Fitbit รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ปี 2019 รายได้รวม 313.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่สุทธิแล้วยังขาดทุนอีก 68.5 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขที่น่าสนใจคือแม้ยอดขายจะเพิ่ม 5% แต่จำนวนอุปกรณ์นับชิ้นแล้วขายไปได้เพิ่มขึ้นถึง 31% เป็น 3.5 ล้านชิ้น เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาถูกลง ซึ่ง Fitbit มองว่าช่วยให้ได้จำนวนฐานผู้ใช้งานในระบบเพิ่มขึ้น แบ่งเป็นอุปกรณ์แทร็กเกอร์เพิ่มขึ้น 56% และสมาร์ทวอทช์เพิ่มขึ้น 7% โดย Fitbit บอกว่า Fitbit Versa Lite นั้นขายได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้
Fitbit Health Solutions บริการจำหน่ายและโซลูชันด้านสุขภาพที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร รายได้เพิ่มขึ้น 16%
Spotify ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2019 มีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
ซัมซุงรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รายได้รวม 56.13 ล้านล้านวอน อยู่ในช่วงที่บริษัทเคยให้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนหน้านี้ โดยลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2018 และมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.6. ล้านล้านวอน ลดลงถึง 56%
ซัมซุงระบุว่าธุรกิจชิปหน่วยความจำได้รับผลกระทบมาก ทั้งจากความต้องการสินค้าที่ยังไม่ฟื้นตัวมาก รวมทั้งราคาสินค้าที่ลดลง ซึ่งหลายไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจชิปเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรหลักให้กับซัมซุง
ธุรกิจชิ้นส่วนหน้าจอมียอดขายดีขึ้น จากยอดขายจอ OLED ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ยอดขายเพิ่ม แต่กำไรลดลง เนื่องจากยอดขายโมเดลใหม่ที่เติบโต แต่กลุ่มแฟล็กชิปมียอดขายลดลง และมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
AMD รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2019 มีรายได้รวม 1,531 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 35 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจ Computing and Graphics มีรายได้ลดลง 13% เนื่องจากยอดขายกราฟิกการ์ดที่ลดลง แต่ได้ซีพียูและจีพียูศูนย์ข้อมูลมาชดเชย ส่วนกลุ่มธุรกิจ Enterprise รายได้ลดลง 12% จากรายได้สินค้า Semi-Custom ที่ลดลง แต่ได้ EPYC มาชดเชย
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าบริษัทเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตในสินค้าตระกูล 7 นาโนเมตร ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งช่วยให้เติบโตได้ในครึ่งปีหลัง
ที่มา: AMD
Huawei แถลงผลประกอบการประจำครึ่งแรกของปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 23.2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 4.013 แสนล้านหยวน อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.7% ทั้งนี้ Huawei ไม่ใช่บริษัทในตลาดหุ้น จึงไม่ต้องชี้แจงรายละเอียดตัวเลขทุกรายการ
ธุรกิจของ Huawei เป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยธุรกิจโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ มีรายได้ 1.465 แสนล้านหยวน Huawei บอกว่าได้ทำสัญญาติดตั้ง 5G แล้ว 50 สัญญา มีสถานีฐานกว่า 1.5 แสนแห่งทั่วโลก ส่วนธุรกิจลูกค้าองค์กร มีรายได้ 3.16 หมื่นล้านหยวน
แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงิน 2019 (เมษายน-มิถุนายน) มีรายได้ 53,809 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,044 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากนอกอเมริกา คิดเป็น 59% ของรายได้รวมทั้งหมด
ซีอีโอ Tim Cook กล่าวว่าถือเป็นไตรมาสเดือนมิถุนายนที่ดีที่สุดของแอปเปิล ทั้งรายได้จากธุรกิจบริการที่ทำสถิติใหม่ต่ออีกไตรมาส กลุ่มสินค้าอุปกรณ์สวมใส่ก็ยังเติบโตสูง และแนวโน้มของ iPhone ที่กลับมาดีขึ้น
นินเทนโดรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2019 โดย Nintendo Switch ขายได้เพิ่มอีก 2.13 ล้านเครื่อง ทำให้ยอดขายสุทธิตั้งแต่เปิดตัวอยู่ที่ 36.87 ล้านเครื่อง
รายได้รวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 1.72 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 1.66 หมื่นล้านเยน
เกมเด่นของนินเทนโดที่เริ่มขายในในไตรมาสที่ผ่านมาคือ Super Mario Maker 2 โดยขายไปแล้ว 2.42 ล้านชุด เกมที่ขายดีที่สุดยังเป็น Mario Kart 8 Deluxe โดยไตรมาสนี้ขายได้อีก 1.2 ล้านชุด สุทธิเป็น 17.89 ล้านชุด
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน 2019 รายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจ 1.93 ล้านล้านเยน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1.52 แสนล้านเยน
รายได้รวมที่ลดลงเล็กน้อย มีปัจจัยหลักจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (ลดลง 15%) ทั้งจากยอดขายโทรทัศน์, สมาร์ทโฟน และกล้องดิจิทัล ส่วนกลุ่มที่มียอดขายเติบโตสูง คือธุรกิจเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพ (เพิ่ม 14%) และธุรกิจดนตรี จากรายได้สตรีมมิ่งที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งประโยชน์จากการควบรวมกับ EMI
Twitter รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 841 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,120 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากได้ผลประโยชน์จากการปรับโครงสร้างภาษี ถ้าหากตัดรายการนี้กำไรจะอยู่ที่ 58 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานของ Twitter แบบเป็นประจำทุกวันที่เห็นโฆษณา (mDAUs - monetizable Daily Active Users) มีจำนวน 139 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2019 ซึ่งอยู่ที่ 134 ล้านบัญชี โดยการเติบโตนี้มาจากทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด ไตรมาสที่ 2 ปี 2019 มียอดขายรวม 63,404 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,625 ล้านดอลลาร์
AWS ยังคงเป็นเครื่องจักรเงินสดและสร้างกำไรให้ Amazon โดยมีรายได้เฉพาะส่วนนี้ 8,381 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงาน 2,121 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jeff Bezos กล่าวว่าบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสมาชิก Prime ในการประกาศจัดส่งสินค้าภายใน 1 วัน และเห็นยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น โดยตอนนี้มีสินค้ากว่า 10 ล้านรายการที่รองรับการจัดส่งภายใน 1 วัน และนี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เขายังขอบคุณทีมงานที่ร่วมกันทำให้ชีวิตลูกค้าง่ายขึ้น
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 38,944 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 9,947 ล้านดอลลาร์
ธุรกิจโฆษณายังเป็นแหล่งรายได้หลักของกูเกิล โดยรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 32,601 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจอื่นของกูเกิลที่มีส่วนใหญ่มาจากฮาร์ดแวร์และคลาวด์ 6,181 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้ 162 ล้านดอลลาร์
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รายได้รวมลดลง 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,505 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 4,179 ล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่มธุรกิจหลัก Client Computing (เดสก์ท็อป, โน้ตบุ๊ก) รายได้เพิ่มขึ้น 1% กลุ่ม Data Center ลดลง 10% ส่วนกลุ่ม Internet of Things รายได้เพิ่มขึ้น 23%
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รายได้รวมลดลง 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,505 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 4,179 ล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่มธุรกิจหลัก Client Computing (เดสก์ท็อป, โน้ตบุ๊ก) รายได้เพิ่มขึ้น 1% กลุ่ม Data Center ลดลง 10% ส่วนกลุ่ม Internet of Things รายได้เพิ่มขึ้น 23%
PayPal รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 4,305 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,018 ล้านดอลลาร์
จำนวนบัญชีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 9.0 ล้านบัญชี รวมเป็น 286 ล้านบัญชี จำนวนธุรกรรม 3.0 พันล้านคำสั่ง และมีปริมาณการจ่ายเงินผ่านระบบ (TPV - total payment volume) 172,359 ล้านดอลลาร์ ค่าเฉลี่ยการทำธุรกรรมต่อบัญชีคือ 39.0 ครั้งต่อปี (คิดย้อนหลัง 12 เดือน)
Venmo แอปโอนเงินทางมือถือมีปริมาณการจ่ายเงินผ่านระบบ 24,000 ล้านดอลลาร์ และการจ่ายเงินระหว่างบุคคลแบบ P2P เพิ่มขึ้นเป็น 46,000 ล้านดอลลาร์
Dan Schulman ซีอีโอ PayPal กล่าวว่าเป็นอีกไตรมาสที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะโมเมนตัมของ Venmo ที่มียอดการจ่ายเงินเพิ่มกว่า 70%
Tesla รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รายได้รวม 6,350 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2019 ขาดทุนสุทธิลดลงเป็น 408 ล้านดอลลาร์
ในรายงานระบุว่า Model 3 ซึ่งเป็นรถยนต์หลักของ Tesla สามารถผลิตได้ระดับ 7,000 คันต่อสัปดาห์ และคาดว่าจะสามารถผลิตได้ระดับ 10,000 คันต่อสัปดาห์ ภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทบอกว่าจะปรับปรุงสายการผลิตทั้งระบบต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยเฉพาะโรงงานจีนที่ต้องการเริ่มผลิตให้ได้ภายในปีนี้
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 มีรายได้รวม 16,624 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,616 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสนี้ Facebook บันทึกค่าปรับที่จ่ายให้ FTC เพิ่มเติมอีก 2 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งหมดเป็น 5 พันล้านดอลลาร์ ตามที่รายงานก่อนหน้านี้
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกวัน (DAUs) 1,587 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 8% ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มี 2,414 ล้านบัญชี แต่หากนับรวมเครือ Facebook ทั้ง 4 แพลตฟอร์ม (Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger) DAUs อยู่ที่ 2,100 ล้านบัญชี และ MAUs 2,700 ล้านบัญชี
LINE รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 รายได้รวม 55,437 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และขาดทุน 17,311 ล้านเยน จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
จำนวนผู้ใช้งานของ LINE แบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) ใน 4 ประเทศหลักที่ทำตลาด (ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ไทย และอินโดนีเซีย) มี 164 ล้านบัญชี คงที่จากไตรมาส 2/2018 โดยญี่ปุ่นมีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 ล้านบัญชี ไทยเพิ่มขึ้น 1 ล้านบัญชี ส่วนอินโดนีเซียลดลง 6 ล้านบัญชี ขณะที่อัตราส่วน DAUs/MAUs ที่สะท้อนความถี่ในการใช้งาน เพิ่มขึ้นเป็น 79% ถ้าวัดเฉพาะญี่ปุ่นตัวเลขนี้สูงถึง 86%
Snap บริษัทแม่ของแอป Snapchat รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 388 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนน้อยลงเป็น 255 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) เพิ่มขึ้นเป็น 203 ล้านบัญชี เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 190 ล้านบัญชี และ Snap บอกว่าการเติบโตเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งอเมริกา ยุโรป และเขตอื่น รวมทั้งเติบโตทั้งผู้ใช้ iOS และ Android จำนวน Snap ที่ถูกสร้างต่อวันเฉลี่ยเพิ่มเป็น 3,500 ล้านครั้ง
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด ไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (เมษายน-มิถุนายน) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 33,717 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 10,620 ล้านดอลลาร์
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์กล่าวว่าตลอดปีการเงินนี้เป็นสถิติใหม่สูงสุดของไมโครซอฟท์ อันเป็นผลจากความสัมพันธ์ที่ดีกับพาร์ทเนอร์ผู้นำในทุกอุตสาหกรรม ช่วยลูกค้าสร้างพื้นที่ดิจิทัลของตนเอง พัฒนานวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ทำให้ได้ข้อตกลงคลาวด์ระยะยาวหลายปี และเติบโตในด้านเทคโนโลยีทุกมิติ
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รายได้รวม 19,161 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,498 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจดั้งเดิม Global Technology Services เป็นกลุ่มที่มีรายได้ลดลงมาก จึงทำให้ภาพรวมของไอบีเอ็มมีรายได้ลดลง ขณะที่กลุ่มธุรกิจเติบโตใหม่ Cloud & Cognitive Software มีรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยรายได้จากคลาวด์ย้อนหลัง 12 เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 19,500 ล้านดอลลาร์
Ginni Rometty ซีอีโอไอบีเอ็มกล่าวว่าหลังการเข้าซื้อกิจการ Red Hat เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว จากนี้ไอบีเอ็มจะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวในอุตสาหกรรมที่มีแพลตฟอร์มแบบ open hybrid multicloud แท้จริง เพื่อช่วยลูกค้าประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล
Netflix ประกาศขึ้นราคาในสหรัฐฯไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดในรายงานประกอบการไตรมาสสอง 2019 จำนวนผู้ใช้งานในสหรัฐฯลดลงถึง 130,000 บัญชี เป็นการลดลงครั้งแรกนับจากปี 2011 ที่บริษัทตัดสินใจแยกบริการสตรีมมิ่งออกจากบริการสั่ง DVD ด้านจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบัญชี
ดีแทครายงานผลประกอบการของไตรมาส 2 ประจำปี 2562 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 8.0% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 20,255 ล้านบาท ปัจจัยหลักคือรายได้จาก CAT ตามสัญญาเช่าสินทรัพย์ และค่าเช่าเครือข่าย 2300MHz ของ TOT ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,695 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยหลักคือการลดลงของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
จำนวนผู้ใช้งานรวม ณ สิ้นสุดไตรมาสอยู่ที่ 20.632 ล้านเลขหมาย ลดลงจากไตรมาส 1/2562 ประมาณ 9.4 หมื่นเลขหมาย รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) อยู่ที่ 249 บาทต่อเดือน และมีผู้ใช้ 4G แล้ว 10.6 ล้านเลขหมาย
ดีแทคยังคงตัวเลขเงินลงทุนในปี 2562 ไว้ที่ช่วง 13,000 ถึง 15,000 ล้านบาท
ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 คาดมีรายได้ 55-57 ล้านล้านวอน ลดลงราว 4% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.4-6.6 ล้านล้านวอน ลดลง 56%
เนื่องจากเป็นตัวเลขประเมินเบื้องต้น แต่หากออกมาราวนี้จริง ก็จะเป็นกำไรที่น้อยที่สุดของซัมซุงนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2016 (ปัญหา Galaxy Note 7) ซึ่งซัมซุงน่าจะอธิบายรายละเอียดในรายงานผลประกอบการฉบับเต็มช่วงปลายเดือน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าผลกระทบกำไรของซัมซุงน่าจะมาจากปัญหาของหัวเหว่ย ที่ทำให้กระทบต่อคำสั่งซื้อชิปหน่วยความจำที่เป็นธุรกิจทำกำไรหลักของซัมซุง
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและการส่งมอบรถประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 โดยผลิตรถยนต์ได้รวม 87,048 คัน แบ่งเป็น Model 3 จำนวน 72,531 คัน และ Model S กับ X 14,517 คัน ส่วนตัวเลขการส่งมอบรถยนต์อยู่ที่ 95,200 คัน โดยเป็น Model 3 จำนวน 77,550 คัน และ Model S กับ X 17,650 คัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่สูงสุดในไตรมาสทั้งจำนวนการผลิตและส่งมอบของ Tesla
Tesla บอกว่าคำสั่งซื้อรถยนต์ในไตรมาสที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่าที่บริษัทส่งมอบได้ จึงมีคำสั่งซื้อค้างเพิ่มขึ้นอีก จำนวนการผลิตและส่งมอบในไตรมาสปัจจุบันจึงน่าจะเพิ่มสูงขึ้นและทำสถิติใหม่สูงสุดต่ออีกไตรมาส
ทั้งนี้ Tesla จะรายงานผลประกอบการภายในเดือนนี้ ซึ่งจะมีตัวเลขกระแสเงินสดและกำไร-ขาดทุน ที่สะท้อนภาพผลการดำเนินงานชัดเจนมากขึ้น
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (มีนาคม-พฤษภาคม) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 11,136 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,740 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14%
รายได้กลุ่มใหญ่ที่สุดของออราเคิลมาจากค่าบริการทั้งคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ รายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 6,799 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส เพิ่มขึ้น 12% เป็น 2,520 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลงเป็น 994 ล้านดอลลาร์
Safra Catz ซีอีโอร่วมของออราเคิลกล่าวถึงผลิตภัณฑ์อย่าง Fusion และ NetSuite ว่ามีการเติบโตรวดเร็วมาก และถือเป็นโอกาสสำคัญของออราเคิล ที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าใช้บริการบนคลาวด์มากขึ้น