เราเพิ่งเห็นข่าว ผู้คนแชร์เรื่องราวผ่าน Facebook น้อยลง แต่ดูเหมือนว่า Facebook เองก็รับทราบปัญหานี้ และพยายามหาวิธีชักชวนให้คนแชร์กันมากขึ้น
ในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook Live เมื่อไม่กี่วันมานี้ Mark Zuckerberg ลงทุนมาถ่ายวิดีโอ live ด้วยตัวเอง และในคลิป เขาก็โชว์แอพ Facebook เวอร์ชันใหม่ที่หน้าตาต่างไปจากปัจจุบัน ตอนที่เราแตะช่อง What's on your mind? ด้านบนสุดของแอพเพื่อโพสต์เนื้อหา จะเห็นเมนูสำหรับแชร์เนื้อหาประเภทใหม่ๆ เช่น Slideshow, Live Video, GIF, Music เพิ่มเข้ามาด้วย
แบรนด์เสื้อผ้า H&M เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ด้วยแนวคิดที่ว่า "ลดหนึ่งเรื่องที่คุณต้องคิดในทุกเช้า" เพราะคอลเลกชันชุดนี้ประกอบด้วยเสื้อยืดคอกลมสีเทาที่เหมือนกันทั้งหมด 7 ตัว และกางเกงยีนส์ 1 ตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการแต่งกายของ Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg เชื่อว่าคนเราควรทำให้การตัดสินใจหลายเรื่องในชีวิตประจำวันง่ายที่สุด เช่น วันนี้จะใส่ชุดไหนดี หรือเช้านี้จะทานอะไรดี เพราะเราควรนำพลังงานเหล่านั้นไปทำในสิ่งที่สำคัญต่อโลกมากกว่า นั่นจึงเป็นที่มาของคอลเลกชันดังกล่าว
สนใจชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ markforhm.com
ที่มา: Vogue
ที่งานประชุม China Development Forum จัดโดยรัฐบาลจีน Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook และ Jack Ma เจ้าของธุรกิจ Alibaba ขึ้นเวทีพร้อมกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยแลกเปลี่ยนความเห็นกันในหัวข้อบทบาทของอินเทอร์เน็ตกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสองคนเองต่างชื่นชมวัฒนธรรมของอีกฝ่ายบนเวที
เพิ่งเป็นไอดอลด้านไลฟ์สไตล์ของ geek ในซิลิคอนวัลลีย์ไปหมาดๆ ล่าสุด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยังสร้างแรงบันดาลใจให้แฟชั่นดีไซเนอร์ Uri Minkoff ออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายในสไตล์ "มาร์คมากๆ"
ที่งานนิวยอร์กแฟชั่นวีคประจำฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2016-2017 Uri Minkoff ซีอีโอแห่ง Rebecca Minkoff แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงสุดดังในนิวยอร์ก หันมาออกแบบคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าผู้ชายเป็นครั้งแรก
ถ้าติดตามโพสต์ใน Facebook ของซีอีโอหนุ่มคุณพ่อลูกอ่อน จะพอปะติดปะต่อได้ว่ามาร์ค ณ Facebook ประกาศปณิธานพัฒนาตนเองต่อเนื่องกันมา 7 ปีแล้ว เป็นต้นว่า
หลังจากที่ Facebook ปล่อยฟีเจอร์ Reactions ออกมาให้ใช้งานกัน ก็มีเสียงจากผู้ใช้ Facebook ทั้งที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบเป็นธรรมดา
ล่าสุดมีนักพัฒนานามว่า François Grante พัฒนาส่วนเสริมบน Chrome ขึ้นมาชื่อว่า Trump Reactions เพื่อเปลี่ยน Emoji บน Reactions ให้เป็นใบหน้าของ Donald Trump
Mark Zuckerberg ปรากฏตัวครั้งแรกหลังลาพักเลี้ยงดูบตร และให้สัมภาษณ์ในโอกาส Facebook ครบรอบ 12 ปีว่าบริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2030 ว่าต้องมีผู้ใช้งานแตะหลัก 5 พันล้านคนให้ได้ (ตอนนี้มี 1.5 พันล้าน)
Facebook ยังเผยสถิติที่น่าสนใจ อย่างหลักการ degree of separation หรือระยะห่างระหว่างเพื่อน ค่าเฉลี่ยเริ่มลดลงจาก 3.74 คนในปี 2011 ลงมาเหลือ 3.57 แล้ว (แปลว่าคนเป็นเพื่อนกันมากขึ้น โอกาสที่จะไม่รู้จักกันมีลดลง)
นอกเหนือจากเป้าหมายระดับองค์กร ที่จะสร้าง AI ผู้ช่วยขึ้นมา ซีอีโอ Mark Zuckerberg แห่ง Facebook ยังประกาศเป้าหมายประจำปีส่วนตัวแบบเดียวกับปีก่อนคืออ่านหนังสือเดือนละ 2 เล่ม โดยปีนี้เขาจะวิ่งให้ได้ระยะทางรวม 365 ไมล์ (587.4 กิโลเมตร)
Zuckerberg บอกว่าเป้าหมายนี้ไม่หนักมากจนเกินไป เพราะคิดเป็นการวิ่งวันละ 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) ซึ่งสำหรับเขาตอนนี้ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็วิ่งได้ระยะทางดังกล่าวแล้ว เพื่อเพิ่มความจริงจัง เขาจึงทำเหมือนปีก่อนโดยสร้างกลุ่ม A Year of Running ให้ทุกคนมาเข้าร่วมและแชร์ประสบการณ์การวิ่งร่วมกัน
เป็นประจำทุกปีที่ซีอีโอของเฟซบุ๊คจะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง อย่างในปีก่อนๆ คือการเรียนภาษาจีนและปีที่แล้วคือการอ่านหนังสือให้ได้ 2 เล่มในทุกๆ เดือน สำหรับในปีนี้ Mark Zuckerberg ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) สำหรับช่วยดูแลบ้านและเป็นผู้ช่วยในที่ทำงาน ในลักษณะเดียวกับ J.A.R.V.I.S ใน Iron Man
ข่าว Mark Zuckerberg ได้ลูกสาวแล้ว, ประกาศยกหุ้น Facebook เกือบทั้งหมดให้การกุศล ได้รับความสนใจอย่างสูง พร้อมกับคำถามและข้อสงสัยเรื่องรูปแบบการยกหุ้นของ Zuckerberg ว่าเป็นการหนีภาษีหรือไม่
วันนี้ Zuckerberg ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วว่าองค์กร Chan Zuckerberg Initiative มีสภาพนิติบุคคลเป็น Limited Liability Company (LLC) หรือ "บริษัทจำกัด" ที่อาจไม่หวังผลกำไร ซึ่งต้องเสียภาษีเหมือนบริษัทปกติ (Corporation)
จากที่เราทราบกันดีว่า Mark Zuckerberg กำลังจะได้ลูกสาว วันนี้ลูกสาวคลอดแล้ว ใช้ชื่อว่า Max
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ในฐานะที่มีลูก เขาประกาศยกหุ้น Facebook สัดส่วน 99% ที่ถือครองอยู่ (มูลค่าประมาณ 45 พันล้านดอลลาร์) ให้กับ Chan Zuckerberg Initiative หน่วยงานการกุศลของเขาและภรรยา โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถของมนุษย์ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมโลกที่ลูกสาวของเขาจะเติบโตขึ้นมา
สิ่งที่ Mark และภรรยา Priscilla สนใจเป็นเรื่องการศึกษาโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ตอนนี้เขาและภรรยากำลังทดลองการเรียนการสอนรูปแบบใหม่อยู่ ส่วนรายละเอียดของโครงการจะประกาศเพิ่มเติมในอนาคตเมื่อชีวิตครอบครัวเริ่มลงตัวแล้ว
Mark Zuckerberg ประกาศหยุดงาน 2 เดือน เพื่อให้เวลากับลูกสาวที่กำลังจะคลอดในเร็ววันนี้
นโยบายของ Facebook อนุญาตให้พ่อและแม่สามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้นาน 4 เดือนโดยที่ยังจ่ายเงินเดือนตามปกติ ซึ่งเขาก็ใช้สิทธินี้โดยลาเป็นเวลา 2 เดือน
เขายังโพสต์รูปสุนัข Beast พร้อมรถเข็นเด็กที่ซื้อมาเตรียมไว้แล้วด้วย
ที่มา - Mark Zuckerberg
จากเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อวันก่อน Facebook เปิดระบบยืนยันว่าตัวเองปลอดภัย (Safety Check) ให้ผู้ใช้งานที่อยู่ในปารีสแจ้งเพื่อนฝูงญาติสนิทไม่ให้ต้องเป็นกังวล (ข่าวเก่า)
อย่างไรก็ตาม Facebook ถูกวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติ เพราะไม่เปิดฟีเจอร์แบบเดียวกันกับเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ที่เกิดเหตุก่อนหน้านั้นไม่นาน
เรื่องนี้ Mark Zuckerberg ออกมาชี้แจงด้วยตัวเองว่า เดิมที Facebook มีฟีเจอร์ Safety Check ใช้กับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมเท่านั้น (เริ่มใช้ครั้งแรกกับสึนามิที่ญี่ปุ่นปี 2011) และเพิ่งนำมาใช้กับเหตุการณ์ก่อการร้ายเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสนี้เอง
ช่วงนี้ สหประชาชาติมีการประชุมใหญ่ประจำปี จึงมีผู้นำของประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปเยือนสหรัฐอเมริกาพร้อมๆ กัน แต่นอกจากผู้นำประเทศแล้ว ยังมีผู้นำจากโลกธุรกิจไปร่วมเวทีสหประชาชาติด้วย
หนึ่งในผู้นำเหล่านั้นคือ Mark Zuckerberg แห่ง Facebook โดยเขาพูดประเด็นเรื่องการผลักดันให้คนทั้งโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (ตามที่เขาริเริ่มโครงการ Internet.org มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว) ในการประชุมครั้งนี้ Zuckerberg ประกาศความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาชน ONE เพื่อผลักดันให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เป็นหนึ่งในเป้าหมาย Global Goals ของสหประชาชาติ (หน้าแคมเปญรณรงค์)
เป้าหมายของ Zuckerberg ได้รับการสนับสนุจากคนดังอย่าง Richard Branson, Shakira, Bono รวมถึงองค์กรอย่าง Bill & Melinda Gates Foundation และ TED ด้วย
ที่มา - Mark Zuckerberg
หลังจากที่ Mark Zuckerberg พาเราชมสำนักงานใหญ่เมื่อวันก่อน ก็ได้มีการตอบคำถามหลาย ๆ คำถาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องปุ่ม 'dislike'
"ผู้คนสอบถามเรื่องเกี่ยวกับปุ่ม dislike มาร่วมปีแล้ว และวันนี้ผมอยากจะบอกว่าพวกเรากำลังทำมันและจะเปิดให้ใช้งานเร็ว ๆ นี้" - Zuckerberg กล่าว
ที่จริงแล้วในตอนแรก Zuckerberg ไม่ต้องการให้ Facebook มีระบบการใช้งานแบบเดียวกับ Reddit ที่มีการโหวตบวก (upvoting) และโหวตลบ (downvoting) แต่เมื่อสังเกตการใช้งานของผู้ใช้ที่มีความต้องการแสดงความรู้สึกในรูปแบบอื่นด้วยนอกเหนือจากการกด 'like' เพียงอย่างเดียว
นิตยสาร Vanity Fair จัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหม่ (New Establishment) ประจำปี 2015 ผลคือบรรดาคนดังโลกไอทีติดอันดับเป็นจำนวนมาก
อันดับหนึ่งไม่ใช่ใครอื่น Mark Zuckerberg แห่ง Facebook ซึ่งถือเป็นผู้ที่ติดอันดับ 1 ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ Vanity Fair เคยจัดอันดับมาด้วย
การจัดอันดับของ Vanity Fair แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ The Disrupters ที่เน้นผู้สร้างนวัตกรรมพลิกโลก และ The Powers That Be ที่เน้นบทบาทและอิทธิพลต่อโลก
10 อันดับแรกของกลุ่ม The Disrupters ได้แก่
Mark Zuckerberg โชว์ระบบการสื่อสารด้วยแสงเลเซอร์ (laser communication system) ภายใต้โครงการ Internet.org เพื่อค้นหาวิธีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้กับพื้นที่ห่างไกลอย่างประสิทธิภาพและครอบคลุม
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาการเชื่อมต่อของโครงการกำลังพัฒนาระบบการสื่อสารด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความเร็วการรับส่งข้อมูลระยะไกลได้อย่างชัดเจน เพื่อนำไปใช้กับกรณีที่จุดส่งสัญญาณกับอุปกรณ์มีระยะห่างระหว่างกันมากๆ เช่น การส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านโดรนหรือดาวเทียมที่ทางโครงการอาจนำไปใช้จริง
ระบบนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และเมื่อใช้งานจริงจะไม่มีลำแสงที่มองเห็นได้ปรากฏ (แสงที่ปรากฏทำเพื่อการสาธิต)
ในงาน MWC 2015 ปีนี้นอกจากจะมีบรรดาแบรนด์ใหญ่มาร่วมเปิดตัวสินค้าแล้ว Facebook ที่ไม่มีสินค้าเป็นชิ้นๆ แต่ก็มีเวทีเช่นกัน และเป็น Mark Zuckerberg ซีอีโอที่มาพูดถึงทิศทาง มุมมอง และอนาคตของบริษัทให้ฟัง คัดเฉพาะส่วนที่น่าสนใจมาแบบย่อๆ มีดังนี้
Mark Zuckerberg ไปเปิดตัวโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อชาวโลก Internet.org ที่ประเทศอินเดีย และให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าเขามีแนวคิดอย่างไรกับโครงการนี้
หลังจากทำโครงการนี้มาได้พักใหญ่ เขาพบว่าอุปสรรคของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยได้รับการสนับสนุนอย่างท้วมท้นจากบริษัทไฮเทคในซิลิคอนวัลเลย์ แต่งานประชุมด้านความมั่นคงไซเบอร์ที่รัฐบาลจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวันนี้ (โอบามาบินมาพูดเอง รัฐมนตรีเข้าร่วมเพียบ และเชิญแขกสำคัญรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน) กลับไม่มีผู้นำโลกไอทีหลายคนเข้าร่วม
ตามรายงานข่าวบอกว่าบรรดาซีอีโอชื่อดัง Mark Zuckerberg, Marissa Mayer, Larry Page, Eric Schmidt ได้รับเชิญให้มางานนี้ แต่คนกลุ่มนี้ปฏิเสธไม่เข้าร่วมงานโดยตรง โดยส่งตัวแทนเป็นผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยของข้อมูลไปร่วมงานแทน
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2014 มีรายได้ 3,851 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,518 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 86%
รายได้หลักของ Facebook ยังคงเป็นโฆษณา โดยตอนนี้ส่วนแบ่งโฆษณาจากบนมือถือคิดเป็น 69% ของรายได้โฆษณารวมทั้งหมด ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานนั้นแบ่งเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน 890 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% และเป็นผู้ใช้งานบนมือถือ 745 ล้านคน ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำระดับทุกเดือนมีอยู่ 1,390 ล้านคน
วันนี้ในระหว่างงานเปิดตัวโครงการ Internet.org ที่ Bogota ประเทศโคลัมเบีย Mark Zuckerberg ได้ขึ้นเวทีในงานดังกล่าวและเปิดอกตอบคำถามที่มีคนกด like มากที่สุดบน Facebook โดยตอนหนึ่งเขาเผยว่าปัจจุบันแอพ Facebook ใช้ข้อมูลน้อยลงเหลือเพียง 1 ใน 10 ของการใช้ข้อมูลโดยแอพตัวเดียวกันเมื่อ 18 เดือนก่อน
เขายังบอกว่าในกระบวนการพัฒนาเพื่อให้ได้แอพที่ยังคงใช้งานได้ แม้อยู่ในพื้นที่อินเทอร์เน็ตแย่นั้น มีการสร้างห้องปฏิบัติการสำหรับทีมพัฒนาแอพ เพื่อจำลองสภาพอินเทอร์เน็ตในประเทศอื่นๆ ที่มีความเร็วต่ำกว่าใน Silicon Valley และให้ทีมได้ทดลองใช้งานแอพของพวกเขาเองว่ามันทำงานได้ดีหรือแย่ขนาดไหนในสภาพจำลองนั้นๆ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โพสแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ยิงหนังสือพิมพ์ในฝรั่งเศส ระบุว่าเหตุการณ์การยิงโดยกลุ่มหัวรุนแรงนี้และเหตุการณ์หลายปีก่อนที่ชายหัวรุนแรงในปากีสถานพยายามตัดสินโทษประหารต่อตัวมาร์กเอง เพราะเฟซบุ๊กไม่แบนข้อความเกี่ยวกับโมฮัมหมัดทีทำให้ชายคนนั้นไม่พอใจ แสดงว่าทุกคนต้องปฎิเสธความพยายามของกลุ่มหัวรุนแรงที่จะทำให้คนอื่นเงียบ
เขาระบุว่าแม้ว่าเฟซบุ๊กจะเคารพกฎหมายแต่ละประเทศ แต่เฟซบุ๊กไม่ยอมให้ประเทศไหนมากำหนดว่าใครแชร์อะไรได้บ้างในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และการกระทำของกลุ่มหัวรุนแรงในฝรั่งเศสเป็นเรื่องที่เราต้องไม่ยอมรับ
ที่มา - Facebook
คำแปลจากแถลงการณ์
Mark Zuckerberg ประกาศเป้าหมายประจำปี 2015 ว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มทุกสองสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ วัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายของคนทั่วโลก
ปกติแล้ว Zuckerberg จะตั้งโจทย์ประจำปีให้ตัวเองปีละหนึ่งเรื่อง (ตัวอย่างโจทย์ของปีก่อนๆ คือเรียนภาษาจีน และพบเจอคนใหม่ๆ ทุกสัปดาห์) แต่ปีนี้เขาเปิดให้แฟนๆ ช่วยกันแนะนำว่าเขาควรตั้งโจทย์อะไรดี และมีหลายคนเสนอเรื่องอ่านหนังสือ ซึ่งเขาคิดว่าน่าสนใจเลยเลือกเรื่องนี้
ระหว่างการสัมภาษณ์โดยนิตยสาร Time เรื่องโครงการ Internet.org เมื่อไม่นานมานี้ Mark Zuckerberg นายใหญ่แห่ง Facebook ได้กล่าวถึง Apple ว่าเป็นบริษัทที่ตั้งราคาสินค้าสูงกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า