Sam Altman ซีอีโอ OpenAI กล่าวในงานสัมมนาที่จัดโดย Stripe พูดถึงการทำงานแบบรีโมท โดยเขาคิดว่าถ้าองค์กรยังเป็นสตาร์ทอัพ ก็ควรให้พนักงานทำงานด้วยกันในสำนักงานมากกว่าทำงานแบบรีโมท
Altman บอกในประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมาอุตสาหกรรม Tech ผิดพลาดที่อนุญาตให้พนักงานทำงานรีโมทแบบเต็มเวลาได้ บริษัทแบบสตาร์ทอัพจึงบอกว่าพนักงานไม่ต้องมาทำงานที่สำนักงานเลยก็ได้ ส่งผลให้สตาร์ทอัพนั้นสูญเสียความคิดสร้างสรรค์ เขามองว่าตอนนี้เทคโนโลยียังไม่ดีมากพอที่จะให้พนักงานทำงานรีโมทเต็มเวลาตลอดไปได้ และย้ำว่าโดยเฉพาะบริษัทที่เป็นสตาร์ทอัพ
บริษัทสายปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มมาแรงในช่วงหลังๆ คือ Anthropic ก่อตั้งเมื่อปี 2020 โดยอดีตพนักงาน OpenAI จำนวนหนึ่งที่แยกตัวออกมาตั้งบริษัทเอง หลังมีแนวทางไม่ตรงกันเรื่องทิศทางของ OpenAI
Dario Amodei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI และเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา GPT-2, GPT-3 ด้วย ส่วนผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ที่ย้ายมาจาก OpenAI เช่นกันคือ Daniela Amodei (รองประธานฝ่ายความปลอดภัย AI), Jack Clark (หัวหน้าฝ่ายนโยบาย), Sam McCandlish (หัวหน้าทีมวิจัย), Jared Kaplan (ทีมวิจัย) เป็นต้น
จากกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank ถูกสั่งปิด และให้ FDIC หน่วยงานดูแลคุ้มครองเงินฝากเข้ามาจัดการสินทรัพย์ต่อ ได้สร้างผลกระทบอย่างน้อยสองด้าน ด้านหนึ่งคือผลกระทบในกลุ่มธนาคารที่มาจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่อีกด้านหนึ่งที่อาจกระทบต่ออุตสาหกรรม Tech และสตาร์ทอัพ นั่นคือหลายบริษัทฝากเงินไว้ที่ Silicon Valley Bank แห่งนี้
Silicon Valley Bank หรือ SVB ก่อตั้งในปี 1983 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยวางกลยุทธ์เป็นธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน VC หรือ Venture Capital รวมทั้งเพิ่มบริการทางการเงินเพื่อรองรับกระบวนการเพิ่มทุนของ VC โดยเฉพาะ เน้นการปล่อยสินเชื่อกับบริษัทด้านเทคโนโลยี
หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกคำสั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นบริการทางการเงินกับสตาร์ทอัพ หลังจากพบปัญหาสภาพคล่อง และพยายามขายหุ้นเพิ่มทุน จนทำให้ลูกค้าเริ่มแห่กันมาถอนเงิน
FDIC ซึ่งเป็นสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินในสหรัฐ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดยทาง FDIC ชี้แจงว่าผู้ฝากเงินไว้ในส่วนที่ได้รับการคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์แรกต่อบัญชีต่อธนาคาร จะสามารถเข้ามาจัดการบัญชีต่อได้ไม่เกินวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2023 และจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากส่วนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองล่วงหน้าภายในสัปดาห์หน้า
Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารที่โฟกัสเรื่องการปล่อยกู้สตาร์ตอัพในสหรัฐ (เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1982) เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ต้องขายพันธบัตรและสินทรัพย์ในราคาที่ขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ (เด้งที่ 1) จนต้องนำเสนอขายหุ้นของธนาคารมูลค่า 2.25 พันล้านเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง (เด้งที่ 2)
ข่าวนี้ทำให้หุ้นของ SVB Financial Group บริษัทแม่ของธนาคาร ลดลงทันที 60% ในวันเดียว จากราคาปิดของวันก่อน 267.83 ดอลลาร์ มาปิดที่ 106.04 ดอลลาร์ และยังร่วงต่อในการขายหุ้นนอกเวลาทำการ (ขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคาหุ้นเหลือ 76.80 ดอลลาร์)
Praveen Seshadri ผู้ก่อตั้งบริษัท AppSheet แพลตฟอร์ม No Code ที่ขายให้กูเกิลในปี 2020 โพสต์บล็อกใน Medium เล่าว่าเขาลาออกจากกูเกิล หลังอยู่ครบสัญญา 3 ปีตามข้อตกลงตอนซื้อกิจการ และเล่าปัญหาวัฒนธรรมองค์กรของกูเกิลในช่วงหลัง ที่มีคนเยอะ มีกระบวนการซับซ้อน และทำอะไรช้าลงมาก
Bret Taylor อดีตซีอีโอร่วมของ Salesforce ที่เพิ่งลาออกเมื่อเดือนธันวาคม 2022 เตรียมไปเปิดสตาร์ตอัพด้าน AI ร่วมกับ Clay Bavor ผู้บริหารของกูเกิลที่เพิ่งประกาศลาออกเมื่อวานนี้
ปัจจุบัน Clay Bavor มีตำแหน่ง VP, Labs ดูแลโปรเจคใหม่ๆ ของกูเกิล แต่ก่อนหน้านี้รับผิดชอบงานด้าน AR/VR ทั้งหมด ซึ่งร่วมถึง Google Lens ด้วย เขาทำงานกับกูเกิลมานาน 18 ปี ตั้งแต่ปี 2005 และเคยร่วมงานกับ Bret Taylor ที่ทำงานกับกูเกิลช่วงนั้น (2003-2007) ซึ่งทั้งสองยังติดต่อกันอยู่
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าบริษัทใหม่ของ Bavor และ Taylor ทำธุรกิจด้านไหนของ AI โดย Bavor บอกว่าเขาจะส่งมอบงานให้เรียบร้อยก่อน แล้วไปเริ่มงานใหม่ในเดือนมีนาคม
มีรายงานว่า Daniel Ek ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Spotify ได้ร่วมลงทุนและก่อตั้งธุรกิจใหม่ Neko Health ที่ตั้งเป้าหมายพัฒนาเครื่องมือสแกนร่างกาย และใช้ AI ประมวลผลข้อมูลสุขภาพ
ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนคือ Hjalmar Nilsonne ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกใช้เวลาวิจัยและพัฒนากว่า 4 ปี ที่มาที่ไปของธุรกิจนี้เกิดขึ้นจาก Ek มองว่าระบบสาธารณสุขของสวีเดนและกลุ่มประเทศยุโรปมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก หากเจ็บป่วยและต้องรักษาแต่ละครั้ง จึงน่าจะดีหากมีเครื่องมือตรวจสอบว่าร่างกายเรามีความผิดปกติหรือไม่ และสามารถรักษาได้ทันท่วงที
Google Cloud เข้าลงทุนใน Anthropic บริษัทสตาร์ตอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2021 โดยอดีตพนักงานของ OpenAI หลายคน ซีอีโอ Dario Amodei ยังเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา GPT-2, GPT-3 และดูแลงานสายวิจัยของ OpenAI อีกด้วย
Anthropic นิยามตัวเองว่าเป็น AI safety and research company มีเป้าหมายพัฒนา AI ที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ แก้ปัญหาคำตอบมั่วๆ ของ AI ที่อาจสร้างอันตรายให้ผู้ใช้งาน ปัจจุบันบริษัทมีงานวิจัยด้านนี้ตีพิมพ์ออกมาแล้วชิ้น (รายชื่อ)
Zilingo สตาร์ตอัพสายแฟชั่นจากสิงคโปร์ ซึ่งมีธุรกิจในไทยด้วย ยื่นขอล้มละลายเรียบร้อยแล้ว
Zilingo มีอาการไม่ดีมาสักพักใหญ่ๆ หลังปลดซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Ankiti Bose หลังพบความผิดปกติทางบัญชี ในเดือนพฤษภาคม 2022 และส่งผลให้ผู้บริหารคนอื่นๆ ทยอยลาออกตาม
หลังจากนั้น บอร์ดของ Zilingo ที่นำโดย Shailendra Singh หัวหน้าของบริษัทลงทุน Sequoia India ก็พยายามเสนอขายธุรกิจให้เจ้าของใหม่
Bloomberg รายงานว่าเจ้าหนี้ของ Zilingo สามารถหาคนมาซื้อสินทรัพย์บางส่วนได้แล้ว เมื่อโอนถ่ายสินทรัพย์เสร็จ จึงยื่นขอล้มละลายในท้ายที่สุด
Eugen Rochko ผู้ก่อตั้งและนักพัฒนาฟูลไทม์เพียงรายเดียวของ Mastodon ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอลงทุนหลักหลายแสนดอลลาร์จากนักลงทุน venture capital ไปมากกว่า 5 ราย เพราะต้องการรักษาสถานะโครงการที่ไม่หวังผลกำไร (non-profit) ต่อไป
Rochko บอกว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยน Mastodon ไปเป็นเหมือน Twitter เด็ดขาด และบอกว่าสถานะของ Mastodon ที่กระจายศูนย์ สร้างเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้ ทำให้ Mastodon ไม่ถูกควบคุมเหมือนกับ Twitter ที่ขายให้มหาเศรษฐีบางคนแล้วเปลี่ยนทิศทางไปเลย
Rochko เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า Mastodon มีจำนวนผู้ใช้เติบโตอย่างรวดเร็ว จาก 3 แสนเป็น 2.5 ล้านรายในช่วงเวลาแค่ 2 เดือน
เว็บไซต์ข่าว Semafor รายงานว่า Andy Rubin บิดาแห่ง Android กลับมาเปิดบริษัทใหม่ (อีกแล้ว) รอบนี้เป็นบริษัทฮาร์ดแวร์ชื่อ Simple Things ทำเรื่อง IoT เป็นสินค้าเกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งในแง่ safety และ security ของบ้าน
ตอนนี้ Rubin ยังไม่ได้เปิดตัวบริษัท Simple Things อย่างเป็นทางการ ข้อมูลเท่าที่มีคือเขาได้บริษัทลงทุนชื่อดัง Andreessen Horowitz โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งคือ Marc Andreessen มานั่งเป็นบอร์ดของบริษัทด้วย
TechCrunch รายงานว่าสตาร์ตอัพรถยนต์ไร้คนขับ Argo AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ทั้ง Ford และ Volkswagen ปิดตัวลงแล้ว
Argo AI ยืนยันข่าวการปิดตัว แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ต้องเลิกกิจการ แต่ TechCrunch รายงานว่าเป็นเพราะ Argo ไม่สามารถหาเงินลงทุนเพิ่มได้ เพราะ Ford กับ Volkswagen ไม่ลงทุนก้อนใหม่เพิ่มแล้ว (Argo ได้รับเงินลงทุนรวมทั้งหมด 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดย Ford ลงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่แรก)
Vast สตาร์ทอัพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศโครงการสร้างสถานีอวกาศวงโคจรต่ำที่มีระบบการสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม
ในปัจจุบันนี้การปฏิบัติงานของนักบินอวกาศในสภาวะไร้น้ำหนักนั้นจะมีการควบคุมระยะเวลาปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยต่อร่างกาย เนื่องจากการใช้ชีวิตในสภาวะไร้น้ำหนักนั้นส่งผลต่อการสูญเสียมวลกระดูก, การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ รวมทั้งปัญหาต่อการทำงานของสมอง ด้วยเหตุนี้แนวคิดการสร้างแรงโน้มถ่วงเทียมในอวกาศจึงเกิดขึ้นมาเพื่อเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตเป็นระยะเวลานานขึ้นในอวกาศ
Bitwarden แอพจัดการรหัสผ่านแบบโอเพนซอร์ส ประกาศระดมทุน 100 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทลงทุน 2 แห่งคือ PSG และ Battery Ventures เพื่อนำไปขยายธุรกิจ
โมเดลธุรกิจของ Bitwarden คือมีแอพเวอร์ชันฟรี (ใช้งานได้ไม่จำกัดอุปกรณ์) และแอพเวอร์ชันพรีเมียมที่มีฟีเจอร์มากขึ้น (เช่น รองรับ 2FA ผ่าน YubiKey/FIDO2) รวมถึงแอพสำหรับธุรกิจที่ใช้งานเป็นทีม
Bitwarden ย้ำว่าแอพเวอร์ชันฟรีของตัวเองจะยังฟรีตลอดไป ใช้สถาปัตยกรรมโอเพนซอร์สเพื่อความโปร่งใส และผู้ใช้สามารถโฮสต์ข้อมูลเอง (self-host) แต่เงินที่ได้จะเน้นการขยายธุรกิจฝั่งองค์กรให้มากขึ้น
ที่มา - Bitwarden
Shellios Technolabs บริษัทสตาร์ทอัพในกรุงเดลี ประเทศอินเดียผลิตหมวกนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ (หมวกกันน็อค) ที่สามารถฟอกอากาศเพื่อป้องกันมลพิษโดยใช้ชื่อว่า PUROS
หมวกนิรภัยมีระบบกรองอากาศอยู่ที่ด้านท้ายหมวก ประกอบด้วยพัดลมมอเตอร์บัสเลส BLDC รวมถึงตัวกรองอนุภาคที่มีประสิทธิภาพสูง (HEPA) และวงจรไฟฟ้าที่จะดึงอากาศจากภายนอกเข้าสู่ระบบกรองก่อนที่จะเข้าถึงตัวผู้ขับขี่ วัสดุภายนอกทำจากไฟเบอร์กลาสทำให้มีความทนทานเป็นพิเศษ
Sanas เป็นสตาร์ทอัพจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนเสียงคนพูดภาษาอังกฤษให้มีสำเนียงที่ชัดเจนเหมือนชาติเจ้าของภาษาได้แบบเรียลไทม์ มันถูกพัฒนามาเพื่อเน้นการใช้งานสำหรับเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าแนวคิดของการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นการเลือกปฏิบัติด้วยแนวคิดเหยียดสำเนียงภาษาอังกฤษของคนต่างเชื้อชาติ เพราะสิ่งที่มันทำเหมือนกับการพยายามเปลี่ยนเสียงพูดของทุกคนให้เป็นเสียงของคนอเมริกันผิวขาว
กูเกิลเปิดรับสมัครสตาร์ตอัพจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมไทย) เข้าร่วมโครงการ Google for Startups Accelerator for Southeast Asia บ่มเพาะสตาร์ตอัพเป็นเวลา 3 เดือน โดยวิทยากรจากกูเกิลและเครือข่ายพันธมิตร
สตาร์ตอัพที่มีสิทธิสมัครเข้าร่วมต้องเป็นระดับ seed ถึง Series A จากประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย, เวียดนาม, ปากีสถาน เน้นที่สตาร์ตอัพด้านอีคอมเมิร์ซ, การเงิน, สุขภาพ, โซลูชัน B2B สำหรับ SME, การศึกษา, การเกษตร, ลอจิสติกส์
โครงการจะเปิดรับจำนวน 10-15 บริษัท เริ่มช่วงบ่มเพาะช่วงต้นปี 2023 สมัครได้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2022
Adam Neumann ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ WeWork ที่ลาออกจากบริษัทในปี 2019 และสร้างปัญหาไว้หลายอย่าง หลังจากนั้นเขาหันมาเป็นนักลงทุน และเปิดบริษัทใหม่ชื่อ Flow เป็นสตาร์ตอัพด้านอสังหาริมทรัพย์ เน้นแก้ปัญหาเรื่องบ้าน ที่ซื้อก็แพง เช่าก็ไม่มีความผูกพัน
Calm แอพทำสมาธิชื่อดัง ต้องปลดพนักงานออก 20% หรือประมาณ 90 คน จากพนักงานทั้งหมดราว 400 คน
Calm เป็นแอพยอดนิยมอันดับ 1 ในกลุ่มแอพทำสมาธิ เพิ่มโฟกัสกับงาน ผ่อนคลาย ช่วยให้หลับ ลดความเครียด มีโมเดลการหารายได้ผ่าน in-app purchase เพลงทำสมาธิ เรื่องเล่าฟังผ่อนคลายก่อนนอน และคอร์สสอนต่างๆ โดยบริษัทมีมูลค่าจากการระดมทุน 2 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2020
David Ko ซีอีโอของบริษัทอธิบายเหตุผลว่าต้องปลดคน เพราะจำเป็นต้องปรับองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งภารกิจของบริษัทเองคือผลักดันสุขภาพกาย-สุขภาพจิตของคนทำงานในองค์กร
Helium Network เป็นบริษัทด้านบล็อกเชน (หรือบ้างก็เรียก web3) ที่ทำระบบเครือข่ายเราเตอร์ LoRaWAN ผ่านมวลชนจำนวนมาก เพื่อให้บริการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT โดยนำแนวคิดบล็อกเชนและ token ($HNT) เข้ามาจัดสรรผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ลงทุนซื้อเราเตอร์มาให้บริการ
Helium เคยถูกยกย่องว่าเป็นกรณีศึกษาว่า web3 สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในโลกจริงได้จริงๆ นะ (บทความในสื่อใหญ่อย่าง The New York Times ที่พาดหัวว่า Maybe There’s a Use for Crypto After All) แนวคิดของมันคือการสร้างเครือข่าย LoRaWAN โดยผู้ใช้ "ลงทุน" ซื้ออุปกรณ์ hotspot ราคาประมาณ 500 ดอลลาร์มาติดตั้งไว้เฉยๆ เปิดให้ Helium เข้ามาจัดการจากระยะไกล ซึ่ง Helium จะนำไปปล่อยเช่ากับ "ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ต้องใช้งาน" และนำรายได้กลับเข้ามา "จ่ายคืน" ผู้ลงทุน โดยกระบวนการคิดค่าตอบแทนใช้ระบบ token เป็นสื่อกลางตามสมัยนิยม
แต่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Helium กลับถูกแฉว่า แทบไม่มีรายได้จากการเช่า LoRaWAN เข้ามาจริงๆ และลูกค้าที่ Helium แปะโลโก้ไว้บนหน้าเว็บ ซึ่งมีแบรนด์ดังๆ อย่าง Lime และ Salesforce ก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับ Helium แต่อย่างใด
Zilingo สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มแฟชั่น B2B จากสิงคโปร์ เสียผู้บริหารระดับสูงไปอีกหนึ่งคน โดยซีโอโอ Aadi Vaidya ได้ยืนยันการลาออกจากตำแหน่ง เขาร่วมงานกับ Zilingo ตั้งแต่ปี 2015 และรับตำแหน่งซีโอโอใน 2 ปีต่อมา
Vaidya ให้เหตุผลของการลาออกจากตำแหน่ง โดยเขามองว่าถึงเวลาที่เขาจะไปต่อข้างหน้า พักสมอง และจัดลำดับเรื่องสำคัญของชีวิตใหม่
Sunny Balwani อดีตซีอีโอ Theranos และยังเป็นแฟนกับ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งบริษัท ถูกตัดสินว่ามีความผิดฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกงรวม 12 ข้อหา นับว่าเป็นการปิดฉากหนึ่งของมหากาพย์สตาร์ตอัพครั้งนี้
ทั้ง Holmes และ Balwani ต้องรอผู้พิพากษาทกำหนดโทษอีกครั้ง โดย Holmes ถูกตัดสินว่ามีความผิดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาและก็ยังรอกำหนดโทษอยู่
บริษัท Deno ของผู้สร้าง Node.js ที่หันมาทำเฟรมเวิร์คจาวาสคริปต์ที่เขียนด้วย Rust ตั้งแต่ปี 2020 ประกาศข่าวระดมทุน Series A มูลค่า 21 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายราย นำโดย Sequoia Capital และมี Nat Friedman ผู้ร่วมก่อตั้ง Xamain และอดีตซีอีโอ GitHub มาร่วมลงทุนด้วย
ตัวเฟรมเวิร์ค Deno จะยังเป็นโอเพนซอร์สต่อไปเช่นเดิม แต่โมเดลธุรกิจของบริษัท Deno คือ Deno Deploy ระบบคลาวด์ที่ใช้รัน JavaScript, TypeScript, WebAssembly ประสิทธิภาพสูง กินทรัพยากรน้อย ราคาถูกกว่าการใช้สถาปัตยกรรมคอนเทนเนอร์ที่นิยมกันในปัจจุบัน
Zilingo สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มแฟชั่น B2B จากสิงคโปร์ ประกาศปลด Ankiti Bose ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งออกจากตำแหน่ง หลังก่อนหน้านี้ให้พักงานชั่วคราว เนื่องจากพบความผิดปกติทางบัญชี
ด้านอดีตซีอีโอ Bose ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า ตนถูกพักงานเป็นเวลา 51 วัน จากข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย แล้วมาวันนี้ก็ถูกไล่ออก ผ่านการสอบสวนทั้งหมดทำขึ้น โดยตนเองไม่ถูกร้องขอเอกสารหรือมีโอกาสให้ข้อมูลใด ๆ
การสอบสวนความผิดปกติทางบัญชีของ Zilingo เกิดขึ้นในช่วงการเตรียมเพิ่มทุนรอบใหม่ ที่จะทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการราว 1,200 ล้านดอลลาร์ และขึ้นเป็นยูนิคอร์น ซึ่งผู้ลงทุนระบุว่าพบความผิดปกติทางบัญชี จนนำมาสู่การตัดสินใจไล่ซีอีโอออกนั่นเอง