ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Windows Live Search (live.com) จะพ้นสถานะ Beta และเริ่มใช้งานจริงแล้ว โดยมีแผนจะใช้แทน MSN Search เดิมในทุกๆ ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็น Vista, IE7 หรือ MSN.com เองก็ตาม
ตอนที่ออกใหม่ๆ Windows Live Search ค่อนข้างช้าและมีหน้าตาแปลกๆ (Scrollbar ภายในหน้า) แต่รุ่นจริงได้ปรับรูปแบบให้เหมือนกับเสิร์ชเอนจินอื่นๆ ที่เราคุ้นเคยกัน อย่างไรก็ตามหน้าตาแบบเดิมยังมีให้เห็นในส่วนของ Image และ Video ในส่วนของ Windows Live Local ก็มีการปรับปรุงไปอีกมาก (แต่ไม่มีเมืองไทยตามปกติ)
ไมโครซอฟท์เตรียมออกบริการฝากวิดีโอออนไลน์ (ที่ยังไม่ยืนยัน) ว่า Soapbox โดยลักษณะจะเหมือนกับ YouTube เกือบหมด มีฟีเจอร์ครบครันไม่ว่าจะเป็น tag หรือ feed (อันนี้ YouTube ไม่มี) สามารถอัพโหลดวิดีโอได้ 100MB ใน "แทบทุก" ฟอร์แมต
บริการนี้กลับไปอยู่ที่ MSN แทนที่จะเป็น Windows Live แต่ว่าก็ยังแนบแน่นกับ Windows Live Spaces เหมือนที่เราคาดเดากันได้
ที่มา - Ars Technica
ข่าวใหญ่ช่วงนี้คือผู้เชี่ยวชาญด้าน DNS ออกมาให้ข่าวว่าการที่ Vista สนับสนุนทั้ง IPv4 และ IPv6 ทำให้ต้องเรียก DNS สองรอบ ซึ่งจะส่งผลให้ DNS ของบรรดา ISP ได้รับปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นมาก อาจทำให้อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ในที่สุด
ไมโครซอฟท์ออกมาตอบโต้ข่าวนี้โดยบอกว่าระบบเรียกข้อมูลจาก DNS ของ Vista ได้รับการออกแบบมาอย่างดี และมีกรณีน้อยมากที่จะเรียก 2 ครั้ง
นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไป บางคนก็เห็นด้วยว่า Vista จะทำให้ปริมาณข้อมูลผ่าน DNS มีมากขึ้น แต่ขนาดจะทำให้อินเทอร์เน็ตพังก็ออกจะเวอร์เกินไปนิด
ช่วงนี้ข่าว Vista จะเยอะหน่อย (พวกนี้ก็แบ่งๆ กันไปตามแต่กระแสใครจะแรง)
Ars Technica มีสกู้ปเกี่ยวกับฟีเจอร์ด้านเสียงใน Vista ซึ่งมีของเด็ดๆ หลายอย่าง เช่น Loundness Equalizer (ปรับระดับความดังให้คงที่), Speaker fill (เพิ่มเสียงให้ลำโพงตัวที่เหลือ เช่น มีลำโพง 7 ตัว แต่เสียง 2.1 ก็จะเติมให้), Speaker Phantoming (กรณีที่ลำโพงพังไปตัว ก็จะแบ่งไปออกตัวใกล้เคียงให้อัตโนมัติ) เป็นต้น รายละเอียดก็อ่านกันเองตามลิงก์
จะเห็นได้ว่าไมโครซอฟท์กะยึดห้องนั่งเล่นแบบเบ็ดเสร็จด้วย Windows Media Center เลยนะนั่น
ออก RC1 แบบจำกัดวงไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ ไมโครซอฟท์ก็เปิดให้คนทั่วไปที่สนใจสามารถดาวน์โหลดมาทดสอบได้แล้ว
ลิงก์ให้ดาวน์โหลดอยู่ที่ Windows Vista RC1
ความเห็นบางที่บอกว่า RC1 มีเสถียรภาพมากกว่า Beta 2 มาก เพียงแต่ก็ยังมีบั๊กเยอะอยู่ และคิดว่าน่าจะมีอีกหลาย RC กว่าจะออกตัวจริงได้
ที่มา - OSNews
แม้ Vista จะยังไม่ออก แต่ความล่าช้าในการพัฒนาก็ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดในยุคหลัง Vista
InformationWeek มีสกู๊ปในเรื่องนี้ครับ ปัญหาด้านการจัดการภายในของไมโครซอฟท์เอง และการที่มีฐานผู้ใช้เดิมมหาศาลทำให้ต้องรักษา backward compatability เป็นสาเหตุที่ทำให้ Vista ออกช้าและมีขนาดใหญ่มาก นักวิเคราะห์จากหลายค่ายได้เห็นค่อนข้างตรงกันว่า "Fiji" กับ "Vienna" ซึ่งเป็นรหัสของวินโดวส์สองรุ่นถัดไปจะเล็กลง modular มากขึ้น ผสานกับเว็บมากกว่าเดิม และมีช่วงเวลาพัฒนาสั้นลง
ไมโครซอฟท์ออก .NET Framework 3.0 RC1 ให้คนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดมาทดสอบได้แล้ว
.NET 3.0 (เดิมชื่อ WinFX) เป็น .NET 2.0 บวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Vista อย่าง Windows CardSpace, Windows Communications Foundation (Indigo เดิม), Windows Presentation Foundation (Avalon เดิม) เป็นต้น รายละเอียดอ่านในข่าวเก่า
ที่มา - Ars Technica
หลังออก pre-RC1 (5536) จำนวน 1 แสนชุดให้คนทั่วไปได้ดาวน์โหลด คราวนี้ก็ถึงคิว RC1 ตัวจริง (5600) ซะที
คนกลุ่มแรกที่จะได้สิทธิ์โหลด RC1 ไปก่อนใครคือสมาชิก TechBeta และพาร์ทเนอร์แบบ Technology Adoption Program (TAP) ส่วน MSDN กับ TechNet จะได้สิทธิ์โหลดในอาทิตย์หน้า ในข่าวบอกว่าไมโครซอฟท์ตั้งใจจะแจก RC1 จำนวน 6 ล้านชุดแต่ว่าไมโครซอฟท์ได้ออกมาปฏิเสธตัวเลขนี้แล้ว
Amazon ได้เปิดให้สั่งจอง Vista ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งทำให้เราได้รู้ราคาขายปลีกของ Vista รุ่นต่างๆ (ซึ่งไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผย) ดังนี้ครับ (ราคาโดยประมาณเป็นบาทใช้อัตราแลกเปลี่ยนเหรียญละ 37.59 บาท)
Amazon ระบุวันขายไว้ว่า 30 มกราคม 2007 ซึ่งเป็นวันคร่าวๆ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงสูง ส่วนรุ่นไหนเป็นยังไง มีโปรแกรมอะไรมาบ้าง หาอ่านได้จากข่าวเก่าๆ ครับ
Windows Vista pre-RC1 พร้อมให้ดาวน์โหลดในรูปแบบของไฟล์ ISO ก่อนที่จะนำไปเขียนลงแผ่นดีวีดีและทำการติดตั้งต่อไป ถ้าใครสนใจก็รีบ ๆ หน่อยเพราะทางไมโครซอฟท์จะเปิดให้ดาวน์โหลดเพียง 100,000 คนแรกเท่านั้น เมื่อมีการดาวน์โหลดครบ 100,000 รายก็จะปิดให้บริการทันที
ขนาดของไฟล์เบ็ดเสร็จก็ประมาณ 2.6 GB ใครคิดว่าเน็ตที่บ้านเจ๋งก็ลองดู
ที่มา - Digg
Update - ตอนนี้ปิดไปแล้วครับ
ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดีเหมือนกัน ต้นฉบับเค้าใช้คำว่า "Fluffy Soap mouse" ซึ่งหมายถึงเมาส์ทรงก้อนสบู่ (ใช้การบีบ) และหุ้มด้วยผ้าขนๆ เหมือนตุ๊กตาอีกทีหนึ่ง (ดูรูปประกอบตามลิงก์จะดีกว่า)
เมาส์ก้อนสบู่ขนปุ่ยตัวนี้เป็นผลงานของ Microsoft Research โดยดัดแปลงมาจากเมาส์ธรรมดา (มีวิดีโอสาธิตการทำให้ดู) แต่ที่ธรรมดาคือมันไม่ต้องใช้โต๊ะ ถือไว้กับมือแล้วหมุนๆ บีบๆ อัตราความแม่นยำในการใช้งานก็น่าจะใกล้เคียงเมาส์แบบปกติพอสมควร เพราะเค้าทดสอบด้วย Unreal Tournament !!
ที่มา - Engadget
ระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของไมโครซอฟท์หรือ DRM 10 ที่ใช้กับบริการ PlayForSure ในที่สุดก็ถูกแครกจนได้โดยโปรแกรมที่มีชื่อว่า FairUse4WM (จากฟอรั่มใน doom9.org)
ซึ่งตอนนี้ใครที่ใช้บริการของ Napster To Go หรือ Rhapsody To Go คงจะสะดวกสบาย ไร้ปัญหากับการย้ายเพลงไปฟังยังเครื่องเล่น MP3
เรื่องนี้ไม่รู้จะส่งผลกระทบกับโครงการ Zune อย่างไรบ้าง
จากข่าวเก่า เครื่องเล่น PMP (Portable Media Player) ตัวใหม่ที่ลือว่า Microsoft จะเอามาชน iPod นั้น รุ่นแรกที่วางตลาดจะผลิตโดย Toshiba โดยใช้ชื่อว่า "Toshiba 1089" หลังได้รับการรับรองจาก FCC
โดยฟีเจอร์ของมันคือ หน้าจอ 3", ฮาร์ดดิสก์ 30GB, FM Tuner และรองรับ WLAN 802.11 b/g ซึ่งคุณสามารถเป็น DJ เปิดเพลงให้คนอื่นฟังได้ด้วย
ตามข่าวว่าเครื่องเล่นนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผน Zune ซึ่งไมโครซอฟท์อาจจะกล่อมผู้ผลิตรายอื่นๆ มาเข้าร่วมได้อีก คงต้องรอดูกัน
ไมโครซอฟท์ได้ปรับให้อินเทอร์เฟซใหม่ "Ribbon" ของ Office 2007 สามารถย่อได้เมื่อไม่ใช้งาน (เหมือนกับเมนูของ Office 2003) เนื่องจากโดนผู้ใช้บ่นว่าการใช้ Ribbon กินที่ว่างในการแสดงผลเอกสารไปเยอะพอดู
นักวิเคราะห์บางเจ้าก็ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมดนี้ อาจส่งผลให้ผู้ใช้ต่อต้านได้
ถ้าใช้แล้วไม่คุ้น ย้ายมาใช้ OpenOffice.org กันเถอะครับ อินเทอร์เฟซต่างกันนิดเดียวเอง
ที่มา - ZDNet
ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศว่าในวินโดวส์วิสต้ารุ่น 32-bit จะไม่มีความสามารถในการรับชมมีเดีย HD ใดๆ (BluRay, HD-DVD) ได้โดยตรง (อ้อ การจับยัด DivX Video ใส่ ก็ยังเล่นได้ไม่มีปัญหาครับ)
ไมโครซอฟท์เปิดเผยผลการวิจัยในงาน Microsoft Tech.Ed 2006 ที่ออสเตรเลียว่า ผู้สมัครงานจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะไม่สนใจบริษัทที่บล็อกการใช้เว็บหรือ IM
Anne Kirah ของไมโครซอฟท์บอกว่า ประเด็นที่หัวหน้ากลัวลูกน้องจะเสียงานจากการเล่นเน็ตนั้น เป็นการวิตกไปเองของคนที่ไม่ได้โตมากับคอมพิวเตอร์ (เค้าใช้คำว่า "digital immigrant" กับ "digital native") พนักงานอาจจะเล่นเกมในเวลางานจริง แต่ถ้ามองในมุมกลับ การไม่ปิดกั้นการใช้งานเน็ตก็ช่วยให้พนักงานทำงานที่บ้านตอนค่ำได้เหมือนกัน
ผมอ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงสมัยก่อนที่บริษัทต้องลบ Minesweeper กับ Solitare ออกจาก Windows 3.1 เลยแฮะ
เนื่องจากคดีผูกขาดทางการค้า ศาลเกาหลีใต้จึงปรับไมโครซอฟท์เป็นเงิน 34 ล้านเหรียญ และสั่งให้ไมโครซอฟท์ตัด Windows Media Player และ Windows Messenger ออกจากตัวระบบปฏิบัติการ ถ้ายังอยากขายวินโดว์ในเกาหลีต่อไป
ไมโครซอฟท์จึงออก Windows XP ทั้ง Home และ Pro รุ่นที่ไม่มีโปรแกรมสองตัวนี้ และมีเว็บที่ลิงก์ไปยังโปรแกรมคู่แข่งอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สำหรับการดาวน์โหลดด้วย แหล่งข่าววงในให้ความเห็นว่า การออกรุ่นตัดโปรแกรมทิ้งนี้มีผลกระทบไม่มากนัก ประโยชน์ของมันมีแค่การทำตามคำสั่งศาลเท่านั้น
แม้ IE7 และไฟร์ฟอกซ์จะแข่งกันอย่างหนัก แต่ห้องวิจัยโอเพนซอร์สของไมโครซอฟต์ก็ยังคงพยายามสานสัมพันธ์กับโลกโอเพนซอร์สอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการเชิญนักพัฒนาจากทางมอซิลลา เข้าไปใช้ห้องแลปสำหรับนักพัฒนาอิสระของทางไมโครซอฟต์เป็นเวลา่สี่วัน โดยให้เหตุผลว่าการเข้าไปทำงานร่วมกันกับไมโครซอฟท์จะทำให้ทีมงานเข้าถึงนักพัฒนาวินโดวส์ได้โดยตรง และทำให้ไฟร์ฟอกซ์รุ่นต่อๆ ไปทำงานร่วมกับวินโดวส์วิสต้าได้ดีขึ้น
จดหมายเชิญดังกล่าวถูกส่งเข้าไปยังกลุ่ม mozilla.dev.planning โดยทางกลุ่มมอซิลลายังไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
ในตอนนี้้ IE7 ก็เริ่มพร้อมเต็มที่สำหรับการวางตลาดกันแล้ว ทางทีมงานก็มีการเปิดเผยรายการบั๊กที่ได้รับการแก้ไขและปรับปรุง เป็นจำนวนกว่าสองร้อยรายการ แม้จะดูเยอะจนตาลาย แต่ก็ค่อนข้างแน่ว่า IE7 จะไม่ผ่านการทดสอบ ACID2 และไม่มีแผนว่าจะผ่านเมื่อใหร่ โดยไมโครซอฟท์เคยออกมาป้องกันตัวเองในเรื่องนี้ว่า การทดสอบ ACID2 ไม่ได้รับประกันว่าเบราว์เซอร์จะทำงานร่วมกับมาตรฐานเปิดได้สมบูรณ์
เท่าที่มองๆ รายการ บั๊กที่น่าเกลียดมากๆ เช่น 3px หรือบั๊ก Overflow ก็ถูกแก้ไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็หวังว่าทีมงาน IE จะเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เสร็จแล้วหยุดไปอีกห้าหกปีเหมือนเมื่อก่อน
สำหรับผู้ที่ใช้ VS.NET 2003 ตอนนี้มี Service Pack ออกมาจนได้ซะที มีทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพ แก้ข้อผิดพลาดต่างๆ กว่า 400 รายการ ดูรายละเอียดได้ที่นี่
สำหรัีบ Service Pack ถือว่าออกมาช้ามากๆ เมื่อเทียบกับ VS.NET 2002 และยังออกหลัง VS.NET 2005 ด้วยซ้ำ โหลดได้ที่ Microsoft Download Center (คนละตัวกับ .NET Framework 1.1 Service Pack นะครับ)
แม้จะมีข่าวการเรียกคืนฮาร์ดแวร์กันอยู่เรื่อยๆ แต่ผมเพิ่งเคยได้ยินว่ามีการเรียกคืนซอฟต์แวร์กลับบริษัทก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยเรื่องเกิดขึ้นเนื่องจากไมโครซอฟท์มีการตรวจสอบซอร์สโค้ดของ Small Business Server และพบว่ามีโค้ดบางส่วน "ยังไม่เสร็จดี" จึงเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวกลับบริษัท
SMB Server คือชุดซอฟต์แวร์ที่ประกอบด้วย Windows 2003 เข้ากับซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์และบริการอื่นๆ เพื่อการใช้งานในหน่วยงานขนาดเล็ก โดยซอฟต์แวร์ตัวนี้ยังไม่มีการวางขายแต่อย่างใด แต่มีการส่งมอบให้กับผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ไปแล้วจำนวนหนึ่ง
Singularity เป็นระบบปฏิบัติการทดลองของไมโครซอฟท์ ที่ใช้แนวคิดใหม่ๆ หลายอย่าง เช่น เกือบทั้งหมดเขียนด้วยภาษา managed code (คงไม่มีภาษาอื่นนอกจาก C#) แต่เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการภายในของไมโครซอฟท์เอง เลยยังไม่มีคนนอกคนไหนได้ทดลองใช้เลย
ทางบล็อก Channel9 ของ MSDN เลยเอาวิดีโอและบทสัมภาษณ์ทีมงาน Singularity มาให้ดูกัน เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการทดลองแนวคิดใหม่ๆ อย่าคาดหวังว่ามันจะมี GUI นะครับ (ดูดีๆ จะแอบเห็นโครงสร้างไดเรคทอรีแบบ Unix ด้วย มี /dev)
Windows Vista Team Blog ได้เผยแพร่เอกสาร whitepaper เกี่ยวกับ DirectX 10 ว่ามีอะไรใหม่แตกต่างจาก DirectX 9.0 บ้าง โดยมีภาพเทียบฟีเจอร์ระหว่างเวอร์ชันให้ดูกันแบบจะแจ้งว่าเหนือกว่าแค่ไหน ฟีเจอร์ส่วนใหญ่เป็นการดึงพลังจาก GPU ทำให้เอฟเฟคต์หลายๆ อย่างที่ต้องเขียนกันเองเป็นพิเศษ สามารถเรียกใช้จาก DirectX 10 ได้โดยตรง
และแน่นอนว่า DirectX 10 นี้มีเฉพาะบน Vista ด้วยเหตุผลว่าต้องใช้ระบบไดรเวอร์กราฟิกแบบใหม่ WDDM (Windows Display Driver Model)
ใครทำงานอยู่สายพัฒนาเกมก็เหมาะกับการเข้าไปอ่านครับ