Engadget รายงานข่าววงในว่าซัมซุงกำลังซุ่มทำแว่น virtual reality (VR) ลักษณะเดียวกับ Oculus Rift และ Project Morpheus ของโซนี่ ตั้งเป้าเปิดตัวในปีนี้

Canalys ได้เปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สวมใส่ในไตรมาสแรกของปีนี้ออกมา ปรากฎว่า Fitbit มีส่วนแบ่งเกือบ 50% ขายอุปกรณ์ของตัวเองไปได้ถึง 2.7 ล้านเครื่อง ถึงแม้จะมีข่าวการฟ้องร้องเรื่องการแพ้จากผลิตภัณฑ์ก็ตาม

ขณะที่ด้านสมาร์ทวอทช์ เป็น Pebble ที่สามารถครองส่วนแบ่งไปได้ถึง 35% ในไตรมาสแรก ตามมาด้วยโซนี่ที่ 29% และซัมซุง 23% โดยทาง Canalys วิเคราะห์ไว้ว่า ที่ส่วนแบ่งซัมซุงลดลงอย่างมากจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว เพราะเตรียมวางจำหน่าย Gear 2 และ Gear Fit ในช่วงไตรมาสสอง

ตัวแทนของซัมซุงให้ข้อมูลกับ CNET เกี่ยวกับบริการวิดีโอออนไลน์แบบสตรีมมิ่งที่ใช้โค้ดเนมว่า Project Glued โดยจะเน้นทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาสที่สามของปีนี้ เริ่มจากสิงคโปร์และตามด้วยฟิลิปปินส์

Project Glue ถูกพัฒนาโดยศูนย์วิจัย Media Solutions Center ในสิงคโปร์ รายการที่นำมาฉายคือรายการทีวีซีรีส์ต่างๆ ซัมซุงบอกว่าจะตั้งราคาที่ 6.50 ดอลลาร์ (ประมาณ 220 บาท) ต่อการดูหนัง 30 วัน และยังมีระบบการ "เช่า" ซีรีส์ตลอดทั้งซีซันได้ด้วย (เบื้องต้นจำกัดเฉพาะซีรีส์จากสหรัฐและสหราชอาณาจักร)

ซัมซุงบอกว่าช่วงแรกจะยังเน้นเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ก่อน ยังไม่มีข้อมูลว่าสุดท้ายแล้วจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหรือไม่ครับ

มือถือจอใหญ่ที่สุดของซัมซุงในปัจจุบันน่าจะเป็น Galaxy Mega 6.3 แต่ล่าสุดมีภาพหลุดของป้ายโฆษณา Samsung Galaxy W ขายกับเครือข่าย SK Telecom ในเกาหลีใต้ มือถือตัวนี้มีหน้าจอใหญ่ถึง 7 นิ้ว แต่ยังเรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนอยู่

ในป้ายโฆษณานี้ซัมซุงใช้คำว่า "Phoneblet"

ก่อนหน้านี้มีข้อมูลของ Galaxy Mega 2 รหัส SM-T2588 ออกมา โดยระบุว่าเป็นจอละเอียด 720p และใช้ซีพียูควอดคอร์ 1.2GHz ส่วนขนาดหน้าจอยังไม่แน่ชัดว่าเท่าไร และจะเท่ากับ Galaxy W ที่อาจเป็นรุ่นย่อยหนึ่งของ Mega 2 หรือไม่ด้วยครับ

ที่มา - SamMobile

มีข่าวลือว่าซัมซุงกำลังคุยกับบริษัทนักพัฒนาภายนอก ให้ช่วยดัดแปลง virtual machine ที่รันบน Tizen สำหรับรันแอพจาก Android อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนักว่าซัมซุงจะเดินหน้าต่อในแผนนี้หรือไม่ เพราะ Tizen เน้นมือถือราคาถูกที่อาจมีแรมแค่ 256MB แต่การรันแอพ Android ผ่าน VM ต้องใช้แรมเยอะกว่านั้น

ปัญหาเรื่องระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ไม่มีแอพจำนวนเยอะพอเป็นปัญหาคลาสสิคอย่างหนึ่งของวงการ ก่อนหน้านี้มี BlackBerry และ Jolla ที่ใช้ยุทธศาสตร์เปิดให้รันแอพ Android ได้ แต่ระบบปฏิบัติการทั้งสองตัวก็ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนักในตลาด

ที่มา - SamMobile

บริษัทวิจัย ABI Research เผยส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตโลกประจำไตรมาส 1/2014 มียอดขายส่งทั้งหมด 41.3 ล้านเครื่อง โดย 71% ของแท็บเล็ตเหล่านี้มาจากสองบริษัทคือแอปเปิลและซัมซุง

• แอปเปิล ยอดขาย 16.4 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งตลาดลดลง 10.10% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2013
• ซัมซุง ยอดขาย 13 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 10.80%
• เอซุส ยอดขาย 2.1 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งตลาดลดลง 0.80%

ถ้าแยกตามระบบปฏิบัติการ Android นำอยู่ที่ 56.3%, iOS 39.6%, Windows 8/RT 4.1% สถิติอีกตัวที่น่าสนใจคือแท็บเล็ต 22% ที่ขายในไตรมาสนี้มีโมเด็ม 3G/4G ในตัวครับ

ที่มา - ABI Research

Wall Street Journal รายงานความเห็นของนายลี อึนซอง รองประธานอาวุโสของซัมซุงในงานประชุมของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ตลาดที่จัดขึ้นที่ฮ่องกงว่า บริษัทกำลังพิจารณาว่าอาจจะเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยด้านชีวภาพอย่างระบบสแกนลายนิ้วมือในสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น รวมไปถึงกำลังพิจารณาการใช้ระบบสแกนม่านตาด้วยเช่นกัน

นายลี อึนซอง กล่าวว่าบริษัทกำลังมองหาเทคโนโลยีความปลอดภัยด้านชีวภาพที่หลากหลายมากขึ้น และสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือระบบสแกนม่านตา ซึ่งอาจจะถูกเพิ่มลงมาสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นต่อไปของซัมซุงก็เป็นได้ รวมไปถึงอาจจะเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือในสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงล่างด้วยเช่นกัน

บริษัทวิจัย Strategy Analytics ออกรายงานตลาด smart watch ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2014 โดยคาดการณ์ว่าตลาดรวมมียอดขายส่ง (shipment) ที่ 7 แสนเครื่อง โตขึ้นจากปีก่อน 250% ผู้นำตลาดคือซัมซุง มียอดขาย 5 แสนเครื่องหรือ 71% ของตลาดรวม

ตัวเลข 5 แสนเครื่องนี้นับเฉพาะ Galaxy Gear รุ่นแรกเท่านั้น เพราะ Gear 2, Gear 2 Neo, Gear Fit เพิ่งเริ่มวางขายในไตรมาสที่สองของปีนี้

ส่วนอันดับสองร่วมคือ Sony และ Pebble มีส่วนแบ่งตลาด 11% เท่ากัน บริษัทอื่นๆ ได้แก่ Qualcomm Toq ที่มียอดขายไม่เยอะนัก

ตลาด smartwatch ยังถือว่าใหม่มาก และมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอีกเยอะมาก เพราะยังมีสินค้าอีกหลายค่ายที่ยังไม่ลงตลาด รวมถึง Android Wear ในสายของกูเกิลด้วย

เป็นไปตามคาด หลังจากการเปิดตัวของ Kindle for Samsung ซึ่งเรียกว่ามาฆ่า Samsung Hub Books ทำให้หลายคนประหลาดใจกับอนาคตของเจ้า Samsung Hub Books นี้ (ผมว่าหลายคนก็ไม่เคยเรียกใช้ Samsung Hub แบบจริงๆ จังๆ เลย) มาวันนี้ซัมซุงก็ประกาศทิศทางอย่างชัดเจนแล้วครับ

ซัมซุงออกแท็บเล็ตเฉพาะทางสำหรับภาคการศึกษา Galaxy Tab 4 Education โดยจับเอา Galaxy Tab 4 รุ่นจอ 10.1" มาทำบอดี้ใหม่ให้ทนทานกว่าเดิม (rugged) และใส่ Google Play for Education มาให้เสร็จสรรพ เน้นตลาดลูกค้าโรงเรียนประถม-มัธยมในสหรัฐที่อยากซื้อแท็บเล็ตล็อตใหญ่ให้นักเรียนใช้งาน

แผนการตลาดของซัมซุงยังคงมีอะไรให้ประหลาดใจเสมอ ล่าสุดซัมซุงประกาศว่าจะใช้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 5 (Terminal 5) ของท่าอากาศยาน Heathrow ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปลี่ยนให้เป็น Terminal Samsung Galaxy S5

แคมเปญนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมนี้เป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยตกแต่งตัวอาคารและพื้นที่เพื่อโฆษณา Galaxy S5 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ในสนามบิน, ทางเข้า, จุดส่งผู้โดยสาร, จุดตรวจความปลอดภัย ไปจนถึงจุดรับกระเป๋า ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ทั้งสนามบินเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุด และไม่เคยมีแบรนด์ใดทำมาก่อน

แน่นอนว่าหากต้องมนต์สะกดในสินค้าขนาดนี้ ทางสนามบินก็ยังมีบริการพาผู้โดยสารไปยังร้าน Dixons Travel ซึ่งจำหน่าย Galaxy S5 อีกด้วย

ซัมซุงประกาศเปิดตัวงาน Samsung Galaxy Premiere 2014 ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้พร้อมภาพเปิดหัวเป็นแท็บเล็ตปริศนา กับคำว่า "Tab Into Color" ซึ่งน่าจะหมายถึงแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในงานนี้

จากที่ทิ้งคำใบ้มา เป็นไปได้ว่าในงานนี้ ซัมซุงจะเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่ใช้สีสันสดใสขึ้น (กว่าปกติที่มักจะมีแค่สีขาว สีดำ) รวมถึงอาจเปิดตัว Galaxy Tab S แท็บเล็ตซีรีย์ใหม่ที่เอามาจับตลาดพรีเมียมด้วย

ภายในงานจะมีสตรีมออนไลน์ด้วย งานเริ่มประมาณ 6 นาฬิกาตามเวลาบ้านเราครับ (แต่เป็นวันที่ 13 มิถุนายนนะ)

ที่มา - The Verge

JK Shin ซีอีโอร่วมของ Samsung ที่ดูแลธุรกิจมือถือทั้งหมด (คนที่ขึ้นเวทีเปิดตัว Galaxy S ทุกรอบ) ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่าหนึ่งเดือนแรกของ Galaxy S5 ทำยอดขายได้ "มากกว่า 11 ล้านเครื่อง" ซึ่งถือว่าดีกว่า Galaxy S4 ที่เดือนแรกขายได้ราว 10 ล้านเครื่อง

Shin บอกว่ายอดขาย S5 ในประเทศพัฒนาแล้วดีกว่าที่คิด เช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย และเยอรมนี อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ S5 ขายดีเป็นเพราะรอบนี้ซัมซุงวางแผนการขายมาดี สามารถวางขายพร้อมกันใน 125 ประเทศ และเจรจากับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ๆ ล่วงหน้าไว้นานทำให้พร้อมมีของขายกว่าเดิม

ซัมซุงได้ออกมาประกาศขอโทษอย่างเป็นทางการ กรณีที่พนักงานกว่า 56 คนของบริษัทได้รับโรคที่ไม่สามารถที่จะรักษาได้จากการทำงาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมาเรียกร้องขอความรับผิดชอบจากซัมซุง

ซีอีโอของซัมซุง นาย Kwon Oh-hyun ได้ออกมาบอกว่าพนักงานบางคนที่ทำงานอยู่ที่โรงงาน เป็นโรคลูคีเมียและโรคอื่น ๆ ที่ไม่สามารถที่จะรักษาได้ ซึ่งบางรายอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยซัมซุงอยากจะขอโทษอย่างเป็นทางการที่บริษัทไม่ได้ใส่ใจกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้มานาน ซึ่งจากนี้ซัมซุงจะขอรับผิดชอบค่าเสียหายให้กับพนักงาน และครอบครัวต่อไป

BusinessKorea รายงานจากผู้เกี่ยวข้องของซัมซุงว่า ซัมซุงจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาแข่งกับ Google Glass โดยจะใช้ชื่อว่า Gear Glass ในงาน IFA ที่กรุงเบอร์ลินที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งโดยปกติทุกปี ซัมซุงจะใช้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในตระกูล Galaxy Note

ตัว Gear Glass จะแตกต่างจาก Google Glass เล็กน้อย เพราะไม่ได้มีลักษณะเป็นแว่นสวมใส่ใบหูสองข้าง แต่เป็นเหมือนชุดหูฟังพร้อมหน้าจอที่สวมใบหูได้เพียงข้างเดียว (ภาพม็อคอัพท้ายข่าว) นอกจากนั้น คาดว่า Gear Glass จะรันบนระบบปฏิบัติการ Tizen เช่นเดียวกับ Gear 2 และ Gear Fit อีกด้วย

คุณ Stefan Heuser รองประธานของซัมซุงอเมริกา บอกกับทางเว็บไซต์ Re/code ว่าในงานวันที่ 28 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ จะไม่มีสินค้าใหม่ ๆ เปิดตัวในงานดังกล่าว ซึ่งขัดกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าจะเปิดตัวสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ (หรือที่ตอนนี้เรียกมันว่า S Band)

ตอนนี้เป้าหมายของการเปิดตัวก็คงจะอยู่ที่งาน Samsung Mobile Unpacked ที่มอสโก แล้วล่ะครับ แต่สุดท้ายจะเปิดตัวอะไรหรือไม่ ก็ต้องติดตามต่อไปครับ

ทวิตเตอร์ @evleaks เจ้าเก่าทวีตข้อมูลล่าสุดที่ระบุว่า ซัมซุงกำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Tizen ทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันประกอบด้วย รหัส SM-Z500, รหัส SM-Z700, รหัส SM-Z900 และรหัส SM-Z910 ซึ่ง ณ เวลานี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามีรายละเอียดด้านสเปกหรือรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

ต่อมา @evleaks ยังทวีตอีกว่า เจ้ารหัส SM-Z910 นั้นจะวางจำหน่ายในเครือข่าย AT&T และนอกเหนือข้อมูลนี้แล้ว ยังมีรหัสรุ่นอีก 2 รุ่นโผล่มาด้วย ก็คือ SM-G750 สำหรับเครือข่าย AT&T และ SM-G860 สำหรับเครือข่าย Sprint

หลังจากที่ซัมซุงเริ่มใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่ตัวเองพัฒนาขึ้นเอง บนสมาร์ทวอชท์รุ่นที่ 2 ไปแล้วนั้น เรากำลังจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่รันระบบปฏิบัติการ Tizen นี้สักที โดยคาดว่าซัมซุงจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ในงาน Samsung Unpacked ที่กรุงมอสโก ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า (coming weeks) โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศรัสเซียและอินเดีย

ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ NTT Docomo ของญี่ปุ่น และ Orange ของฝรั่งเศสได้ยกเลิกแผนการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่รันระบบปฏิบัติการที่ซัมซุงพัฒนาเองตัวนี้ เพราะคาดว่าจะทำตลาดไม่ได้ จึงทำให้ซัมซุงหันมาจับตลาดเกิดใหม่ ที่มักจะให้ความสำคัญกับฟีเจอร์มากกว่าตัวซอฟต์แวร์แทน

แม้ว่าแอปเปิลกับซัมซุงยังจะทะเลาะกันไม่เลิกเรื่องสินค้าฝั่งสมาร์ทโฟน แต่รายงานล่าสุดเผยว่าแอปเปิลในปีนี้ ยังคงต้องใช้จอภาพจากซัมซุงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอภาพ Retina Display ขนาด 9.7 นิ้วสำหรับ iPad ซึ่งซัมซุงเป็นผู้รับผิดชอบผลิตให้กับแอปเปิลกว่า 5.2 ล้านยูนิต หรือ 62% ของจอภาพขนาดนี้ทั้งหมด

LG Display เองก็ยังคงเป็นผู้ผลิตจอภาพ Retina Display สำหรับ iPad ให้กับแอปเปิล แต่ในปีนี้ LG จะได้รับยอดสั่งซื้อจากแอปเปิลลดลง มาอยู่ที่ 38% จากเดิม 61% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2013

Lee Kun Hee ประธานใหญ่ของซัมซุง (และเป็นบุตรชายของผู้ก่อตั้งซัมซุง) วัย 73 ปี เข้ารับการผ่าตัดเมื่อวานนี้ช่วงเช้า หลังเขามีปัญหาเรื่องการหายใจตั้งแต่ช่วงดึกของคืนวันเสาร์ และมีปัญหาหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

เขาได้รับการผ่าตัดและตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ก็คงต้องอยู่โรงพยาบาลไปอีกสักระยะหนึ่ง

Lee เป็นประธานซัมซุงมาตั้งแต่ปี 1987 และนำพาซัมซุงสู่ยุครุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม อาการป่วยของเขาอาจกระตุ้นให้ซัมซุงต้องรีบโอนถ่ายอำนาจให้เร็วขึ้น เพราะ Lee ยังมีบทบาทในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของซัมซุงอยู่ ถึงแม้เขาจะมีอายุ 73 ปีแล้วก็ตาม

เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีข่าวลือของ Galaxy Tab S แท็บเล็ตหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดสูง วันนี้มีภาพหลุดของมันออกมาแล้วครับ

ข่าวเดิมบอกว่า Tab S จะมี 2 รุ่น 2 ขนาดหน้าจอคือ 8.4" และ 10.5" ซึ่งภาพที่หลุดออกมาเป็นของรุ่นจอใหญ่ 10.5" โดยด้านหน้าของตัวเครื่องไม่มีอะไรแปลกใหม่จาก Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ยกเว้นการเรียงปุ่มใต้ขอบจอที่เปลี่ยนมาใช้ปุ่มแบบ Galaxy S5 (Recent apps แทน Menu) แล้ว ส่วนปุ่ม Home เคยมีข่าวว่ามีตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย

สืบเนื่องจากข่าวซัมซุงเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมออกแบบสมาร์ทโฟน โดยอ้างสาเหตุกระแสตอบรับ Galaxy S5 ออกมาไม่ดี ทาง Steve Kovach นักข่าวแห่ง Business Insider จึงได้นำบทสัมภาษณ์ Chang Dong-hoon อดีตหัวหน้าทีมออกแบบ Galaxy S5 ซึ่งอธิบายที่มาที่ไปของการออกแบบไว้เมื่อเดือนที่แล้ว มีประเด็นดังนี้

Chang บอกว่าแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ของซัมซุงมีรากฐานคือให้เริ่มจากฟังเสียงคำแนะนำของลูกค้า จากนั้นจึงใส่อนาคตและนวัตกรรมเข้าไปข้างใน โทรศัพท์ซัมซุงจึงไม่ใช่ยูนิบอดี้ เพราะลูกค้าต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่และเพิ่มหน่วยความจำเพิ่มได้เอง

Samsung Mobile สหราชอาณาจักรยืนยันผ่านทางเว็บไซต์ SamMobile ว่า เนื่องจาก Galaxy S III รุ่นวางขายทั่วโลก (GT-I9300) และ Galaxy S III mini มากับแรมเพียง 1 กิกะไบต์ จึงไม่สนับสนุนการอัพเกรดไปยังแพลตฟอร์มใหม่อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ยังคงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ได้ บริษัทจึงตัดสินใจไม่ปล่อย Android 4.4 (KitKat) ให้ Galaxy S III และ Galaxy S III mini ส่วน Galaxy S III LTE ที่มากับแรม 2 กิกะไบต์นั้นจะได้อัพเกรดเป็น Android 4.4 (KitKat)

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า Samsung ได้แต่งตั้ง Lee Min-hyouk เป็นหัวหน้าทีมออกแบบสมาร์ทโฟนคนใหม่แล้ว หลังการลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวของ Chang Dong-hoon อันเนื่องมาจากกระแสตอบรับของผลงานการออกแบบ Galaxy S5 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung ออกมาไม่ดีนัก

รายงานข่าวระบุถึงกระแสความเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ Galaxy S5 ว่าผู้คนไม่ประทับใจกับมันสักเท่าใดนัก เพราะไม่มีจุดเด่นนวัตกรรมสะดุดตาใหม่แต่อย่างใด มิหนำซ้ำการที่มันทำจากพลาสติกนั้นทำให้มันดูไม่มีราคาอีกด้วย โดยบางคนเปรียบเทียบพื้นผิวฝาหลังของเครื่องว่าให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับสายพานลำเลียงสินค้า ไม่เว้นแม้แต่รุ่นพิเศษที่มีฝาหลังทองคำก็ยังไม่วายโดนเปรียบเทียบว่าหน้าตาเหมือนพลาสเตอร์ยา

ซัมซุงประกาศแพลตฟอร์มความปลอดภัย KNOX 2.0 ที่งาน MWC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้บริษัทพร้อมออกอัพเกรด KNOX 2.0 โดยจะเริ่มจาก Galaxy S5 เป็นรุ่นแรก

ของใหม่ใน KNOX 2.0 มีทั้งการปรับปรุงระบบความปลอดภัยหลัก, ปรับปรุงส่วนติดต่อผู้ใช้ และพัฒนาฟีเจอร์ให้รองรับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นๆ มากขึ้น อ่านรายการเปลี่ยนแปลงได้จากข่าวเก่าหรือลิงก์ที่มา

สำหรับสมาร์ทโฟนของซัมซุงรุ่นอื่นๆ จะได้อัพเดต KNOX 2.0 พร้อมกับการอัพเกรดตัวระบบปฏิบัติการในภายหลัง ส่วนโซลูชันด้าน mobile device management (MDM) ของบริษัทต่างๆ ที่เขียนขึ้นเพื่อใช้กับ KNOX 1.0 สามารถใช้ร่วมกับ KNOX 2.0 ได้ทันที