Donald Trump ออกคำสั่งฝ่ายบริหารแบน TikTok อย่างเป็นทางการ โดยตัวคำสั่งให้เวลา 45 วันเพื่อให้ทาง ByteDance สามารถขาย TikTok ออกไปให้กับบริษัทสหรัฐฯ ตามที่ไมโครซอฟท์เคยออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ แต่ประกาศนี้ออกมาพร้อมกับประกาศแบบเดียวกันแต่แบน WeChat ของทาง Tencent ไปด้วย
เนื้อหาประกาศทั้งสองฉบับคล้ายกัน โดยระบุว่าแอปทั้งสองเก็บข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมากจนเปิดทางให้รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของพลเมืองสหรัฐฯ ได้กว้างขวาง และเซ็นเซอร์เนื้อหาตามความต้องการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะที่คำสั่งแบน WeChat นั้นเพิ่มเนื้อหาว่า WeChat เปิดทางให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนติดตามพลเมืองจีนที่ได้มาเยือนสหรัฐฯ และได้สัมผัสสังคมเสรีเป็นครั้งแรกในชีวิต
Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศ Clean Network ที่ประกอบไปด้วย 6 มาตรการย่อย เพื่อรับมือและป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมของประเทศจากตัวแสดง (ในเวทีระหว่างประเทศ) ที่มุ่งร้าย เช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน
ชะตากรรม TikTok ตอนนี้อยู่ในมือไมโครซอฟท์ แต่อินฟลูเอนเซอร์บน TikTok ก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่แน่นอน และทำตัวไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่า TikTok จะโดนแบนหรือไม่ ทำให้พวกเขาแห่หันไปลงคอนเทนต์ใน Instagram แทน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้ใช้งาน TikTok ดันแฮชแท็ก #savetiktok ไปกว่า 800 ล้านครั้ง และแสดงออกในท่าทีที่ต้องการให้ TikTok ยังคงใช้งานได้ต่อไป
ประธานาธิบดี Donald Trump ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะเซ็นคำสั่งบริหารแบนการใช้งาน TikTok ในสหรัฐอเมริกาเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ให้รายละเอียดของวิธีการว่าจะทำอย่างไร
ในวันเดียวกันก็มีข่าวลือออกมาว่า ไมโครซอฟท์อาจกลายมาเป็นผู้ซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐต่อจาก ByteDance เพื่อให้ TikTok กลายเป็นบริษัทอเมริกัน ที่ไม่โดนแบนจากรัฐบาลอเมริกัน
ข่าวการซื้อ TikTok ของไมโครซอฟท์สร้างความสับสนเรื่องความเหมาะสมกับยุทธศาสตร์ของบริษัทไม่น้อย เพราะไมโครซอฟท์ขยับออกมาจากตลาดคอนซูเมอร์ (ไม่รวมเกม) นานแล้ว ดังที่เราเห็นการถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สวมใส่ เครื่องอ่านอีบุ๊ก ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
วันนี้ (30 มิ.ย.) มีการประชุมสภาคองเกรส ไต่สวนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ประเด็นผูกขาด มีผู้บริหารเข้าร่วมประชุมผ่านออนไลน์คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กจาก Facebook, Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon, Sundar Pichai ซีอีโอกูเกิล, Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล
มาร์ก พูดถึงประเด็นผูกขาดในส่วนของ Facebook ว่า จริงๆ แล้ว Facebook ยังตามหลังคู่แข่งรายอื่นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐคือ iMessage ไม่ใช่ Facebook, แอปพลิเคชั่นที่เติบโตเร็วที่สุดคือ TikTok แอปพลิเคชั่นยอดนิยมสำหรับวิดีโอคือ YouTube แพลตฟอร์มโฆษณาที่เติบโตเร็วที่สุดคือ Amazon และ แพลตฟอร์มโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดคือกูเกิล มาร์กยังพูดเปรียบเปรยด้วยว่า เม็ดเงินโฆษณาที่ใช้จ่ายในสหรัฐฯนั้นมีไม่ถึง 10 เซนต์ที่มาถึง Facebook
Kevin Mayer ซีอีโอ TikTok เขียนบล็อกพูดถึงสถานการณ์ที่ TikTok ต้องเจอในช่วงนี้
กองทัพอวกาศสหรัฐ (U.S. Space Force) เป็นกองทัพที่ 6 ของสหรัฐอเมริกา ต่อจากกองทัพบก (Army) กองทัพเรือ (Navy) กองทัพอากาศ (Air Force) นาวิกโยธิน (Marine Corps) และกองกำลังชายฝั่ง (Coast Guard) ถูกจัดตั้งในปี 2019 เพื่อรับมือกับภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอวกาศ
ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์โลโก้ของ Space Force เป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี อันที่จริงโลโก้นั้นเป็นตราลัญจกรหรือ seal ของกองทัพเท่านั้น ทำให้ล่าสุด Space Force เปิดตัวโลโก้กองทัพอย่างเป็นทางการที่ยังคงดีไซน์คล้ายโลโก้ Starfleet จาก Star Trek เช่นเดิม แต่รอบนี้ Space Force มีคำอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ Delta ที่ใช้อยู่ในกองทัพอากาศมาตั้งแต่ 1961 พร้อมคำบรรยายองค์ประกอบต่าง ๆ ของโลโก้
หลังจากทำเนียบขาวออกมาแนะทางออกของแอป TikTok ในสหรัฐ ว่าถ้าจะให้เปิดบริการได้ ก็ควรแยกออกมาจากบริษัทแม่ในจีนหรือ ByteDance ให้ชัดเจน
ล่าสุดจึงมีรายงานอ้างอิงจากบุคคลในวงพูดคุยบอกว่ากลุ่มนักลงทุนในสหรัฐ นำโดยกลุ่มกองทุน General Atlantic และ Sequoia Capital หารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ร่วมพูดคุยหาทางออกและซื้อ TikTok ออกมาให้แยกจากจีนเสียเลย
นิวยอร์ก ประกาศแบนการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า และไบโอเมตริกซ์ในรูปแบบอื่นๆ ในโรงเรียนไปจนถึงปี 2022 โดยตอนนี้รอผู้ว่าการรัฐ Andrew Cuomo ลงนาม
เดือนมกราคมที่ผ่านมา เขตการศึกษา Lockport City School District ในนิวยอร์กได้ประกาศใช้การจดจำใบหน้าในโรงเรียนอย่างชัดเจน โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ตรวจจับคนไม่หวังดีรวมถึงผู้กระทำความผิดทางเพศหรือผู้ที่ถูกสั่งห้ามตามคำสั่งของศาล แต่กลุ่มสิทธิมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและความเป็นส่วนตัวเด็ก รวมถึงมีความกังวลว่าจะเก็บมีการเก็บข้อมูลเซนซิทีฟของเด็กหรือไม่
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐแถลงการประกาศจับแฮกเกอร์ชาวจีน 2 รายคือ Li Xiaoyu และ Dong Jiazhi ว่าได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีนในการแฮกระบบอาวุธและระบบป้องกัน รวมถึงงานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยี การผลิตไปจนถึงการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนและยาฆ่าเชื้อ COVID-19
ข้อกล่าวหาระบุว่าแฮกเกอร์ทั้ง 2 พยายามจะขโมยความลับทางการค้า ไม่ว่าจะดีไซน์เทคโนโลยี, กระบวนการการผลิต, กลไกการทำงานเครื่องจักร, ซอสโค้ดและงานวิจัยโครงสร้างทางเคมีของยา โดยบริษัทที่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ 2 รายนี้มีทั้งในสหรัฐ, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, ลิทัวเนีย, เนเธอร์แลนด์, เกาหลีใต้, สเปน, สวีเดนและสหราชอาณาจักร และทำมานานกว่าทศวรรษ
หลัง TikTok ถูกเพ่งเล็งเรื่องความปลอดภัยมานานจนกระทั่งรัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาแบนแอปนี้ ล่าสุด Larry Kudlow ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวแสดงความเห็นว่า ทางออกของ TikTok กรณีที่ไม่ถูกแบน คือต้องปรับโครงสร้างองค์กร ตัดขาดจากบริษัทแม่อย่าง Bytedance และดำเนินงานในฐานะบริษัทเอกชนอเมริกันแทน
อย่างไรก็ตาม Kudlow ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่น ๆ รวมถึงกรณีว่าจะมีบริษัทสหรัฐไหนสามารถซื้อ TikTok ได้หรือไม่ ด้านโฆษก TikTok ยืนยัน ByteDance กำลังประเมินและพิจารณาการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรในส่วนของ TikTok อยู่ พร้อมยืนยันถึงการรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
Taiwan Semiconductor Manufacturing หรือ TSMC ยืนยันการหยุดรับออเดอร์ผลิตชิปจาก Huawei ตามคำสั่งแบนการส่งออกเทคโนโลยีชิปของรัฐบาลสหรัฐ
TSMC บอกว่าหยุดรับออเดอร์จาก Huawei มาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐออกกฎสั่งแบน และจะส่งสินค้าล็อตสุดท้ายตามออเดอร์ก่อนหน้านี้ ภายในวันที่ 14 กันยายน
การเสียลูกค้ารายใหญ่อย่าง Huawei อาจกระทบต่อรายได้ของ TSMC แต่ธุรกิจของบริษัทในปีนี้ก็ไปได้ดี ประเมินรายได้ช่วงไตรมาส 3 เติบโตถึง 20% จากปัจจัยสินค้าด้าน 5G บูม
ที่มา - Nikkei Asian Review
Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐแถลงว่า ทางกระทรวงมีแผนเตรียมจะแบนการออกวีซ่าให้กับพนักงานชาวจีนบางรายของ Huawei และบริษัทไอทีจีนอื่น ๆ ที่สนับสนุนระบอบที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและข่มเหงประชาชนทั้งในและต่างประเทศ (Pompeo ยกตัวอย่างค่ายกักกัน เพื่อล้างสมองชาวอุยกูร์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์)
อย่างไรก็ตาม Pompeo ไม่ได้ระบุว่าพนักงานคนไหน หรือพนักงานแบบไหนที่เข้าข่าย โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศอ้างว่าเป็นความลับในกระบวนการออกวีซ่า ขณะเดียวกันญาติหรือครอบครัวของพนักงานคนดังกล่าวก็จะไม่ได้รับวีซ่าเช่นเดียวกัน
ในสหรัฐฯ มีประเด็นสำคัญเรื่องข้อมูลคนไข้ COVID-19 คือ รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้โรงพยาบาลไม่ต้องส่งข้อมูลคนไข้ให้ C.D.C หรือศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯแล้ว แต่ส่งไปให้ HHS หรือ Health and Human Services ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลที่วอชิงตันแทน
สิ่งที่เป็นประเด็นคือความโปร่งใส เนื่องจากข้อมูลของ C.D.C นั้น นักวิจัยและนักข่าวสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยและการรายงานสถานการณ์ แต่ศูนย์ข้อมูล HHS นั้นไม่เปิดเป็น public ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกังวลว่า ข้อมูลที่ได้ไปจะถูกทำให้เป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกาหรือ ICE ยอมถอย ยกเลิกนโยบายให้นักศึกษาต่างชาติกลับประเทศ พราะเรียนออนไลน์แล้ว หลังกฎใหม่สร้างความไม่พอใจทั้งสภาบันการศึกษาและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่ง จนทำให้พวกเขารวมกลุ่มฟ้องร้องทรัมป์
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกาหรือ ICE ภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ออกกฎให้ส่งนักเรียนต่างชาติกลับประเทศตัวเองถ้าสถาบันการศึกษาทำการสอนออนไลน์แบบ 100% ส่งผลให้สถาบันศึกษาไม่พอใจ โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบัน MIT ออกมาฟ้องร้องรัฐบาลทรัมป์แล้ว ล่าสุดมีบริษัทไอทีใหญ่หลายรายเข้าร่วมกระบวนการฟ้องร้องด้วย
หนึ่งในรายชื่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าร่วมฟ้องมี Google, Microsoft, Facebook, Github, Twitter, Spotify, Salesforce, Adobe, Dropbox, PayPal ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีทนายความตัวแทนจาก 18 รัฐ และกลุ่มล็อบบี้ยิสต์บางกลุ่มเข้าร่วมฟ้องด้วย
Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาดูว่า จะแบนโซเชียลจีน แบบเดียวกับที่รัฐบาลอินเดียทำ หรือไม่
Pompeo บอกว่าพิจารณาเรื่องการแบนแอพจีนอย่างจริงจัง โดยยกกรณีของการแบน Huawei และ ZTE ที่เกิดขึ้นแล้วมาเทียบ
ส่วนเหตุผลที่แบนแอพจีน มาจากความกังวลว่าแอพเหล่านี้จะส่งข้อมูลกลับไปให้รัฐบาลจีน โดย Pompeo แนะนำว่าคนอเมริกันไม่ควรโหลดแอพแบบ TikTok มาใช้งาน เว้นเสียแต่ว่าอยากให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลของตัวเองได้
Walmart ปรับตัวในช่วงโรคระบาดที่คนมาเดินซื้อของน้อยลง ร่วมมือกับผู้จัดเทศกาลหนัง Tribeca Film Festival เปลี่ยนลาดจอดรถร้านค้าปลีก 160 แห่งทั่วสหรัฐฯ ให้เป็นโรงหนังแบบ Drive-in เริ่มเดือนสิงหาคมนี้
คนเข้ามาดูหนังสามารถซื้อสิ่งของจำเป็นแบบ pick up ก่อนดูหนังได้ เช่นข้าวของเครื่องใช้ อาหารไว้กินระหว่างดู อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องราคา, รายชื่อหนัง และสถานที่ที่แน่นอนว่า 160 แห่งนั้นมีที่ไหนบ้าง
Spotify ออกแพ็กเกจใหม่ Premium Duo ใช้งานเป็นคู่ ราคาเดือนละ 12.99 ดอลลาร์ หรือราว 400 บาท ถือว่าราคาถูกกว่าแพ็กเกจจ่ายคนเดียวซึ่งอยู่ที่ราคา 9.99 ดอลลาร์
ส่วน Premium Duo ราคาในไทยอยู่ที่ 169 บาท ในแพ็กเกจ Premium Duo นั้น ทาง Spotify ระบุว่าต้องเป็นคนที่อาศัยอยู่ในที่อยู่เดียวกันถึงจะสมัครใช้งานได้ และยังมีเพลย์ลิสต์พิเศษให้ด้วยคือ Duo Mix เพลย์ลิสต์แนะนำเพลงอิงตามความชอบของผู้ใช้งานทั้งสอง
YouTube เปิดบริการ YouTube TV ดูช่องทีวีและเคเบิลทีวีสดผ่านเน็ตมาตั้งแต่ปี 2017 ราคาเปิดตัวอยู่ที่เดือนละ 35 ดอลลาร์ และขึ้นราคาในปี 2019 เป็น 50 ดอลลาร์ ล่าสุด ขึ้นราคาอีกแล้ว เป็นเดือนละ 65 ดอลลาร์
Christian Oestlien รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์สำหรับ YouTube TV เขียนในบล็อก ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่รับบริการ YouTube TV ตอนนี้ การขึ้นราคาสะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของเนื้อหา และสะท้อนคุณค่าของ YouTube TV ที่เปลี่ยนวิธีการรับชมทีวีของผู้ชม
บอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐฯ ออกกฎห้ามหน่วยงานของเมืองใช้งานระบบจดจำใบหน้าอย่างเป็นทางการ จากมติการลงคะแนนเป็นเอกฉันท์โดยสมาชิกสภาเมืองทั้งหมด 13 คน
ตามกฎหมายของเมืองบอสตันนี้ คือกำหนดห้ามหน่วยงานของเมืองรวมถึงตำรวจใช้ระบบรู้จำใบหน้า ซึ่งรวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้จากบุคคลที่สามด้วย โดยจะมีข้อยกเว้นเฉพาะกรณีเกี่ยวกับอาชญากรรมบางกรณีเท่านั้น
Michelle Wu หนึ่งในสมาชิกสภาเมืองบอสตันระบุว่า บอสตันไม่ควรจะใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งแยก ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้อาศัยในเมือง
New York Civil Liberties Union กลุ่มสหภาพเพื่อสิทธิพลเมือง จัดการฟ้องร้องหน่วยงานการศึกษาในนิวยอร์กหรือ New York State Education Department ที่ดำเนินการให้โรงเรียนในเขตการศึกษา Lockport City ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า เพราะกังวลว่าจะละเมิดความเป็นส่วนตัวเด็ก และต้องการให้โรงเรียนยกเลิกการติดตั้งระบบเสีย
หลังสหรัฐต่อคำสั่งประธานาธิบดีแบน Huawei ต่ออีกปีและบีบให้บริษัทนอกสหรัฐที่จะขายชิปให้ Huawei ต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งบริษัทใหญ่ของไต้หวันอย่าง TSMC ก็โดนบีบกลาย ๆ ไปด้วย
ล่าสุด Kung Ming-hsin ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวันเปิดเผยว่า สหรัฐไม่ได้กดดันไต้หวันให้ตัดความสัมพันธ์กับจีนทั้งหมด เป้ามีแค่ Huawei เจ้าเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ เขาบอกว่า TSMC แม้จะได้รับผลกระทบจากออเดอร์ Huawei ที่หายไป แต่ตอนนี้ก็ได้ออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นเข้ามาแทนที่ได้ทั้งหมดแล้ว
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งบริหาร ยกเลิกการใช้ H-1B หรือวีซ่าทำงานสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพเชี่ยวชาญพิเศษ เช่น คนที่มีทักษะไอทีเป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2020 เป็นการกีดกันกำลังแรงงานทักษะสูงนอกสหรัฐฯ ออกไป ตั้งเป้าให้สร้างงานสร้างรายได้แก่คนอเมริกันแทน คนที่มีวีซ่า H-1B หรือเพิ่งได้รับการอนุมัติวีซ่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการใหม่นี้
คณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หรือ The House Select Committee on Intelligence จัดการประชุมร่วมกับผู้บริหารบริษัท Facebook, Google, Twitter ผ่านการประชุมออนไลน์ หัวข้อคือความปลอดภัยในการเลือกตั้งและการแทรกแซงจากต่างประเทศก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020
คณะกรรมการมีข้อกังวลถึงอัลกอริทึม Facebook จากที่ Wall Street Journal รายงานว่าผู้บริหารใน Facebook รู้ว่าอัลกอริทึมบนแพลตฟอร์มสามารถสร้างความแตกแยกได้จริง และไม่มีความพยายามจะปรับปรุงแก้ไข ซึ่ง Jim Himes หนึ่งในคณะกรรมการหยิบประเด็นนี้มาถาม Nathanial Gleicher หัวหน้าฝ่ายนโยบายความปลอดภัยที่ Facebook ที่เข้าร่วมประชุมด้วยว่า Facebook ได้พยายามทำอะไรกับเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมทั้งรู้สึกกัลวลที่ Facebook อาจส่งเสริมการแบ่งขั้วในประเทศนี้