านคัน คิดเป็น 60% ของยอดขายทั่วโลก

สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) บอกว่าปี 2024 สัดส่วนการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย คิดเป็น 12% ของ GDP ประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1.02 ล้านล้านบาท และกำลังการผลิตมากกว่า 1.9 ล้านคันต่อปี

สุพจน์ สุขพิศาล รองเลขาธิการ TAPMA บอกว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติด Top 10 ของโลก เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ผู้ผลิตไทยปรับตัวตามแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ รวมทั้งแรงงานมีทักษะสูง

โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ และมีผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนยานยนต์กว่า 1,686 ราย แบ่งเป็น

แม้ช่วงนี้ Tesla เจอกับมรสุมข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก ทั้งยอดขายลดลงในหลายประเทศ การประท้วงหน้าโชว์รูมหลายรอบ เจ้าของ Tesla เริ่มขายรถ-หุ้นทิ้ง บางคนถึงขั้นเปลี่ยนโลโก้เป็นแบรนด์อื่น เพราะไม่อยากโดนกลุ่มแอนตี้เพนต์สีรถ แต่ยกเว้นสหราชอาณาจักรที่ยังมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

The Guardian มีบทสัมภาษณ์เจ้าของรถยนต์ Tesla รายหนึ่งชื่อว่า Filipos อาศัยอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เขาบอกว่าตัวเองเป็น "แฟนบอย Tesla ที่แท้จริง" เป็นเจ้าของ Model 3 Performance และจอง Cybertruck ด้วย

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว Filipos เปลี่ยนใจไปซื้อรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 Lightning และขาย Model 3 เปลี่ยนไปใช้ Honda Acura แทน ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการขับรถที่เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเลวร้าย (something so awful) อย่างการสนับสนุนนาซี การขับรถแบรนด์นี้ถือเป็นการโฆษณาให้บริษัทไปโดยปริยาย

Filipos ถือเป็นตัวแทนคนหนึ่งของกลุ่มผู้ขับ Tesla ที่ตอนนี้เปลี่ยนใจ ขายรถ เลิกเช่า ขายหุ้นทิ้ง ฯลฯ ซึ่งจุดเปลี่ยนของทุกคนคล้ายๆ กันคือ Elon ทำท่านาซี

ข่าว Elon ประจำวันเอาใจแฟนๆ ใน Blognone

เมื่อคืนนี้ ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงหนักเกือบ 8% ด้วยเหตุผลว่านักลงทุนกังวัลเรื่อง ยอดขายในยุโรปลดลง 45% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สวนทางกับยอดขายรถยนต์ EV ในยุโรปที่เติบโตขึ้น 37.3%

ผลจากราคาหุ้นที่ลดลง ทำให้มูลค่าบริษัท (market cap) ของ Tesla ตอนปิดตลาด ลดต่ำลงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือ 9.74 แสนล้านดอลลาร์ หลุดสถานะความเป็น Trillion Dollar Company ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 หลัง Donald Trump ชนะเลือกตั้ง

สถิติยอดขายรถยนต์ในประเทศจีน เดือนมกราคม 2025 ค่าย Tesla มียอดขายลดลง 11.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ BYD กลับทิศกันคือเติบโต 47%

ยอดขายเป็นจำนวนคันของ Tesla คือ 63,238 คัน ส่วน BYD ขายได้ 296,446 คัน ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจีนยี่ห้ออื่นๆ อย่าง Changan และ Xpeng ก็เติบโตเช่นกัน

ที่มา - CNBC

ออสเตรเลียเผยยอดขายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 2025 พบว่ายอดส่งมอบของ Tesla ลดลง 33% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือส่งมอบได้ 739 คัน

ปัญหาของ Tesla เกิดจาก Model 3 ที่ยอดขายลดลงหนักถึง 63% ในขณะที่ยอดส่งมอบ Model Y เพิ่มขึ้น 20%

หากดูตัวเลขทั้งปี 2024 ยอดขายของ Tesla ลดลง 17%

ยอดขายของ Tesla ลดลงหนักในหลายๆ ประเทศ ข่าวก่อนหน้านี้คือ ยอดขายในเยอรมนีตกลง 59.5% ถ้านับรวมยุโรปทั้งหมดลดลง 50.4%

ที่มา - Electrek

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป ACEA ออกรายงานสถิติยอดขายรถยนต์ในทวีปยุโรปปี 2024 ภาพรวมขายได้ 10.6 ล้านคัน เติบโต 0.8% จากปี 2023 โดยยอดขายในบางประเทศหดตัว เช่น ฝรั่งเศส -3.2%, เยอรมนี -1% ในขณะที่สเปนเติบโต 7.1%

ถ้าดูสัดส่วนยอดขายตามประเภทของรถยนต์ รถน้ำมันเบนซินยังครองส่วนแบ่งสูงสุด 33%, ตามด้วยรถยนต์ไฮบริด (HEV) 30.9% และรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) 13.6% ประเด็นที่น่าสนใจคือยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน BEV เริ่มลดลงในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส กลายเป็นตลาดรถยนต์ไฮบริด (ทั้ง HEV และ PHEV) เติบโตมากขึ้นแทน

พบกันปีละครั้งกับ AFEELA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของ Sony Honda Mobility (SHM) บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่โซนี่ร่วมลงทุนกับฮอนด้า

รอบนี้ SHM เปิดราคาอย่างเป็นทางการของรถยนต์รุ่นแรก AFEELA 1 พร้อมเปิดให้จองแล้วในราคามัดจำ 200 ดอลลาร์ SHM ยังประกาศช่วงเวลาส่งมอบรถจริงได้คร่าวๆ ช่วงต้นปี 2026 (ญี่ปุ่น) และกลางปี 2026 (สหรัฐอเมริกา) มีระยะวิ่งสูงสุด 300 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

AFEELA 1 มีให้เลือก 3 สีคือ เทา Tiday Grey, ขาว Calm White และดำ Core Black แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ

Jim Farley ซีอีโอของ Ford เปิดเผยในรายการสัมภาษณ์ของช่อง Everything Electric Show ว่าเขานำรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 ไปลองขับมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว และมันดีจนเขาไม่อยากคืนรถเลย

Farley เปิดเผยว่า Ford นำเข้ารถยนต์ Xiaomi SU7 จากเซี่ยงไฮ้มาที่ชิคาโก 1 คันให้เขาใช้งาน ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนนำหน้าโลกตะวันตกไปไกลแล้ว จากนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เมื่อ 10 ปีก่อน โดย Farley ชี้ว่า 70% ของรถยนต์ไฟฟ้าที่วางขายกันทั่วโลกผลิตในจีน และจีนเก่งเรื่องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริดกับน้ำมัน ที่มีระยะวิ่งไกล เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่สถานีชาร์จยังไม่ทั่วถึง