จากข่าว Mark Zuckerberg เตรียมจัดเวทีตอบคำถามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กสงสัย เมื่อวานนี้เขาก็ตอบคำถามรอบแรกไปแล้ว มีคำถามยากๆ ในหลายประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องบังคับให้ดาวน์โหลด Messenger
เขายอมรับว่าการขอให้ผู้ใช้ Facebook ลงแอพ Messenger แยกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุผลเป็นเพราะการทำงานของแอพ Facebook หลักคือ News Feed ต่างไปจากการส่งข้อความมาก และเขามองว่าในอนาคตผู้คนจะส่งข้อความมากขึ้นเรื่อยๆ (ปัจจุบัน Facebook มีข้อความวิ่งผ่านวันละ 1 หมื่นล้านข้อความ) การเปิดแอพ Facebook มา รอโหลดเสร็จ แล้วเปลี่ยนแท็บเป็น Message เพื่อคุย ทำแบบนี้วันละประมาณ 15-20 ครั้ง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่ากับการเปิดแอพ Messenger โดยตรง
ทุกๆ วันศุกร์ เฟซบุ๊กจะมีกิจกรรมถามตอบที่พนักงานในบริษัทสามารถถามปัญหาต่างๆ กับ Mark Zuckerberg ในสิ่งที่อยากรู้ได้ ซึ่งการทำกิจกรรมนี้ Mark Zuckerberg ได้กล่าวว่ามันจะทำให้เห็นทิศทางการทำงานภายในองค์กร รวมถึงปรับปรุงบริการของเฟซบุ๊กให้ดีขึ้น ล่าสุด Mark Zuckerberg ได้เปิดกิจกรรมถามตอบนี้แก่บุคคลทั่วไป โดยจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. (เวลาไทยโดยประมาณ วันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 5.00 น.) ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมหรือสามารถชมย้อนหลังได้
หากมีคำถามอยากถาม Mark Zuckerberg สามารถฝากคำถามไว้ที่ได้เพจ Q&A with Mark ซึ่งคำถามไหนได้รับการกด Like มากที่สุด ก็จะได้รับการตอบคำถามจาก Mark Zuckerberg โดยตรง
Mark Zuckerberg เผยความลับใหม่ต่อโลกว่าเขาพูดภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ได้ โดยเขาไปพูดเรื่อง Internet.org ที่มหาวิทยาลัย Tsinghua ในปักกิ่งเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เมื่อพิธีกรแนะนำเขาด้วยภาษาอังกฤษเสร็จเรียบร้อย เขาก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและพูดภาษาจีนทันที ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากคนจีนที่เข้าฟัง
เขาบอกว่าหัดเรียนภาษาจีนด้วยตนเองมาตั้งแต่ปี 2010 โดยได้แรงบันดาลใจจากภรรยาเชื้อสายจีน Priscilla Chan โดยย่าของเธอพูดแต่ภาษาจีนเท่านั้น ซึ่งเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2012 ตัวของ Zuckerberg ก็เดินเข้าไปพูดกับย่าเป็นภาษาจีน ผลคือเธออึ้งไปเลย
ถึงแม้สำเนียงจีนของ Zuckerberg ยังไม่ดีเท่าไรนัก แต่ความมั่นใจที่จะพูดภาษาจีนของเขาก็ทำให้คนจีนจำนวนมากประทับใจ และคลิปการพูดจีนของ Zuckerberg ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมู่คนจีนทั่วโลก
เนื่องจากโรคอีโบลาในตอนนี้เดินทางเข้ามาสู่จุดวิกฤติ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 8,400 ราย และมีแนวโน้มว่าจะมีการกระจายตัวอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ มาร์คและภรรยาจึงเล็งเห็นว่า ถ้าจะหาทางหยุดยั้งไม่ให้โรคแพร่เชื้อไปมากกว่านี้จนกลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพระดับโลกในระยะยาว ก็ต้องหาทางควบคุมมันให้เร็วที่สุด การบริจาคเงิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 813 ล้านบาท) จึงเป็นหนทางหนึ่งที่เขาเชื่อว่าจะช่วยให้องค์กร CDC (Centers for Disease Control Foundation) สามารถนำไปใช้เป็นวิจัยและพัฒนาวิทยาการการต่อสู้กับโรคอีโบลาได้มากขึ้น
ที่มา - Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg และ Priscilla ภรรยา บริจาคเงิน 25 ล้านดอลลาร์ให้มูลนิธิศูนย์ควบคุมโรค (Centers for Disease Control Foundation) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อสู้กับอีโบลา
Zuckerberg บอกว่าเราต้องช่วยกันควบคุมไม่ให้อีโบลาแพร่กระจายในวงกว้างลักษณะเดียวกับโปลิโอหรือเอดส์ และวิธีที่เขาเห็นว่าเหมาะสมที่สุดคือช่วยสนับสนุนการทำงานของ CDC และผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ โดยเงินของเขาจะช่วยเหลือทั้งการตั้งศูนย์รักษา เทรนบุคลากร และตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสให้มากขึ้น
ที่มา - Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg ได้จัดงานประชุมในวาระ Internet.org ครั้งแรกในนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยสาระในการประชุมก็ยังเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับประชากร 2 ใน 3 ของประชากรโลกเช่นเดิม โดยจะมุ่งเน้นการสร้างบริการต่างๆ ที่รองรับภาษาถิ่นของประชากรให้มากขึ้น
และในงาน มาร์คได้ประกาศการจัดประกวดนวัตกรรมของ Internet.org ที่จะให้นักพัฒนาส่งไอเดียหรือแอพที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นและชนชั้นแรงงานเข้ามาประกวด การตัดสินจะมีกรรมการจาก Facebook, Ericsson และ Qualcomm โดยจะประกาศผู้ชนะในงาน Mobile World Congress 2015 และผู้ชนะจะได้รับรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากข่าวเดิม Mark Zuckerberg ยอมเอาน้ำเย็นรดตัว และท้า Bill Gates ให้ทำแบบเดียวกัน หลายคนที่สงสัยว่า Bill Gates จะยอมรับคำท้านี้หรือเปล่า หรือจะแค่บริจาคเงินแต่โดยดี วันนี้ก็มีคำตอบแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น Bill Gates ก็ไม่ได้เอาน้ำเย็นรดตัวแบบธรรมดาๆ แต่มีการใช้เครื่องกลไกในการทำให้ถังราดน้ำลงตัวเองได้เหมาะเจาะ และไม่วายไทอินสินค้าตัวเองด้วย.. (อยากรู้ว่าเป็นอะไรก็ดูในคลิปเอาเอง)
3 คนที่ถูก Bill Gates ท้า คือ On Air with Ryan Seacrest, Chris Anderson จาก TED และ Elon Musk
ที่มา - Bill Gates
เหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดมทุนเพื่อต่อสู้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) โดยผู้เล่นจะได้รับคำท้าให้เอาน้ำเย็นรดตัวใน 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกบริจาคเงิน หรือจะทำทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ความน่าสนใจของแคมเปญนี้คือคนดังเริ่มมาเล่นขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดก็คือ Mark Zuckerberg นี่เอง
Mark Zuckerberg ได้ลงมือท้า Bill Gates, Sheryl Sanberg และ Reed Hasting ก็ต้องมาดูว่าทั้ง 3 คน จะยอมรับคำท้านี้หรือไม่
ที่มา - The Verge
Internet.org โครงการเพื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของ Facebook และพันธมิตร ประกาศออกแอพ Internet.org บน Android สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในบางประเทศ (ตอนนี้เริ่มต้นที่ประเทศแซมเบียก่อน)
ผู้ใช้มือถือเครือข่าย Airtel ของแซมเบีย จะสามารถเข้าถึงบริการออนไลน์บางอย่างได้ฟรีโดยไม่ต้องมีค่าเน็ต บริการเหล่านี้ได้แก่
Mark Zuckerberg ถูกผู้พิพากษาศาลอิหร่านออกคำสั่งเรียกตัวไปให้การในประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล ภายหลังจากทางการอิหร่านได้ทำการแบน WhatsApp และ Instagram โดยอ้างเหตุผลเรื่องเดียวกันนี้
เว็บไซต์ Engadget รายงานโดยอ้าง Fox News ว่า ทางการของอิหร่านตัดสินใจที่จะปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าถึงบริการ WhatsApp แม้ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอิหร่าน อย่างประธานาธิบดี Hassan Rouhani หรือรัฐมนตรีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม จะมีความเห็นคัดค้านก็ตาม
ด้านคณะกรรมการพิจารณาเนื้อหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย (Committee for Determining Criminal Web Content) ของอิหร่านระบุว่า เหตุผลในการปิดกั้นครั้งนี้เกิดจากการที่ WhatsApp ในปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นของ Facebook ซึ่งมี Mark Zuckerburg เป็นเจ้าของ โดยอ้างว่า Zuckerberg เป็นหนึ่งใน "American zionist" คนสำคัญ
พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซที่เลื่องชื่อในเรื่องการทำหุ่นขี้ผึ้งของผู้มีชื่อเสียง กำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่ซานฟรานซิสโกในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งใหม่คือ Rihanna, Leonardo DiCaprio และ Mark Zuckerberg ที่อยู่ในท่านั่งบนเก้าอี้และมีแล็ปท็อปวางอยู่บนตักพร้อมด้วยเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ได้แก่ กางเกงยีนส์ เสื้อแจ็กเก็ต และเสื้อยืด ที่ได้รับมาจากบริษัท Facebook โดยตรง
ใครสนใจอยากเจอหุ่น Zuckerberg ก็ไปดูกันได้ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้
ที่มา - Mashable
เว็บไซต์ Fortune เผยเบื้องหลัง Facebook ซื้อกิจการ Oculus VR ว่า Mark Zuckerberg ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในกระบวนการซื้อกิจการทั้งหมดของ Oculus
เรื่องเริ่มจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว Zuckerberg โทรไปคุยกับ Brendan Iribe ซีอีโอของ Oculus เพื่อสนทนาถึงอนาคตของวงการ VR และ Iribe ก็อาสาจะบินไปหา Zuckerberg เพื่อโชว์ต้นแบบของ Oculus Rift ให้กับผู้บริหารของ Facebook ได้ทดลองใช้
เดือนถัดมา Iribe เชิญ Zuckerberg ไปเยี่ยมสำนักงานของ Oculus เพื่อโชว์ต้นแบบแว่นตัวใหม่ ซึ่ง Zuckerberg ประทับใจมาก (เขาใช้คำว่า "one of the coolest things I've ever seen in my life") พร้อมถามทีม Oculus ว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง
ประเด็นเรื่อง Facebook ซื้อ Oculus VR ยังเป็นข่าวที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างต่อเนื่อง
ในการแถลงข่าวของ Zuckerberg เมื่อวานนี้ มีสื่อถามถึงเทคโนโลยีด้าน virtual reality (VR) จากคู่แข่งในวงการเกม โดยเฉพาะโซนี่ที่เปิดตัว Project Morpheus และไมโครซอฟท์ที่มีข่าวว่าซุ่มทำอยู่ ซึ่ง Zuckerberg อธิบายว่าอุปกรณ์ของโซนี่ยังเป็นแค่ต้นแบบ ส่วนไมโครซอฟท์ยังไม่โชว์อะไรสักอย่าง แต่ Oculus ไปไกลกว่ามากแล้วในแง่ผลิตภัณฑ์จริง และทีมงานของ Oculus ยังประกอบด้วยคนเก่งๆ เป็นจำนวนมาก
ข่าวใหญ่วันนี้คือ Facebook ประกาศเข้าซื้อ Oculus VR มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ แบบช็อควงการ
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่เปิดเผยว่าการซื้อรอบนี้ตัดสินใจกันแบบด่วนๆ มาก เพราะเพิ่งเริ่มเจรจากันเมื่อ 5 วันที่แล้วนี่เอง
แหล่งข่าวบอกว่า Mark Zuckerberg เคยไปเยี่ยมสำนักงานของ Oculus VR มาแล้วครั้งหนึ่งช่วงต้นปี และมีโอกาสได้ลองเล่นแว่นรุ่น DK2 (ที่เพิ่งเปิดตัวต่อสาธารณะไม่กี่วันก่อน) ส่วนการเจรจาซื้อขายกิจการเกิดขึ้นที่งาน Game Developers Conference (GDC) ที่เพิ่งจัดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (และทีมงาน Oculus ไปออกบูตในงาน)
เก็บตกประเด็นการแถลงข่าวของ Mark Zuckerberg ที่ MWC นอกจากเรื่องการซื้อ WhatsApp แล้ว สิ่งที่ Zuckerberg เน้นเป็นพิเศษคือโครงการการกุศลด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต Internet.org (ข่าวเปิดตัวโครงการเมื่อปีที่แล้ว)
Zuckerberg เผยวิสัยทัศน์ของ Internet.org ว่าต้องการสร้างการเข้าถึง "บริการพื้นฐาน" (basic services) บนอินเทอร์เน็ตให้คนทั่วโลกใช้งานฟรีๆ ตัวอย่างของบริการเหล่านี้ได้แก่ การส่งข้อความ, ข้อมูลสภาพอากาศ-ราคาอาหาร, Wikipedia, Facebook เป็นต้น
Facebook จัดงานแถลงข่าวที่ MWC 2014 โดย Mark Zuckerberg ขึ้นเวทีพูดถึงภาพรวมเทคโนโลยีทั่วๆ ไป (ไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่)
เขาพูดถึงกรณีซื้อกิจการ WhatsApp ในราคาสูงลิ่ว 19 พันล้านดอลลาร์ว่า "WhatsApp มีมูลค่ามากกว่านั้น" เพราะมีบริการแค่ไม่กี่ตัวในโลกที่มีศักยภาพในการสร้างฐานผู้ใช้เกิน 1 พันล้านคน (ตัวเลขล่าสุดคือ 465 ล้านคนแล้ว)
ผู้สื่อข่าวถาม Zuckerberg ว่ายังสนใจซื้อ Snapchat อยู่หรือไม่ เขาพยายามไม่ตอบคำถามนี้ แต่เมื่อโดนจี้ให้ตอบ เขาก็บอกว่าการที่เพิ่งจ่ายเงิน 16 พันล้านดอลลาร์ไปหมาดๆ คงไม่มีใครอยากซื้อกิจการแบบเดียวกันไปอีกพักใหญ่ๆ (you are probably done for a while)
Business Insider มีเรื่องราวเบื้องหลัง Facebook ประกาศเข้าซื้อ WhatsApp มูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยอ้างข้อมูลจาก "แหล่งข่าวใกล้ชิด"
เรื่องมีอยู่ว่า Mark Zuckerberg โทรไปหา Jan Koum ซีอีโอของ WhatsApp ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2012 โดยซีอีโอทั้งคู่ออกไปดื่มกาแฟและปีนเขาด้วยกัน การเจรจาในช่วงแรกไม่สำเร็จ แต่ทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนกัน ออกไปกินมื้อเย็นด้วยกันและปีนเขาด้วยกันเรื่อยๆ
Facebook ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ทันทีหลังประกาศการซื้อ WhatsApp ด้วยมูลค่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้
เว็บไซต์ thehackernews.com ได้ประกาศข่าวว่าพวกเขาได้รับ E-mail จากแฮคเกอร์ชาวอียิปต์ที่ใช้นางแฝงว่า Dr.FarFar ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นคนแฮคหน้าโปรไฟล์ และลบรูป Cover ของ Mark Zuckerberg เจ้าของและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เฟสบุ๊ค
ซีอีโอเฟซบุ๊ก Mark Zuckerberg และภรรยา Priscilla Chan ขึ้นแท่นผู้บริจาคมากที่สุดในปี 2013 หลังจากที่พวกเขาบริจาคหุ้น Facebook 18 ล้านหุ้น มูลค่ามากกว่า 970 ล้านเหรียญให้กับมูลนิธิซิลิคอนวัลเลย์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้บริจาคที่มีอายุน้อยที่สุดอีกด้วย
มูลค่าการบริจาคเงินทั้งหมดนั้น เมื่อคิดจาก 50 อันดับของผู้ที่บริจาคเงินมากที่สุดในอเมริกา พบว่ามีการบริจาคเงินรวมเป็นมูลค่า 7.7 พันล้านเหรียญในปี 2013 และมากกว่าปี 2012 อยู่ 4%
ที่มา - The Next Web
เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) เป็นวันครบรอบ 10 ปีของ Facebook ในฐานะ social network เปลี่ยนโลก นอกจากบริษัทจะฉลองด้วยการทำคลิป A Look Back ให้ผู้ใช้แต่ละคนแล้ว ผู้ก่อตั้ง Mark Zuckerberg ยังออกมาโพสต์ข้อความฉลอง 10 ปีด้วย
Zuckerberg บอกว่าตลอด 10 ปีมานี้เป็นการเดินทางอันแสนมหัศจรรย์ เขาดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ เพราะโอกาสในการเข้าไปสัมผัสชีวิตของผู้คนจำนวนเยอะขนาดนี้หายากมาก เขาจึงพยายามให้การทำงานของเขาทุกๆ วันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คนจำนวนมากมักถามเขาว่า เคยคิดบ้างไหมว่า Facebook จะมาได้ไกลขนาดนี้ คำตอบของเขาคือ ไม่เคยคิดแบบนี้เลย
สำหรับคนที่ติดตามอ่านหนังสือเกี่ยวกับด้านไอที คงพอจะทราบว่ามีหนังสือที่เขียนถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ Facebook ชื่อว่า think like ZUCK ขณะนี้มีฉบับแปลภาษาไทยแล้วครับ
think like ZUCK แต่งโดย Ekaterina Walter ได้เขียนวิเคราะห์ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ facebook.com โดยเฉพาะวิธีการและแนวคิดแบบอัจฉริยะ แปลเป็นฉบับภาษาไทยโดย ดร. พิมพ์ใจ สุรินทรเสรี ใช้ชื่อว่า "think like ZUCK คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก"
เว็บไซต์ไม่หวังผลกำไร Code.org ประกาศโครงการ Hour of Code ตั้งเป้าสอนนักเรียนชั้นประถม-มัธยมของสหรัฐอเมริกาหัดเขียนโปรแกรมให้ได้ 10 ล้านคนในช่วงเดือนธันวาคมนี้
เป้าหมายของโครงการนี้คือนำความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สู่นักเรียนจำนวนมาก ผ่านบทเรียนแบบง่ายๆ ในช่องทางต่างๆ ทั้งผ่านเว็บ สมาร์ทโฟน และหนังสือ
นิตยสารด้านธุรกิจอย่าง Fortune ได้เปิดเผยรายชื่อบุคคลในสายงานธุรกิจประจำปี 2013 ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี จำนวน 40 คน ที่น่าจับตามองออกมาแล้ว โดยมีบุคคลในวงการไอทีที่ติด 3 อันดับแรกดังนี้ครับ