Lenovo รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวม 13,522 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 9 แล้ว และมีกำไรสุทธิ 202 ล้านดอลลาร์
กลุ่ม PCSD (PC & Smart Devices) รายได้เพิ่มขึ้น 4.1% และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดรวมของพีซีที่อันดับ 1 โดยมีจำนวนส่งมอบเพิ่มขึ้น 7.1% และมีการเติบโตในทุกกลุ่มสินค้าพีซี ส่วนกลุ่ม Mobile ที่เน้นกลยุทธ์รักษากำไรไว้ ก็ยังคงมีกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 จากตลาดหลักคือภูมิภาคอเมริกาเหนือและลาตินอเมริกา
Baidu รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 3,929 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนสุทธิ 892 ล้านดอลลาร์
ในช่วงที่ผ่านมา Baidu พยายามสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นนอกจากธุรกิจดั้งเดิมคือเสิร์ช ทำให้ค่าใช้จ่ายบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็เริ่มสะท้อนผลลัพธ์ โดยบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง iQIYI มีผู้สมัครใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 105.8 ล้านบัญชี คิดเป็นรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
รายได้จากธุรกิจหลักด้านการตลาดออนไลน์ (เสิร์ช-ข่าว) ลดลง 9% ส่วนจำนวนผู้ใช้งานแอป Baidu ผ่านมือถือเพิ่มเป็น 189 ล้านบัญชี
ที่มา: Reuters
Fitbit รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวม 347.2 ล้านดอลลาร์ ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และขาดทุน 26.7 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสนี้บริษัทไม่มีการแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลในอนาคตเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนขายกิจการให้กูเกิล
ไตรมาสที่ผ่านมา Fitbit ขายอุปกรณ์ไปได้ 3.5 ล้านชิ้น โดยสมาร์ทวอทช์ทำเงินคิดเป็น 58% ของรายได้รวม ส่วนอุปกรณ์แทร็กเกอร์คิดเป็น 39% และมีรายได้ลดลงเนื่องจากไม่มีการออกรุ่นใหม่ในไตรมาสที่ผ่านมา และกลุ่ม Health Solution มีรายได้เพิ่มขึ้น 10%
SoftBank รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนกันยายน 2019 โดยขาดทุนถึง 7.04 แสนล้านเยน (6,500 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 14 ปีของ SoftBank โดยสาเหตุก็มาจากการลงทุนในบางบริษัทของกองทุน Vision Fund ที่ต้องลงบันทึกผลขาดทุน
โดย WeWork ซึ่ง SoftBank เป็นผู้ลงทุนหลักนั้น บันทึกผลขาดทุนเฉพาะไตรมาสที่ผ่านมา 3,400 ล้านดอลลาร์ และ SoftBank ประเมินว่าจะต้องรับรู้ผลขาดทุนตลอดปีราว 4,600 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาภาพรวมของกองทุน Vision Fund นั้น จากการลงทุนรวม 70,700 ล้านดอลลาร์ใน 88 บริษัท (ไม่รวมบริษัทที่ exit แล้ว) มูลค่ากิจการล่าสุดอยู่ที่ 77,600 ล้านดอลลาร์
Uber รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 ยอดการจอง (Gross Bookings) เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,465 ล้านดอลลาร์ บันทึกเป็นรายได้ 3,813 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31% ขาดทุนสุทธิ 1,162 ล้านดอลลาร์
ธุรกิจส่งอาหารเติบโต 68% เป็น 645 ล้านดอลลาร์ ส่วนบริการขนส่งสินค้าเติบโต 78% เป็น 218 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามรายได้หลักของ Uber ยังอยู่ที่บริการรถโดยสารโดยคิดเป็น 76% ของรายได้รวม ซึ่งส่วนนี้เติบโต 21%
Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber ให้ความเห็นว่าบริษัทน่าจะเริ่มมีกำไรในปี 2021 โดยการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและมีผลกำไรคือเป้าหมายหลักของบริษัทตอนนี้
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนกันยายน 2019 รายได้รวม 16,651 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 10,149 ล้านดอลลาร์ แต่หากตัดรายการกำไรจากหุ้น Ant Financial ออกไป จะอยู่ที่ 4,582 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานในจีนที่ใช้งานอย่างน้อยในรอบ 12 เดือน เพิ่มขึ้น 19 ล้านคนเป็น 693 ล้านคน ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ (Mobile MAUs) เพิ่มขึ้นมาเป็น 785 ล้านคน
Pinterest รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 279.7 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 124.7 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้น 28% เป็น 322 ล้านบัญชี ซึ่งซีเอฟโอ Todd Morgenfeld บอกว่าการเติบโตของผู้ใช้งานนั้นอยู่ในระดับเลขสองหลักทั่วโลก ไม่เฉพาะในอเมริกา
Ben Silbermann ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Pinterest กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมา Pinterest ปรับปรุงแอปให้ใช้งานง่ายมากขึ้น และระบบแนะนำเนื้อหาก็ปรับปรุงให้ตรงความต้องการผู้ใช้งาน จนได้ค้นพบไอเดียใหม่ ๆ ที่พวกเขาเองก็อาจคิดไม่ถึงมาก่อน นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนสินค้าที่สามารถสั่งซื้อได้ให้มากขึ้นด้วย
31 ตุลาคม 2562: AIS โชว์ผลประกอบการช่วงเก้าเดือนแรก ปี 2562 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง มีรายได้จากการให้บริการหลัก รวมอยู่ที่ 104,883 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.2% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 24,019 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.1% จากปีก่อน โดยมี Market Share เป็นอันดับ 1 ทั้งด้านรายได้ และจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือที่มากที่สุด 41.6 ล้านเลขหมาย เผยธุรกิจเน็ตบ้าน AIS Fibre โตไม่หยุด เฉพาะในไตรมาส 3 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 11 ไตรมาสที่ผ่านมา มีลูกค้าปัจจุบันที่ 937,000 ราย ตอกย้ำความสำเร็จผู้นำอันดับ 1 ตัวจริงของอุตสาหกรรมที่สร้างผลกำไรสูงสุดต่อเนื่องในระดับหมื่นล้าน และดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม พร้อมมุ่งพัฒนานวัตกรรมและเตรียมความพร้อมองค์กรสู่ยุค 5G ในอนาคต
นินเทนโดรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (กรกฎาคม-กันยายน 2019) มียอดขาย 2.71 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 4.5 หมื่นล้านเยน
ไฮไลท์สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมาการออกฮารด์แวร์ใหม่คือ Switch รุ่นอัพเกรดที่แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น และเริ่มจำหน่าย Switch Lite โดย Switch ขายได้เพิ่มอีก 2.85 ล้านเครื่อง รวมขายไปได้แล้ว 39.7 ล้านเครื่อง ส่วน Switch Lite ขายไปได้ 1.95 ล้านเครื่อง
ยอดขายเกมที่ออกใหม่ในไตรมาส Fire Emblem: Three Houses ขายได้ 2.29 ล้านชุด และ The Legend of Zelda: Link's Awakening ขายได้ 3.13 ล้านชุด ส่วนไตรมาสปัจจุบันมีเกมที่คาดว่าจะทำยอดขายได้สูงคือ Ring Fit Adventure, Luigi’s Mansion 3, Pokémon Sword และ Pokémon Shield
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 ต่อเนื่องจากตัวเลขที่บริษัทให้เบื้องต้นมาก่อนหน้านี้ ยอดขายรวม 62.00 ล้านล้านวอน ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงาน 7.78 ล้านล้านวอน และมีกำไรสุทธิ 6.29 ล้านล้านวอน
ซัมซุงระบุว่ากำไรลดลงมากเนื่องจากผลกระทบของธุรกิจชิปหน่วยความจำ ที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ได้ยอดขายสมาร์ทโฟนที่ดีมากมาช่วย ตลอดจนยอดขายชิ้นส่วนหน้าจอ OLED สำหรับสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น
ซัมซุงบอกว่า Galaxy Note 10 และสมาร์ทโฟนตระกูล A ได้รับการตอบรับจากตลาดดี ช่วยให้บริษัทมีกำไรจากส่วนธุรกิจนี้สูงขึ้น
แม้เฟซบุ๊กจะถูกวิจารณ์จากทุกทิศทาง ทั้งเรื่องโฆษณาการเมือง, Libra แต่รายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊กในไตรมาส 3 ปี 2019 ยังแสดงการเติบโตในทุกด้าน ทั้งรายได้ กำไร และยอดผู้ใช้งาน
รายรับเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 29% เทียบกับปีที่แล้ว เป็น 17.7 พันล้านดอลลาร์, กำไรโตขึ้น 19% เป็น 6.1 พันล้านดอลลาร์, ผู้ใช้งานเฉลี่ยรายเดือน 2.45 พันล้านรายต่อเดือน และถ้ารวมผู้ใช้งาน Facebook Messenger, Instagram และ WhatsApp เข้ามาด้วยจะกลายเป็น 2.8 พันล้านราย
แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 64,040 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 13,686 ล้านดอลลาร์ รายได้จากตลาดต่างประเทศคิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด
กลุ่มธุรกิจบริการ (Services) ยังคงเติบโตสูงทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง ไตรมาสนี้รายได้ 12,511 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 18% ขณะที่รายได้จาก iPhone ลดลง 9% อยู่ที่ 33,362 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่คนรอซื้อ iPhone 11
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลกล่าวว่า การเติบโตของแอปเปิลในไตรมาสนี้มาจากทั้งธุรกิจบริการ, กลุ่มสินค้าอุปกรณ์สวมใส่ และ iPad เมื่อมองไปข้างหน้าในไลน์สินค้าที่มีตอนนี้ แอปเปิลมองว่ายอดขายไตรมาสปัจจุบันที่มีช่วงเทศกาลวันหยุดจะออกมาดี
LINE รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 55,942 ล้านเยน และขาดทุนสุทธิ 8,805 ล้านเยน
โฆษณาและคอนเทนต์ที่เป็นธุรกิจหลักของ LINE รายได้เพิ่มขึ้น 8.7% และมีกำไรในส่วนนี้ ขณะที่ธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ รายได้เพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งธุรกิจส่วนนี้มีการลงทุนสูงและยังขาดทุน จึงทำให้ภาพรวมของ LINE ขาดทุนนั่นเอง
ตัวอย่างธุรกิจเชิงกลยุทธ์ใหม่ของ LINE อาทิ บริการช้อปปิ้ง LINE Shopping, เดลิเวอรี่ LINE Delima, การเดินทาง Odekake ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่ของ LINE อยู่ในญี่ปุ่น บริการเหล่านี้จึงอาจไม่คุ้นในไทย ส่วน LINE Pay ซึ่งใช้แบรนด์เดียวทั่วโลก มีจำนวนผู้ลงทะเบียนรวมกว่า 50 ล้านบัญชีแล้ว
AMD รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,801 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 120 ล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่ม Computing and Graphics ที่เป็นรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้น 36% เป็น 1,276 ล้านดอลลาร์ จากยอดขายสินค้าตระกูล Ryzen ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจ Enterprise รายได้ลดลง 27% เป็น 525 ล้านดอลลาร์ โดยมียอดขาย EPYC จะเพิ่มขึ้น แต่กลุ่ม Semi-Custom รายได้ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าได้ไตรมาสนี้ AMD มีรายได้ในไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2005 และมีอัตรากำไรสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2012 ทั้งจากซีพียู Ryzen 7 นาโนเมตร, Radeon และ EPYC ทั้งหมดเป็นผลจากพอร์ตสินค้าบริษัทที่แข็งแกร่ง และการตอบรับจากลูกค้า
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 40,499 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 7,068 ล้านดอลลาร์
รายได้จากธุรกิจโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจหลักจากกูเกิลมีรายได้ 33,916 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Other ของกูเกิลซึ่งประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ และบริการคลาวด์ มีรายได้ 6,428 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้ 155 ล้านดอลลาร์
Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิลกล่าวว่ากูเกิลมีพัฒนาการที่สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งการปรับปรุงเสิร์ช และ Quantum Computing ส่วนการเติบโตของรายได้ก็มาจากเสิร์ชบนมือถือ, YouTube และบริการคลาวด์
Spotify รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวม 1,731 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 241 ล้านยูโร ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน
จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้นมาเป็น 248 ล้านบัญชี แบ่งเป็นผู้ใช้งานแบบพรีเมี่ยม 113 ล้านบัญชี และแบบติดโฆษณา 141 ล้านบัญชี ซึ่ง Spotify บอกว่าการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานใหม่นั้น ข้อมูลพบว่าทำได้ดีกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง Apple Music โดยมีผู้ใช้ใหม่มากกว่าถึงสองเท่า รวมทั้งความสม่ำเสมอในการใช้งานก็ดีกว่า
นอกจากนี้รายงานยังบอกว่า Barry McCarthy ซีเอฟโอของบริษัทจะเกษียณในวันที่ 15 มกราคม ปีหน้า โดยมี Paul Vogel รองประธานฝ่ายวางแผนและวิเคราะห์การเงินมารับหน้าที่ต่อ
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 รายได้รวม 19,190 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดประจำไตรมาส และมีกำไรสุทธิ 5,990 ล้านดอลลาร์
อินเทลแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพีซี (PC-centric) รายได้ส่วนนี้ลดลง 5% ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล (Data-centric) รายได้เพิ่มขึ้น 6%
Bob Swan ซีอีโออินเทลกล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมา อินเทลได้ปรับยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูล ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจนี้ก็เติบโตจนมีรายได้มากกว่าเกือบครึ่งหนึ่งของอินเทลแล้ว และคาดว่าไตรมาสที่ 4 ก็จะเติบโตทำสถิติใหม่อีกครั้ง
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 มียอดขายรวม 69,981 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,134 ล้านดอลลาร์
Jeff Bezos กล่าวถึงเทศกาลลดราคาสินค้าช่วงวันหยุดที่กำลังมาถึง ว่าสินค้าหลายล้านรายการ จะจัดส่งให้กับลูกค้า Prime ได้ภายในหนึ่งวัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ใช้เวลาภายใน 2 วัน อันเป็นผลจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าเร็วที่สุด โดยเฉพาะการตั้งศูนย์กระจายสินค้าให้มากที่สุด ใกล้กับลูกค้าที่สุด
AWS มีรายได้จากไตรมาสนี้ 8,995 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35% ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขเติบโตที่สูง แต่ก็เป็นอัตราน้อยที่สุดตั้งแต่ Amazon รายงานตัวเลข AWS
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 824 ล้านดอลลาร์ รายได้จากนอกอเมริกาคิดเป็น 358 ล้านดอลลาร์ เติบโต 7% และมีกำไรสุทธิ 37 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานแบบเป็นประจำทุกวันที่สร้างรายได้ (mDAUs - monetizable Daily Active Users) ซึ่งเป็นตัววัดที่ Twitter ใช้ในการรายงาน เนื่องจากเป็นผู้ใช้งานที่ Twitter แสดงโฆษณาได้ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 17% เป็น 145 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงหน้า Home ให้มีเนื้อหาที่ดีขึ้น
PayPal ออกรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2019 แล้ว โดยปริมาณการจ่ายเงินยังคงเติบโต 25% และการจ่ายเงินระหว่างบุคคลรวมถึง Venmo ยังคงเติบโตสูง
สำหรับรายได้ของ PayPal ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.38 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนผลกำไรของบริษัทอยู่ที่ 462 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.39 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7%
Tesla รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวม 6,303 ล้านดอลลาร์ ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้งที่ 143 ล้านดอลลาร์ จากที่สองไตรมาสก่อนหน้านี้บริษัทขาดทุน
Tesla อธิบายว่าสาเหตุที่รายได้ลดลงเนื่องจาก Model 3 มีการปรับราคาขาย อย่างไรก็ตามบริษัทโฟกัสที่การควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นจึงกลับมามีกำไร และมีกระแสเงินสดเป็นบวก นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตในเฟสถัดไป จากการเปิดโรงงาน Gigafactory ที่เซี่ยงไฮ้ ที่เสร็จก่อนกำหนดและเริ่มทดสอบการผลิตแล้ว นอกจากนี้เงินลงทุนยังน้อยกว่าโรงงานที่อเมริกาถึง 65%
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 33,055 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 10,678 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21%
รายได้แยกตาม 3 กลุ่มธุรกิจของไมโครซอฟท์มีการเติบโตในทุกหมวด โดยกลุ่ม Intelligent Cloud ยังคงเติบโตสูงถึง 27% เป็น 10,845 ล้านดอลลาร์ เฉพาะรายได้จาก Azure โตถึง 59%
ส่วนกลุ่ม Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 13% เป็น 11,077 ล้านดอลลาร์ และกลุ่ม More Personal Computing รายได้เพิ่มขึ้น 4% เป็น 11,133 ล้านดอลลาร์
ยังมีข้อมูลอื่นที่น่าสนใจจากช่วงแถลงผลประกอบการดังนี้
Snap บริษัทเจ้าของแอป Snapchat ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปีนี้แล้ว โดยผลประกอบการในรอบนี้ในแง่การเงินเติบโตสูงกว่าคาด ส่วนจำนวนผู้ใช้ Snapchat ก็สูงด้วยเช่นกัน
Snap ระบุว่า ตอนนี้มีผู้ใช้แอคทีฟในแต่ละวัน (Daily Active Users: DAU) ของไตรมาสนี้ 210 ล้านคน ส่วนไตรมาสที่แล้ว 203 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7 ล้านคน โดย Snap ระบุว่าเป็นเทรนด์ขาขึ้นที่มีจำนวนผู้ใช้เติบโตทุกแพลตฟอร์มและทุกภูมิภาคทั่วโลก
Snap จะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องบนแพลตฟอร์ม Discover โดยรายงานไตรมาสนี้เผยว่าผู้ใช้งาน Snapchat ใช้เวลากับ Discover เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีช่องใน Discover นับร้อยช่องที่มีผู้ชมต่อเดือนมากกว่า 10 ล้านคน
Huawei เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2019 มีรายได้ 6.1 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 24.4% กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.7%
ธุรกิจฝั่งโครงข่ายด้านการสื่อสาร Huawei เป็นซัพพลายเออร์โครงข่าย 5G ให้กับโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกแล้วกว่า 60 ราย ส่งมอบเสาสัญญาณ Massive MIMO AAUs ไปแล้วกว่า 4 แสนต้น ส่วนฝั่งสมาร์ทโฟน 3 ไตรมาสแรกส่งมอบรวมกันมากกว่า 185 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจาก 3 ไตรมาสแรกของปีที่แล้ว 26% หากนับเฉพาะไตรมาส 3 (ครึ่งปีแรกส่งมอบไป 118 ล้านเครื่อง) จะอยู่ที่ราว 67 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ราว 29%
ไอบีเอ็มรายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 3 ปี 2019 รายได้รวม 18,028 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,672 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Ginni Rometty กล่าวว่าบริษัทมีการเติบโตในกลุ่ม Cloud & Cognitive Software และกลุ่ม Global Business Services โดยมีการเติบโต 6% และ 1% ตามลำดับ นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือรายได้ของ Red Hat ซึ่งเติบโตถึง 19% โดย Rometty มองว่าการรวมกันของไอบีเอ็มและ Red Hat จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากขึ้น