ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศร่วมมือกับบริษัท R3 และธนาคารอีก 8 แห่ง (กรุงเทพ, กรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์, ธนชาต, สแตนอาร์ดชาร์เตอร์ด, ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบ้งกิ้ง) ร่วมกันพัฒนาระบบต้นแบบการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน โดยใช้เงินสกุลจำลองที่ออกโดยธนาคารกลาง (Wholesale Central Bank Digital Currency) โดยเลือกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Corda ของ R3
โครงการนี้เป็นการทดสอบโดยมีการจัดการสภาพคล่องและความเสี่ยงไปพร้อมกัน คาดว่าจะทดสอบเรียบร้อยในไตรมาสแรกของปี 2019 หรืออีก 6 เดือนจากนี้ และต่อจากนี้อาจจะมีการทดลองโอนเงินสำหรับลูกค้า และการทดสอบโอนเงินข้ามประเทศต่อไป
หลังมีเหตุระบบธนาคารออนไลน์ K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยล่มเป็นเวลานานเกือบทั้งวันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ทางสมาคมธนาคารก็เปิดเผยว่าได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับระยะเวลาการคืนเงินให้เหลือภายใน 1 วัน จากเดิมกำหนดมาตรฐานไว้ 3 วัน
เหตุการณ์ระบบล่มของธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันอาทิตย์มีปัญหาตั้งแต่ตอนเช้า และแก้ปัญหาได้ในช่วงเวลาประมาณห้าทุ่ม ผู้ใช้ส่วนมากไม่สามารถเข้าระบบ เช็คยอดเงิน หรือโอนเงินได้ แต่ผู้ใช้บางส่วนกลับสามารถเข้าใช้งานและโอนเงินได้ แต่ปลายทางกลับไม่ได้รับเงิน
หลังจากที่พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีผลบังคับใช้ ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงห้ามสถาบันการเงิน (สง.) ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตอยู่ มาวันนี้มีการออกประกาศแนวทางการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset) ของสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงิน เปิดทางให้สง. สามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้ว
update: ข้อมูลเพิ่มเติมจากทั้งสองธนาคาร
ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยแพร่ข่าวระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้าธนาคารสองแห่งหลุดสู่ภายนอก ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย
ข้อมูลที่หลุดจากธนาคารกสิกรไทยเป็นข้อมูลลูกค้านิติบุคคล ที่เป็นข้อมูลสาธารณะอยู่แล้ว ขณะที่ข้อมูลของธนาคารกรุงไทยเป็นข้อมูลคำขอสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและนิติบุคคล
ประกาศไม่ได้ระบุถึงจำนวนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
ที่มา - จดหมายข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ 14 แห่ง ร่วมกับธนาคารภาครัฐอีก 2 แห่ง เซ็น MOU ทำบัญชีเงินฝากพื้นฐานให้คนไทยเข้าถึงบริการการเงินอย่างทั่วถึง โดยจะเริ่มให้บริการผู้ที่อยู่ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้สูงอายุ ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำในการเปิดและเงินคงบัญชี ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีในการฝาก ถอน โอน
จุดประสงค์ของบัญชีเงินฝากพื้นฐานคือ ให้คนไทยได้เข้าถึงบริการการเงินพื้นฐาน ผลสำรวจการเข้าถึงบริการทาง
การเงินภาคครัวเรือน ปี 2559 พบว่า ครัวเรือนประมาณร้อยละ 30 เข้าไม่ถึงและไม่ใช้บริการเงินฝาก ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่าความร่วมมือดังกล่าวเป็นมิติสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการการเงินได้สะดวกด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า
ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดตัวโครงการ e-Donation อย่างเป็นทางการ หลังก่อนหน้านี้เปิดเป็นโครงการนำร่อง โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการหักภาษี โดยธนาคารเปิดเผยข้อมูลต่อกรมสรรพากรแทนการยื่นเอกสารได้
โครงการ e-Donation คือ การพัฒนาระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมมือ ITMX เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริจาคเงิน และลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถบริจาคผ่าน mobile banking ของธนาคารที่ร่วมโครงการซึ่งระบบจะพร้อมให้บริการในเดือนนี้
e-Donation จะช่วยอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการหักภาษี โดยธนาคารเปิดเผยข้อมูลต่อกรมสรรพากรแทนการยื่นเอกสารได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกภาพสรุปตัวเลขการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่าน โดยตัวเลขสำคัญคือการโอนรวมกว่า 490,000 ล้านบาท รวม 127 ล้านครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 3,860 บาท
ในแง่ของจำนวนผู้ใช้ ตอนนี้มีหมายเลขพร้อมเพย์เฉพาะเลขโทรศัพท์และบัตรประชาชน รวม 39.3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ 12.6 ล้านเลขหมาย และเลขบัตรประชาชน 26.7 ล้านเลขหมาย น่าสนใจว่าไม่มีรายงานตัวเลข e-Wallet ซึ่งน่าจะสูงมาก
ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยรายงานตัวเลขผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 33 ล้านคนแสดงให้เห็นว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นไม่มากแล้วในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา (คนที่ใช้งานคงลงทะเบียนกันครบแล้ว)
TDAX ตลาดซื้อขายเงินคริปโตในไทยประกาศว่าได้รับการติดต่อจากธนาคารกรุงเทพ ขอให้ทาง TDAX หยุดใช้บัญชีธนาคารกรุงเทพเพื่อทำธุรกรรม และทาง TDAX ตกลงหยุดให้บริการตามที่ข้อเรียกร้อง โดยไม่รับเงินฝากเข้าทางธนาคารกรุงเทพ แต่ยังคงถอนเงินออกไปยังบัญชีของธนาคารกรุงเทพต่อไปได้
ทางธนาคารกรุงเทพขอ TDAX โดยอ้างจากการ "ขอความร่วมมือ" ของธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ดียังไม่มีธนาคารอื่นติดต่อ TDAX ในรูปแบบเดียวกัน แม้ตัวประกาศจะส่งถึงทุกธนาคารก็ตาม
TDAX เป็นตลาดซื้อขายเงินคริปโตที่ให้บริการระดมทุน JFIN Coin ที่ระดมทุนจากผู้ลงทุนกว่าสองพันคน รวมมูลค่า 660 ล้านบาทไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศการปรับปรุงหลักเกณฑ์ช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ ให้มีความยืดหยุ่นกว่าเดิม โดยจุดสำคัญคือการเปิดช่องทางให้ "นิติบุคคลอื่น" ที่เหมาะสมสามารถให้บริการแทนธนาคารได้
การปรับปรุงเช่นนี้ทำให้บริการที่ฝาก, ถอน, และรับชำระเงิน ที่เคยต้องทำผ่านธนาคาร หากธนาคารพิจารณาว่ามีหน่วยงานอื่นที่เหมาะสมก็สามารถเปิดให้บริการแทนได้ เช่น ร้านสะดวกซื้อ, ปั๊มน้ำมัน, กองทุนหมู่บ้าน, ไปจนถึงร้านของชำก็ตาม การปรับปรุงหลักเกณฑ์นี้ขยายจากเดิมที่เปิดให้บริการสำคัญๆ จะต้องให้บริการผ่าน ธนาคารของตนเองหรือธนาคารอื่น, สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI), และไปรษณีย์ไทย เท่านั้น
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่าธนาคารและ NITMX เตรียมเปิด "ระบบกลาง" สำหรับบริการ Request to Pay แล้ว โดยเตรียมเปิดในวันเสาร์ที่ 17 นี้ ส่วนบริการจริงที่ธนาคารต้องรองรับจะทยอยเปิดต่อไป
การเปิดระบบกลางจะทำให้พร้อมเพย์ใช้งานไม่ได้ตั้งแต่ตีหนึ่งถึงตีสามของวันเสาร์นี้
ก่อนหน้านี้แอปบางธนาคาร เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็อัพเดตให้มีบริการ Request to Pay มาก่อนแล้วแต่ใช้ได้ในธนาคารเดียวกันเท่านั้น
วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศถึงสถาบันการเงินทุกแห่งไม่ให้ทำธุรกรรมหรือมีส่วนร่วมสนับสนุนการทำธุรกรรมเงินคริปโต
ประกาศขอความร่วมมือสถาบันการเงินในไม่ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโต 5 กรณี
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศหลักเกณฑ์การกำกับดูแลความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology risk) ของสถาบันการเงินที่อยู่ในกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย
ประกาศฉบับนี้เน้นความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหลัก แต่เนื้อหาก็ครอบคลุมความเสี่ยงหลัก 3 ประการของความมั่นคงของระบบไอที คือ ความลับข้อมูล (confidentiality), ความถูกต้องข้อมูล (integrity), และความพร้อมใช้งาน (availability)
ช่วงสองปีที่ผ่านมามีรายงานระบบธนาคารออนไลน์ล่มช่วงสิ้นเดือนหลายครั้ง รวมไปถึงเหตุการณ์โดนแฮกเช่นเมื่อธนาคารออมสินถูกแฮกตู้เอทีเอ็มเมื่อปี 2016
วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี ทำให้วงการธนาคารต้องรีบปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยเปลี่ยนแปลงไป วงการธนาคารไทยเอง ก็ต้องรีบปรับตัว โดยล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกหนังสือเวียนระบุแนวทางการอนุญาต ให้ธนาคาร(หรือบริษัทในเครือ) สามารถดำเนินธุรกิจ e-Marketplace Platform ได้
น่าสนใจว่า จากแนวทางดังกล่าว จะเพิ่มช่องทางในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆของวงการธนาคารได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นอย่าแปลกใจ ถ้าปีนี้หรือปีหน้า พอเข้าโมบายแอปพลิเคชั่นของแต่ละธนาคารจะสามารถ ซื้อของ และจ่ายเงินได้เลยในแอปพลิเคชั่นเดียว
แนวคิดเบื้องหลังของการอนุญาตเรื่องดังกล่าวคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า
จากคดีการสวมบัตรประชาชนของงน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ข่าวล่าสุดตอนนี้ตำรวจยกเลิกคำร้องผลัดฟ้อง แต่ในฝั่งธนาคารที่เปิดบัญชีทางนายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยก็คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งบทลงโทษและมาตรการเยียวยาผู้เสียหายภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้
จากข่าวของน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่อ้างว่าถูกขโมยบัตรประชาชนจนคนร้ายสามารถไปเปิดบัญชีได้ที่ธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี จนกระทั่งถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง ตอนนี้หน่วยงานกลางของธนาคารก็ออกรับแสดงท่าทีรับรู้ปัญหานี้แล้ว ทั้งสมาคมธนาคารและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ธปท. ออกมาระบุว่าได้สั่งการให้สถาบันทางการเงินตรวจสอบ ชี้แจงสาเหตุ และแนวทางดำเนินการ ให้ธปท. ทราบ "โดยเร็ว"
ทางด้านสมาคมธนาคารออกจดหมายข่าว ระบุว่าธนาคารที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการตรวจสอบ (เนื้อหาอยู่ที่ย่อหน้าสาม ที่เหลือเป็นเรื่องทั่วไป ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นข่าว)
หลังเหตุการณ์พร้อมเพย์ล่มวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาระบุว่าได้รับรายงานตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้าวันนี้ โดยโพสรายงานเรื่องนี้ประกาศออกมาตอนบ่ายสองโมงครึ่งที่ผ่านมา หลังจากธนาคารต่างๆ ประกาศแจ้งเตือนผู้ใช้ในช่วงเที่ยง
ผมเองทราบว่าระบบมีปัญหาครั้งแรกคือช่วง 10 โมงวันนี้ ลำดับเวลาดังนี้
ราคาบิตคอยน์และ cryptocurrency อื่นๆ ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้คนจำนวนมากสนใจเข้าไปลงทุนจำนวนมาก หน่วยงานกำกับดูแลเช่นธนาคารกลางชาติต่างๆ ก็ออกมาเตือนประชาชน เช่น อังกฤษ หรือเดนมาร์ก วันนี้ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาเตือนแล้วเช่นกัน
คำเตือนของดร.วิรไท ระบุถึงความผันผวนของ cryptocurrency ว่ามีความผันผวนสูง และหากประชาชนจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดก็ควรดูว่ายอมรับความผันผวนได้หรือไม่ หากยอมรับไม่ได้ก็ควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ยังมีแชร์ลูกโซ่ที่อ้าง cryptocurrency เพื่อหลอกลวงอย่างเดียวที่ต้องระวังอีกด้วย
เดือนที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศอนุญาตให้บริการจ่ายเงินผ่าน PromptPay QR เป็นการทั่วไป กับธนาคาร 5 รายคือ KBANK, BBL, SCB, KTB, ออมสิน
ล่าสุดในสัปดาห์นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย อนุญาตธนาคารให้บริการ PromptPay QR เป็นการทั่วไปอีก 3 รายคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต รวมกับรายเดิมแล้วเป็น 8 ธนาคาร
ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าพิจารณาอนุญาตจากปัจจัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารความเสี่ยง การคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัย รวมทั้งการเตรียมสาขาและ call center ของธนาคารเพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
Monetary Authority of Singapore (MAS) ประกาศแผนการเชื่อมระบบ PayNow เข้ากับ PromptPay ของไทย ทำให้ประชาชนสิงคโปร์และไทยสามารถโอนเงินข้ามไปมาได้ด้วยหมายเลขโทรศัพท์ โดยระบุว่าตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยตกลงกับ MAS เตรียมการเชื่อมต่อ
การประกาศครั้งนี้ Ravi Menon ผู้อำนวยการ MAS ประกาศในงาน Singapore Fintech Festival 2017
นอกจาก PromptPay ของไทยแล้ว MAS ยังประกาศความร่วมมือสร้างระบบ distributed ledger เพื่อส่งต่อเอกสารทางการค้ากับธนาคารกลางฮ่องกง โดยเตรียมเปิดใช้งานในปี 2019 และประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางแคนาดาทดสอบการโอนเงินข้ามประเทศด้วย distributed ledger เช่นกัน
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศอนุญาตให้บริการจ่ายเงินผ่าน PromptPay QR หลังจากที่เปิดตัวและทดสอบในพื้นที่จำกัดตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยผู้ทดสอบ 8 รายมี 5 รายที่ได้รับอนุญาตให้บริการเต็มรูปแบบ
การอนุญาตพิจารณาจากความพร้อมหลายด้าน ทั้งระบบไอที, การบริหารความเสี่ยง, การคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัย, ไปจนถึงการเตรียมพร้อมทั้งสาขาและคอลเซ็นเตอร์
ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกมาตรฐาน QR นี้ว่า Thai QR Payment (จากโลโก้ ส่วนชื่อในจดหมายข่าวเรียกว่า Thai QR Code Payment)
ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย
หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดให้บริการเชื่อมโยง e-Wallet กับระบบพร้อมเพย์ เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้ให้บริการ e-Wallet อย่าง True Money ประกาศความร่วมมือกับ SCB เปิดบริการ "เติมเงินพร้อมเพย์" รวมทั้ง ธนาคารธนชาตร่วมมือ BluePay และ DeepPocket เชื่อมต่อเข้า PromptPay ไปแล้ว ผมเลยสมัครใช้บริการและลองทดสอบว่าการใช้งานเป็นอย่างไร
สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งธนาคารกสิกรไทยและไทยพาณิชย์ต่างก็เปิดตัวบริการรับจ่ายเงินผ่าน QR โดยระบุว่าจะใช้ร่วมกับธนาคารอื่นได้ วันนี้สมาคมธนาคาร, ธนาคารแห่งประเทศไทย, และสมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไทย ร่วมกันเปิดตัวมาตรฐาน QR สำหรับการรับจ่ายเงิน
ตัวมาตรฐานเป็นมาตรฐานที่เข้ากันได้กับมาตรฐาน QR ของ EMVco ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทางสมาคมธนาคารระบุว่ามีการสื่อสารกับ EMVco ตั้งแต่ก่อนมาตรฐานออกตัวจริง
รูปแบบ QR มีสองแบบ คือ
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศรับอีกสามบริษัทเข้าทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน (regulatory sandbox) โดยมีสองบริษัทเป็นผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยี blockchain ทั้งการโอนภาคธุรกิจและการโอนเงินระหว่างเอกชน
อีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับอนุญาตพร้อมกับคือการยืนยันตัวตนด้วยม่านตาแทนที่การใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
ตอนนี้มีบริษัทร่วมโครงการ regulatory sandbox แล้วสี่บริษัท โดยบริษัทแรกที่ได้เข้าโครงการไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาคือ KBTG ของธนาคารกสิกรไทย
ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย
VISA, MasterCard, UnionPay ร่วมมือกันเปิดตัว "QR Code มาตรฐาน" สำหรับการจ่ายเงินในประเทศไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่ทั้งสามเครือข่ายทำความตกลงกันเพื่อให้ QR สามารถทำงานร่วมกันได้
คุณฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทยสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผ่านทางหลักการ "Regulatory Sandbox" ที่เปิดทางให้เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถให้บริการได้ง่ายขึ้น
วันนี้นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการยกระดับความปลอดภัยในการใช้ บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นพยาน