YouTube เพิ่มแท็บใหม่ชื่อ Trending แสดงรายการวิดีโอที่กำลังฮิตในช่วงนั้น (แบบเดียวกับ Trending ของ Twitter)
YouTube อธิบายว่าคลิปวิดีโอออนไลน์กำลังได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และสถิติจาก YouTube Rewind 2015 ก็ชัดเจนว่าวิดีโอยอดนิยมเหล่านี้เป็นกระแสตามช่วงเวลา ดังนั้น YouTube จึงเพิ่มแท็บ Trending เข้ามาเพื่อให้ผู้ใช้ติดตามได้ง่ายขึ้นว่าวิดีโอใดกำลังเป็นกระแสในตอนนั้น
แท็บ Trending เริ่มใช้ในแอพเวอร์ชัน Android แล้ว ผมลองเช็คดูในเวอร์ชันเว็บก็มีแท็บ Trending เข้ามาแล้วเช่นกันครับ
ที่มา - YouTube Trends Blog
Facebook ปรับปรุงการแสดงผล News Feed ในกรณีเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ เช่น เครือข่าย 2G และ สถานที่ที่อินเทอร์เน็ตมีปัญหาอย่างรถไฟใต้ดินหรือสถานที่คนเยอะๆ แย่งกันใช้เน็ต
การเปลี่ยนแปลงมี 2 ส่วนดังนี้
ที่มา - Facebook Code
Twitter ได้ปรับปรุงระบบแสดงภาพบนหน้าเว็บ twitter.com ใหม่ โดยจากแต่เดิมจะเป็นภาพขนาดย่อ ต้องคลิกทวีตก่อนถึงจะแสดงภาพขนาดใหญ่ มาเป็นแสดงภาพขนาดใหญ่ใน Timeline โดยไม่ต้องคลิกทวีตแล้ว
สำหรับการแสดงภาพในทวีตแบบใหม่บน twitter.com หากเป็นทวีตที่มีภาพเดียวจะแสดงแบบเต็มภาพ ส่วนทวีตที่มีหลายภาพจะแสดงหลายภาพเช่นเดิม แต่จะขยายให้ภาพหนึ่งใหญ่ขึ้นและภาพที่เหลือเล็กลง (ดูตัวอย่างได้ท้ายข่าว)
ผู้ให้บริการดูแลแบรนด์ในโลกออนไลน์อย่าง Thoth Media ประกาศเข้าควบรวมกับบริษัท Zocial Inc ผู้ให้บริการวิเคราะห์สถิติออนไลน์ ZocialRank โดยผู้บริหารบริษัทใหม่ระบุว่าจะรวมกันเพื่อเตรียมตัวบุกตลาดต่างประเทศ
ตอนนี้บริษัทที่รวมกันจะมีพนักงานรวม 45 คน มูลค่าบริษัท 100 ล้านบาท บริการหลักเป็นสามด้าน
ไม่แน่ใจว่าปัญหาเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติในประเทศบราซิลนั้นแรงขนาดไหน แต่มีแคมเปญหนึ่งของ Criola group องค์กรไม่แสวงผลกำไรในบราซิล ที่ดูแลเรื่องการต่อต้านการเหยียดผู้หญิงผิวสีในประเทศบราซิล นำคอมเมนต์ในโลกออนไลน์ (ตามภาพคือมีทั้ง Twitter และ Facebook) ที่มีลักษณะก้าวร้าวเชิงเหยียดเชื้อชาติ มาพรินต์ทำเป็นป้ายบิลบอร์ดใหญ่ในละแวกที่เจ้าของคอมเมนต์นั้นอาศัยอยู่ โดยใช้เทคนิค location tag ซึ่งมีหลายป้ายแล้วทั่วบราซิล
แอพแชทและทวงงานอย่าง Slack เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดปัญหาล่มทั่วโลก ผู้ใช้ต่างบ่นระงมกันบนโลกออนไลน์ช่องทางอื่น พร้อมแปะแฮชแท็ก #SlackDown มีกรณีศึกษาของการรับมือความหงุดหงิดของผู้ใช้ (กว่า 1 ล้านรายใน 6 หมื่นกว่าทีม) ที่น่าเล่าต่อ
Jason Meek ผู้ก่อตั้งแอพ Meetball ได้บันทึกเรื่องราวนี้ไว้ใน Medium ของตัวเอง ว่า วันนั้นหลังจาก Slack ล่ม ผู้คนก็ก่นบ่นกันในทวิตเตอร์รัวๆ และสิ่งที่ Slack ทำ คือการไล่ตอบทุกทวีตที่กล่าวถึงเขาด้วยความเร็วหลายสิบทวีตต่อหนึ่งนาที เขาทำได้อย่างไร
Kobe Bryant นักบาสเก็ตบอลคนดังแห่งทีม Los Angeles Lakers เจ้าของแชมป์ NBA ห้าสมัย ประกาศเลิกเล่นบาสเก็ตบอลอาชีพหลังจบฤดูกาลนี้ ผ่านช่องทางโซเชียลทั้ง Twitter และ Facebook
ตามปกติแล้ว นักกีฬามักใช้วิธีนั่งแถลงข่าวการอำลาวงการอย่างเป็นทางการ แต่กรณีของ Kobe กลับเลือกใช้การโพสต์ผ่านโซเชียลแทน (เขามีคนติดตามใน Twitter เกือบ 8 ล้านคน และแฟนเพจ Facebook มากกว่า 20 ล้านคน)
Kobe ใช้การโพสต์จดหมายอำลาแฟนๆ ในเว็บ playerstribu.ne แล้วแชร์ต่อบนโซเชียลอีกที ขณะที่เขียนข่าว เว็บล่มไปแล้วเรียบร้อย (สำเนาจดหมายอ่านได้จาก TechCrunch)
เมื่อปี 2011 นักบาสเก็ตบอลชื่อดังอีกคนคือ Shaquille O’Neal ก็เคยใช้ Twitter โพสต์อำลาวงการมาก่อนแล้ว
ที่มา - TechCrunch
Scott McNealy หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystems หันไปทำบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลชื่อว่า Wayin ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วออกมาระบุว่าอยากร่วมมือกับ Weibo เพื่อนำข้อมูลสถิติมาใช้ในการวัดความสำเร็จของแคมเปญโฆษณาในระดับนานาชาติ
ตอนนี้ Wayin เชื่อมต่อข้อมูลกับทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, และเครือข่ายสังคมออนไลน์รายใหญ่อื่นอีกหลายรายแต่ข้อมูลในจีนยังคงเป็นช่องโหว่ และลูกค้าของ Wayin เองก็เรียกร้องให้มีข้อมูลจาก Weibo เข้ามาร่วมวิเคราะห์ด้วย
ยังไม่มีการประกาศจากทาง Weibo ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะส่งข้อมูลให้กับบริษัทอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน หรือกำหนดเวลาเปิดช่องทางเช่นนี้เป็นอย่างไร
วิศวกรหญิงในซานฟรานซิสโกชื่อ Isis Anchalee ระบุว่าเธอถูก Facebook แบนบัญชี ด้วยเหตุผลเรื่องชื่อของเธอไปสอดคล้องกับกลุ่มติดอาวุธ ISIS ในตะวันออกกลาง
ปัญหานี้เกิดจาก "นโยบายชื่อจริง" เจ้าปัญหาของ Facebook ที่เกิดประเด็นแบบนี้มาหลายรอบ และกระบวนการตรวจสอบชื่อของ Facebook ก็ดูจะไม่ได้ผลนัก ถึงแม้ Isis ได้ส่งสำเนาพาสปอร์ตไปให้ Facebook เพื่อระบุว่าเธอชื่อนี้จริงๆ แต่ก็ไม่เกิดผล จนกระทั่งเธอส่งหลักฐานไปรอบที่สาม Facebook ถึงยอมปลดล็อคบัญชีให้
Omid Farivar นักวิจัยของ Facebook ส่งข้อความขอโทษ Isis โดยระบุว่าเขาไม่ทราบสาเหตุของปัญหา แต่ก็ส่งเรื่องไปยังผู้รับผิดชอบให้แล้ว และบริษัทกำลังพยายามแก้ไขเรื่องนี้อยู่
วันนี้ ผู้ใช้เว็บทั่วโลก (รวมถึง Blognone ด้วย) คงเห็นปุ่ม Tweet เปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่ใช้พื้นหลังสีน้ำเงิน เปลี่ยนไอคอนนกและข้อความเป็นสีขาว แทนของเดิมที่พื้นหลังเทา นกฟ้า และข้อความสีดำ การเปลี่ยนแปลงปุ่ม Tweet ประกาศตั้งแต่เดือนกันยายน และมีผลบังคับใช้เมื่อคืนนี้
เราๆ คงเคยเจอเหตุการณ์ที่ว่า เลิกรากับคนรัก (เมื่อรักมันทำให้เธอหนักใจ ฝืนไปมันก็เท่านั้น...) แต่ภาพในอดีตวันเก่า หรือภาพชีวิตใหม่ของอีกฝ่ายกลับมาทิ่มแทงกันบนนิวส์ฟีด วิธีแก้ปัญหามักจบกันที่การอันเฟรนด์ ไล่ลบรูป กดซ่อนไม่ให้เห็น หรือกระทั่งเปิดบัญชีใหม่ ฯลฯ
เมื่อเดือนก่อน Twitter ได้เปิดตัวระบบโพลล์ให้ผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งโพลล์ที่ทำจะมีอายุเพียง 1 วันเท่านั้น และมีตัวเลือกให้กดแค่ 2 ตัวเลือก
ตอนนี้มีข่าวลือมาว่า Twitter กำลังทดสอบระบบโพลล์แบบหลายวัน รวมถึงการสร้างโพลล์ให้มีตัวเลือกมากกว่า 2 ตัวเลือก โดยคาดว่าน่าจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปในอีกไม่นานนัก
ที่มา - The Next Web
Google+ เงียบหายไปนานพร้อมข่าวลือมากมายว่ากูเกิลจะเลิกทำแล้ว แต่วันนี้กูเกิลประกาศยกเครื่อง UI ของ Google+ ครั้งใหญ่ ฟีเจอร์การโพสต์บน timeline ยังอยู่เหมือนเดิมแต่ถูกลดความสำคัญลง หันไปเน้นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง Communities และ Collections แทน
กูเกิลเผยสถิติว่า Communities มีผู้ใช้ใหม่ถึงวันละ 1.2 ล้านคน และ Collections ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่กี่เดือน ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ UI ใหม่ของ Google+ (ทั้งเว็บและแอพ) เน้นไปที่การเข้าถึงสองฟีเจอร์นี้ได้ง่ายขึ้น ทั้งสองส่วนได้สีประจำหมวดของตัวเอง โดย Communties เป็นสีเขียว และ Collections เป็นสีฟ้า
Pocket แอพบันทึกบทความชื่อดัง ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในกลุ่ม Beta โดยเปิดให้ผู้ใช้คนอื่นสามารถติดตามรายการบทความของเราได้ (เหมือนกับการ follow กันใน Twitter) ผู้ใช้แต่ละคนจะมีหน้าโพรไฟล์ของตัวเองเป็น getpocket.com/@username (ตัวอย่าง)
ฟีเจอร์นี้เป็นการต่อยอดจาก Recommendations หรือบทความแนะนำ ซึ่ง Pocket เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อเร็วนี้ ปัจจุบัน Pocket เลือกบทความแนะนำให้เราโดยอิงจากความนิยมและรสนิยมของเรา แต่ในอนาคต เราสามารถติดตาม feed บทความที่ผู้ใช้คนอื่นแชร์มาได้ อย่างไรก็ตาม รายการบทความของ Pocket จะไม่เรียงตามลำดับเวลา และจะใช้อัลกอริทึมคัดเลือกบทความที่เหมาะกับเรามากที่สุดแทน
จากเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อวันก่อน Facebook เปิดระบบยืนยันว่าตัวเองปลอดภัย (Safety Check) ให้ผู้ใช้งานที่อยู่ในปารีสแจ้งเพื่อนฝูงญาติสนิทไม่ให้ต้องเป็นกังวล (ข่าวเก่า)
อย่างไรก็ตาม Facebook ถูกวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติ เพราะไม่เปิดฟีเจอร์แบบเดียวกันกับเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ที่เกิดเหตุก่อนหน้านั้นไม่นาน
เรื่องนี้ Mark Zuckerberg ออกมาชี้แจงด้วยตัวเองว่า เดิมที Facebook มีฟีเจอร์ Safety Check ใช้กับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมเท่านั้น (เริ่มใช้ครั้งแรกกับสึนามิที่ญี่ปุ่นปี 2011) และเพิ่งนำมาใช้กับเหตุการณ์ก่อการร้ายเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสนี้เอง
โศกนาฏกรรมในฝรั่งเศสวานนี้สร้างความหดหู่ให้กับผู้คนไม่น้อย ทว่าโลกออนไลน์ก็ต่างไม่ย่อท้อในการเข้าช่วยเหลือ ให้กำลังใจ และต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง วันนี้บทความหนึ่งใน Fortune ได้สรุปภาพรวม คัดทวีตน่าสนใจเกี่ยวเหตุการณ์นี้มาฝากกัน
แฮชแท็กหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ #PorteOuverte (ประตูที่เปิดออก) ที่ไว้ใช้ส่งข่าวความช่วยเหลือทั้งที่พักพิง และความช่วยเหลือจากสถานทูตประเทศต่างๆ หรือ #ParisAttacks เป็นที่รวมข่าวสาร คำอวยพร และการแสดงความเห็น และฝั่ง Facebook ก็ใช้ฟังก์ชั่นช่วยให้ผู้ใช้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยืนยันตัวเองว่าปลอดภัย เป็นต้น
มาดูทวีตดีๆ ท้ายข่าวครับ
ที่มา - Fortune
LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน ที่เคยถล่มอินบ็อกซ์ของทุกท่านด้วยอีเมลจำนวนมาก เคยประกาศมาตรการว่าจะลดปริมาณอีเมลลง
วันนี้บริษัทออกมาประกาศว่าหลังดำเนินมาตรการแล้ว ลดปริมาณอีเมลลงได้ 50% และลดการร้องเรียนเรื่องนี้ลงได้ 65% แถมบริษัทยังพัฒนาแพลตฟอร์มชื่อ Air Traffic Controller (ATC) สำหรับการติดต่อทุกประเภททั้งอีเมล การแจ้งเตือนในแอพ และ SMS โดยใช้เทคนิค machine learning หาปริมาณความถี่ที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น สำหรับผู้ใช้ที่เปิดเว็บ-แอพบ่อยๆ จะได้อีเมลลดลง เพราะรับทราบข้อมูลจากการแจ้งเตือนบนเว็บอยู่แล้ว
Tumblr บล็อกขนาดสั้นและเครือข่ายสังคมที่โด่งดังอย่างเงียบๆ ในช่วงหลัง บุกเข้าตลาด Instant Messenger อีกราย โดยเพิ่มระบบ Messaging ให้สมาชิกสามารถแชทคุยกันได้โดยตรงแล้ว
Tumblr จะทยอยอัพเดตเพิ่มความสามารถแชทให้เว็บและแอพบน iOS/Android กับสมาชิกทีละกลุ่ม และต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะครอบคลุมสมาชิกทั้งหมด คนที่ได้อัพเดตแล้วจะเห็นไอคอนแชทหน้ายิ้มโผล่เข้ามาบนหน้าจอ
ผู้ใช้งาน Tumblr ทุกรายสามารถแชทหากันได้หมด (ยกเว้นกลุ่มที่ตั้งค่า private) ถ้าไม่ต้องการรับข้อความแชท สามารถตั้งค่าปิดได้
ที่มา - Tumblr
Facebook Messenger เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Photo Magic มันจะสแกนภาพถ่ายใหม่ๆ ในสมาร์ทโฟนของเรา และใช้ระบบแยกแยะใบหน้า (facial recognition) ตรวจสอบว่าในภาพมีเพื่อนของเราคนไหนบ้าง จากนั้นจะถามว่าเราต้องการส่งภาพนี้ให้เพื่อนๆ หรือไม่ ถ้าเราตกลง Messenger จะเขียนข้อความใหม่พร้อมแนบภาพ ส่งไปยังเพื่อนของเราที่มีหน้าอยู่ในภาพทันที
จากสถิติของ Facebook พบว่าการส่งภาพผ่าน Messenger ในกลุ่มปิดได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนที่ผ่านมามีภาพถูกส่งในระบบถึง 9.5 พันล้านภาพ มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าตัว Messenger เองด้วยซ้ำ ทำให้ Facebook เร่งพัฒนาฟีเจอร์เพื่อรองรับการส่งภาพให้มากกว่าเดิม
ฟีเจอร์ Favorite หรือชื่นชอบ เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่มีมาแต่ช้านานบน Twitter โดยใช้สัญลักษณ์รูปดาว ล่าสุดถูกเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจและเปลี่ยนคำเรียกของมันใหม่ว่า Like
อัพเดต เป็นข่าวได้วันเดียว เจ้าตัวก็ตัดสินใจปิดบัญชีทั้งหมดทิ้งแล้วนะครับ แต่การอ่านเนื้อข่าวด้านล่างก็ยังพอนึกภาพออกอยู่ ส่วนบล็อกส่วนตัวของเธอยังอยู่ครับ
หลังจากโซเชียลเน็ตเวิร์คเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรา ก็เปิดโอกาสให้ใครๆ ที่หุ่นดี หน้าตาสวยหล่อ สามารถดังขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน โดยเรามักเรียกคนเหล่านี้ว่า "เน็ตไอดอล" พวกเขามีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย มียอดกดไลค์แตะหลักหมื่นได้ง่ายๆ
Chris Cox ผู้บริหารของ Facebook ได้ออกมาให้ข่าวว่าตอนนี้ Facebook กำลังใช้มาตรการบังคับให้พนักงานจำนวนหนึ่งเปลี่ยนจาก iPhone ไปใช้ Android
Cox ให้เหตุผลว่า ที่เราต้องเปลี่ยนให้พนักงานไปใช้ Android แทน เพราะว่าพนักงานส่วนใหญ่หากจะเลือกใช้มือถือมักจะเลือก iPhone แต่ Facebook เป็นสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้ 1,500 ล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ใช้ในตลาดใหม่ๆ ที่ตอนนี้กำลังเริ่มเติบโตมักจะใช้มือถือ Android การที่ให้พนักงานเปลี่ยนไปใช้ Android ก็เพื่อที่จะทำให้พนักงานได้เข้าใจประสบการณ์การใช้งาน Facebook แบบเดียวกับผู้ใช้เหล่านั้น และจะได้รายงานบั๊กด้วย
ก่อนหน้านี้ Facebook ก็มีโครงการให้พนักงานเข้าใจผู้ใช้ อย่างเช่น 2G Tuesday
Google เปิดตัวแอพใหม่แบบเงียบๆ ที่มีชื่อว่า "Who's Down" โดยเป็นแอพสำหรับการเชิญชวนทำกิจกรรมในหมู่เพื่อนฝูง ลักษณะคล้ายกับคุณสมบัติเชิญชวนเพื่อนทำกิจกรรมในแอพ Swarm นั่นเอง
Who's Down จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเสนอความคิดว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง (ไม่จำเป็นต้องไปสังสรรค์อย่างเดียว) และสามารถพูดคุยกับคนอื่นๆ เพื่อนัดหมายเวลาและกิจกรรมร่วมกันได้
ตอนนี้ตัวแอพยังเปิดให้ใช้งานเฉพาะกลุ่มซึ่งต้องมีการเชิญ (invitation-only) คนที่สนใจสามารถโหลดแอพแล้วลงทะเบียนแสดงความสนใจได้ที่นี่ครับ
นโยบาย "บังคับใช้ชื่อจริง" ของ Facebook ไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะที่เมืองไทย แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งโลก (ข่าวเก่า) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Electronic Frontier Foundation (EFF) กลุ่มภาคประชาสังคมด้านสิทธิคนใช้เน็ต ร่วมกับองค์กรอื่นหลายแห่ง ส่งจดหมายเปิดผนึกขอให้ Facebook ปรับปรุงแก้ไขนโยบายนี้
ล่าสุด Facebook ตอบจดหมายกลับมาแล้ว โดยบอกว่ายินดีปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบชื่อให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ลดโอกาสที่จะต้องยืนยันชื่อจริงให้น้อยลง และป้องกันปัญหา report มั่ว โดยคนที่ report จะต้องแนบข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมไปกับการ report ด้วย
กระบวนการตรวจสอบชื่อแบบใหม่จะเริ่มใช้ในเดือนธันวาคมนี้
ที่ผ่านมา Facebook Messenger เน้นการใช้คุยกับเพื่อนในระบบ Facebook เป็นหลัก ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอยากส่งข้อความมาหา มันจะไปอยู่ในแท็บ Other ที่ถูกแอบๆ ไว้ (หลายคนไม่รู้ว่ามีแท็บนี้อยู่ แถมมีเฉพาะเวอร์ชันเว็บเท่านั้น)
ช่วงหลัง Messenger ถูกผลักดันให้เป็นแพลตฟอร์มของตัวเองที่แยกจาก Facebook ทำให้แท็บ Other ถูกปรับปรุงใหม่เป็นระบบ Message Request แทน
การทำงานของ Message Request จะคล้ายกับ Friend Request ของ Facebook นั่นคือแจ้งเตือนผู้ใช้ว่ามีคนมาขอคุยด้วย เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเพื่อนหรือไม่ หรือเพิกเฉยไม่สนใจ
ที่มา - David Marcus