ซัมซุงได้ออกมาประกาศว่าสามารถขายมือถือ Galaxy S II แล้วถึง 10 ล้านเครื่อง โดยตัวเลขนี้ไม่เลวเลยทีเดียว หากมาดูที่การเติบโตของยอดขาย ที่มากกว่าเดิมถึงสองเท่าภายในเวลาแปดสัปดาห์เท่านั้น ที่สำคัญ มือถือรุ่นนี้ยังไม่ได้วางจำหน่ายอย่างเต็มที่ในสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำ (ค่ายอันดับหนึ่งอย่าง Verizon ยังไม่ขาย)
แม้ว่าตัวเลขนี้จะไม่ได้มากมายอะไรเท่ากับ iPhone 4 (ที่สามารถขายได้ 20 ล้านเครื่องภายในไตรมาสเดียว) ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่คู่แข่งอย่างแอปเปิลและผู้ผลิตมือถือ Android อื่น ๆ มองข้ามไม่ได้
ที่มา - Engadget
หลังจากซัมซุงประกาศวิธีตั้งชื่อรุ่นแบบใหม่ เราก็ทราบกันแล้วว่า Galaxy R หมายถึงมือถือตระกูล Galaxy (Android) รุ่นรองท็อป (รองจาก Galaxy S) อธิบายง่ายๆ มันคือ Galaxy S II รุ่นลดสเปกลงมาบางส่วนนั่นเอง
ถึงแม้ Verizon จะมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแอปเปิลในการขาย iPhone แต่ในคดีที่แอปเปิลฟ้องศาลในสหรัฐ ขอให้ห้ามนำเข้าสินค้าของซัมซุงไปขายสหรัฐ ทาง Verizon ได้ขอให้ศาลปฏิเสธคำขอนี้
เหตุผลสำคัญก็เพราะผลิตภัณฑ์ของซัมซุงที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ของ Verizon ได้นั่นเอง เช่น Infuse 4G, Galaxy S 4G, Droid Charge, Galaxy Tab 10.1
Verizon นั้นลงทุนในเครือข่าย 4G LTE ไปมาก แต่ยังประสบปัญหาว่าไม่ค่อยมีอุปกรณ์ที่รองรับ 4G LTE ในตลาดมากเท่าไรนัก ถ้าสินค้า 4G ของซัมซุงโดนสั่งแบนก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก
ทั้งหมดคือเหตุผลของ Verizon ส่วนแอปเปิลหรือใครจะมองว่า Verizon นั้น "รับงาน" มาก็แล้วแต่มุมมองครับ
เว็บ C|net รายงานว่าพวกเขาได้พบร้านขายของซัมซุงในประเทศอิตาลีแห่งหนึ่ง แล้วพบว่าฉากหลังของมุมที่ขายสินค้าประเภทมือถือภายในจะพบกับโลโก้ต่าง ๆ ของแอปเปิล เช่น โลโก้ App Store และโลโก้ Safari (โปรดคลิกเข้ามาดูภาพได้)
ไม่ว่าซัมซุงจะมีเจตนาที่จะทำแบบนี้ (ลอกเลียน) จริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในขั้นตอนการจัดร้านก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ นี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีกับซัมซุงแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซัมซุงกับแอปเปิลกำลังโทษกันว่าใครก็อบสินค้าใครกันแน่
ที่มา - C|net
Lee Younghee ผู้บริหารฝ่ายการตลาดมือถือของซัมซุง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว AP ว่าจะ "ใช้สิทธิตามกฎหมาย" มากขึ้น จากเดิมที่ใช้ยุทธศาสตร์แบบ passive ต่อการฟ้องร้องของแอปเปิล
Lee บอกว่าเดิมทีซัมซุงเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแอปเปิล เลยไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่ "เราไม่ควรจะทำแบบนั้นอีกต่อไป" และเชื่อว่าแอปเปิลกำลังหาผลประโยชน์จากสิทธิบัตรหลายๆ ชิ้นของซัมซุงอยู่
ซัมซุงยังเชื่อว่าจะใช้ระบบปฏิบัติการสามตัวคือ Android, Windows Phone, bada ผนึกกำลังกันแซงหน้าแอปเปิลเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกได้
ข่าวการฟ้องร้องล่าสุดตอนนี้ ซัมซุงยื่นฟ้องกลับแอปเปิลในเนเธอร์แลนด์แล้วอีกหนึ่งคดี โดยขอให้แบน iPhone/iPad ในเนเธอร์แลนด์เพราะละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุง
จากผลการสำรวจล่าสุดของ UBS Investment Research ที่สอบถามผู้ใช้โทรศัพท์ระดับไฮเอนด์ (ย้ำว่าเฉพาะไฮเอนด์นะครับ ไม่ใช่ตลาดโดยรวม) เป็นจำนวน 515 คนเกี่ยวกับแผนการในการซื้อโทรศัพท์เครื่องต่อไป พบว่าผู้ใช้ iPhone ที่ตั้งใจว่าจะยังคงใช้โทรศัพท์แบรนด์เดิมเป็นโทรศัพท์เครื่องต่อไป (retention rate) นั้นสูงถึง 89% โดยมีอันดับที่สองตามมาคือ HTC ที่ 39%
ผู้ที่กำลังเสียหายหนักจากผลการสำรวจนี้คือ RIM ที่ตัวเลขนี้ลดลงจาก 62% เหลือเพียง 33% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา และตามมาด้วย Samsung ที่ 28% และ Motorola ที่ 25%
จากรายงานของ Digitimes แอปเปิลกำลังพยายามกระจายแหล่งผลิตหน่วยความจำเพื่อสินค้าของตัวเอง เพื่อที่จะลดการพึ่งพาซัมซุงเป็นซัพพลายเออร์หลัก
โดยหน่วยความจำที่ว่านี้รวมไปถึง DRAM และ NAND flash แอปเปิลได้เลือกซื้อหน่วยความจำเหล่านี้จากประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น โดยมีโตชิบา และ Elpida Memory เป็นผู้รับคำสั่งซื้อ
แอปเปิลได้ลดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ที่สุดของตัวเอง ซึ่งก็คือซัมซุงนั่นเอง ทั้งหมดนี้น่าจะเกิดจากปัญหาการฟ้องร้องกันระหว่างสองบริษัท ก่อนหน้านี้ไม่นาน แอปเปิลก็ได้เปลี่ยนมาให้บริษัทคู่แข่งของซัมซุง TSMC เป็นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลรุ่นต่อไป Apple A6 แทนที่ซัมซุงแล้ว
ก่อนหน้านี้ The Korea Times รายงานว่าซัมซุงต้องการที่จะแบน iPhone 5 ทันทีหลังจากที่เริ่มวางขายในเกาหลีใต้ แต่ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าซัมซุงยังเตรียมการที่จะแบน iPhone 5 ในยุโรปเช่นกัน
ดูเหมือนว่าระยะหลัง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงได้ตกต่ำถึงจุดที่กลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว โดยแอปเปิลได้กล่าวหาว่าซัมซุงมีความพยายามที่จะก็อบปี้อุปกรณ์ iOS ของแอปเปิลในสินค้าตระกูล Galaxy และแอปเปิลเองก็ได้หันไปเลือกใช้บริการผลิตชิ้นส่วนของบริษัทคู่แข่งของซัมซุงอย่าง TSMC แทน
จนถึงตอนนี้ แอปเปิลมีคดีความกับซัมซุงรอบโลก 23 คดี ในหลายประเทศ เช่น ในฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุชื่อให้ข่าวว่าซัมซุงจะเปิดซอร์ส Bada ให้กับนักพัฒนาภายนอกในปี 2012 เพื่อให้มีการใช้งานแพร่หลายขึ้น รวมถึงเตรียมจะนำ Bada บุกตลาดโทรทัศน์อีกด้วย
เหตุผลสนับสนุนแนวทางนี้คือการที่กูเกิลซื้อโมโตโรล่าทำให้กูเกิลเองกลายเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่ไปในตัว บริษัทผู้นำตลาดอย่างซัมซุงนั้นคงไม่อยากพึ่งพิง Android ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางเลือกที่สอง การสร้างตลาดให้กับ Bada แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ซัมซุงผลิตเองทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังทำให้ซัมซุงมีตลาดอีกตลาดเป็นทางเลือก และซัมซุงยังเป็นคนควบคุมการพัฒนา Bada เองอีกด้วย
ข่าวนี้เป็นข่าวลือที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ The Korea Times ของเกาหลีใต้ โดยอ้าง "แหล่งข่าว" นะครับ
ตามข่าวบอกว่าซัมซุงกำลังรอการเปิดตัวและวางขาย iPhone 5 ในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ iPhone 5 วางขายแล้ว ซัมซุงจะฟ้องละเมิดสิทธิบัตรในประเทศเกาหลีใต้ทันที และร้องขอไม่ให้แอปเปิลสามารถวางขาย iPhone 5 ในเกาหลีใต้ได้
แหล่งข่าวมั่นใจว่าถ้าแอปเปิลยังยืนยันจะขายผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถด้านโทรศัพท์ต่อไป ยังไงก็หนีคดีละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงไม่พ้น และจะทำให้แอปเปิลไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ตระกูล i ในเกาหลีใต้ได้สักอย่างเลยทีเดียว
ขอรวมข่าวลือมือถือสองข่าวของซัมซุงเป็นข่าวเดียวกันนะครับ
ข่าวแรกคือมือถือ Nexus รุ่นที่สามซึ่งเราเรียกมันว่า "Nexus Prime" อาจเปลี่ยนชื่อเป็น "Galaxy Nexus" โดยจะขายกับเครือข่าย Verizon เพียงรายเดียวในสหรัฐ ข้อมูลของมันยังสับสน แต่เท่าที่มีออกมาคือหน้าจอ 4.65" 1280x720, Ram 1GB, เนื้อที่เก็บข้อมูล 16GB, รองรับทั้ง GSM/CDMA และมีรายงานว่าคนเห็นเครื่องรุ่นทดสอบที่ใช้ Android Gingerbread บ้างแล้ว - Pocketnow
ซัมซุงเริ่มปฏิบัติการฟ้องกลับแอปเปิลในหลายประเทศ จากคราวก่อนที่ฟ้องในฝรั่งเศส คราวนี้มาเป็นออสเตรเลีย
เนื้อหาในคำฟ้องคือแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงจำนวน 7 รายการ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องคือ iPhone และ iPad
ถึงแม้ซัมซุงจะสร้างจุดขายหนึ่งให้ Galaxy S II ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้บางที่สุดแค่เพียง 8.49 มิลลิเมตร แต่หน่วยงานด้านโฆษณาของประเทศอังกฤษไม่คิดเช่นนั้น
สงครามสิทธิบัตรระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงขยายแนวรบไปทีละประเทศ คราวนี้การศึกเกิดที่ฝรั่งเศส โดยซัมซุงเป็นฝ่ายยื่นฟ้องบ้าง
ซัมซุงยื่นฟ้องต่อศาลเขตปารีสตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (แต่เพิ่งเป็นข่าว) โดยฟ้องว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยี (ไม่ใช่ด้านดีไซน์) จำนวน 3 ชิ้น การไต่สวนจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม
ซัมซุงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของสิทธิบัตรที่ฟ้อง แต่แหล่งข่าวของ AFP บอกว่าเกี่ยวกับเทคโนโลยี UMTS ซึ่งถือเป็น 3G แขนงหนึ่ง ส่วนผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่โดนฟ้องคือ iPhone 3G, iPhone 3GS, iPhone 4, iPad, iPad 2
ผู้ใช้ Samsung Wave คงใจชื้นกันไม่น้อย เมื่อซัมซุงออกมาประกาศผ่าน @samsungbada ว่า Wave ทุกรุ่นจะได้อัพเป็น bada 2.0 ในไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ซัมซุงบอกว่าลำดับการอัพเกรดอาจต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยจะเริ่มจากยุโรปก่อน และมือถือแต่ละรุ่นอาจได้ฟีเจอร์ของ bada 2.0 ไม่เท่ากัน ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ของแต่ละรุ่นด้วย
ที่มา - @samsungbada, Sammy Hub
เครือข่าย AT&T ของสหรัฐประกาศขายมือถือ Windows Phone Mango ใหม่อีก 3 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ HTC Titan ที่เปิดตัวไปแล้ว ส่วนอีกสองรุ่นเพิ่งเปิดตัวครั้งแรก ได้แก่
ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ Mango Update ของ Windows Phone 7 ใกล้จะถูกส่งออกมาให้ผู้ใช้ครับ จึงมีข่าวลือออกมาเรื่อยๆ ซึ่งผมขอรวบ 2 ข่าวมารายงานพร้อมกันเลย
ข่าวแรกคือข่าวลือเรื่องการปล่อย Mango Update ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไปที่มีข้อมูลหลุดมาจาก Windows Phone Developer Podcast ตอนที่ 33 ที่นาย Ryan และ Travis Lowdermilk บอกว่าได้มีข้อมูลจากหลายแหล่งตรงกันว่าจะมีการปล่อย Mango Update ออกมาภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งก็ค่อนข้างจะสอดคล้องกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่าผู้ให้บริการเครือข่ายจะปล่อยตัวอัพเดตออกมาในวันที่ 15 กันยายนนี้
ช่วงหลังซัมซุงเป็นข่าวซื้อกิจการบริษัท-ระบบปฏิบัติการต่างๆ ไม่น้อย (อาจเป็นเพราะบริษัทมีขนาดใหญ่มาก และหาบริษัทขนาดนี้ได้ยาก) เช่น ซื้อ webOS (
วันนี้ ศาลสูงภูมิภาคดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนี ยังคงตัดสินเข้าข้างคำตัดสินเดิมของศาลชั้นต้น ที่ได้ตัดสินไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่าให้มีการแบน Galaxy Tab 10.1 ของซัมซุงทั้งประเทศ โดยผู้พิพากษาได้กล่าวว่าสินค้าตระกูลแท็บเล็ตของซัมซุง มีความใกล้เคียงกับไอแพ็ดอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ศาลยังบอกว่าดีไซน์ลักษณะ "minimalist" และ "modern form" แบบไอแพ็ดไม่ใช่วิธีเดียวในการดีไซน์แท็บเล็ต การดีไซน์แท็บเล็ตออกมาในแบบอื่น ๆ ซัมซุงก็สามารถทำได้
เว็บไซต์ AFP อ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ Korea Economic Daily ของเกาหลีใต้ ระบุว่าไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Windows 8 บนแท็บเล็ตของซัมซุง ที่งานสัมมนา BUILD สัปดาห์หน้า (13 ก.ย.)
แหล่งข่าวของ Korea Economic Daily ระบุว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จะเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างซัมซุงกับไมโครซอฟท์ ในการผลิตฮาร์ดแวร์ร่วมกัน
ส่วนรอยเตอร์รายงานข่าวว่า Steven Sinofsky หัวหน้าทีมวินโดวส์จะโชว์แท็บเล็ตที่รัน Windows 8 ด้วยตัวเอง และคาดว่าแท็บเล็ตจะวางขายจริงได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า เท่ากับว่าไมโครซอฟท์จะออกผลิตภัณฑ์ช้ากว่าแอปเปิลไป 2 ปีครึ่ง
สงครามฟ้องร้องของแอปเปิลต่อซัมซุง ยังขยายแนวรบต่อไปเรื่อยๆ จากที่มีข่าวมาแล้วทั้งในสหรัฐ ยุโรป เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย
Andrew Barrow หัวหน้าฝ่ายสินค้าสำหรับผู้บริโภคของ Lenovo ออกมาให้ข่าวกับ The Guardian ว่า Galaxy Tab ที่วางขายในปีที่แล้วนั้นสามารถทำยอดขายจริงได้แค่ 20,000 เครื่องเท่านั้น ส่วนตัวเลข 1 ล้านเครื่องนั้นเป็นเพียงตัวเลขส่งมอบไปยังช่องทางกระจายสินค้า
เขายังพูดถึงสินค้าของฝั่ง Lenovo เองที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ว่า Lenovo ไม่รู้สึกว่าต้องแข่งขันกับแอปเปิลแต่อย่างใด โดยหากสินค้ามันจะขายได้ มันก็ขายได้ โดยตัว Andrew เองไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขการผลิตของ Lenovo ว่าเตรียมเครื่องไว้ขายจำนวนเท่าใด บอกแต่เพียงว่าบริษัทยังมีสินค้าตัวอื่นๆ เตรียมรอวางตลาดอยู่
Galaxy Tab 7.7 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันก่อน กลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดของ
ในกลุ่มกล้อง mirrorless นั้นซัมซุงบุกตลาดนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วด้วย NX100 แต่ดูไม่ได้รับความนิยมนัก แต่ซัมซุงก็ยังบุกตลาดนี้ต่อด้วย NX200 ที่เป็นการอัพเกรดตามรอบปี
NX200 ถูกออกแบบใหม่ให้มีรูปร่างดูเป็นมืออาชีพขึ้น สีดำทั้งตัวและที่จับที่กระชับขึ้น เซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่ให้ความละเอียดภาพถึง 20.3 ล้านพิกเซล โดยตัวเซ็นเซอร์เป็นขนาด APS-C เช่นเดียวกับ Sony NEX สามารถปรับความไวแสงได้ตั้งแต่ ISO 100 ถึง 12,800 จุดขายสำคัญคือมันรองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080P แล้วและมีไมโครโฟนแบบสเตอริโอมาในตัว น่าเสียดายที่ไม่มีช่องต่อไมค์ภายนอกมาให้ ที่สำคัญคือจอภาพขนาด 3 นิ้วเป็นจอ AMOLED แต่ความละเอียดกลับเหลือเพียง 640x480