เครื่อง Nintendo DS ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2004 เวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี ตอนนี้ยอดขายแตะหลัก 100 ล้านเครื่องเรียบร้อยแล้ว (วันที่ขายได้ครบคือวันที่ 6 มีนาคม)
ส่วนคู่แข่งร่วมฟ้าคือ PSP นั้นออกวางจำหน่ายในปีเดียวกัน (แต่นับเดือนแล้วออกทีหลังเล็กน้อย) ในช่วงแรกมียอดขายแซงหน้า DS แต่หลังจากเกม Nintendogs ออกวางจำหน่าย สถานการณ์ก็พลิกกลับ (Nintendogs เป็นเกมคอนโซลที่ขายดีที่สุดตลอดกาล) จากนั้นตามมาด้วย DS Lite ในปี 2006 และล่าสุด DSi ถ้าเทียบกันแล้วตอนนี้ PSP ขายออกไปได้ 50 ล้านเครื่อง
เจอข่าวร้ายกันไม่หยุดหย่อน มาวันนี้มีข่าวดีมาคั่นเวลากันสักหน่อย เมื่อการแถลงผลประกอบการของนินเทนโดในไตรมาสสี่ถูกประกาศออกมาด้วยยอดขายถึงเจ็ดแสนล้านเยน (สองแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท) คิดเป็นกำไรสุทธิหกหมื่นแปดพันล้านเยน (สองหมื่นหกพันล้านบาท)ส่วนเครื่อง DS นั้นขายได้รวมถึง 12 ล้านเครื่อง เครื่อง Wii ขายไปได้ 10.4 ล้านเครื่อง และซอฟต์แวร์อีก 82 ล้านชุด
ที่มา - ArsTechnica
ข่าวที่สองเป็นผลประกอบการของอเมซอนที่เติบโตขึ้นสวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
บริษัทประกันฟ้องนินเทนโด (Nintendo) เรียกร้องค่าเสียหาย 236,304 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.1 ล้านบาท โดยกล่าวหาว่า หม้อแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC adapter) ของเครื่องเกม Nintendo DS เป็นสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านหลังหนึ่งในรัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007)
Liberty Mutual Fire Insurance Company บริษัทประกันอัคคีภัยผู้รับประกันบ้านหลังดังกล่าว ยื่นคำฟ้องต่อศาลโดยอ้างถึงการที่นินเทนโดเรียกคืนหม้อแปลงไฟเครื่อง DS เนื่องจากมีปัญหาความร้อนสูงเกินไป
ศุลกากรของอังกฤษเตือนให้ระวังการเลือกซื้อเครื่องเกมมือถือ Nintendo DS และ Nintendo DS Lite หลังจากตรวจพบที่ท่าเรือ ว่ามีการนำเข้าเครื่องเกมที่สร้างเลียนแบบ ใช้หม้อแปลงไฟ (adapter) ที่ไม่ผ่านการทดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของอังกฤษ
เครื่องเกมเหล่านี้สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์หลายแห่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ในราคาเพียง 40 ปอนด์ (2,100 บาท) จากราคาของแท้ที่ 100 ปอนด์ (5,200 บาท) โดยในเว็บไซต์อ้างว่าเป็นของแท้จากนินเทนโด (Nintendo) แต่เจ้าหน้าที่จากนินเทนโดที่เข้าร่วมตรวจสอบสินค้าแจ้งว่า เป็นเครื่องที่สร้างเลียนแบบขึ้นมา
The Legend of Zelda: Ocarina of Time ถือเกมในตำนานอีกเกมหนึ่ง ถ้าวัดตามคะแนนรีวิวแล้วต้องบอกว่าเป็นเกมที่มีคะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงสุดตลอดกาล (ตอนนี้อันดับสองคือ GTA IV - ที่มา) ถ้าย้อนกลับไปนับถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 1998 ตอนนี้ Ocarina of Time มีอายุครบสิบปีแล้ว
นิตยสาร Nintendo Power ได้สัมภาษณ์ Eiji Aonuma ผู้กำกับเกม The Legend of Zelda: Ocarina of Time (และรวมถึง Zelda ภาคถัดๆ มา) ซึ่งประโยคเด็ดที่ Eiji ให้สัมภาษณ์มีอยู่ว่า "เขาจะยังไม่เลิกทำเกม Zelda จนกว่าจะสร้างภาคที่เหนือกว่า Ocarina of Time ได้"
ถึงแม้ว่า GTA IV จะได้คะแนนรีวิว 10 เต็มจากนิตยสารและเว็บไซต์เกมหลายแห่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่แชมป์เกมขายดีประจำปีอาจเป็นของ Wii Fit แทนก็เป็นได้
ตอนนี้ GTA IV ขายออกไปแล้ว 10.6 ล้านชุด ส่วน Wii Fit ขายได้ 8.7 ล้านชุด แต่ในแง่รายได้รวม Wii Fit ซึ่งขายมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่ราคา 90 ดอลลาร์นั้นแซง GTA IV ซึ่งขายกล่องละ 40 ดอลลาร์ไปเรียบร้อยแล้ว นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเกมให้ข้อมูลเพิ่มว่า 1 ใน 3 ของเจ้าของ Wii ซื้อ Wii Fit ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงมาก และถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไปจนสิ้นปี Wii Fit เป็นแชมป์แน่นอน
นินเทนโดออกเครื่องเล่นเกมตัวใหม่ DSi ซึ่งเป็นรุ่นอัพเกรดของ Nintendo DS
นินเทนโดเรียก DSi ว่าเป็น "แพลตฟอร์มที่สาม" ของบริษัท (นอกเหนือไปจาก Wii และ DS) ซึ่งแปลว่าไม่ได้มาแทน DS โดยตรง แต่ครั้งก่อนๆ ตอนที่ยังมี GBA และออก DS ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน
คนมีฝีมือจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด พอเป็นมือระดับ Shigeru Miyamoto เลยโดนนินเทนโดสั่งห้ามพูดเรื่องงานอดิเรกหรือสิ่งที่เขากำลังสนใจในที่สาธารณะ
ประวัติเก่าของ Miyamoto
ดังนั้นทั้งนักเล่นเกมและนักลงทุนต่างจับตามองว่าตอนนี้ Miyamoto กำลังทำอะไรอยู่เพื่อดูทิศทางในอนาคตของนินเทนโด จนนินเทนโดต้องมีนโยบายดังว่า
ที่มา - Times Online
นินเทนโดยื่นฟ้องบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการแฮกเครื่อง Nintendo DS จำนวนห้าบริษัทรวมถึงบริษัทที่ผลิตการ์ด R4 Revolution ที่เข้าใจว่าบ้านเราใช้กันอยู่เยอะ
การยื่นฟ้องครั้งนี้มีโจทก์เป็นนินเทนโดและบริษัทซอฟต์แวร์อีก 54 บริษัท
บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านี้มักอ้างว่าฮาร์ดแวร์เหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาตามบ้านสามารถสร้างซอฟต์แวร์มาทำงานบนเครื่อง DS ได้ โดยการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของฮาร์ดแวร์เหล่านี้
ที่มา - Engadget
ตัวเลขล่าสุดจาก NPD ซึ่งสำรวจสถิติการขายเกมทั้งเครื่องและตัวเกมอยู่เป็นระยะ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Wii ขายในสหรัฐอเมริกาได้ 666,000 เครื่อง ตามมาด้วย PS3 ที่ 405,500 เครื่อง และ Xbox 360 219,800 เครื่อง
เราทราบดีอยู่แล้วว่าตั้งแต่ Wii วางขายเมื่อเดือน พ.ย. 2006 ก็เป็นคอนโซลขายดีอันดับหนึ่งมาแทบทุกเดือน (มีพลาดไปเดือนเดียว) แต่ที่พิเศษหน่อยสำหรับเดือนนี้คือยอดขายรวมทั้งหมดของ Wii ขึ้นมาแตะหลัก 10.9 ล้านเครื่อง แซง Xbox 360 ที่วางขายก่อนหน้านั้น 1 ปีแล้ว (ในข่าวไม่บอกว่ายอดรวมของ Xbox 360 อยู่ที่เท่าไร)
ช่วงนี้บริษัทต่างๆ ทยอยเปิดเผยผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2008 กันแล้ว ที่น่าสนใจคือนินเทนโดกลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง
หลังจากปล่อยให้ซอฟต์แวร์ทำกันเองออกมานาน ถึงคราวค่ายใหญ่ออกโรงบ้าง Korg ได้นำ MS-10 analog synth มาจำลองลงในเครื่อง NDS โดยมีชื่อว่า DS-10 เปิดตัวในงาน Musikmesse 2008 สเปคคร่าวๆก็มี
บริษัทวิจัย NPD Group เปิดเผยยอดขายเกมตลอดปี 2007 พบว่าเป็นปีที่อุตสาหกรรมเกมเติบโตสูงถึง 43% เมื่อเทียบกับปี 2006 (เป็นผลมาจากคอนโซลรุ่นใหม่ๆ เปิดตัว) คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนอันดับคอนโซลก็นินเทนโดเป็นแชมป์ตามความคาดหมาย
ซอฟต์แวร์ 5 อันดับแรก (ที่เหลือดูได้ในข่าวต้นฉบับ)
Super Smash Bros. Brawl เกมยำตัวละครของนินเทนโดแล้วเอามาต่อสู้กัน ซึ่งออกเป็นภาคที่สามบน Wii (สองภาคแรกคือ Super Smash Bros. บน N64 และภาค Melee บน GameCube) และมีกำหนดวางจำหน่ายในญี่ปุ่นปลายเดือนมกราคมนี้ ได้รับคะแนนรีวิว 40 เต็มจากนิตยสาร Famitsu ของญี่ปุ่น
ที่เป็นข่าวก็เพราะรีวิวของ Famitsu ได้ชื่อว่าโหดหินมาก ปัจจุบันมีเกมเพียง 6 เกมเท่านั้นที่ได้รับคะแนนเต็ม (รายชื่อ) โดย Super Smash Bros. Brawl ถือเป็นเกมที่เจ็ด ซึ่งทำให้นินเทนโดมีเกมได้รับคะแนนเต็มทั้งหมด 4 เกมมากกว่าใครเพื่อน
Nintendo DS ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมที่ขายดีติดอันดับหนึ่งมาเกือบตลอดตั้งแต่วางขาย นับยอดขายตลอดชีพในประเทศญี่ปุ่นรวมกัน (ทั้งแบบธรรมดาและ Lite) ตอนนี้แซงแชมป์เก่าอย่าง PlayStation 2 ไปเรียบร้อยแล้ว (ผมตรวจสอบข้อมูลจาก Video Game Chartz นับถึง 23 ธันวาคม 2007 นั้น DS ยังตามอยู่นิดๆ ด้วยจำนวน 21 ต่อ 22 ล้านเครื่องปัดเศษทิ้ง คาดว่าถ้าเอาสัปดาห์สุดท้ายของปีมารวม ยอดอาจเปลี่ยนแปลง)
Amazon ได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาสามารถทำการขายเครื่อง Wii ได้ถึง 17 เครื่องต่อวินาทีในปีนี้ (นับเฉพาะตอนที่มีเครื่องใน stock เท่านั้น)
แน่นอนว่า Wii สามารถทำกำไรให้กับ Amazon อย่างมากมายเลยทีเดียว คงไม่น่าแปลกใจที่ Wii ได้รับ Blognone Best of 2007 และกลายเป็นเครื่องเกมที่ไม่ต้องทำการโปรโมตก็สามารถขายได้
ที่มา - Gamasutra
ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Wii มียอดขายในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 981,000 เครื่อง ทำสถิติยอดขายต่อเดือนสูงสุดหลังจากวางจำหน่ายครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยยอดขายทิ้งห่าง Xbox 360 และ PS3 ที่มียอดขาย 770,000 เครื่อง และ 466,000 เครื่องตามลำดับ
ส่วนยอดขายเกมสูงสุดตกเป็นของ Call of Duty 4 (Xbox 360 และ PS3) ที่ขายได้ 2 ล้านชุด ตามมาด้วย Guitar Hero 3 (Xbox 360, PS3, Wii, และ PS2) ที่ขายได้ 1.9 ล้านชุด โดยเกมทั้งสองตัวนี้เป็นของค่าย Activision ที่พึ่งรวมตัวกับ Blizzard เมื่อต้นเดือนนี้ (ข่าวเดิม)
ที่มา - ZDNet
นินเทนโดกำลังพิจารณาถอดโฆษณา Wii ซึ่งฉายทางทีวีในสหราชอาณาจักร เพราะว่าเครื่องขาดตลาดในเทศกาลคริสต์มาส การโฆษณายิ่งมีแต่จะทำให้ความต้องการเครื่องมีสูงขึ้น
ส่วนเวลาโฆษณาที่ซื้อมาแล้ว นินเทนโดจะใช้โฆษณา DS แทน สำหรับตัวโฆษณา Wii ที่ทำออกมาแล้ว นินเทนโดจะนำไปฉายในปีหน้าเนื่องจากว่าเนื้อหาไม่ได้ล้าสมัย
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่านินเทนโดใช้ทฤษฎีสมคบคิด แอบจำกัดจำนวน Wii เพื่อหวังผลทางการตลาด ซึ่งทางบริษัทออกมาแถลงปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ในฐานะที่ผมอยู่ในพื้นที่ Wii เกลี้ยงมาสองสามเดือนได้แล้ว ส่วนโฆษณาทีวียังเห็นอยู่บ้างประปราย
ที่มา - BBC
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา น้อยคนนักมักจะพูดว่า "เฮ้ย นายมีเครื่องเล่นเกมหรือเปล่า..." เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วใคร ๆ ก็รู้จักแต่เพลย์สเตชั่น
ตลอดเวลาสงครามเครื่องเล่นเกมยุคปัจจุบัน PS3 ของโซนี่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นแพ้เครื่องเล่นเกม Wii จากนินเทนโดมาโดยตลอด โดยบางเดือนนินเทนโดสามารถขายเครื่อง Wii ได้มากกว่า PS3 ถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว
ล่าสุด ยอดขายของ PS3 ในญี่ปุ่นนั้นได้นำยอดขายของ Wii เป็นครั้งแรก โดยยอดขายของโซนี่คือ 183,217 เครื่องเพลย์สเตชั่นสามเมื่อเทียบกับ Wii จำนวน 159,193 เครื่อง
ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Wii ได้พิสูจน์แล้วว่าผู้เล่นเกมนั้นต้องการมากกว่ากราฟฟิคที่ดีกว่าเดิมหรือพื้นที่แผ่นที่เพิ่มขึ้นด้วยยอดขายที่มากกว่าเพลย์สเตชั่น 3 จากโซนี่ถึง 6 ต่อ 1 เครื่อง
แต่ถ้ามาดูยอดของสี่สัปดาห์ก่อนวันที่ 28 ตุลาคมแล้วละก็จะเห็นได้ชัดว่าการตลาดใหม่ของโซนี่นั้นได้ผลจริง ๆ ด้วยการตัดราคา (และตัดคุณสมบัติที่ไม่จำเป็นทั้งหลาย) ของเพลย์สเตชั่น 3 ทำให้ยอดขายล่าสุดออกมาเป็น 2 เครื่อง Wii ต่อ 1 เครื่องเพลย์สเตชั่น 3
สำหรับโซนี่แล้ว ช่วงนี้เวลาวันหยุดยาวคริสต์มาส - ปีใหม่ที่จะถึงนี้แล้วถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่โซนี่อาจจะได้พิสูจน์ตัวเองว่าตนยังไม่แพ้สงครามในครั้งนี้ในแดนเกิดของตัวเอง
เครื่องแฟมมิคอมหรือที่ฝรั่งรู้จักกันในชื่อของ Nintendo Entertainment System (NES) นั้นออกวางตลาดมาตั้งแต่ปี 1983 นับเป็นเวลา 24 ปีแล้วที่เครื่องคอนโซลตัวนี้รับใช้เกมเมอร์ทั่วโลกมาอย่างซื่อสัตย์ โดยยอดขายรวมของมันจนถึงวันนี้นับได้กว่า 60 ล้านเครื่องแล้ว (แจกคนไทยทั้งประเทศพอดี)
ที่หลายคนไม่รู้คือตราบจนวันนี้ทางบริษัทนินเทนโดยังคงรับซ่อมเครื่องแฟมมิคอมที่เสียอยู่ตลอดมา แต่เนื่องจากชิ้นส่วนหลายๆ ชิ้นเริ่มหาไม่ได้ในท้องตลาด ทางบริษัทนินเทนโดจึงประกาศเลิกซัพพอร์ตเครื่องคอนโซลในตำนานนี้แล้วในที่สุด
นินเทนโดประกาศวันจำหน่ายตัว วีฟิต (Wii Fit) แล้ววันนี้ โดยวีฟิตเป็นจอยบังคับมีลักษณะเหมือนที่ชั่งน้ำหนัก ซึ่งหลายคนคงจะงงว่า แล้วจะเล่นกันได้อย่างไร ซึ่งวีฟิตตัวนี้จะมีใช้สำหรับเกมจำพวก สเก็ตบอร์ด สกี สโนว์บอร์ด แอโรบิก ซึ่งอาจรวมไปถึง โยคะ ด้วย
โดยนินเทนโดประกาศออกมาวันพุธนี้ว่า วีฟิตจะวางขายในญี่ปุ่นวันที่ 1 ธันวาคม ราคา 8,800 เยน (สองพันกว่าบาท) สำหรับการวางขายในประเทศอื่นยังไม่มีการกล่าวถึงแต่อย่างใด
ที่มา - ยาฮู!
จากเดิมที่นินเทนโดได้เปลี่ยนสายคล้อง Wiimote ไปแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุจอยหลุดมือไปชนจอทีวีแตก (ข่าวเดิม) แต่มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะอุบัติเหตุ Wiimote หลุดมือก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
หลังจากที่ปล่อยให้ไมโครซอฟท์มีการแบน XBox 360 ในเครื่องที่มีการม็อดแล้ว คราวนี้ปู่นินเทนโด ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ขอเอาบ้าง
เมื่อวานนี้ (2007-08-07) นินเทนโดได้ปล่อยเฟิร์มแวร์์รุ่น 3.0 ให้ใช้งานกัน พร้อมกันทุกโซน นอกเหนือจากสิ่งที่มีการปรับปรุงใหม่ๆแล้ว แต่ครั้งนี้ที่พิเศษ คือ มีการเตือนก่อนการอัพเดทว่า ถ้าเครื่องของคุณได้มีการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต การอัพเกรดครั้งนี้อาจทำให้เครื่องของคุณทำงานไม่ได้ นัยว่าเป็นการประกาศศึกกับการม็อดอย่างเป็นทางการ แม้ว่ายังไม่เห็นพฤติกรรมการต่อต้านการม็อดออกมา
พาดหัวข่าวอาจเวอร์ไปนิด แต่ปรากฎการณ์นี้เริ่มมีเค้าลาง เมื่อผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ Fuji TV เปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนเลยมีเรตติ้งผู้ชมมากกว่า 9% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี
สาเหตุแรกที่เป็นไปได้คือคนย้ายหนีไปดูด้วยมือถือกันหมด ซึ่งทางสถานีไม่สามารถเก็บสถิติได้ แต่ผู้บริหารคนนั้นคิดว่าสาเหตุที่แท้จริงคือความนิยมของ Wii ต่างหาก ครอบครัวที่ช่วง 1-3 ทุ่มใช้เวลาในการดูละครหรือเกมโชว์ หันมาเล่น Wii กันแทน