จริงๆ ผมเคยเขียนเรื่อง Windows ตัวต่อไปรหัส Fiji และ Vienna ไปหลายทีแล้ว แต่ไหนๆ มีข่าวอีกรอบก็เอามาลงซะหน่อยให้เป็นเรื่องเป็นราว
"Windows Fiji"
"Windows Vienna"
ประเด็นหนึ่งที่เราเคยได้ยินกันมาในช่วงที่ GMail ออกมาใหม่ๆ คือประเด็นความเป็นส่วนตัวเนื่องจากกูเกิลมีการใช้ข้อมูลในเนื้อเมลเพื่อแสดงโฆษณา ตอนนี้ไมโครซอฟท์กำลังพยายามเจาะตลาดโฆษณาซึ่งมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ด้วยการนำข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้ Hotmail ได้กรอกไว้เมื่อสมัครสมาชิกเพื่อเลือกโฆษณาให้ตรงเป้าหมาย และการใช้วิธีการนี้มีผลต่อบริการจำนวนมากของไมโครซอฟท์
ตัวอย่างการใช้ข้อมูลเหล่านี้ เช่นเมื่อผู้ใช้ค้นหาผ่านทาง Microsoft Live Search ด้วยคำว่า "รถ" เว็บของไมโครซอฟท์จะตรวจสอบว่าผู้ค้นหาเป็นผู้ใช้ Hotmail หรือไม่ หากใช่ก็จะตรวจสอบถึงเพศ อายุ และข้อมูลอื่นๆ เพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด
บล็อกเกอร์ชื่อดังหลายคนในสหรัฐรายงานถึงการติดต่อจากไมโครซอฟท์ เพื่อส่งมอบเครื่อง Acer Ferrari พร้อมวินโดวส์วิสต้าเพื่อให้บล็อกเกอร์เหล่านั้นได้เขียนรีวิววิสต้าในบล็อกของตน ที่น่าสนใจคือเครื่องที่ส่งมอบมานั้นไมโครซอฟท์ระบุว่าผู้เขียนรีวิวสามารถเลือกที่จะ "เก็บไว้เอง" หรือส่งกลับไมโครซอฟท์ก็ได้
เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ไมโครซอฟท์ว่าพยายามติดสินบนบล็อกเกอร์ทั้งหลายให้เขียนรีวิววิสต้าออกมาดีๆ แต่ในเรื่องนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าไมโครซอฟท์พยายามกดดันบล็อกเกอร์เหล่านั้นให้เขียนรีวิววิสต้ออกมาในแง่บวก แต่ขณะเดียวกันอีกหลายคนก็แย้งว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการที่ค่ายเพลงส่งมอบซีดีให้กับสถานีวิทยุ
มาตรฐาน RSS กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันคนจำนวนมากอาจจะใช้งานมันโดยไม่รู้ตัวมาก่อน ในช่วงหลังไมโครซอฟท์เองก็ยอมรับถึงกระแสนี้ด้วยการเพิ่มความสามารถในการอ่าน RSS เข้าไปใน IE7 และตกลงใช้ไอคอนร่วมกันกัไฟร์ฟอกซ์ แต่ตอนนี้เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานนี้ เมื่อไมโครซอฟท์พยายามจดสิทธิบัตร API ในการสร้างข้อมูล RSS
ไมโครซอฟท์ระบุว่าการสร้างสรรของไมโครซอฟท์นั้นเป็นไปเพื่อให้นักพัฒนาและผู้ใช้เข้าถึง RSS ได้ง่ายขึ้น ไม่ได้เป็นความพยายามในการจดสิทธิบัตรในตัว RSS เองแต่อย่างใด แต่การจดสิทธิบัตรที่ครอบคลุมอย่างนี้้ก็อาจจะสร้างปัญหาในอนาคต เช่นใครจะรู้ว่าจะ Drupal อาจจะมี API ในการสร้าง RSS ไปละม้ายคล้ายกับ API ที่ไมโครซอฟท์จดสิทธิบัตรไปแล้ว
เว็บแฮกเกอร์รัสเซียมีการโพสถึงตัวอย่างการใช้ช่องโหว่ในไฟล์ csrss.exe ที่ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถส่งคำสั่งที่เกินระดับสิทธิของตนได้ ที่สำคัญคือบั๊กนี้มีผลถึงวินโดวส์วิสต้า หลังการยืนยันช่องโหว่นี้ ส่งผลให้ทางไมโครซอฟท์ต้องเข้าสู่กระบวนการตอบสนองต่อบั๊กแบบฉุกเฉิน
บั๊กที่ว่านี้มีผลตั้งแต่ Windows 2000 SP4 ไล่มาถึง Windows 2003 SP1 และ Windows XP SP2 ตลอดจน Windows Vista อย่างไรก็ตามผู้ที่จะจู่โจมเครื่องผ่านทางบั๊กนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีสิทธิในการเป็น Authenicated User ในเครื่องนั้นๆ เสียก่อน แต่หากมี Worm ที่อาศัยช่องโหว่นี้ ก็นับว่าน่ากลัวทีเดียว
ทางไมโครซอฟท์ระบุว่าทีมงาน Microsoft Security Response Center กำลังพยายามตรวจสอบบั๊กนี้อย่างใกล้ชิด
ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับโนเวลล์สร้างกระแสต่อต้านในโลกโอเพนซอร์สค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะโครงการ Samba ที่เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกผนวกในสัญญาไม่ฟ้องการละเมิดสิทธิบัตรต่อกัน ทางโครงการ Samba นั้นแสดงท่าที่ไม่พอใจโนเวลล์อย่างชัดเจน และเคยยื่นจดหมายขอให้ถอนโครงการ Samba ออกจากสัญญาดังกล่าว
Service Pack ตัวนี้ อัพเดตหลายเวอร์ชันพร้อมกันเลยนะครับ รวมไปถึงคนที่ใช้ Express Edition แบบฟรีด้วย จากที่ลองลงดูแล้ว ก็พบว่า Visual Studio ทำงานเร็วขึ้นพอสมควร (บนเครื่องผมน่ะนะ) แล้วบั๊กน่ารำคาญหลายๆ ตัวก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และจากที่ลองยังไม่พบปัญหาอะไร สำหรับคนที่ใช้ Professional Edition, กับ Express Edition ให้โหลดตัว Team Suite SP1 ครับ
ไมโครซอฟท์เริ่มรุกเข้าตลาดหุ่นยนต์ โดยเปิดให้ดาวน์โหลด Microsoft Robotics Studio 1.0 ได้ฟรี (ถ้าใช้ในทางการค้า คิด $399)
ซอฟต์แวร์นี้จะใช้ควบคุมหุ่นยนต์ได้หลายยี่ห้อ ที่น่าจะเคยผ่านตากันก็ตระกูล Mindstorms ของ Lego ยี่ห้ออื่นๆ ได้แก่ iRobot, Fischertechnik, Parallax และ RoboDynamics ไมโครซอฟท์ยังตั้งแล็บ Center for Innovative Robotics ร่วมกับมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และสปอนเซอร์การแข่งขัน RoboCup 2007 ด้วย
บริษัท iRobot ให้ความเห็นว่าการเข้ามาของไมโครซอฟท์ จะช่วยอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในระยะยาว เนื่องจากเปิดโอกาสให้คนที่อยู่นอกวงการเข้ามาเล่นหุ่นยนต์ได้ง่ายขึ้น
ข่าวเก่าไปนิด มีการแก้ข่าวไปแล้ว แต่ผมคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจดีเลยถือโอกาสเอามาลง
Jim Allchin หัวหน้าผู้รับผิดชอบ Windows Vista ได้เขียนอีเมลถึงเกตส์และ Steve Ballmer ในปี 2004 โดยบ่นว่าการพัฒนา Vista กำลังหลงทางและล่าช้าไปมาก ฟีเจอร์ที่น่าสนใจในกระดาษไม่สามารถสร้างขึ้นได้จริง และมีประโยคเด็ด "I would buy a Mac today if I was not working at Microsoft." ซึ่งสื่อมวลชนเอาไปตีข่าวกันสนุก (เราด้วยที่นึง :P)
อีเมลนี้เป็นอีเมลภายในของไมโครซอฟท์ ซึ่งออกสู่สาธารณชนเนื่องจากคดีผูกขาดที่ไมโครซอฟท์โดนเล่นงานอยู่ ทำให้ต้องเปิดเผยอีเมลภายในบางส่วนเพื่อเป็นหลักฐานในคดี
ดูเหมือนความพยายามที่ Google จะ ต่อสู่กับ Microsoft ในด้านแอพพลิเคชั่นด้านงานเอกสาร จะดูดุเดือดขึ้นมาอีก เมื่อมีข่าวว่า Google พยายามตกลงเจรจา จะซื้อ ThinkFree บริษัทพัฒนาซอฟแวร์ของเกาหลี ที่มีซอฟ์แวร์ทำงานได้คล้ายกับ Microsoft Office
โดย ThinkFree เป็นบริการแอพพลิเคชั่นด้านงานเอกสารออนไลน์ (คล้ายๆ Writely หรือ Google Doc เลย) โดยจะให้เนื้อที่เก็บเอกสาร 1GB สามารถสร้าง ดู แก้ไขเอกสารของ Microssoft Office ได้ และยังสามารถแชร์กันในกลุ่มได้อีกด้วย และที่สำคัญทั้งหมดนี้ฟรีครับ..!
Google ดูเหมือนจะเล่นกลยุทธป่าล้อมเมืองนะครับ ซื้อหมดเลยอะไรที่ทำงานคล้ายๆ หรือเหมือนกับ Microsoft Office ศึกนี้คงต้องมองยาวๆ หน่อยครับ
ใครอยู่วงการเกมน่าจะได้ยินข่าวกันมากก่อนหน้านี้แล้วกับ XNA Game Studio Express ที่ไมโครซอฟท์ทำออกมาเอาใจนักพัฒนาเกมอิสระกันโดยเฉพาะ โดยชุดพัฒนาชุดนี้จะทำให้เกมที่พัฒนาบน XNA Framework สามารถพัฒนาเกมเพื่อให้ใช้งานได้ทั้งบนเครื่อง Xbox 360 และ Windows XP SP2 โดยพัฒนาผ่านทาง Visual C# Express ซึ่งฟรีสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ (ของแท้) อยู่แล้ว
ข้อเสียของการพัฒนาเกมด้วย XNA Game Studio Express คือบนเครื่งอ Xbox เองนั้นต้องติดตั้ง XNA Runtime ไว้ด้วย ซึ่งในตอนนี้คงยังไม่กว้างขวางนัก และสำหรับผู้ที่ซื้อวิสต้ามาใช้งานแล้ว โปรแกรมตัวนี้ยังไม่รองรับระบบปฎิบัติการอื่นๆ นอกจาก Windows XP SP2 และ Xbox 360
เอาใจนักพัฒนาอย่างนี้ได้คะแนนจากผมไปอีกคะแนนนึงล่ะ
ความบกพร่องใหญ่หลวงที่สุดของวินโดวส์เอกซ์พีก็คืออนุญาตให้วินโดวส์บางรุ่นไม่จำเป็นต้อง Activate กับทางไมโครซอฟท์ ทำให้แครกเกอร์ทั้งหลายเห็นประโยชน์ตรงนั้น ดังนั้นในวินโดวส์วิสตา ไมโครซอฟท์จึงบังคับให้วินโดวส์ทุกรุ่นจำเป็นต้องมีการ Activate แต่ถึงอย่างนั้น ไมโครซอฟท์จึงสร้างโปรแกรม Key Management Service ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ กรณีที่จำเป็นต้อง Activate ทีละหลายๆ เครื่อง จะได้ส่งข้อมูลให้ทางไมโครซอฟท์เพียงครั้งเดียว โดยมีข้อจำกัดว่าอนุญาตให้ใช้ได้เพียง 180 วัน
มีรายงานการพบบั๊กด้านความปลอดภัยในไมโครซอฟท์เวิร์ด ตั้งแต่รุ่น 2000 ไปจนถึง 2003 และ 2004 สำหรับเครื่องแอปเปิล ตลอดจน Microsoft Work 2004, 2005 และ 2006 ที่สำคัญคือมีการใช้ช่องโหว่นี้เพื่อการโจมตีผู้ใช้งานแล้ว ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องออกประกาศเตือนให้ผู้ใช้ระมัดระวังในการเปิดและเซฟไฟล์ที่ได้รับโดยไม่ได้คาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งที่เชื่อถือได้หรือไม่ การที่ไมโครซอฟท์ออกมาเตือนเช่นนี้ทำให้เดาได้ว่าการโจมตีบั๊กนี้คงเป็นรูปแบบของโทรจันที่ฝังเข้าไปในเครื่อง แล้วพยายามส่งไฟส์ต่อๆ กันไป
ยังไม่มีวิธีการแก้ไขจากไมโครซอฟท์ในตอนนี้ ดังนั้นช่วงนี้ควรตรวจดูอัพเดดของโปรแกรมป้องกันไวรัสของคุณไว้เสมอๆ เพื่อความปลอดภัย
หลังจากเซ็นสัญญามหามิตรกันมาหนึ่งเดือน โนเวลล์ยังคงเดินหน้าที่จะนำเทคโนโลยีของทางไมโครซอฟท์มาใช้ในโครงการโอเพนซอร์สอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ได้เสนอแพพตซ์ใหม่สำหรับโปรแกรม Calc เพื่อให้รองรับ Visual Basic for Application จากโปรแกรม Excel ไปแล้ว ตอนนี้โนเวลล์ก็ประกาศความสำเร็จล่าสุดด้วยการแพตซ์ OpenOffice.org (OO.o) เพื่อให้รองรับฟอร์แมต OpenXML ที่เป็นคู่แข่งเต็มตัวของ OpenDocument ที่สำคัญคือ OO.o รุ่นของทางโนเวลล์นี้จะใช้ OpenXML เป็นมาตรฐานแทนที่จะเป็นการรองรับเพียงอย่างเดียว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Nicholas Negroponte ได้ไปกล่าวที่งาน NetEvents ที่ฮ่องกง ระบุว่าไมโครซอฟท์กำลังใช้ชุดพัฒนาของ OLPC เพื่อพัฒนาวินโดวส์ให้สามารถใช้งานบน OLPC ได้ Negroponte ยังกล่าวอีกด้วยว่าตัวเขาเองนั้นรู้จักกับบิล เกตต์มาเป็นเวลานาน และได้หารือในเรื่องนี้กับทางตัวเกตต์เองหลายครั้ง ฟีเจอร์บางอย่างเช่นช่องอ่านหน่วยความจำ SD นั้นเป็นความคิดของเกตต์เองด้วยซ้ำไป
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ การระบุว่าทางไมโครซอฟท์นั้นต้องการให้เครื่อง OLPC สามารถใช้งานระบบปฎิบัติการวินโดวส์ได้ ในจุดนี้น่าสนใจว่าทางไมโครซอฟท์มีการพัฒนาวินโดวส์สำหรับเครื่อง OLPC อยู่่ด้วยหรือไม่ เนื่องจากการใช้ Windows XP มาตรฐานนั้นไม่มีทางเลยที่จะติดตั้งลงบนเครื่อง OLPC ได้
ลดชื่อลงมาเหลือแค่ Expression Web (ตอนแรกมีคำว่า Designer ด้วย) งานนี้เรียกว่าเป็น Web Designer สำหรับ ASP.NET 2.0 เลย แล้วก็คราวนี้ Microsoft ก็เริ่มเน้น standard-based web กับ CSS layout ซะที
แต่เพื่อนๆ ผมที่เก่ง Design ที่รู้จักก็ใช้ Dreamweaver กันจนชำนาญแล้วทั้งนั้น และคงไม่ต้องพูดถึง Adobe นะครับ แต่ยังไงต้องรอดูไปอีกสักพัก อย่างน้อย VS & WPF Support ก็น่าจะช่วยใ้ห้ทำงานได้เร็วกว่าเดิมได้เยอะ
ว่างๆ ก็ลองโหลด Trial มาลองเล่นดูได้ http://www.microsoft.com/products/expression/en/default.mspx
สำหรับตัวอื่นๆ (Blend, Design, Media) นั้นยังอยู่ในขั้น Beta หรือ CTP อยู่ครับ
Zune เครื่องเล่นเพลงพกพาล่าสุดจาก Microsoft ที่หลาย ๆ คนได้บอกไว้ว่าจะเป็น iPod-killer ตัวจริงนั้น จากการรายงานของ CBS MarketWatch ได้เป็นสินค้าอิเลคโทรนิกส์ขายดีอันดับที่ 75 ในชาร์ทการจัดอันดับสินค้าขายดีของ Amazon แต่ทว่าอุปกรณ์เสริมของเครื่องเล่นเพลงพกพาชื่อดังจาก Apple ที่ชาร์จถ่านผ่าน USB ของ iPod นั้นอยู่ที่อันดับ 66 ในชาร์ทเดียวกัน
แต่หลังจากนั้นไม่นานที่ข่าวนี้ถูกรายงานในสื่อต่าง ๆ Zune ก็ได้เลื่อนมาอยู่อันดับที่ 67 อย่างรวดเร็ว โดยชนะคู่แข่งชิ้นนี้ไปได้ 2 อันดับ ซึ่งตอนนี้อยู่อันดับที่ 69
Richard Stallman กล่าวในงานประชุม international GPLv3 conference ครั้งที่ 5 ที่โตเกียวเมื่อสัปดาห์ก่อน (transcript) ว่าข้อตกลงระหว่าง Microsoft กับ Novell ในเรื่องสิทธิบัตรนั้นไม่ได้ละเมิด GPLv2 แต่อย่างใด (รวมถึงร่างปัจจุบันของ GPLv3 ด้วย)
สาเหตุก็เพราะในข้อตกลง ไมโครซอฟท์ไม่ได้ให้สิทธิ์ของสิทธิบัตรแก่ Novell (ซึ่ง GPLv2 Section 7 จะมีผล) แต่ไมโครซอฟท์เพียงแค่ให้การคุ้มครองทางสิทธิบัตรกับ"ลูกค้า"ของ Novell เท่านั้น
แน่นอนว่า GPLv3 จะถูกแก้ไขให้ครอบคลุมกับข้อตกลงทางกฎหมายอ้อมๆ แบบนี้ ซึ่ง Eben Moglen ตัวแทนของ Free Software Foundation กำลังดำเนินการอยู่
ใกล้ครบรอบหนึ่งเดือนหลังการเซ็นสัญญาระหว่างโนเวลล์ ผู้ขายลินุกซ์อันดับสองของโลก ที่จับมือกับไมโครซอฟท์ไปอย่างชื่นมื่น ผลที่ได้คือเงินสดมากถึง 348 ล้านดอลลาร์ โดยหลักแล้วสัญญานี้คือการแลกสิทธิบัตรซึ่งกันและกัน ซึ่งก็มีการจ่ายเงินข้ามไปข้ามมา โดยสุดท้ายแล้วคนที่ได้เงินคือโนเวลล์
การตกลงครั้งนี้ มองครั้งแรกดูเป็นเรื่องดีกับโลกโอเพนซอร์สพอสมควร (อย่างน้อยก็ในสายตาของผม) เพราะการแลกสิทธิบัตรครั้งนี้หมายถึงโนเวลล์นั้นจะมีโอกาสหาลูกค้าระดับองค์กรได้เป็นจำนวนมาก เช่นการใช้ ASP และ Samba ในโนเวลล์ลินุกซ์ ตลอดจนการเข้าถึงไฟล์ฟอร์แมตของไมโครซอฟท์ นั้นจะอุ่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหากับไมโครซอฟท์แน่ๆ อย่างน้อยก็ในช่วงที่สัญญามีผลไปจนถึงปี 2012
การประกาศวางมือของบิลล์ เกตส์ในปี 2008 และการวางจำหน่ายของ Windows Vista ที่ยืดเยื้อมานาน จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของไมโครซอฟท์ไปสู่ยุคใหม่ โดยมีคำถามสำคัญว่า "ถัดจากวินโดวส์แล้วเราจะทำอะไร?"
BusinessWeek มีสกู๊ปเรื่องนี้ สาระสำคัญอยู่ที่ว่ารูปแบบการบริหารของไมโครซอฟท์จะเปลี่ยนไป จากที่เกตส์คุมบังเหียนสูงสุดอยู่คนเดียว ก็จะกลายมาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมารับผิดชอบในแต่ละธุรกิจแยกกันไป ไม่มีคนใดคนหนึ่งก้าวขึ้นมารับอำนาจต่อจากเกตส์ ตัวอย่างผู้บริหารรุ่นใหม่นี้ได้แก่ Steven Sinofsky อดีตหัวหน้าทีม Office ที่มาดู Windows, Ray Ozzie คนคิด Lotus Notes ที่มาดู Windows Live
อินเดียนแดงเผ่า Mapuche ในประเทศชิลีได้ฟ้องไมโครซอฟท์ เนื่องจากการออกวินโดวส์ภาษา Mapuzugun ซึ่งเป็นภาษาที่ชาว Mapuche ใช้พูดกันเป็นส่วนมาก
เผ่า Mapuche มีประชากรประมาณ 400,000 คน ซึ่งหัวหน้าเผ่าได้ให้สัมภาษณ์ว่าภาษา Mapuzugun เป็นสิทธิ์ของชนเผ่า Mapuche และไมโครซอฟท์ควรจะปรึกษาทางเผ่า Mapuche ก่อนจะออกวินโดวส์รุ่นภาษาของตัวเอง ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่การมองว่าคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สามารถเป็นเจ้าของภาษาพูดได้หรือไม่
เรื่องนี้ศาลท้องถิ่นส่งคดีต่อให้ศาลสูงในเมือง Santiago เมืองหลวงของชิลีเป็นผู้พิจารณาคดี ไมโครซอฟท์ยังไม่ให้ความเห็นจนกว่าคดีจะได้ข้อยุติ
เรื่องสำคัญเวลาจะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการคือการหาไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์ที่มีอยู่ โดยสมัย Windows XP นั้นยังไม่น่ากลัวเท่าใหร่เพราะใช้ไดรเวอร์ร่วมกับ Windows 2000 ได้ แต่การอัพเกรดไปวิสต้าอาจจะยุ่งยากกว่านั้นมาก แต่ข่าววันนี้อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่สนใจจะอัพเกรดไปใช้วิสต้า เพราะไมโครซอฟท์จะรวมเอาไดรเวอร์กว่า 19500 ตัวมาในดีวีดีตั้งแต่แรก พร้อมกับอีกกว่า 11700 ตัวที่สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านทาง Windows Update ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับไดรเวอร์ประมาณ 10000 ตัวใน Windows XP และเพียง 2000 กว่าตัวในวินโดวส์อัพเดต ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทุกวันนี้อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์เยอะขึ้นมา
ข่าวเก่า: ภาพหลุดของ Windows Mobile ตัวใหม่ที่หน้าตาเหมือน Vista
ตอนนี้มีคนรีวิว Windows Mobile รหัส "Crossbow" ที่ยังไม่ระบุเลขเวอร์ชัน แต่ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นนอกจาก 6.0
Crossbow เป็น Windows Mobile รุ่นขัดตาทัพระหว่าง Windows Mobile 5.0 กับ "Photon" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (น่าจะออกช่วง 2008 ต่อ 2009) ทำให้ฟีเจอร์ใน Crossbow เพิ่มเติมมาจากเดิมไม่เยอะนัก นอกจากธีมจะปรับให้หน้าตาแบบเดียวกับ Windows Vista แล้ว การเปลี่ยนแปลงหลักก็คือออกแบบมาให้รับกับ Exchange 2007 ที่จะออกพร้อม Vista น่ะเอง ส่วนอื่นๆ ที่เพิ่มมาก็มีสนับสนุน VoIP (ใช้โปรโตคอล SIP) และใส่ผลิตภัณฑ์ของ Live.com เช่น Windows Live Messenger เข้ามาครับ
ถ้าดูประวัติเก่าก่อน Microsoft Office จะเป็นจุดเริ่มต้นของ UI แบบใหม่ของไมโครซอฟท์อยู่เสมอ (ถึงแม้ UI แบบ Office 2003 จะไม่ค่อยมีเจ้าอื่นเขียนตามซักเท่าไร) และอย่างที่เราเห็นกันไปหมดแล้วว่า Office 2007 เป็นการเปลี่ยนแปลง UI อย่างสิ้นเชิงด้วยระบบ Ribbon
คำถามที่มีบ่อยแน่นอนคือ เราสามารถใช้ Ribbon ในโปรแกรมของตัวเองได้หรือไม่
หลังจากการเซ็นสัญญากับโนเวลล์ไปไม่ถึงสัปดาห์ สตีฟ บอลเมอร์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าระบบปฎิบัติการลินุกซ์นั้นมีส่วนประกอบที่ละเมิดสิทธิบัตรของไมโครซอฟท์อยู่หลายส่วน การประกาศเช่นนั้นเหมือนเป็นการแสดงการคุกคามให้ผู้ขายลินุกซ์ต้องทำความตกลงกับทางไมโครซอฟท์เช่นเดียวกับที่โนเวลล์ทำ
แน่นอนว่าการประกาศจากไมโครซอฟท์เช่นนี้จะทำให้โลกโอเพนซอร์สไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคนที่โดนพ่วงไปด้วยในงานคือโนเวลล์นั่นเอง วันนี้ทางโนเวลล์จึงต้องออกประกาศแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับแถลงการของไมโครซอฟท์ และการเซ็นสัญญาร่วมกับไมโครซอฟท์ไม่ใช่การยอมรับว่าลินุกซ์ละเมิดสิทธิบัตรของไมโครซอฟท์แต่อย่างใด
สำหรับเมืองไทย เนื่องจากเราไม่มีกฎหมายสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ ดังนั้นคนไทยก็ใช้งานกันได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร