LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน เตรียมปรับหน้าเว็บใหม่อีกรอบเพื่อให้ผู้ใช้มองเห็นข้อมูลสำคัญได้ง่ายขึ้น
LinkedIn บอกว่าจะเริ่มทยอยอัพเดตหน้าเว็บแบบใหม่ให้ผู้ใช้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
เครื่องมือใหม่ของ Facebook ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่นักโฆษณา ผู้ดูแลเพจ มีดังต่อไปนี้
จริงๆ ช่วงนี้ Facebook ได้ทำวิดีโอสอนตั้งค่าใน Facebook ง่ายๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น วิธีลบแท็กจากรูป วิธีแชร์โพสต์ให้เพื่อนๆ และอื่นๆ (ดูได้จาก ที่นี่) แต่เนื่องจากวิดีโอสอนบล็อกนี้มีการพูดถึงในกรณีการบล็อคแฟนเก่า ก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมานั่นเอง
ใครสนใจจะดูวิธีบล็อค (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการบล็อคแฟนเก่าก็ได้) ก็ดูได้ในที่มา ซึ่งวิดีโอมีสอนด้วยว่าถ้าอยากจะเปลี่ยนใจอันบล็อคต้องทำยังไง ส่วนหลังนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจดี เชื่อว่าหลายๆ คนคงบล็อคเป็นแต่อาจจะหาวิธีอันบล็อคไม่เจอกันมากกว่า
ที่มา - Business Insider
วันนี้ Instagram ประกาศผ่าน Blog ว่าตอนนี้มีผู้ใช้ครบ 300 ล้านคนแล้ว โดยในโอกาสนี้ Instagram ได้เปิดตัว verified badge สำหรับเหล่าดารา, คนดัง, แบรนด์สินค้า เพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะบัญชีจริงกับปลอม ซึ่ง badge นี้จะเปิดใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ซีอีโอ Kevin Systrom ให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำให้ Instagram ปลอดจากบัญชีปลอมและสแปม โดยได้ทยอยลบบัญชีที่เข้าข่ายไปแล้ว จึงอาจส่งผลให้จำนวนผู้ติดตามน้อยลงบ้าง
ที่มา - Instagram Blog
ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นบทบาทของ Uber ในประเทศไทยเล่นบทตั้งรับหรืออยู่เงียบๆ มาโดยตลอด (ลองอ่านข่าวเก่าๆ ได้) นับตั้งแต่กรณี UberX ให้บริการขัดกับกฎหมายของไทย แต่วันนี้ Uber ประเทศไทย ได้ส่งอีเมลหาลูกค้า เพื่อขอให้ลูกค้าแสดงออกการสนับสนุน Uber ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (social media) แล้ว
คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรได้ออกรายงานเรียกร้องให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างเช่น Facebook หรือ Twitter ทำการชี้แจงข้อกำหนดการใช้บริการให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ตระหนักถึงความเสี่ยงและระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
คณะกรรมการฯ ได้ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่ประสานงานกับคณะกรรมการด้านสารสนเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานแก่เว็บและแอพต่างๆ ที่เปิดให้มีการลงทะเบียนผู้ใช้ได้ชี้แจงข้อกำหนดการใช้งานให้เข้าใจง่าย และเน้นย้ำเรื่องเงื่อนไขการนำข้อมูลของผู้ใช้ไปใช้ประโยชน์ หรือสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อมูลให้ชัดเจน
แอพพลิเคชันเครือข่ายสังคมในรูปแบบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่การเติมเต็มช่องว่างระหว่างคุณกับเพื่อนคนสนิท วัตถุประสงค์หลักของแอพพลิเคชันนี้คือการแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีเพื่อนของเขาอยู่บริเวณรอบๆตัวเขา ดังนั้นผู้ใช้จะไม่มีทางพลาดที่จะเจอเพื่อนคนสนิทของเขาในทุกเมื่อ
แอพพลิเคชัน Around Me ได้ถูกออกแบบมาโดยมีการมุ่งเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ขาดหายไปในแอพพลิเคชันเครือข่ายสังคมในปัจจุบัน ดังนั้นผู้ใช้ทุกคนจึงสามารถหมดกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของเขาได้ทุกเมื่อเพราะเรามีฟังชั่นต่างๆที่พร้อมให้ผู้ใช้สนุกสนานไปพร้อมกับความเป็นส่วนตัว
แทบไม่ต้องสงสัยว่าตอนนี้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น Facebook แต่เมื่อมองถึงแฟลตฟอร์มโซเชียลที่เติบโตมากที่สุดในปีนี้คงไม่ใช่ Facebook แน่ๆ และจากรายงานของ Global Web Index กลายเป็น Tumblr ที่ขึ้นแท่นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เติบโตเร็วที่สุดในตอนนี้ แซงหน้าทั้ง Instagram แชมป์เก่า และ Pinterest ม้ามืดอีกรายไปอย่างฉิวเฉียด
จากรายงานที่ว่ามาตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Tumblr เพิ่มจำนวน active user ได้มากถึง 120% แม้ว่าจะมีผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นน้อยกว่า Pinterest ก็ตาม ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook นั้นมีจำนวน active user เพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น
IBM เปิดตัว Verse เว็บเมลแนวใหม่ที่ผนวกเอาฟีเจอร์ด้านโซเชียลและการวิเคราะห์ข้อมูลอีเมลเข้ามาตามสมัยนิยม (คล้าย Google Inbox หรือ Microsoft Yammer) โดยทาง IBM มีแนวคิดคล้ายๆ กันคือต้องการแก้ปัญหา "อีเมลเยอะเกินไป" ต้องเสียเวลางานมาตอบอีเมลจนไม่ได้ทำอย่างอื่น
IBM Verse พยายามแก้ปัญหาของอีเมลด้วยวิธีการดังนี้
หลังจากปล่อยให้ใช้งาน Facebook ทำงานประจำกันตามมีตามเกิดมานาน วันนี้มีรายงานว่า Facebook กำลังจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับคนทำงานในชื่อ Facebook at Work เร็วๆ นี้แล้ว
ตามรายงานของ Financial Times บอกว่า Facebook at Work จะทำให้ผู้ใช้สามารถมีโปรไฟล์ได้ทั้งส่วนตัว และทำงาน แม้ว่าหน้าตาโดยรวมจะไม่ต่างกับ Facebook แบบปกติ แต่จะเพิ่มฟีเจอร์สำหรับทำงานมา เช่น ช่องทางสำหรับติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญต่างๆ และการทำงานเอกสารร่วมกัน เป็นต้น
แหล่งข่าวรายงานว่าฟีเจอร์ใหม่นี้เริ่มทดสอบกันในสำนักงานเมืองลอนดอนบ้างแล้ว ซึ่งถ้าหากเปิดตัวมาจริง Facebook ก็จะมีเครื่องมือสำหรับคนทำงานไปแข่งกับเจ้าใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ และกูเกิลเสียที
Facebook ออกมาประกาศนโยบายใหม่ของการแสดงเนื้อหาใน News Feed โดย "โพสต์เนื้อหาเชิงโฆษณา" (promotion post หมายถึงเนื้อหาแนวโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ซื้อโฆษณา) จะถูกแสดงผลน้อยลง
เหตุผลเกิดจาก Facebook สำรวจสถิติความพอใจของผู้ใช้ News Feed แล้วพบว่าผู้ใช้ไม่ชอบเนื้อหาเชิงโฆษณาเหล่านี้ ตามปกติแล้ว Facebook มีระบบการจำกัดจำนวนโฆษณา (ads) บน News Feed เพื่อรักษาประสบการณ์การใช้งาน แต่กลับกลายเป็นช่องว่างให้โพสต์แบบปกติ (organic) ที่มีเนื้อหาเชิงโฆษณาแทน
Facebook ระบุว่าโพสต์เชิงโฆษณาที่พบบ่อยคือ โพสต์ขายของแบบตรงๆ หรือชวนให้ติดตั้งแอพ, โพสต์ชวนผู้ใช้ร่วมสนุกหรือชิงรางวัล และโพสต์ที่นำเนื้อหาแบบเดียวกับโฆษณามาใช้งาน (ตัวอย่างตามภาพ)
Facebook ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับคนที่รำคาญหรือไม่อยากเห็นโพสต์ของเพื่อนบางคน แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากเลิกติดตามไปเลย สามารถสั่งให้ "แสดงโพสต์ของคนนี้ให้น้อยลง" (See less from ...) ได้จากเมนู I don't want to see this บริเวณมุมขวาบนของโพสต์
นอกจากนี้ Facebook ยังเพิ่มตัวเลือกใหม่ใน News Feed settings ให้เราสามารถเลือกติดตาม/ไม่ติดตาม (follow/unfollow) ไม่ว่าจะเป็น "เพื่อน/เพจ/กลุ่ม" ได้ตามต้องการ สามารถหยุดติดตามไประยะหนึ่งแล้วกลับมาติดตามใหม่ได้ง่ายขึ้นด้วย ช่วยให้คนที่รำคาญโพสต์เหล่านี้สามารถหยุดพักการติดตามได้โดยไม่ต้อง unfriend/unlike หรือออกจากกลุ่ม
จากข่าว Mark Zuckerberg เตรียมจัดเวทีตอบคำถามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กสงสัย เมื่อวานนี้เขาก็ตอบคำถามรอบแรกไปแล้ว มีคำถามยากๆ ในหลายประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องบังคับให้ดาวน์โหลด Messenger
เขายอมรับว่าการขอให้ผู้ใช้ Facebook ลงแอพ Messenger แยกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุผลเป็นเพราะการทำงานของแอพ Facebook หลักคือ News Feed ต่างไปจากการส่งข้อความมาก และเขามองว่าในอนาคตผู้คนจะส่งข้อความมากขึ้นเรื่อยๆ (ปัจจุบัน Facebook มีข้อความวิ่งผ่านวันละ 1 หมื่นล้านข้อความ) การเปิดแอพ Facebook มา รอโหลดเสร็จ แล้วเปลี่ยนแท็บเป็น Message เพื่อคุย ทำแบบนี้วันละประมาณ 15-20 ครั้ง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่ากับการเปิดแอพ Messenger โดยตรง
Google+ ต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนด้วย Auto Awesome Halloweenify ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพเพื่อทำภาพตลกหรือภาพหลอนแบบอัตโนมัติ สามารถใช้งานผ่าน Google+ Photos หรือผ่านแอพฯ Google+ บนมือถือ ซึ่งจะมีตัวเลือกระหว่าง "Try a fun effect" (ทำภาพตลก เลียนแบบหน้าสัตว์ต่างๆ) และ "Try a spooky effect" (ทำภาพหลอน) จากนั้นเลือกภาพที่ต้องการ จะเลือกอัพโหลดภาพเข้าไปใหม่หรือเลือกจากอัลบั้มใน Google+ Photos ก็ได้ รอประมวลผลสักครู่ ก็จะได้ภาพพร้อมแชร์ลง Google+ ทันที
สามารถชมภาพจากผู้ใช้ Google+ ทั่วโลกกับเอฟเฟกต์นี้อีกมากมายได้ที่ g.co/Halloweenify
จริงๆ แล้ว Blognone สนับสนุนให้สมาชิกของเราไปคุยกันเองตามช่องทางต่างๆ ในหน้า profile ของเราจึงมีช่อง social network ให้กรอกเผื่อใครมีแผนโปรโมทตัวเองให้คนอื่นมาคุยด้วย
อย่างไรก็ตาม ระบบ profile อาจเก่าและเข้าถึงได้ยากไปสักหน่อย เนื่องในโอกาสวันอาทิตย์ที่ไม่ค่อยมีข่าว Ask Blognone ตอนนี้จึงชวนทุกท่านที่สนใจคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ทาง Twitter (ที่น่าจะติดตามกันง่ายที่สุด) มาโพสต์ชื่อบัญชีของตัวเอง เพื่อให้คนอื่นมาติดตามกันได้ง่ายขึ้นครับ
ป.ล. งานนี้สำหรับคนอยากคุยล้วนๆ ใครที่ระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัว อยากคุยเฉพาะกับคนที่รู้จักเท่านั้น ก็ข้ามกระทู้นี้ไปได้เลย
ช่วงนี้มีข่าวคนดังเปิดบัญชีโซเชียลกันเยอะ รายล่าสุดคือ Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวอังกฤษ ที่เปิดเพจ Facebook ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ และเมื่อคืนนี้เขาก็โพสต์ข้อความเป็นครั้งแรก
ข้อความแรกของ Hawking บอกว่าเขาสงสัยเรื่องการกำเนิดของจักรวาลมาโดยตลอด แม้การมีอยู่ของเวลาและอวกาศยังเป็นปริศนา แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความอยากรู้ของเขาได้ ตอนนี้เขามีโอกาสอันดีในการร่วมเดินทางตามหาความจริงกับทุกๆ คนผ่าน Facebook ขอให้ทุกคนจงหมั่นสงสัยต่อไป ดังเช่นที่เขาจะทำต่อไป (Be curious, I know I will forever be.)
ก่อนหน้านี้ไม่นานมีข่าวลือว่า Facebook เตรียมออกแอพตัวใหม่ ใช้คุยกันได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน วันนี้แอพดังกล่าวเปิดตัวแล้วในชื่อ Rooms
Facebook ปรับดีไซน์การแสดงผลหน้ารูปภาพในแอพทั้ง iOS และ Android ให้แสดงแบบ collage และภาพไหนที่มีจำนวนไลก์มากก็จะถูกแสดงผลให้เป็นภาพใหญ่ และถ้าหากเลือกดูในแท็บอัลบั้ม ก็จะพบว่ารูปปกอัลบั้มนั้นถูกแสดงผลในขนาดใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน
Facebook กล่าวว่าดีไซน์ใหม่นี่จะทำให้ผู้คนเข้ามาดูและกดไลก์รูปภาพมากกว่าเดิม
ที่มา - TechCrunch
เพื่อเพิ่มอรรถรสในการสนทนาให้มากขึ้น Google+ จึงเพิ่มโพสต์ประเภทโพลเข้ามาให้ได้ใช้กันด้วย โดยผู้ใช้สามารถสร้างโพลและมีตัวเลือกในการโหวตได้สูงสุด 5 ตัวเลือก พร้อมกับใส่ภาพประกอบให้ดูน่าสนใจได้
ฟีเจอร์โพลจะสามารถสร้างได้ผ่านแอพแอนดรอยด์และบนเว็บไซต์ในอีกไม่กี่วันถัดจากนี้ ส่วนแอพบน iOS ก็รอไปก่อน
ทีม FUSE Labs ในสังกัด Microsoft Research ออกแอพแชร์ภาพตัวใหม่ชื่อ Xim (อ่านว่า "ซิม")
Xim ต่างจากแอพแชร์ภาพตัวอื่นๆ ในท้องตลาดตรงที่ไม่มีระบบ "เพื่อน" แนวโซเชียลที่เราคุ้นเคย เพราะส่งลิงก์ทางอีเมลหรือ SMS จากสมุดที่อยู่ในเครื่องได้เลย จุดเด่นของมันคือแชร์ไปแล้วเราสามารถเลื่อนดูภาพพร้อมกันกับเพื่อนได้ หน้าจอของทุกเครื่องจะเปลี่ยนภาพพร้อมกันหมด
แนวคิดของ Xim ตอนแรกคือแชร์หน้าจอมือถือไปยังอุปกรณ์อื่น (เช่น ทีวีหรือพีซี) แต่ภายหลังพบว่าการแชร์รูปภาพไปบนจอมือถือของเพื่อนกลับมีประโยชน์มากกว่า สามารถใช้แทนการส่งมือถือเครื่องเดียวแล้ววนๆ กันดูรูปในกลุ่มเพื่อนๆ ได้ นอกจากนี้เพื่อนยังสามารถเพิ่มภาพเข้ามาในอัลบั้มที่แชร์ได้ด้วย
พร้อมๆ กับการเปิดตัว HTC Desire EYE ในวันนี้ HTC ยังได้เปิดตัว Zoe รูปแบบใหม่ที่ฉีกจากลูกเล่น Zoe เดิมใน HTC Sense 5 อย่างหมดจดด้วยครับ
รูปแบบใหม่ของ Zoe จะยังคงคล้ายของเดิม คือสามารถทำ Video Highlight ด้วยการนำภาพหรือวิดีโอต่างๆ มาประกอบกัน แต่จะเพิ่มลูกเล่นในการแชร์ภาพขึ้นเครือข่ายสังคมต่างๆ เข้ามา อีกทั้งยังทำตัวเองให้กลายเป็นเครือข่ายสังคมรูปแบบหนึ่งด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปกด Like หรือ คอมเมนต์ Zoe ต่างๆ ที่ผู้ใช้แต่ละคนได้อัพโหลดขึ้นมาได้เป็นต้น
ช่วงหลังเราเห็นข่าวลือว่ากูเกิลลดความสำคัญของ Google+ ลง โดยเฉพาะหลังการลาออกของ Vic Gundotra หัวหน้าทีม ซึ่งกูเกิลก็นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาตลอด
แต่ล่าสุด David Besbris หัวหน้าทีมโซเชียลคนใหม่ของกูเกิลออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า กูเกิลยังรักมั่นคงกับ Google+ ต่อไป ไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน
เดิมที Besbris เป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Google+ และมีบทบาทใน Google+ มาตั้งแต่ต้น เขาถูกเลื่อนชั้นมาดูผลิตภัณฑ์สายโซเชียลทั้งหมดแทน Vic Gundotra
ประเด็นสำคัญที่ Besbris กล่าวถึงมีดังนี้
New York Times รายงานข่าววงในว่า Facebook เตรียมปล่อยแอพตัวใหม่ที่สามารถคุยได้โดยไม่ต้องแสดงตัวตน แอพตัวนี้จะแยกจากแอพ Facebook ปกติ (และน่าจะใช้ชื่ออื่นที่ไม่เกี่ยวกับ Facebook เลย แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าชื่ออะไร) และจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
นโยบายเรื่องตัวตนของ Facebook คือผลักดันให้เปิดเผย "ตัวตนที่แท้จริง" ชื่อจริง รูปจริง และสายสัมพันธ์กับคนรู้จักในโลกจริง อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ก็มีข้อจำกัดว่าผู้ใช้อาจไม่กล้าแสดงความเห็นในเรื่องที่ไม่สะดวกใจมากนัก การสร้างแอพทางเลือกที่แสดงความเห็นได้แบบปิดบังตัวตนหรือใช้นามแฝง อาจถือเป็นการทดลองฉีกแนวของ Facebook อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเดือนกรกฎาคม Facebook ได้ปล่อยงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง "สิ่งที่เราเห็นใน Social Network มีผลกระทบกับอารมณ์ของเราหรือไม่" (ดูงานวิจัยได้ที่นี่) งานวิจัยนี้ถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องของจริยธรรมในการทดลองกับความคิดความรู้สึกของคน (ถึงแม้ว่าไม่ผิดกฎหมาย เพราะในการสมัคร Facebook ตอนแรกผู้ใช้ต้องยินยอมให้ Facebook นำข้อมูลเราไปทำการวิจัยหรือทดลองได้ก็ตาม)
Facebook เคยประกาศเอาไว้เมื่อต้นปีนี้ในงานสัมมนา f8 ว่าจะออกปุ่ม Like สำหรับแอพมือถือ วันนี้มันเปิดตัวให้ใช้งานแล้วครับ
ปุ่ม Like บนมือถือ (Mobile Like Button) มีหน้าตาเหมือนปุ่ม Like แบบปกติทุกประการ เพียงแต่มันสามารถนำไปฝังในแอพได้โดยตรง (รองรับ iOS/Android) มันยังเชื่อมโยงกับบัญชีของผู้ใช้ Facebook ในเครื่องนั้นด้วย ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องล็อกอินใหม่ซ้ำซ้อน
คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือเจ้าของแอพที่มีเพจด้วย สามารถเพิ่มปุ่ม Like ภายในแอพเพื่อให้ผู้ใช้กดแล้วติดตามเพจของเราได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากแอพเลย
ที่มา - Facebook Developers