ทำเนียบขาวออกประกาศจะใช้เทคโนโลยีลดจำนวนผู้ต้องขังและทำลายวงจรการจำคุกครอบคลุม 67 เขตพื้นที่ในสหรัฐฯ โดยร่วมมือกับ Amazon และ Palantir ในการออกแบบเทคโนโลยี
โครงการนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Data-Driven Justice Initiative (DDJ) หลักๆจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเชื่อมข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อแก้ปัญหานักโทษล้นคุกซึ่งในจำนวนนักโทษทั่วโลกอยู่ในสหรัฐฯถึง 25% มีไม่น้อยเป็นนักโทษความผิดลหุโทษ (ประเภทไม่ร้ายแรง) และไม่น้อยที่ต้องถูกจำคุกก่อนจะมีคำพิพากษาออกมา หรือเป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางจิตใจ การเชื่อมข้อมูลจะเข้ามาประเมินและแยกแยะนักโทษเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น ง่ายต่อการกำหนดว่ากลุ่มไหนควรใช้วิธีจำคุก (ซึ่งควรจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมากจริงๆ)
เมื่อไม่กี่วันก่อน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้สัมภาษณ์ว่าเขาเลิกใช้ BlackBerry แล้ว โดยทำเนียบขาวมอบสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่มาแทน แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อหรือรุ่นอะไร ล่าสุดมีรายงานว่าสมาร์ทโฟนของโอบามาน่าจะเป็น Samsung Galaxy S4
ตามกฎของ Defense Information Systems Agency หรือ DISA ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่กำกับดูแลบริการด้านการสื่อสารต่างๆ ให้กับทำเนียบขาว ได้รับรองสมาร์ทโฟนอยู่เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น คือ Samsung Galaxy S4 และแน่นอนว่าไม่ใช่ S4 ธรรมดา เพราะมันได้รับการปรับแต่งเสริมความปลอดภัยอย่างเต็มที่โดย DISA เอง และยังเป็นโทรศัพท์ที่มีวางขายทั่วไปรุ่นแรกที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายลับสุดยอดของกระทรวงกลาโหม SIPRNet ได้ด้วย
เคยมีข่าวเมื่อหลายปีที่แล้วว่า ทีมเทคนิคและทีมความปลอดภัยของทำเนียบขาวมีความคิดจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเลือกใช้จาก BlackBerry เป็นยี่ห้ออื่น (ข่าวเก่า) ล่าสุดประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ Tonight Show ของ Jimmy Fallon ยอมรับว่าเลิกใช้ BlackBerry รุ่นเก่าไปเรียบร้อยแล้ว
โอบามาบอกว่า เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้ใช้ BlackBerry แต่ตลาดสมาร์ทโฟนเปลี่ยนจนแทบไม่มีใครใช้ BlackBerry แล้ว ตัวเขาก็ยังคงมี BlackBerry เครื่องนั้นเหน็บอยู่ที่เข็มขัดมาโดยตลอด จนกระทั่งปีนี้ เจ้าหน้าที่เพิ่งมาแจ้งว่าจะเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟนให้ ซึ่งเจ้าตัวก็ระบุว่าค่อนข้างตื่นเต้นมาก แต่ทว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ถูกล็อคไว้ทุกอย่าง (locked down) จะโทรออก ส่งข้อความ ถ่ายรูปหรือแม้แต่ฟังเพลงก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งโอบามาเปรียบเทียบขำๆ ว่าเหมือนโทรศัพท์ของเล่นที่เอาไว้ให้เด็ก 3 ขวบเล่นก็ไม่ผิด
อย่างไรก็ตามโอบามาไม่ได้ระบุว่าเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้ออะไรและรุ่นใด
ที่มา - The Tonight Show via Engadget
ทำเทียบขาวออกร่างนโยบายการจ้างเขียนซอร์สโค้ดของรัฐบาลกลาง ระบุขั้นตอนการจ้างเขียนซอฟต์แวร์เป็นลำดับสามขั้นตอน
หนังสือพิมพ์ The New York Times ของสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์รายงานพิเศษ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว กำลังทำการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทำเนียบขาวเป็นการครั้งใหญ่ หลังจากที่ไม่ได้ปรับปรุงมานานหลายสิบปี และจะเป็นการวางระบบพื้นฐานของทำเนียบขาวใหม่สำหรับประธานาธิบดีและทีมงานชุดใหม่ ที่จะเข้ารับตำแหน่งบริหารงานต่อจากประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Barak Obama
เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา The Verge เผยแพร่คลิปและเนื้อหาสัมภาษณ์พิเศษ มิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลข 1 ลงในเว็บไซต์ The Verge เรื่องการเล่นกับโซเชียลเนตเวิร์ค
การที่คนสำคัญทางการเมืองสักคนจะลุกขึ้นมาทำสิ่งนี้ยังหาไม่ง่ายนัก เนื้อหาสัมภาษณ์มีประเด็นแปลกใหม่น่าสนใจมากมายจึงนำมาเรียบเรียงให้ได้อ่านกัน
รัฐบาลสหรัฐ ออกร่างนโยบายกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลาง ต้องเปิดเผยซอร์สโค้ดซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง (หรือจ้างพัฒนาด้วยเงินของรัฐ) เพื่อเปิดให้หน่วยงานอื่นของรัฐสามารถนำไปต่อยอดได้
นโยบายนี้มองว่าการที่หน่วยงานรัฐใช้เงินพัฒนาซอฟต์แวร์ซ้ำซ้อน เป็นการเปลืองงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ การเปิดซอร์สยังส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐร่วมมือกันสร้างนวัตกรรม และเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่มีฝีมือเข้ามาช่วยตรวจสอบคุณภาพของโค้ดด้วย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศแผนปฏิบัติการความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ (Cybersecurity National Action Plan หรือ CNAP) เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐ มีความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์มากยิ่งขึ้น ใจความสำคัญของแผนนี้ได้แก่
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศโครงการ Computer Science For All ส่งเสริมให้นักเรียนชาวอเมริกันทุกคนมีโอกาสเรียนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกทักษะการเป็น "ผู้สร้าง" ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล แทนการเป็นผู้บริโภคแต่เพียงฝ่ายเดียว
โอบามาบอกว่า "วิทยาการคอมพิวเตอร์" กลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีไปเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลสหรัฐจะตั้งงบประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ในโรงเรียน และให้งบประมาณสนับสนุน National Science Foundation (NSF) พัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรมครูสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เพิ่มด้วย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศผลักดันโครงการ National Strategic Computing Initiative เพื่อให้สหรัฐอเมริกาสามารถสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale ที่มีสมรรถนะเกิน 1 exaflop/s ให้ได้
ปัจจุบันซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แรงที่สุดในโลกคือ Tianhe 2 ของจีน มีสมรรถนะ 33.86 petaflop/s เท่ากับว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของสหรัฐจะต้องมีสมรรถนะเพิ่มขึ้นอีกราว 30 เท่าตัว ส่วนโครงการประมวลผลขนาดใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐในปัจจุบันต้องการสมรรถนะประมาณ 10 peteflop/s
ระยะหลังเราเห็นปัญหา Google Maps ที่เกิดจากการเปิดให้ผู้ใช้แก้ไขข้อมูลเองหลายครั้ง ตัวอย่างคือ Edward Snow Den โผล่ที่ "ทำเนียบขาว" และ พบหุ่นเขียวปัสสาวะใส่โลโก้ Apple ที่อาจดูเป็นเรื่องเล่นตลกที่ผิดที่ผิดทางไปบ้าง
แต่ปัญหาใหม่ล่าสุดของ Google Maps ร้ายแรงกว่านั้น เพราะมีคนไปค้นพบว่าถ้าค้นหาสถานที่ด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดคนผิวสี (เช่น nigga/nigger ที่มาจากคำว่า nigro) แล้วใส่คำว่า house เข้าไปด้วย ผลลัพธ์จะกลายเป็น "ทำเนียบขาว" ซึ่งหมายถึงการเหยียดผิวต่อประธานาธิบดีโอบามา
ทั้ง FBI และ NSA ออกมาแสดงท่าทีว่าต้องการบังคับให้มีช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัส และโต้เถียงกับกลุ่มผู้บริหารบริษัทไอทีและองค์กรต่างๆ หลายครั้ง ตอนนี้องค์กรเหล่านั้นก็รวมตัวกันส่งจดหมายเปิดผนึกถึงโอบามา ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า
เราเตือนให้ท่านปฎิเสธข้อเสนอใดๆ ที่บังคับให้บริษัทสหรัฐฯ ทำให้สินค้าของพวกเขาอ่อนแอลงอย่างจงใจ เราเรียกร้องต่อทำเนียบขาวให้สร้างนโยบายที่สนับสนุนการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งแทนที่จะขัดขวาง นโยบายนี้จะช่วยให้มีการปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์, การเติบโตทางเศรษฐกิจ, และสิทธิมนุษยชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ถ้าลองค้นคำว่า "edwards snow den" ใน Google Maps จะพบข้อมูลที่น่าตกใจว่าพิกัดไปโผล่อยู่ใน "ทำเนียบขาว" ของสหรัฐอเมริกา
แน่นอนว่า Edward Snowden ไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาวจริงๆ หรือกูเกิลจงใจเปลี่ยนพิกัดประท้วงรัฐบาลสหรัฐ แต่มีใครสักคนใช้วิธีเพิ่มข้อมูลธุรกิจของตัวเองลงใน Google Maps โดยผ่านระบบตรวจสอบของกูเกิล และย้ายพิกัดของร้าน "Edwards Snow Den" (ชื่อสะกดไม่เหมือนกัน) ที่บอกว่าเป็นร้านขายสโนว์บอร์ด ไปยังทำเนียบขาวได้สำเร็จ
คาดว่ากูเกิลคงลบข้อมูลพิกัดออกในเร็วๆ นี้ ตอนที่เขียนข่าวนี้ข้อมูลยังปรากฏอยู่ ใครอยากดูก็รีบๆ เข้านะครับ
รัฐบาลโอบามาเปิดข้อเสนอบังคับให้เว็บไซต์รัฐบาลกลางทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนไปใช้ HTTPS เท่านั้น ทางรัฐบาลเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเสนอนี้ในช่วงแรกภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้
ข้อเสนอนี้จะบังคับเว็บไซต์ของรัฐบาลกลาง ดังนี้
ในยุคสมัยแห่ง big data ที่การวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลสหรัฐก็ตอบรับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการแต่งตั้ง "หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ข้อมูล" (Chief Data Scientist) ขึ้นมาวางนโยบายด้าน big data ของประเทศแล้ว
รัฐบาลบารัค โอบามา ใช้วิธีดึงผู้บริหารสายไอทีไปช่วยงานหลายคน โดยสหรัฐอเมริกามีทั้ง CTO (Chief Technology Officer) และ CIO (Chief Information Officer) ครั้งแรกในสมัยรัฐบาลโอบามารอบแรก
วันนี้ประธานาธิบดีโอบามาลงนามคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมดเปลี่ยนไปใช้บัตรเครดิตแบบชิปร่วมกับรหัสผ่าน (chip and PIN) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบรับจ่ายเงินในประเทศ
ปัญหาการขโมยหมายเลขบัตรเครดิตเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ ปีที่แล้วมีเหตุการณ์หมายเลขบัตรเครดิตถูกขโมยจากห้าง Target จำนวนมากทำให้ลูกค้าทั้งหมดตกอยู่ในความเสี่ยง
ภายใต้คำสั่งนี้หน่วยงานรัฐบาลกลางที่ออกบัตรเครดิตขององค์กรให้เจ้าหน้าที่ต้องออกบัตรใหม่เป็นแบบมีชิป ส่วนหน่วยงานที่รับจ่ายเงินจากประชาชนผ่านบัตรเครดิตก็ต้องติดตั้งเครื่องอ่านบัตรแบบใหม่ที่รองรับบัตรที่ใช้ชิปและรองรับการกดรหัสผ่าน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีชื่อเสียงเรื่องการใช้สื่อโซเชียลมานาน และทำเนียบขาวในยุคของโอบามาก็หันมาใช้สื่อออนไลน์สื่อสารกับประชาชนอย่างจริงจัง (ตัวอย่างข่าวเก่า ทำเนียบขาวบน Google+)
วงการพิมพ์สามมิติเรียกได้ว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา มีผู้คนหลากหลายกลุ่มใช้งานเครื่องพิมพ์สามมิติในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่บริษัทหน้าใหม่ไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ล่าสุดแม้แต่ทำเนียบขาวก็ออกตัวมาสนับสนุนกระแสนี้แล้วด้วยการเปิดตัวงาน White House Maker Faire เพื่อสนับสนุนกลุ่มคนที่ใช้งานเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ
งาน White House Maker Faire นี้เป็นครั้งแรกที่บารัค โอบามาเป็นเจ้าภาพงาน ภายในงานมีผู้ผลิตที่ใช้การพิมพ์สามมิติมาเข้าร่วมมากกว่า 100 ราย จาก 25 มลรัฐ โดยมีผลงานหลากหลายนำมาแสดงในงาน เช่นยีราฟอิเล็กทรอนิกส์ขนาด 17 ฟุต หรือโชว์พิมพ์แพนเค้กหน้าโอบามา เป็นต้น
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้จัดงานแสดงความยินดีกับสโมสรเบสบอล Boston Red Sox ที่ได้แชมป์รายการเวิลด์ซีรี่ส์ปี 2013 และในจังหวะหนึ่ง นักเบสบอล David Ortiz ได้ขอถ่ายภาพแบบเซลฟี่ร่วมกับประธานาธิบดีโอบามา แล้ว Ortiz ก็ทำการโพสต์ลง Twitter
ต่อมาบัญชี Twitter ของซัมซุงอเมริกาได้รีทวีตภาพนี้ซ้ำ พร้อมให้ข้อมูลเสริมด้วยว่า Ortiz ใช้ Galaxy Note 3 ในการถ่ายภาพ (Ortiz เป็นพรีเซนเตอร์ให้ซัมซุง) ขณะที่โฆษกซัมซุงก็แถลงว่านี่เป็นภาพบรรยากาศที่ดี ต่อเนื่องจากภาพเซลฟ์ฟี่ของ Ellen ในงานออสการ์
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันจากแหล่งข่าวในทำเนียบขาวว่า ทีมเทคนิคและทีมความปลอดภัยของทำเนียบขาวกำลังทดสอบการใช้งานสมาร์ทโฟนจากซัมซุงและแอลจี (โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐยืนยันข่าวนี้โดยบอกว่าทีมความปลอดภัยกำลังทดสอบสมาร์ทโฟนหลายรุ่น แต่ไม่บอกว่ารุ่นใดหรือยี่ห้อใดเหมือน Wall Street Journal)
ข่าวนี้สร้างผลสะเทือนต่อสถานะของ BlackBerry ในฐานะสมาร์ทโฟนที่หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐเลือกใช้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลว่าตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่รู้กันว่าใช้ BlackBerry รุ่นปรับแต่งพิเศษ จะย้ายไปใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นหรือไม่ (เขามี iPad ไว้ใช้อ่านเอกสาร แต่ไม่มี iPhone)
หลัง Edward Snowden ปล่อยเอกสารของ NSA ออกมาเป็นจำนวนมาก โอบามาก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อจัดทำข้อเสนอว่าควรปรับปรุงการทำงานของ NSA อย่างไรบ้าง ตอนนี้คณะกรรมการชุดนี้ก็ปล่อยเอกสารรายงานออกมา
รายงานแนะนำภาพรวมทั้งหมด ทั้งกระบวนการทำงานของ NSA ที่ต้องมีกระบวนการดูแลกระบวนการหาข่าวกรอง เปลี่ยนบอร์ดคณะทำงานควบคุมการหาข่าวกรองและเพิ่มกระบวนการรักษาความเป็นส่วนตัวของประชาชน รวมถึงเปลี่ยนกระบวนการสรรหาผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่อนุมัติการหาข่าวกรอง
สำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ประกาศวันที่ 1-2 มิถุนายน 2013 เป็นวัน "National Day of Civic Hacking" หรือ "วันแฮ็กเพื่อสาธารณประโยชน์แห่งชาติ" (hack ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเจาะระบบ แต่หมายถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์-ระบบไอที)
เป้าหมายของงานนี้คือกระตุ้นให้คนทำงานสายไอซีที ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไป หันมาสนใจแก้ปัญหาของประเทศด้วยเทคโนโลยี โดยเน้นไปที่ข้อมูลสาธารณะ (publicly-released data) และโค้ดหรือเทคโนโลยีแบบเปิด
ตามกฎหมายของสหรัฐฯ ทำเนียบขาวจะต้องออกมาให้คำตอบกับประชาชน หากมีการล่ารายชื่อประชาชน 25,000 ชื่อเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ก่อสร้าง Death Star (ดาวมรณะจาก Star Wars) ล่าสุด ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวแล้ว
ทำเนียบขาวหรือทำเนียบประธานาธิบดีของสหรัฐ ใช้เครือข่ายสังคมต่างๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook, LinkedIn (และเพิ่งเริ่มใช้ Foursquare เมื่อไม่นานมานี้)
ล่าสุดทำเนียบขาวยังเดินหน้าด้วยนโยบายเดิม โดยขยายช่องทางมายัง Google+ เรียบร้อยแล้ว
เราเห็นประธานาธิบดีบารัค โอบามา ใช้งาน Twitter/Facebook มานานแล้ว คราวนี้ขยายมาถึง Foursquare บริการเช็คอินสถานที่ยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งแล้ว
การใช้ Foursquare เป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ผลงานของโอบามาอีกทางหนึ่ง เพราะโอบามากำลังจะเดินทางด้วยรถบัสไปหลายเมืองในสหรัฐ เพื่อเยี่ยมประชาชนและรับฟังปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ (จะมองว่าเป็นการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งในปี 2012 ก็ได้)
ในโอกาสนี้ โอบามา (หรือทีมงานของเขา) จะ "เช็คอิน" ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบอกว่าตอนนี้โอบามาอยู่ที่ไหน และแสดงความเห็นผ่านทาง "ทิป" ของ Foursquare
ผู้สนใจก็ไปตามบัญชีของทำเนียบขาวได้ที่ Foursquare