ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ออกคำสั่งบริหาร (executive order - แบบเดียวกับที่สั่งแบน Huawei) ให้บริษัท Beijing Shiji Information Technology บริษัทที่ทำซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรมโรงแรม, ร้านค้า, บันเทิงจากจีน ถอนการควบรวมกิจการบริษัท StayNTouch ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์โรงแรมจากรัฐแมรี่แลนด์ ที่ซื้อและควบรวมกิจการมาตั้งแต่ปี 2018
กูเกิลเปิดโครงการอบรมทักษะดิจิทัลให้ประชาชนอเมริกันโดยร่วมมือกับทำเนียบขาวด้วย ซึ่งกูเกิลได้ลงนามในสัญญา Pledge to America’s Workers ที่ทางทำเนียบขาวเรียกร้องให้นายจ้างขยายโครงการพัฒนาทักษะสำหรับแรงงานชาวอเมริกัน
ตัวโครงการมีเป้าหมายจะทำการฝึกอบรมได้ 250,000 ครั้งภายใน 5 ปี และจะขยายโครงการไปยังมหาวิทยาลัยและโรงเรียน 100 แห่งภายในปี 2020
ก่อนหน้านี้กูเกิลได้เซ็นสัญญาในโครงการทำนองนี้มาแล้ว โดยร่วมกับ Internet Association แต่การลงนามครั้งล่าสุดนี้เป็นการขยายผลให้จริงจังมากขึ้น และกูเกิลเองก็มีโปรแกรมสอนทักษะดิจิทัลอยู่แล้วคือ Grow with Google ที่ให้คนเข้าไปใช้ทรัพยากรกูเกิลเรียนรู้ทักษะดิจิทัลต่างๆ ได้ฟรี
โฆษกเฟซบุ๊ก ได้ตอบอีเมลนักข่าวจากการมีสื่อรายงานว่า มาร์ค ซักเคอเบิร์ก กำลังจะเข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว โดยโฆษกยืนยันว่ามีการเข้าพบจริง ทรัมป์ เองก็โพสต์รูปเขากับ ซักเคอเบิร์ก ลงในทวิตเตอร์ด้วย นอกจากนี้ ซักเคอเบิร์ก ยังได้เข้าพบเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบบายเพื่อรับฟังข้อกังวลเกี่ยวกับกฎหมายอินเทอร์เน็ต
กรณีการแบน Huawei ของรัฐบาลสหรัฐ อาจมีข้อยกเว้นให้บริษัทกลุ่มที่รับงานจากรัฐบาลสหรัฐ (contractor) มีเวลาปรับตัว ยังสามารถค้าขายกับ Huawei ได้อีก 2 ปี
สำนักงานการจัดการและงบประมาณของทำเนียบขาว (Office of Management and Budget หรือ OMB) ยื่นจดหมายขอให้สภาคองเกรส ยืดเวลาการแบนห้ามไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
คำสั่งแบนอันนี้เป็นคนละส่วนกับ คำสั่งทางปกครองของ Trump ที่ห้ามบริษัทเอกชนสหรัฐทำธุรกิจกับ Huawei ที่อยู่ในรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ แต่เป็นคำสั่งอีกชุดตามกฎหมายความมั่นคง (กฎหมาย National Defense Authorization Act ของปีงบประมาณ 2019) ที่ห้าม "หน่วยงานของรัฐ" ใช้อุปกรณ์ของ Huawei
หลังมีประเด็นออกมาตั้งแต่ต้นปี ที่ FBI, CIA และ NSA ประสานเสียงกันเตือนชาวอเมริกันว่าอย่าใช้สินค้า ZTE และ Huawei ก่อนจะลามไปยังออสเตรเลียและกองทัพสหรัฐ ล่าสุดมาตรการนี้ออกมาเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งจะลงนามในกฎหมาย Defense Authorization Act ซึ่งมีการพูดถึงการสั่งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับภาครัฐ ไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์และบริการของ Huawei/ZTE ที่จำเป็นและสำคัญ (essential and critical) กับระบบที่หน่วยงานใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์บางชิ้นของสองแบรนด์นี้ยังคงอนุญาตให้ใช้งานตราบเท่าที่ตัวอุปกรณ์ ไม่สามารถเข้าถึงหรือดูข้อมูลได้
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะยกระดับไปอีกขั้น เมื่อกระทรวงการคลังเตรียมจะออกมาตรการใหม่ ที่ห้ามบริษัทที่มีคนจีน (ไม่ว่าจะรัฐบาลหรือเอกชน) ถือหุ้นเกิน 25% เข้าซื้อบริษัทไอทีของสหรัฐ ที่ครอบครองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรม (industrially significant technology)
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังระบุว่า เมื่อกฎหมายออกมา ตัวเลขสัดส่วนที่คนจีนถือหุ้นอาจต่ำกว่า 25% รวมถึงว่าถึงแม้นักลงทุนจีนจะถือหุ้นน้อยกว่าที่กำหนด แต่หากหน่วยงานภาครัฐมองว่า นักลงทุนจีนที่เข้าซื้อบริษัทสหรัฐ มีสิทธิเข้าถึงเทคโนโลยีที่ซื้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มาตรการนี้ก็จะครอบคลุมด้วย
ในวันประชุมระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับสมาคมผู้พัฒนาเกมเรื่องผลกระทบของเกมต่อเหตุกราดยิง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี เปิดวิดีโอตัวหนึ่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมดู รวบรวมฉากรุนแรงจากเกมดัง ล่าสุดกลุ่มผู้พัฒนาเกมอัพโหลดวิดีโออีกตัวบน YouTube แสดงด้านสวยงามและศิลปะของเกม
ตัววิดีโอชื่อว่า #GameOn ผู้เผยแพร่คือ Games for Change องค์กรไม่แสวงหากำไร สนับสนุนพลังด้านบวกของเกมที่มีต่อโลกจริง วิดีโอมีความยาว 88 วินาที มีฉากจากเกมมากมายเช่น The Legend of Zelda: Breath of the Wild, Minecraft, The Last Guardian, Little Big Planet, Monument Valley, Never Alone, Overwatch เป็นต้น
Asi Burak ประธาน Games for Change บอกว่าวิดีโอนี้เป็นยิ่งกว่าจดหมายรักมอบให้แก่อุตสาหกรรมเกม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิดีโอนี้จะช่วยสื่อสาร และแสดงให้เห้นความงามอีกด้าน ในรูปแบบที่ต่างออกไปจากวิดีโอของทำเนียบขาว
วันนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และสมาคมผู้ผลิตเกม ESA เข้าพูดคุยกันเรื่องความเกี่ยวข้องของเกมกับเหตุกราดยิงที่เป็นปัญหามานานในสหรัฐฯ ยังไม่มีผลสรุปของการพูดคุยว่ามีมาตรการอย่างไรต่อไป แต่ระหว่างการประชุม ฝ่ายรัฐเปิดคลิปแสดงตัวอย่างเกมที่มีภาพรุนแรง และยังโพสต์ลงยูทูบในช่องของทำเนียบขาวด้วย
ตัววิดีโอความยาว 1 นาทีครึ่ง ไม่มีเสียงบรรยาย มีแค่ภาพฟุตเทจจากเกมต่างๆ ประกอบด้วย Call of Duty, Dead by Daylight, Fallout 4, Sniper Elite 4, The Evil Within
ก่อนหน้านี้มีรายงานเอกสารหลุดจาก National Security Council ว่ารัฐบาล Trump กำลังหาวิธีการป้องกันข้อมูลหลุดไปจีนโดยจะหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจากจีน ซึ่งมีวิธีที่พิจารณาตั้งแต่การให้รัฐลงทุนเองทั้งหมดแล้วให้เอกชนเช่าใช้งาน หรือให้เอกชนรวมตัวกันสร้างเครือข่ายเดียว
ล่าสุด Recode ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายคน โดยกล่าวว่าเอกสารที่หลุดออกมานั้นเก่าแล้ว และตอนนี้ข้อเสนอดังกล่าวก็ตกไปแล้ว รวมถึงข้อเสนอนี้ก็ไม่ใช่ข้อเสนอที่จริงจังมากของ NSC แต่เป็นเพียงไอเดียที่นำเสนอโดยพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น และไม่น่าจะมีผลกับการปรับนโยบายใด ๆ
ทำเนียบขาวในยุคของรัฐบาลทรัมป์ ยกเลิกการใช้เว็บไซต์ whitehouse.gov ที่สร้างในยุครัฐบาลโอบามา เปลี่ยนมาใช้เว็บไซต์อันใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนระบบ CMS จากเดิม Drupal มาเป็น WordPress
เว็บไซต์ whitehouse.gov อันใหม่เพิ่งเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2017 โดยไม่ระบุว่าใช้ CMS ตัวใด แต่จากการขุดซอร์สโค้ดของเว็บไซต์ก็พบชื่อไฟล์และไดเรคทอรีขึ้นต้นด้วยคำว่า wp ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ WordPress ส่วนธีมที่ใช้เป็นธีมสร้างพิเศษคือ WhiteHouse และใช้เลขเวอร์ชัน "45" ตามลำดับประธานาธิบดีของทรัมป์
ส่วนเหตุผลที่ย้ายมาใช้ WordPress เป็นเรื่องต้นทุนเป็นหลัก ตัวแทนของทำเนียบขาวระบุว่าประหยัดเงินได้มากกว่าเดิมปีละ 3 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่มีข้อมูลว่าเว็บไซต์เวอร์ชันนี้พัฒนาโดยบริษัทใด
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ เตรียมแบนการใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวขณะทำงาน เนื่องจากความเป็นกังวลด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายของทำเนียบขาวมากจนเกินไป และโทรศัพท์ส่วนตัวนั้นไม่มีความปลอดภัยเพียงพอเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ของทางรัฐบาล โดย John Kelly หัวหน้าพนักงานของทำเนียบขาวเป็นผู้นำในการผลักดันการแบนโทรศัพท์ส่วนตัวในครั้งนี้ (Kelly เคยถูกแฮกมือถือส่วนตัวเมื่อต้นปี)
ทรัมป์เชิญคณะที่ปรึกษาด้าน IT ร่วมหารือครั้งแรก มี CEO จากหลายองค์กรขนาดใหญ่เข้าร่วมด้วย แต่ Mark Zuckerberg จาก Facebook ไม่ได้เข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้าร่วมจำนวนมาก
เป็นที่ทราบกันว่าประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอย่างโดนัล ทรัมป์ ไม่ค่อยเสพสื่อหรือเล่นโซเชียลมีเดียนอกจากทวิตเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจะใช้แอคเคาท์เดิมของตัวเองต่อไปแทนที่จะเป็น @POTUSด้วย และนั่นอาจเป็นสาเหตุให้ทวิตเตอร์เป็นเพียงแอพเดียวที่อยู่บน iPhone ของประธานาธิบดี
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการโดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระดับสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กังวลว่าประธานาธิบดีจะเอาแต่นั่งเล่นทวิตเตอร์ จึงป้องกันด้วยการยัดงานให้ประธานาธิบดีอย่างต่อเนื่อง
หากใครติดตามข่าวประธานาธิบดี Donald Trump มาตลอด คงจำได้ว่า Trump แม้จะต้องเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่เพื่อความปลอดภัย แต่เขาก็ยืนยันจะใช้มือถือเดิมที่เป็นแอนดรอยด์รุ่นเก่าต่อไป (คาดว่าเป็น Galaxy S3) อย่างไรก็ตามสุดท้าย Trump ก็ต้อง Change จนได้
หัวหน้าฝ่าย social media ของทำเนียบขาว Dan Scavino Jr. ได้ทวีตข้อความยืนยันว่าทั้งบัญชี @POTUS และ @realDonaldTrump ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ iPhone หลายสัปดาห์แล้ว ทั้งเพื่ออ่านข้อความและส่งข้อความทวีต
ก่อนหน้านี้บัญชี @realDonaldTrump จะมีผู้สังเกตว่าหากทวีตด้วย Android ก็แปลว่า Trump ทวีตเอง แต่ถ้าทวีตด้วย iPhone ก็เป็นทวีตของทีมงาน ซึ่งปัจจุบันทวีตทั้งหมดพบว่ามาจาก iPhone ทั้งสิ้น
ที่มา: The Verge
อย่างที่ทราบกันว่าผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จะมีโทรศัพท์ประจำตัวอย่างน้อยๆ หนึ่งเครื่อง ซึ่งจะถูกเข้ารหัส ถูกล็อคและปิดกั้นการเข้าถึงการเชื่อมต่อต่างๆ เอาไว้ทั้งหมด ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่ง Donald Trump ที่กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันพรุ่งนี้ ได้รับเครื่องประจำตำแหน่งแล้ว แต่ไม่มีรายงานว่าเครื่องที่ Trump ใช้เป็นยี่ห้อและรุ่นอะไร โดยเครื่องสุดท้ายที่เขาใช้คือสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์
ต่อจากข่าว โอบามาสั่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐ สอบสวนการโจมตีไซเบอร์ช่วงการเลือกตั้งปี 2016 วันนี้ ทำเนียบขาวออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ยืนยันการโจมตีไซเบอร์จากรัฐบาลรัสเซียแล้ว
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระบุว่าการโจมตีไซเบอร์เพื่อขโมยข้อมูลในช่วงเลือกตั้ง ถูกขับเคลื่อนโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลรัสเซีย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการทูตของสหรัฐในกรุงมอสโก ก็ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยและตำรวจรัสเซียมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทำเนียบขาวแถลงข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งการให้หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐ ตรวจสอบการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 หลังมีรายงานการโจมตีจากประเทศรัสเซีย
Lisa Monaco ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของโอบามา ให้ข้อมูลกับสื่อว่าโอบามาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง โดยให้หน่วยงานด้านข่าวกรองตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเลือกตั้งปี 2016 อย่างละเอียด ตรวจสอบเทียบกับการเลือกตั้งรอบก่อนๆ และขอให้เร่งทำเรื่องนี้ให้เสร็จ ก่อนเขาหมดวาระเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2017
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ (The White House) ร่วมกับนักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Shaquille O'Neal จัดแข่งขัน eSport เพื่อการกุศล กระตุ้นให้คนอเมริกันเข้ามาลงทะเบียนรับสิทธิประกันสุขภาพบนเว็บไซต์ HealthCare.gov กันมากขึ้น
ทำเนียบขาวบอกว่าอุตสาหกรรม eSport กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสื่ออีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อประชาชน
การแข่งเกมที่ทำเนียบขาวจะจัดขึ้นวันที่ 12 ธันวาคมนี้ มีโปรเกมดังๆ มาร่วมแข่งเกมอย่าง Rocket League และ Street Fighter V โดยจะถ่ายทอดสดผ่าน Twitch ด้วย
ที่มา - The White House, Twitch
บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่มีบัญชีทวิตเตอร์ประจำตำแหน่ง @POTUS (ย่อมาจาก President of the United States)
เมื่อบารัค โอบามา กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง บัญชีทวิตเตอร์อันนี้ก็จะถูกส่งต่อให้กับประธานาธิบดีคนถัดไป คำถามคือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทำเนียบขาวมีคำตอบเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยบัญชี @POTUS จะถูกลบข้อความทวีตทั้งหมดในยุคโอบามา เพื่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่มีบัญชีเปล่าๆ พร้อมใช้งาน (แต่ยังมีคนฟอลโลว์ 11 ล้านคนเหมือนเดิม) ข้อความเหล่านี้จะย้ายไปเก็บไว้ในบัญชี @POTUS44 เพื่อเป็นคลังข้อความจดหมายเหตุแห่งชาติ (archive) ซึ่งนโยบายนี้จะใช้กับบัญชีอื่นๆ อย่างสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (@FLOTUS) รองประธานาธิบดี (@VP) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงตำแหน่งอื่นๆ ด้วย
เอกสารงานวิจัยเรื่องปัญญาประดิษฐ์จากทำเนียบขาว นอกจากมีเนื้อหายุทธศาสตร์เรื่องปัญญาประดิษฐ์ในด้านต่างๆ และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ให้ปลอดภัยแล้ว ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกประการคือ ประเทศที่มีชิ้นงานการวิจัยปัญญาประดิษฐ์มากเป็นอันดับแรกกลับไม่ใช่สหรัฐฯ แต่เป็นประเทศจีน
ทำเนียบขาวเคยออกบ็อตคุยกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา บน Facebook Messenger เพื่อขยายช่องทางให้ประชาชนสื่อกับประธานาธิบดี (แม้ถูกวิจารณ์ว่าบ็อตไม่เก่งอย่างที่ควร)
ล่าสุดโค้ดของบ็อตตัวนี้ถูกโอเพนซอร์สสู่สาธารณะแล้ว ตัวบ็อตเป็นโมดูลของ Drupal 8 (CMS ที่ทำเนียบขาวเลือกใช้งาน) และจำเป็นต้องเชื่อมกับเพจ/แอพของ Facebook ถึงจะใช้งานได้
ทำเนียบขาวบอกว่าเปิดซอร์สโค้ดเพื่อเป็นต้นแบบให้นักพัฒนารายอื่นๆ รวมถึงรัฐบาลอื่นๆ นำไปสร้างบ็อตให้บริการประชาชนแบบเดียวกัน โดยไม่ต้องลงทุนพัฒนาบ็อตใหม่ทั้งหมด โค้ดดูได้จาก GitHub
Sprint โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐประกาศเตรียมนำร่องโครงการ ConnectED ของรัฐบาล ด้วยการแจกอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์พร้อมอินเทอร์เน็ตฟรีให้กับเด็กนักเรียน ไปใช้งานด้านการศึกษา
อุปกรณ์ที่จะแจกมีทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็บท็อปหรือแม้แต่ฮ็อตสป็อต ให้นักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยและไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ พร้อมแพ็คเกจดาต้าฟรี 4 ปี โดยตั้งเป้าจะมีนักเรียนภายในโครงการนี้ราว 1 ล้านคนใน 5 ปี
ทาง Sprint เผยว่าต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าดึงอุปกรณ์ดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตในสหรัฐ ที่คาดว่าจะมีอยู่ราว 5 ล้านครัวเรือน โดยทาง Sprint จะโฆษณาประชาสัมพันธ์รับบริจาคอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำมาแจกให้กับเด็กๆ ในโครงการนี้ด้วย
จากข่าวทำเนียบขาวเปิดให้ส่งข้อความถึงประธานาธิบดีทาง Facebook Messenger ซึ่งผู้ใช้จะได้พูดคุยกับแชตบ็อต ใน Messenger ล่าสุดมีคนออกมาวิจารณ์ว่า เจ้าแชตบ็อตนี้ไม่เห็นจะอัจฉริยะตรงไหน
เมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลสหรัฐร่างออกนโยบาย ซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานภาครัฐพัฒนา ต้องเปิดซอร์สโค้ด
ล่าสุดนโยบาย Federal Source Code ออกมาเป็นฉบับจริงแล้ว เนื้อหาหลักยังเหมือนเดิมคือกำหนดให้ซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานรัฐพัฒนาเองหรือจ้างพัฒนา ต้องเปิดให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ เข้าไปซอร์สโค้ดได้ทั้งหมด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำโค้ดไปใช้ซ้ำ (government-wide code reuse) และต้องมีซอร์สโค้ดอย่างน้อย 20% โอเพนซอร์สสู่สาธารณะ
ทำเนียบขาวออกประกาศว่า ตอนนี้ทางหน่วยงานได้เปิดให้ใช้งาน Facebook Messenger เป็นหนึ่งในช่องทางสำหรับการส่งข้อความถึงประธานาธิบดี Barack Obama
ในประกาศของทำเนียบขาวนั้น บอกว่าประธานาธิบดีได้อ่านจดหมายจากพลเมืองจำนวน 10 ฉบับในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ซึ่งจดหมายเหล่านี้เป็นจดหมายที่ส่งมาทางไปรษณีย์ แต่การเปิดช่องทางใหม่จะช่วยให้โอกาสแก่ชาวอเมริกันมากขึ้น เพราะใครที่มีบัญชี Facebook ก็สามารถส่งข้อความถึงประธานาธิบดีได้ทันที
วิธีส่งข้อความ เพียงแค่เข้าไปที่เพจของทำเนียบขาว และกดปุ่มส่งข้อความ หรือเข้าไปที่ลิงก์โดยตรงที่ m.me/whitehouse