Huawei ประกาศร่วมทุนกับ Changan Automobile ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของจีน ก่อตั้งบริษัทย่อยพัฒนารถยนต์อัจฉริยะชื่อ Shenzhen Yinwang Intelligent Technology มีทุนจดทะเบียน 1 พันล้านหยวน มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์อัจฉริยะ, การผนวกบริการเข้ากับระบบ AI และการพัฒนาซอฟต์แวร์ AI
ตามรายงานของ South China Morning Post บริษัทใหม่นี้จะอยู่ภายใต้การบริหารของ Huawei โดยจะผสานรวมเทคโนโลยี และทรัพยากรของ Huawei และ Changan เข้าด้วยกัน
Hertz ผู้ให้บริการรถเช่ารายใหญ่ของโลก ประกาศนำรถยนต์ไฟฟ้าที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และหมดอายุขัยการใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 20,000 คันในสหรัฐ (คิดเป็นราว 1/3 ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ Hertz มีทั่วโลก) ออกมาประมูลขายตลอดทั้งปี 2024
กูเกิลอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ให้ Android Auto ระบบแสดงข้อมูลบนหน้าจอรถยนต์ ฟีเจอร์สำคัญคือ Android Auto สามารถแสดงแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ของรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้แล้ว สามารถสั่งให้นำทางด้วย Google Maps แล้วพยากรณ์ได้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือกี่เปอร์เซนต์ตอนเดินทางถึงที่หมาย รวมถึงแนะนำจุดชาร์จระหว่างทางให้ด้วย
ฟีเจอร์แสดงแบตเตอรี่จะใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าค่าย Ford ก่อนคือ Ford Mustang Mach-E และ Ford F-150 Lightning ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ จะตามมาในภายหลัง
บริษัทรถยนต์จีน Anhui Jianghuai Automobile Group หรือชื่อย่อ JAC Group เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กแบรนด์ Yiwei EV ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่แบบ sodium-ion
แบตเตอรี่แบบ sodium-ion มีข้อดีเหนือแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ตรงที่ต้นทุนต่ำกว่า ปลอดภัยกว่า อัตราการคลายประจุ (discharge rate) ช้ากว่า และทำงานในอุณหภูมิต่ำได้ดีกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยข้อเสียคือชาร์จช้ากว่า มีความหนาแน่นของพลังงาน (energy density) ต่ำกว่า มันจึงเหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือสกู๊ตเตอร์
แบตเตอรี่ของ Yiwei EV ผลิตโดยเซลล์จากบริษัท HiNa Battery และจัดวางแบบแผงรังผึ้งด้วยเทคโนโลยีของ JAC เอง
Samsung ประกาศความร่วมมือกับ Hyundai Motor Group ขยายการทำงานอุปกรณ์ SmartThings ให้รองรับกับรถยนต์และรถไฟฟ้าของ Hyundai Group
ทั้ง 2 บริษัทจะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาบริการ Home-to-Car และ Car-to-Home รวมถึงบริการจัดการพลังงานภายในบ้านแบบครบวงจร โดยเริ่มจากการเชื่อมต่ออุปกรณ์ SmartThings ของซัมซุง เข้ากับรถยนต์จาก Hyundai และ Kia
นอร์เวย์เป็นประเทศแถวหน้าของโลกในแง่การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า สถิติยอดขายรถยนต์ของนอร์เวย์ปี 2023 มีรถยนต์ไฟฟ้าขายได้ 104,590 คัน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 82.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด 126,953 คัน (ทะลุ 80% ต่อปีเป็นครั้งแรก)
ถึงแม้ตัวเลขรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสัดส่วนดูเพิ่มขึ้น แต่จำนวนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2023 กลับลดลงจากปี 2022 (กลุ่มรถยนต์ BEV ลดลง 24.4%) อันเป็นผลมาจากตลาดรถยนต์ในภาพรวมที่หดตัวลง 27.2%
แบรนด์รถยนต์ยอดนิยมอันดับหนึ่งคือ Tesla มีส่วนแบ่งตลาด 20% เพิ่มขึ้นมากจากปีก่อนหน้าที่มีส่วนแบ่ง 12.2% โดยรถรุ่นที่ขายดีที่สุดคือ Model Y ขายได้ทั้งหมด 23,085 คัน ตามด้วยอันดับสอง VW ID.4 จำนวน 6,614 คัน, Skoda Enyaq จำนวน 5,740 คัน, Toyota bZ4X จำนวน 5,395 คัน
หลังจากทั้ง BYD และ Tesla รายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์นับถึงสิ้นปี 2023 กันครบแล้วเมื่อวานนี้ ทำให้ตอนนี้ BYD สามารถแซงหน้า Tesla ด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ได้อย่างเป็นทางการแล้ว
ตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ BYD ในไตรมาส 4/2023 (ไม่นับรวมไฮบริด) คือ 526,400 คัน ส่วน Tesla ในไตรมาสเดียวกันคือ 484,500 คัน ถึงแม้ตัวเลขฝั่ง Tesla เองถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท แต่ BYD ผลิตได้เยอะเป็นประวัติการณ์ยิ่งกว่า ทำให้ BYD แซงหน้า Tesla ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกถ้านับยอดขายรายไตรมาส
BYD รายงานข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น สรุปยอดขายรถยนต์ตลอดทั้งปี 2023 จำนวน 3,012,906 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) จำนวน 1,574,822 คัน และแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จำนวน 1,438,084 คัน ภาพรวมคือเติบโตขึ้น 62.3% จากปี 2022 และประสบความสำเร็จทำยอดขายได้ตามเป้า 3 ล้านคันที่ตั้งไว้
ยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลกของ BYD แซงหน้า Tesla มาได้ตั้งแต่กลางปี 2022 แต่ถ้านับเฉพาะรถยนต์แบบ BEV อย่างเดียว Tesla ยังนำมาตลอด จนถึงไตรมาส 3/2023 ที่ยอดขาย BEV ของ BYD เข้ามาใกล้เคียงกับ Tesla มากแล้ว คงต้องรอดูตัวเลขยอดขายไตรมาส 4/2023 ของฝั่ง Tesla ว่าจะออกมามากน้อยแค่ไหน
Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 (ย่อมาจาก Speed Ultra) รถยนต์ซีดาน มาพร้อมตัวเลือก 3 สี คือ Aqua Blue, Mineral Gray และ Vendant Green สเป็กระดับซูเปอร์คาร์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.78 วินาที สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 800 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 101kwh
Xiaomi SU7 มีสองรุ่นย่อยคือ
Xiaomi ประกาศจัดงานเปิดตัวเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi EV ในวันที่ 28 ธันวาคม 2023 เวลา 13:00น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่ง Lei Jun ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Xiaomi ย้ำว่าเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น ไม่มีการเปิดตัวรถยนต์ในงาน
Xiaomi ประกาศเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2021 และรายงานความคืบหน้าในปีถัดมาว่าได้เพิ่มทั้งพนักงาน เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยบอกว่าจะมีรถยนต์ออกมาในปี 2024 ซึ่งก็มีข่าวลือเบื้องต้นของสเป็กและราคาออกมาเมื่อต้นปี
Volkswagen Group เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดที่ประกาศรองรับหัวชาร์จ Tesla (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ North American Charging Standard หรือ NACS) ในตลาดสหรัฐอเมริกา
ประกาศนี้มีผลกับแบรนด์ในเครือทั้ง Volkswagen, Audi, Porsche, Scout Motors โดยรถยนต์ของแบรนด์เหล่านี้ที่ขายในอเมริกาเหนือ จะเริ่มใช้หัวชาร์จแบบ NACS ในปี 2025 เป็นต้นไป ส่วนหัวชาร์จแบบเดิม (Combined Charging System หรือ CCS) ก็ยังรองรับเหมือนเดิม
เรื่องมีอยู่ว่า Rivian บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นการพัฒนารถ SUV และรถกระบะ ได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบแบบ OTA 2023.42 ให้กับผู้ใช้งาน ระบุว่าเป็นการปรับปรุงระบบล็อก/ปลดล็อก แต่พบปัญหาหลังอัพเดต จนทำให้ Rivian ต้องถอดการอัพเดตนี้
Rivian ชี้แจงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากนิ้วเบียด (Fat Finger) ทำให้ปล่อยซอฟต์แวร์ผิดเวอร์ชันบิ้วด์ และออกใบรับรองความปลอดภัยผิด ผลกระทบเกิดขึ้นกับรถรุ่น R1T และ R1S โดยระบบข้อมูลและความบันเทิงในรถ (Infotainment) ไม่สามารถใช้งานได้แม้จะรีเซต ขณะที่การขับขี่และส่วนติดต่อกับแอปมือถือยังทำงานได้ตามปกติ
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาใช้หัวชาร์จเฉพาะของ Tesla เอง ไม่เหมือนหัว CCS ที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานโลก โดย Tesla ก็พยายามทำให้หัวชาร์จของตนเป็นมาตรฐานของอเมริกาเหนือไปเลยในชื่อ NACS (North American Charging Standard) เพื่อป้องกันผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นไปใช้หัว CCS แล้วจะทำให้หัว Tesla กลายเป็นหัวประหลาด แลกกับการที่อนุญาตให้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อใดๆ ที่เซ็นสัญญาใช้หัว NACS สามารถเข้ามาชาร์จไฟที่สถานี Supercharger ของ Tesla ที่มีอยู่พร้อมแล้วทั่วประเทศได้ทันที ซึ่งก็ดูจะสำเร็จเพราะผู้ผลิตรถหลายรายในสหรัฐฯ เริ่มเซ็นสัญญาใช้หัว NACS กับรถยนต์ไฟฟ้าของตนแล้ว เช่น Ford, GM และ Rivian
หลังจากเป็นข่าวลือมาหลายเดือน วันนี้ Tesla เปิดตัว Model 3 รุ่นใหม่เป็นที่เรียบร้อย ภายนอกปรับดีไซน์รอบคันโดยเฉพาะด้านหน้าและหลัง ส่วนภายในดูเผินๆ ยังคล้ายรุ่นเดิมแต่ปรับวัสดุบริเวณคอนโซล ส่วนผู้โดยสารตอนหลังมีหน้าจอสำหรับความบันเทิง
สำหรับดีไซน์ด้านหน้าปรับไฟหน้าให้ดูเรียวและโฉบเฉี่ยว พร้อมเส้นไฟ daytime running light พาดอยู่ภายในโคม และดีไซน์บริเวณกันชนก็ปรับให้ดูเพรียวมากขี้น ส่วนด้านหลังก็ปรับไฟท้ายให้ดูเพรียวมากขึ้นเช่นกัน
Xpeng ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศซื้อสินทรัพย์ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะจาก Didi ผู้ให้บริการแอปเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีน โดยมูลค่าของดีลอยู่ที่ 744 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนธุรกิจนี้ของ Didi จะใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า Mona กำหนดเปิดตัวในปี 2024
Didi บอกว่าดีลนี้เป็นการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของสองบริษัท เพื่อผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากย้อนดูอดีต ดีลลักษณะคล้ายกันนี้ก็เกิดขึ้นกับ Uber ที่ขายธุรกิจพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้ Aurora และขายธุรกิจ Flying Taxi ให้ Joby Aviation
หลายปีก่อน Tesla Model S และ X เคยมีรุ่น Standard Range และ Long Range จำหน่ายคู่กัน แต่มีช่วงหนึ่งที่เปลี่ยนรุ่นย่อยบ่อย จนในที่สุดปี 2021 ก็จำหน่ายเพียงสองรุ่นย่อยคือ Long Range และ Plaid (ตัวแรง) แต่ล่าสุดก็นำรุ่น Standard Range กลับมาอีกครั้ง
สำหรับ Model S Standard Range รุ่นปีนี้ แล่นได้ 320 ไมล์หรือ 515 กม. ราคาต่ำกว่ารุ่น Long Range อยู่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ 78,490 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.78 ล้านบาท ในขณะที่รุ่น Long Range แล่นได้ 650 กม. ตามมาตรฐาน EPA โดยทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมมอเตอร์คู่และมีความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. เท่ากัน
SeeedStudio ร่วมกับ BeagleBoard เปิดตัวระบบชาร์จรถไฟฟ้าแบบโอเพนซอร์สในชื่อ reCharger มีทั้งภาคอนาล็อกสำหรับจ่ายไฟและตัวควบคุมที่เปิดให้ผู้ใช้สั่งงานผ่านจอสัมผัส
ตัวบอร์ดหลักใช้บอร์ด BeaglePlay รันซอฟต์แวร์ EVerest ที่เป็นระบบจัดการแท่นชาร์จแบบโอเพนซอร์ส ในชุดเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ไร้สายเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิหรือความชื้นรอบแท่นชาร์จเพื่อความปลอดภัย ตัวบอร์ดชาร์จหลักจ่ายไฟได้สูงสุด 11kW มีระบบตรวจสอบสายดิน, โหลดเกิน, ตรวจสอบความร้อน, ไฟรั่ว, และไฟกระชาก
หลายคนอาจไม่รู้ว่ารถ Tesla ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา ใช้หัวชาร์จแบบเฉพาะของตัวเอง ในขณะที่รถ Tesla ในทวีปอื่นรวมถึงประเทศไทยใช้หัวชาร์จ CCS เป็นมาตรฐาน (อาจมียกเว้นบ้าง เช่นจีน) โดย Tesla อ้างว่าตอนที่พัฒนารถยนต์แรกๆ ไม่มีหัวชาร์จมาตรฐานใดที่รองรับการจ่ายไฟแรงสูงแบบที่ Tesla ต้องการได้ จึงต้องออกแบบหัวชาร์จเฉพาะของตนเอง
Tesla เปิดตัว GIGA Laboratory สร้างจริงแห่งแรกในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน เป็นโชว์รูมที่แสดงศักยภาพการผลิตรถยนต์ในตัว
โพสต์จากบัญชีทางการของ Tesla ใน Weibo เผยให้เห็นภาพโชว์รูมแห่งใหม่ที่แสดงสายการผลิตรถในตัวสายการผลิตใน GIGA Laboratory สามารถประกอบรถยนต์ภายใน 45 วินาที พร้อมพื้นที่พบปะพูดคุยพักผ่อนกับเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย
แม้ว่า Tesla จะเน้นการขายทางออนไลน์มากขึ้นตั้งแต่ในปี 2019 แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา โชว์รูมของ Tesla ก็มีเพิ่มขึ้นถึงนับพันแห่ง ซึ่งประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
เดือนที่แล้ว Ford เป็นรายแรกที่จับมือกับ Tesla ในการรองรับระบบ Supercharger และนำพอร์ต NACS ที่ Tesla เปิดมาตรฐาน มาใช้งาน ล่าสุด GM เดินตามรอยอีกเจ้าแล้ว
Mary Barra เปิดเผยว่า การส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์ EV มีมากขึ้น ก็ต้องทำให้ระบบสถานีชาร์จมีความแพร่หลายมากขึ้น ขณะที่ GM จะเริ่มส่งมอบอแดปเตอร์หัวชาร์จสำหรับ Supercharger ให้ลูกค้าอย่างเร็วที่สุดคือช่วงต้นปีหน้า ส่วนรถยนต์ที่รองรับ Supercharger ในตัวเลยจะมาภายในปี 2025
Tesla ยังคงเดินหน้าเปิดสถานีชาร์จ Supercharger ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเปิดเพิ่ม 2 แห่งที่ห้างเซ็นทรัลพระราม 2 และพระราม 3 ล่าสุดประกาศเปิดเพิ่มอีกสองแห่งที่ห้าง ICONSIAM และพัทยา โดยสถานีชาร์จที่พัทยาจะเป็นที่แรกที่อยู่นอกกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ยังระบุว่าจะสร้างสถานีชาร์จ 7 แห่งทั่วประเทศภายในไตรมาสที่ 2 ด้วย
สุดท้ายยังยืนยันข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า Tesla กำลังจะเปิดศูนย์บริการและโชว์รูมเต็มรูปแบบที่แรกในประเทศไทย ณ รามคำแหง โดยก่อนหน้านี้มีผู้พบว่าศูนย์บริการและโชว์รูม Toyota ที่ The Paseo Town รามคำแหงได้ย้ายไปอยู่อาคารอื่น และ Tesla ขึ้นป้ายว่าจะเปิดศูนย์บริการแทน
หลังจากเริ่มเข้ามาให้บริการและเปิดโชว์รูม/ศูนย์รับส่งมอบรถที่ The Paseo รามคำแหงมาตั้งแต่ต้นปี ล่าสุด Nikkei Asia รายงานว่า Tesla เตรียมจะเปิดตัว Flagship Store ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งทาง Autolife Thailand รายงานว่า Tesla ประเทศไทยไปเทคโอเวอร์พื้นที่โชว์รูมของ Toyota TBN สาขารามคำแหง เพื่อมาเปิดเป็นโชว์รูมของตัวเอง
โดยนอกจากเป็นโชว์รูม จะยังเป็นศูนย์บริการ คลังสินค้าชิ้นส่วน และสถานี Fast Charge อีกด้วย
Ford ประกาศความสำเร็จในข้อตกลงกับ Tesla ที่ฝ่ายหลังเปิดให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Ford สามารถใช้งาน Supercharger ได้ ทั้งในสหรัฐและแคนาดา เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเป็นต้นไป
เบื้องต้น Tesla จะออกอแดปเตอร์หัวชาร์จให้กับลูกค้ารถไฟฟ้าของ Ford อย่าง F-150 Lightning truck หรือ Mustang Mach-E ที่ใช้พอร์ท CSS อยู่ (แต่ของ Tesla ใช้ NACS) นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Ford ที่จะออกหลังปี 2025 เป็นต้นไป ก็จะรองรับพอร์ต NACS ด้วย หลัง Tesla ประกาศให้เป็นมาตรฐานเปิด ซึ่ง Ford จะเป็นรายแรกที่ใช้
ประธานาธิบดียุน ซอกยอลแห่งเกาหลีใต้กำลังเยือนสหรัฐอเมริกา และ Elon Musk ได้ขอพบ ซึ่งทั้งคู่ได้พูดคุยกันโดย ปธน. ยุนกล่าวว่าเกาหลีใต้มีเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในโรงงานระดับโลกและมีแรงงานทักษะสูง ทำให้เหมาะสมที่จะตั้งโรงงาน Gigafactory
"หาก Tesla ตัดสินใจลงทุน เราพร้อมสนับสนุนพื้นที่, แรงงาน รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษี" ปธน. ยุนบอก Elon Musk
ด้าน Elon ก็ตอบว่าเขามีแผนเยือนเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศต้นๆ ที่น่าไปลงทุนสร้างโรงงาน Gigafactory
นอกจากนี้ ปธน. ยุนยังหวังว่าเกาหลีใต้จะมีโอกาสเพิ่มความร่วมมือกับ SpaceX เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านอวกาศของประเทศ
Tesla เดินหน้าในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศตั้งโรงงาน Megafactory สำหรับผลิตแบตเตอรี่ โดยระบุว่าโรงงานใหม่จะมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ Megapack ราว 10,000 ลูกต่อปี หรือคิดเป็นราว 40 GWh ต่อปี
หากจะเทียบให้เห็นภาพ ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนอันดับ 2 ของโลก โดยในปี 2021 มีกำลังการผลิต 44 GWh และประเมินว่าจะขึ้นไปถึง 91 GWh ในปี 2025 ทำให้โรงงาน Megafactory ใหม่ของ Tesla ที่จะมีกำลังการผลิต 40 GWh นั้นแทบจะเทียบได้กับกำลังการผลิตของสหรัฐอเมริกาทั้งประเทศในปี 2021 เลยทีเดียว