เดือนที่แล้วเพิ่งจะมีข่าวลือการพัฒนา Samsung Galaxy S6 ภายใต้ชื่อโครงการ Project Zero เล็ดรอดออกมา ตอนนี้มีข้อมูลของ Galaxy S6 (เลขรหัส SM-G925F) ไปโผล่บน AnTuTu เบนช์มาร์คชื่อดังแล้วเรียบร้อย ซึ่งข้อมูลสเปคเครื่องโดยรวมก็ไม่ผิดไปจากข่าวลือที่มีมาก่อนหน้า
เพิ่งมีข่าวซัมซุงเตรียมหยุดทำตลาดแอพแชต ChatON ในบางประเทศที่คนใช้น้อย ล่าสุดซัมซุงประกาศปิดบริการอีกตัวคือ WatchON แอพทีวีไกด์บนมือถือที่เปิดตัวพร้อม Galaxy S4 โดยซัมซุงจะยังคงบริการ WatchON ไว้แค่ 2 ประเทศคือเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ตัวแทนของซัมซุงระบุว่า WatchON จะปิดตัวลงในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ส่วนผู้ใช้ที่ซื้อเนื้อหาบนระบบ WatchON ไปแล้วยังเข้าถึงเนื้อหาเหล่านี้ได้ต่อไป
เว็บไซต์รายงานข่าวเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ GSM Arena อ้างรายงานข่าวของ SamMobile เว็บไซต์ข่าวและชุมชนของผู้ใช้ Samsung ว่าขณะนี้ทาง Samsung ได้เริ่มปล่อยอัพเดต Android 5.0 Lollipop ให้แก่ผู้ใช้ Galaxy S5 ที่ประเทศโปแลนด์แล้ว
ทั้งนี้ เครื่องที่จะได้รับอัพเดตนี้ จะเป็น Galaxy S5 รหัส SM-G900F โดยส่วนติดต่อผู้ใช้ยังคงเป็น TouchWiz เช่นเดิม ซึ่งตามข่าวระบุว่าจะไม่ทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้งานเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก ยกเว้นเรื่องของความเร็วที่จะดีขึ้นกว่าเดิม
ทาง GSM Arena คาดว่า อัพเดตนี้จะเริ่มปล่อยให้กับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป อีกไม่นานนี้
ที่มา - GSM Arena
หลังจากที่ Wall Street Journal ออกมาเผยว่าซัมซุงขาย Galaxy S5 ได้ต่ำกว่าเป้าและกลายมาเป็นความล้มเหลวนับตั้งแต่ซัมซุงทำตระกูล Galaxy S ออกมา ในวันนี้ก็มีผลต่อเนื่องของกรณีนี้ออกมาแล้ว
ต่อจากข่าววงในที่บอกว่า ซัมซุงคิดใหม่ทำใหม่กับ Galaxy S6 ภายใต้ชื่อ Project Zero ตอนนี้เริ่มมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาบ้างแล้ว
เว็บไซต์ SamMobile ยืนยันข้อมูลวงในว่าซัมซุงจะยังเลือกใช้ชื่อ Galaxy S6 ทำตลาดต่อไป (ไม่เปลี่ยนแปลงวิธีเรียกรุ่น) และซัมซุงจะเปิดตัวมือถือจอโค้ง Galaxy S6 Edge (แบบเดียวกับ Galaxy Note Edge) มาพร้อมกัน ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า S6 Edge จะใช้ขอบโค้งข้างเดียวกับ Note Edge หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น
ที่มา - SamMobile
ดูเหมือนแผนบุกอินเดียด้วย Tizen ของซัมซุงจะเริ่มเดินหน้าแล้ว หลังจากมีรายงานจากสำนักข่าวภาษาเกาหลี Maeil Business News ว่าซัมซุงจะเดินหน้าพา Tizen ไปบุกอินเดียในเดือนธันวาคมนี้
การบุกอินเดียในครั้งนี้ ซัมซุงจะลงไปเล่นในตลาดราคาถูกยิ่งกว่าที่ทำกับ Samsung Z โดยเจ้ารุ่นใหม่ที่คาดว่าจะชื่อ Z1 นี้ เป็นสมาร์ทโฟนราคาเริ่มต้นเพียง 5,000 รูปี (ประมาณ 2,600 บาท) สเปคหลักๆ คือใช้หน้าจอขนาด 4" กล้องหลังความละเอียด 3.2 เมกะพิกเซล และรองรับสองซิม ซึ่งต่ำกว่าสมาร์ทโฟนโครงการ Android One อยู่เล็กน้อย แน่นอนว่าถูกกว่าด้วย
หลังจากพยายามดันมาหลายปี ในที่สุด NFC ก็เข้าใกล้คำว่าใช้งานอย่างแพร่หลายแล้ว (แม้แต่แอปเปิลยังใช้) ล่าสุดซัมซุง ผู้ที่เริ่มใช้งาน NFC กับสมาร์ทโฟนของตัวเองมาตั้งแต่ Galaxy S รุ่นแรกๆ ออกมาเผยรายละเอียดของชิป NFC รุ่นใหม่ของตัวเองที่ใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแล้ว
ชิป NFC รุ่นที่ว่านี้ใช้รหัส S3FWRN5 เป็นชิปรุ่นที่สามต่อจากรุ่นก่อนหน้าที่เริ่มใช้ใน Galaxy S II โดยในชิปรุ่นนี้มีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย เสาสัญญาณ และการใช้พลังงานจากรุ่นก่อนหน้าไปพอสมควรดังนี้
ซัมซุงประกาศแผนการปรับตำแหน่งของผู้บริหารประจำปี โดยส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับประธานฝ่าย อาทิ ฝ่ายโทรศัพท์มือถือยังคงเป็น J.K. Shin คนเดิม จากที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าเขาอาจถูกปรับออกจากตำแหน่ง ส่วน B.K. Yoon ยังคงได้ดูแลหมวดสินค้า Consumer และ Kwon Oh-hyun ก็ยังรับผิดชอบฝ่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปเช่นกัน
นักวิเคราะห์คาดว่าสาเหตุที่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างบริหารครั้งใหญ่ ส่วนหนึ่งเพราะประธานบริษัท Lee Kun Hee ยังคงพักรักษาตัวจากอาการโรคหัวใจ จึงไม่มีการตัดสินใจใดๆ ออกมาตอนนี้
Samsung ประกาศเตรียมซื้อหุ้นคืนเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนเรียกร้องผลตอบแทนที่มากขึ้นภายหลังจากสถานการณ์ที่ยอดขายสมาร์ทโฟนเริ่มแผ่วลง
ผลจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่ไม่เป็นดังหวัง ทำให้มูลค่าหุ้นของ Samsung ในปี 2014 นี้ลดลงมากกว่า 12% ส่งผลให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่า Samsung ควรดำเนินการบางอย่างเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน จึงเกิดเป็นการตัดสินใจซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาราคาหุ้นและเพิ่มมูลค่าให้แก่หุ้นที่นักลงทุนถือครองอยู่ โดยการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่อันดับที่ 2 ในประวัติของบริษัท
ปัญหาหนึ่งที่นักวิเคราะห์บางรายอธิบายสาเหตุที่นาฬิกาอัจฉริยะยังไม่ได้รับความนิยมเปรี้ยงปร้าง เป็นเพราะธรรมชาติของมันที่จะถูกออกแบบมาให้มีขนาดหน้าจอเล็กพอเหมาะต่อการสวมใส่บนข้อมือ จึงทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับบางคนที่จะต้องมาคอยกดคอยจิ้มหน้าจออันจิ๋วเหล่านี้
Apple คือตัวอย่างที่ดีของความพยายามตีโจทย์นี้ด้วยการใส่เม็ดมะยมเข้ามาใน Apple Watch เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับการสั่งงานนาฬิกาของตน มาตอนนี้เราพอมองเห็นความพยายามด้านงานออกแบบของ Samsung บ้างที่เพิ่งมีการเปิดเผยออกมาว่าได้ยื่นจดสิทธิบัตรที่มีเรื่องการควบคุมนาฬิกาอัจฉริยะด้วยวงแหวนรอบตัวเรือนที่ผู้ใช้สามารถหมุนปรับได้
มีข่าวลือชุดใหม่ที่ใกล้เคียงกับสถานะปัจจุบันของแอปเปิลออกมาหลายเรื่อง ซึ่งเกี่ยวกับการแก้ปัญหาฮาร์ดแวร์ที่เพิ่งพบว่า iPhone 6 Plus รุ่นความจุ 128GB เจอปัญหาบูทลูป ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนมาใช้ชิปแฟลชแบบ TLC จากโตชิบา แทนที่ซัมซุงหลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องราคากันไม่ได้ โดยจะโยกกลับไปให้ซัมซุงผลิตดังเดิมทั้ง iPhone 6 และ 6 Plus เป็นหลัก แทนที่สามเจ้าแรกอย่างโตชิบา, SK Hynix และ SanDisk แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะเป็นชิปแบบ MLC หรือ TLC กันแน่
Samsung เปิดเผยงานพัฒนาอุปกรณ์เพื่อผู้ที่ไม่สามารถใช้มือควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านทางแป้นพิมพ์และเมาส์ได้ตามปกติ มันคืออุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนที่ของนัยน์ตาเพื่อใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์ที่ Samsung เรียกมันว่าเทคโนโลยี EYECAN+
ผลงานวิจัยพัฒนาอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เพื่อให้การใช้นัยน์ตาควบคุมคอมพิวเตอร์ได้นั้นมีให้เห็นมานานหลายปีแล้ว แต่ Samsung ภูมิใจนำเสนอ EYECAN+ ในฐานะอุปกรณ์ตัวแรกของวงการที่ไม่ต้องมีชิ้นส่วนให้ผู้ใช้งานต้องสวมใส่ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งานจริงไปได้โข (ยิ่งเมื่อตระหนักว่าอุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้มือหยิบจับอุปกรณ์ได้ตามปกติ) โดยหน้าตาของฮาร์ดแวร์นั้นเป็นกล้องไว้ใช้ติดตั้งด้านล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์
หลังจากที่ Samsung Gear S ออกมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนตัวพอเห็นในคลิปที่เปิดตัวแล้วก็อยากได้ จึงรีบไปซื้อมาลอง วันนี้ก็เลยจะขอลองมารีวิวให้ดูครับ โดยจะเน้นที่การใช้งานจริง ส่วน พวก Unboxing หรือ Feature ต่างๆ คนที่ติดตาม น่าจะได้เห็นกันไปแล้วครับ
Gear S เทียบกับ Gear Fit
ส่วนตัวเนื่องจากผมใช้ Gear Fit อยู่แล้ว จึงจะรีวิว Gear S เปรียบเทียบกับ Gear Fit ไปควบคู่กันนะครับ เริ่มจากตัวเรือนก่อนรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างจะเหมือนกันเลยครับ ต่างกันที่ตัว Gear S จะใหญ่กว่าเหมือนเอา Gear Fit มาต่อกันสองเรือน
ตัวแทนของซัมซุงให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ว่าจะหยุดทำตลาดแอพแชต ChatOn ในบางประเทศที่ได้รับความสนใจน้อย โดยแผนการเลิกทำ ChatOn ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับยุทธศาสตร์ของบริษัท เป้าหมายคือตัดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรทิ้งไป
ซัมซุงจะยังทำตลาด ChatOn ต่อไปในบางประเทศ แต่ไม่ระบุว่าประเทศอะไรบ้าง ปัจจุบัน ChatOn มีให้บริการใน 120 ประเทศทั่วโลก สถิติผู้ใช้งานเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 100 ล้านราย แต่เมื่อตลาดแอพแชตแข่งขันรุนแรง ซัมซุงกลับไม่สามารถผลักดันยอดผู้ใช้ให้เพิ่มกว่านี้ได้
ตัวแทนของซัมซุงยอมรับว่า ChatOn มีจุดอ่อนเรื่อง usability ทำให้มีผู้ใช้งานจริงไม่เยอะอย่างที่ควร แม้จะได้เปรียบตรงที่แถมมากับมือถือซัมซุงเกือบทุกเครื่องแล้วก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซัมซุงอเมริกาเปิดตัวบริการวิดีโอออนไลน์ ชื่อ Milk Video โดยให้บริการเฉพาะกับผู้ใช้อุปกรณ์ตระกูล Galaxy ตั้งแต่ปี 2012 เท่านั้น คือ S5, S4 (รวมรุ่น mini), S III (รวมรุ่น mini), Note 4, Note 3, Note II และ Mega
Milk Video จะแสดงวิดีโอที่ผู้ใช้สมัครติดตาม (follow) และวิดีโอที่คาดว่าผู้ใช้อยากดูโดยการเรียนรู้ประวัติการรับชม การให้คะแนนความชื่นชอบและการแบ่งปันต่อ ระบบยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาวิดีโอที่ใหม่ล่าสุดและกำลังอยู่ในกระแสได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
มีแบรนด์สินค้าและบริการที่ทำช่องบน Milk Video แล้ว อาทิ Red Bull, Vevo และ GQ เป็นต้น ซัมซุงยังโฆษณาว่าบริการวิดีโอออนไลน์นี้จะนำเสนอละครซีรีย์และคอนเทนต์ที่หาไม่ได้จากที่อื่นด้วย
Wall Street Journal เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วยอดขายของ Galaxy S5 นั้นไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่นัก โดยตัวเลขจำนวนเครื่องที่ขายได้ต่ำกว่าเป้าที่ Samsung คาดเอาไว้ถึง 40%
ยอดขาย Galaxy S5 ในช่วง 3 เดือนแรกนั้นทำไปได้ 12 ล้านเครื่อง น้อยกว่าที่ Galaxy S4 เคยทำได้ในช่วงเปิดตัวใหม่ๆ ถึง 4 ล้านเครื่อง และต่ำกว่าเป้าที่ Samsung วางเอาไว้ถนัด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่วูบลงกว่าครึ่งในจีน ถึงแม้ยอดขายในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ไม่ช่วยสถานการณ์ให้ดีขึ้นเท่าใดนัก
หลังจากที่ Samsung ได้ยื่นฟ้องว่า NVIDIA ละเมิดสิทธิบัตรของตนเอง เพื่อเป็นการตอบโต้จากที่ NVIDIA ได้ฟ้อง Samung และ Qualcomm ในคดีสิทธิบัตรมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นอีกขั้น หลัง Samsung เดินหน้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (ITC: International Trade Commission) ให้สั่งระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA มาจำหน่ายในประเทศ
นอกเหนือจาก Volvo ที่ใช้ Google Cardboard มาเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์รถยนต์ล่าสุดของตัวเองแล้ว Audi ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเยอรมนี ประกาศความร่วมมือกับ Samsung ในการนำเอา Gear VR ที่เป็นแว่นตาสำหรับประสบการณ์เสมือนจริง (virtual reality) ซึ่งใช้กับ Galaxy Note 4 มาใช้กับตัวแทนจำหน่ายบางรายในยุโรป เพื่อให้ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ในการขับรถยนต์รุ่นล่าสุดของ Audi ที่กำลังจะเปิดตัว
อย่างไรก็ดี เนื้อหาที่จะเล่นใน Gear VR นั้นจะไม่ใช่รูปแบบที่ต้องเป็นแอพเปิดขึ้นมาแล้วมีปฏิสัมพันธ์ แต่จะเป็นคลิปวิดีโอของรถยนต์ที่ขับอยู่ในสนามแข่งโดยคนขับรถยนต์ทดสอบ ส่วนลูกค้าจะเปรียบเสมือนผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถยนต์
หลังจากที่ซัมซุงเคยประกาศแผนปรับกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์พกพาเพื่อแก้ไขปัญหายอดขายตกในไตรมาสล่าสุดให้กลับไปได้ดีดังเดิม ตอนนี้ซัมซุงออกมาให้รายละเอียดของแผนนี้ผ่าน Robert Yi หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์แล้ว
แผนที่วางไว้จะเริ่มต้นด้วยการลดจำนวนรุ่นใหม่ที่จะวางขายในปี 2015 ลงประมาณ 25%-30% โดยยังไม่บอกว่าจะเป็นรุ่นใด ซีรีส์ใดบ้าง แต่ก็เน้นย้ำว่ายังให้ความสำคัญกับการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันในรุ่นล่างไปจนถึงรุ่นกลางเป็นพิเศษ โดยเป้าหมายของแผนนี้คือการกลับไปเติบโตระดับสองหลัก (2-digits) อย่างที่เคยทำได้มามากกว่าสิบไตรมาส ก่อนจะมาประสบกับปัญหากำไรตกในไตรมาสที่ผ่านมา
Goldgenie ผู้จำหน่ายสินค้าหรูแบบประเภทดัดแปลง (เอาสิ่งของเช่น สมาร์ทโฟนมาทำให้หรูด้วยกระบวนการเช่น เคลือบทอง ฝังเพชร) ที่มีผลงานดัดแปลงสมาร์ทโฟนธรรมดาๆ ให้หรูสุดขีดอย่าง iPhone 6 เคลือบทองคำ เปิดตัว Samsung Galaxy Alpha รุ่นพิเศษ เคลือบทองคำแท้รอบตัวเครื่อง
Galaxy Alpha รุ่นพิเศษนี้เคลือบทองคำแท้ 24 กะรัตทั้งเครื่องรวมฝาหลังด้วย โดยความหนาทองอยู่ระหว่างที่ 5-10 ไมครอน มาพร้อมกับการเคลือบกันรอยจากทาง Goldgenie และการรับประกันโดยตรงจากบริษัท (ในที่มาระบุว่าตลอดอายุการใช้งาน)
แม้เราจะได้ยินว่า Samsung กำลังปรับแผนในแผนกโทรศัพท์มือถือเป็นการใหญ่เพราะกำไรที่ลดลง แต่เราก็คงไม่คาดคิดว่า Samsung จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรู เมื่อ Samsung แถลงข่าวเปิดตัวโทรศัพท์ฝาพับ W2015 ที่ประเทศจีนไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
Samsung W2015 เป็นโทรศัพท์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่เป็นฝาพับ ใช้สีดำทองเพื่อความหรูหราและโครงสร้างภายในเป็นเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) มีหน้าจอสองจอ และแน่นอนว่าสเปคภายในอัดมาเต็มที่ (อ่านสเปคเต็มได้ท้ายข่าว)
SmartThings บริษัทด้านบ้านอัจฉริยะที่ถูกซัมซุงซื้อไปเมื่อเดือนสิงหา เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับบริษัทแม่อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทประกาศว่าฮับควบคุมบ้าน SmartThings สามารถสื่อสารและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อซัมซุงได้อีกหลายอย่าง
BlackBerry ออกโซลูชันจัดการอุปกรณ์พกพาสำหรับลูกค้าองค์กร BES12 รุ่นสมบูรณ์ (ข่าวเปิดตัว BES12) โดยยังยึดแนวทางเดิมคือทำตัวเป็นระบบจัดการอุปกรณ์พกพาทุกค่าย และในเวอร์ชันล่าสุดก็ขยายมายังอุปกรณ์ฝังตัวจำพวก Internet of Things (IoT) ด้วย
BlackBerry ยังประกาศความร่วมมือกับซัมซุง ให้ BES12 ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม KNOX ของซัมซุงให้ดีขึ้น โดย BES12 จะเข้าถึงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของ Android ที่ KNOX รองรับ
ในงาน Samsung Developer Conference 2014 ที่เพิ่งผ่านไป ซัมซุงได้เปิดตัว 2 แพลตฟอร์มใหม่สำหรับอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าของตัวเองคือ Flow และ Proximity
เป็นแพลตฟอร์มในการแชร์ข้อมูลและทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ของซัมซุง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ นาฬิกาอัจฉริยะและทีวีอัจฉริยะ ในลักษณะเดียวกับฟีเจอร์ Continuity ของแอปเปิล โดย Flow มี 3 ความสามารถหลักๆ คือ
หลังการเปิดตัว Simband เป็นครั้งแรกเมื่อครึ่งปีก่อนพร้อมกับแพลตฟอร์มเพื่อข้อมูลสุขภาพที่ชื่อ SAMI ตอนนี้ Samsung พร้อมแล้วที่จะนำ Simband ของจริงออกมาให้นักพัฒนาได้สัมผัสกันในงานสัมมนาประจำปีที่ Samsung จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2