สืบเนื่องจากกรณีที่ Uber ขายกิจการในประเทศจีนให้ Didi Chuxing กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้เริ่มการสอบสวนการควบรวมกิจการนี้แล้ว ว่าอาจจะเข้าข่ายการผูกขาด
กระทรวงพาณิชย์เผยว่าได้พูดคุยกับ Didi ไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ รวมถึงขอเหตุผลจาก Didi ด้วยว่าเหตุใด ถึงไม่ยื่นเรื่องให้ทางการตรวจสอบการผูกขาดตั้งแต่ต้น ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จีน ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับกระบวนการและระยะเวลาในการสอบสวนครั้งนี้
ที่มา - Wall Street Journal
David Drummond รองประธานฝ่ายอาวุโสของ Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ลาออกจากบอร์ดของ Uber แล้ว หลังจากบรรยากาศการแข่งขันระหว่างทั้งสองบริษัทเริ่มเข้มข้นขึ้น โดย David เข้ามาเป็นบอร์ดของ Uber ตั้งแต่ปี 2013 และการถอนตัวของเขาบอกเป็นนัยถึงสถานะบริษัท Uber ที่เริ่มทวีความสำคัญและมีบทบาทมากขึ้นในซิลิคอนวัลเล่ย์
ดูเหมือนเอเชียจะยังเป็นของแสลงสำหรับ Uber อย่างต่อเนื่องหลังถอนตัวจากจีนไปแล้ว ล่าสุดเป็นคราวของมาเก๊าที่ทาง Uber เตรียมจะระงับการให้บริการในเดือนกันยายนนี้ หลังเปิดให้บริการมาได้เพียง 10 เดือน
หนึ่งในสมาชิกสภาของมาเก๊าได้โพสต์ภาพจดหมายจากผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียของ Uber ที่เผยว่าบริษัทมีแผนจะถอนตัวจากมาเก๊า โดยมีรายละเอียดแต่เพียงว่า เนื่องจากคนขับของ Uber ถูกปรับรวมกันถึงกว่า 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐนับตั้งแต่ให้บริการมา ขณะที่ผู้จัดการทั่วไปของ Uber บนมาเก๊าปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องการถอนตัว ระบุแต่เพียงว่าจะพยายามร่วมมือกับรัฐบาลด้านกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ Uber สามารถให้บริการชาวมาเก๊าต่อไปได้
Gautam Gupta ซีเอฟโอของ Uber ออกมาเผยข้อมูลสภาพการณ์ธุรกิจในไตรมาสที่สองของปี (Uber ยังไม่เข้าตลาดหุ้น ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ แต่บริษัทเลือกจะให้ข้อมูลกับนักลงทุน)
มลรัฐแมสซาชูเซตส์เตรียมจัดเก็บภาษีบริการเรียกรถผ่านแอพอย่าง Uber หรือ Lyft โดยจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้ไปพัฒนาแท็กซี่ท้องถิ่นเดิม
ในเดือนนี้ผู้ว่าการรัฐเซ็นรับรองกฎหมายจัดเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว กฎหมายระบุว่าในการเรียกรถหนึ่งครั้ง บริษัทต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงิน 20 เซนต์ แบ่งเป็น 5 เซนต์เพื่อพัฒนาแท็กซี่ท้องถิ่น 10 เซนต์เป็นของมลรัฐ และอีก 5 เซนต์กำหนดให้เป็นกองทุนเพื่อพัฒนาการขนส่งต่อไป
วิธีการจัดเก็บภาษียังต้องมีการร่างเพิ่ม แต่จะไม่มีการเพิ่มค่าบริการจากลูกค้า ในกฎหมายยังระบุอีกว่า เงินที่ได้จะช่วยพัฒนาวงการแท็กซี่ให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ การบริการ และความปลอดภัยที่ทันสมัย รวมถึงจะช่วยพัฒนาแรงงานด้วย และทั้ง Uber และ Lyft ก็ยินยอมในมาตรการดังกล่าว
ในโอกาสเดียวกับที่ Uber ประกาศเตรียมนำรถไร้คนขับมาให้บริการในเมือง Pittsburgh ภายในเดือนนี้ บริษัทยังประกาศความร่วมมือกับ Volvo เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับด้วยกัน โครงการนี้มีเงินลงทุน 300 ล้านดอลลาร์ ตั้งเป้าสร้างรถยนต์ไร้คนขับให้ได้ภายในปี 2021
Google ที่ถูกมองว่ามีความล้ำหน้าในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะนำมาวิ่งบนถนนได้จริง แต่ Uber ที่เพิ่งประกาศพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเพียงปีกว่าๆ ดูเหมือนจะพร้อมสำหรับการนำมาวิ่งจริงๆ แล้วเมื่อ Travis Kalanick ซีอีโอของ Uber เผยว่าเตรียมจะนำรถไร้คนขับมาให้บริการในเมือง Pittsburgh เร็วที่สุดอาจจะภายในเดือนนี้
Uber เริ่มขยายการให้บริการในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้น โดยเปิดบริการเว็บแอพที่เรียกว่า Dial an Uber เพื่อให้ผู้ใช้ในประเทศอินเดียสามารถเรียกรถผ่านบริการของ Uber โดยไม่ต้องติดตั้งแอพบนมือถือ เพียงเข้าไปที่ dial.uber.com ก็สามารถเรียกรถได้เลย
บริการ Dial an Uber นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้มาก คือผู้ใช้ไม่ต้องใช้บัญชี Google เพื่อจะดาวน์โหลดแอพ และไม่ต้องสมัครบัญชี Uber แต่จะใช้วิธีการให้ใส่เบอร์โทรศัพท์เพื่อยืนยันตัวตนแทน และสามารถจ่ายเงินสดหลังจบทริปได้ ซึ่งผู้ใช้ที่จะได้รับประโยชน์มักจะเป็นขาจรที่ไม่ได้ใช้งาน Uber เป็นประจำ เช่น เรียกรถให้ไปส่งตามสถานีรถไฟหรือสนามบิน
Evan Klitzke จาก Uber เขียนบล็อกเล่าถึงสถาปัตยกรรมภายในของ Uber ที่แต่เดิมพัฒนาระบบหลังบ้านด้วย Python และ PostgreSQL ทั้งระบบ แต่ระบบใหม่ๆ กลับหันไปใช้ Schemaless บน MySQL แทน
คณะกรรมการด้านการลงทุนของกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน ประกาศเตรียมยกเลิกใบอนุญาตการให้บริการของ Uber ด้วยเหตุที่ว่า Uber ยื่นจดทะเบียนเป็นบริษัทให้บริการด้านข้อมูล ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ Uber ให้บริการด้านการขนส่ง
ทางคณะกรรมการระบุว่าจะพยายามยกเลิกใบอนุญาตให้ได้ภายใในเดือนนี้ ทันทีที่กระทรวงคมนาคมรวบรวมหลักฐานได้ว่า Uber ทำผิดจริง ด้าน Uber เตรียมยื่นคำร้อง (petition) ในประเด็นนี้แล้ว โดยโฆษกออกมาแถลงแสดงความผิดหวัง พร้อมทั้งระบุว่าการตัดสินใจครังนี้ เกิดจากความอคติที่ต้องการปกป้องกลุ่มผลประโยชน์ที่มีอำนาจในไต้หวัน
สืบเนื่องจากข่าวใหญ่เมื่อเช้าที่ว่า Uber จะรวมกิจการกับ Didi Chuxing ในจีน ซีอีโอของ Grab ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเคยได้รับเงินทุนจาก Didi ออกมาระบุว่าความสำเร็จของ Didi เป็นเครื่องยืนยันว่า Grab ก็สามารถเอาชนะ Uber ในภูมิภาคได้เช่นกัน
Bloomberg และ Recode รายงานโดยยืนยันแหล่งข่าวว่า Uber ได้ตัดสินใจขายกิจการในประเทศจีน (UberChina) ให้กับ Didi Chuxing บริการเรียกรถแท็กซี่ของจีน ซึ่งทั้งสองบริษัทถือเป็นคู่แข่งรายสำคัญในตลาดแอพเรียกรถที่นั่น
รายละเอียดของดีลเบื้องต้นนั้น ทั้งสองบริษัทจะรวมกิจการกัน ทำให้มีมูลค่าราว 35,000 ล้านดอลลาร์ โดย UberChina จะเป็นผู้ถือหุ้น 20% ใน Didi ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด (โดยมีผู้ถือหุ้นอื่น อาทิ Apple, Alibaba, Tencent) ส่วน Baidu ก็จะถือหุ้นทางอ้อมผ่าน UberChina ด้วย ส่วน Didi จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน Uber
สำนักข่าว The Financial Times ได้รายงานว่า ตอนนี้ Uber ลงทุนเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านดอลลาร์ในโครงการสร้างแผนที่ของตัวเองสำหรับใช้งานในบริษัท และปูทางไปสู่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมทั้งลดการพึ่งพาแผนที่จาก Google ที่ตอนนี้ Uber ใช้เป็นหลักในการดำเนินงาน
การเติบโตของ Uber นั้นเริ่มมาจากการที่บริษัทได้ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากคนอื่น แต่ตอนนี้ทางบริษัทกำลังมองหาการเติบโตที่มั่นคงมากขึ้น โดยการนำเงินทุนไปลงกับการวิจัยและพัฒนา
Uber ได้เปิดตัวบริการใหม่เรียกว่า UberCENTRAL ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขอรถ จัดการ และจ่ายค่าบริการให้ลูกค้าของบริษัทได้ โดยบริการนี้จะเหมาะกับธุรกิจหลายแบบที่ต้องบริการลูกค้าด้วยรถ เช่น โรงพยาบาลที่ต้องเรียกรถเพื่อส่งผู้ป่วยถึงบ้าน หรือโรงแรมที่ต้องเรียกรถส่งลูกค้าไปสนามบิน โดยฟีเจอร์ของบริการหลัก ๆ มีดังนี้
ถึงแม้จะเผชิญปัญหาด้านกฎหมายในหลายๆ ประเทศ แต่ในตลาดที่ใหญ่อย่างจีนกลับไม่เป็นปัญหาแล้วสำหรับ Uber รวมถึง Didi Chuxing คู่แข่งท้องถิ่นด้วย หลังรัฐบาลจีนเปิดทางให้การนำรถส่วนตัว มาให้บริการในลักษณะคล้ายแท็กซี่ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามถึงแม้การให้บริการจะเสรี แต่กฎระเบียบหลายๆ อย่างยังค่อนข้างเข้มงวด อย่างการขอใบอนุญาตในการให้บริการสำหรับคนขับ ที่รัฐบาลจีนกำหนดว่าจะต้องมีประสบการณ์ในการขับรถไม่ต่ำกว่า 3 ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรม และรถที่วิ่งเกิน 6 แสนกิโลเมตรแล้วไม่สามารถนำมาให้บริการได้ รวมถึงต้องติดตั้ง GPS บนรถด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
Certify บริษัทที่เก็บข้อมูลด้านการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวออนไลน์ เปิดเผยข้อมูลการสำรวจซึ่งชี้ว่า ไตรมาสที่สองของปีนี้ Uber ครองสัดส่วนผู้ให้บริการด้านการเดินทางกว่า 72.53% ขณะที่แท็กซี่ตามมาที่ 22.27% และ Lyft ที่ 5.20%
Certify ระบุด้วยว่านับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา สัดส่วนของแท็กซี่ในตลาดลดลงมาถึง 51% สาเหตุสำคัญคาดว่าน่าจะมาจากการที่ Uber มีค่าบริการที่ถูกกว่า และไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวหรือมองหารถ ซึ่งไม่เฉพาะแท็กซี่เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ บริการเช่ารถก็มีผู้ใช้บริการที่ลดลงเช่นกัน
Travis Kalanick ซีอีโอ Uber เปิดเผยผ่าน Facebook ของเขาเองว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา Uber มีผู้ใช้บริการครบ 2 พันล้านครั้งแล้ว โดยเขาเผยสถิติน่าสนใจว่า 1 พันล้านแรกนั้นต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี แต่ 1 พันล้านถัดมาใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น
โดยผู้ใช้บริการที่ถือเป็นลำดับที่ 2 พันล้านนั้น อยู่ในช่วงวินาทีเดียวกันของการโดยสาร 147 ราย ใน 16 ประเทศ และ 54 รายนั้นอยู่ในประเทศจีน ซึ่งเขาจะแจกรางวัลให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารกลุ่มนี้คนละ 450 ดอลลาร์
ที่มา: Reuters และ Travis Kalanick
Uber ได้ประกาศหยุดให้บริการในประเทศฮังการีภายใน 24 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่รัฐบาลผ่านกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อบริการ คือการปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับบริการรับส่งที่ผิดกฎหมาย โดยกฎหมายนี้ผ่านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
Uber กล่าวว่าผู้ใช้จำนวน 160,000 คนในเมืองบูดาเปสต์ที่ใช้บริการนั้น ตอนนี้จะต้องไปใช้แท็กซี่ของเมืองก่อน โดยทาง Uber กล่าวกับ Reuters ว่าการหยุดให้บริการเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ใช่การแบนถาวร
สำหรับผู้ขับ Uber ที่นำรถไปจอดบริเวณลานจอดรถของบริษัท ใกล้ๆกับ Mission Bay ในซานฟรานซิสโก จะสังเกตเห็นยามรักษาความปลอดภัยคนใหม่ รูปร่างเหมือนไข่ยักษ์สีขาว สูง 5 ฟุต เคลื่อนไหวไปมาคอยสอดส่องสิ่งผิดปกติ เขาคนนั้นก็คือ K5 หุ่นยนต์เฝ้ายามที่ Uber จ้างมาดูแลความปลอดภัยในลานจอดรถนั่นเอง
Uber ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Pandora ผู้ให้บริการสถานีวิทยุออนไลน์ โดยนำฟีเจอร์เล่นเพลงของ Pandora ลงในแอพ Uber Partner เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับเพลงจาก Pandora บนรถยนต์ได้
สำหรับวิธีใช้ Pandora บนรถยนต์ผ่านแอพ Uber Partner ให้ทำตามขั้นตอนนี้
สำนักข่าว BuzzFeed นำเสนอรายงานค่าแรงคนขับอูเบอร์ใน 3 มลรัฐ คือ Denver, Detroit, และ Houston คนขับมีรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วต่ำกว่า 13.25 ดอลลาร์/ชั่วโมง ซึ่งต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่คนทำงานบริษัทได้ (ในข่าวเปรียบเทียบกับพนักงาน Walmart)
ข้อมูลดังกล่าว BuzFeed อ้างว่าได้มาจาก ระบบการคำนวนภายในของอูเบอร์เอง ครอบคลุมการขับรถกว่าล้านเที่ยว และผู้ขับเป็นพันๆคนในสามตลาดสำคัญของสหรัฐฯ ช่วงระหว่างวันที่ 19 ต.ค. - 14 ธ.ค. ปี 2015 อย่างไรก็ตามตัวข้อมูลไม่ได้ระบุค่าใช้จ่ายของผู้ขับว่ามีอะไรบ้าง ทางสำนักข่าวใช้วิธีตั้งสมตติฐานคร่าวๆ โดยอิงตัวเลขจากรายงานมาประเมินด้วย
เมื่อวันจันทร์ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์คนขับรถแท็กซี่ในมาเลเซียกว่า 50 คน เข้าทำร้ายรถ Uber คันหนึ่ง ทันทีที่รับผู้โดยสารชาวอิหร่านสองคนจากสถานี KL Sentral โดยผู้โดยสารทั้งสองถูกลากลงจากรถ และหนึ่งในกลุ่มโจมตีนำหินทุ่มใส่กระจกรถแตก
ลูกค้าทั้งสองคนถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เมื่อเหยื่อสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ ตำรวจจะสอบสวนทันที และไม่ปล่อยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลอยนวล อีกทั้งเตือนคนขับแทกซี่อื่นๆ ที่จะใช้ความรุนแรงว่าจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
Uber และ Lyft บริการรถแท็กซี่ได้ประกาศหยุดให้บริการในเมืองออสติน รัฐเทกซัส เมื่อเดือนก่อน หลังชาวเมืองโหวตให้ทั้งสองบริษัทต้องใช้มาตรการควบคุมคนขับของทางเมือง ซึ่งทั้ง Uber และ Lyft ไม่ยินยอมปฏิบัติตาม แต่ผลคือชาวเมืองออสตินก็ยังหาทางออกสำหรับบริการเรียกแท็กซี่ได้โดยการใช้ Facebook Group แทน
โดยมีกลุ่มใน Facebook ชื่อ Arcade City Austin / Request A Ride ซึ่งเป็นกลุ่มปิด ที่มีสมาชิกมากกว่า 30,000 คน เป็นชาวเมืองออสติน โดยหากสมาชิกต้องการเรียกแท็กซี่ ก็ให้โพสต์ข้อความระบุตำแหน่งที่อยู่ สถานที่ต้องการไป และเวลาให้มารับ จากนั้นบรรดาคนขับที่สนใจก็จะมาแสดงความเห็นพร้อมแสดงราคาค่าบริการ บางรายอาจเพิ่มภาพประวัติผู้ขับขี่จาก Uber เพื่อเพิ่มความมั่นใจ หากการเจรจาจบลงก็ให้ลบโพสต์นั้นทิ้งเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ
กลุ่มดังกล่าวดูแลโดย Arcade City ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสถานะเบต้า ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ โดยมีจุดขายคือให้ผู้ขับขี่เสนอราคาที่ต้องการให้บริการกับผู้โดยสาร และตกลงวิธีชำระเงินกันเอง ซึ่งในอนาคต Arcade City ก็คงไม่ได้ให้บริการเรียกแท็กซี่ผ่าน Facebook Group แน่ แต่ถือเป็นการเปิดตัวที่น่าสนใจ
Uber ได้เปิดตัว UberRUSH API โดยเป็น API สำหรับให้นักพัฒนานำไปใช้ในการเพิ่มทางเลือกการส่งสินค้าให้กับผู้รับผ่าน Uber หลังจากที่บริการนี้เริ่มทดลองไปในแมนฮัตตันและเปิดให้บริการในหลายเมืองมาก่อนหน้านี้ ซึ่งในขณะนั้น Uber ยังกำหนดให้ UberRUSH ยังไม่ได้เปิดให้นักพัฒนาภายนอกนำ API ไปใช้
ศาลฝรั่งเศสสั่งปรับเงินบริษัท Uber เป็นจำนวนเงิน 800,000 ยูโร (ประมาณ 31 ล้านบาท) สำหรับการให้บริการรถแท็กซี่ UberPOP ที่คนขับรถไม่ใช่มืออาชีพ นี่เป็นครั้งแรกในยุโรปที่ศาลสั่งปรับผู้บริหารระดับสูงสองคนร่วมด้วย (แต่เป็นจำนวนเงินน้อยกว่าสั่งปรับตัวบริษัท)
โฆษก Uber บอกว่าทางบริษัทและผู้บริหารทั้งสองคนจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป
บริการ Uber แบบ UberPOP (เปิดให้คนทั่วไปนำรถของตัวเองมาเข้าระบบ ที่รถคันหนึ่งไม่จำเป็นต้องมีคนขับคนเดียว) ถูกแบนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปีที่แล้วท่ามกลางแรงกดดันสูงจากบรรดาคนขับแทกซี่ที่มีใบอนุญาต
ไม่เพียงในฝรั่งเศสเท่านั้น Uber POP ยังถูกศาลในประเทศอิตาลีและสเปนตัดสินว่าผิดกฎหมาย และบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างขออุทธรณ์ในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์