การขอลาออกของซีอีโอก่อนหน้านี้เป็นการส่งสัญญาณว่า Acer น่าจะมีปัญหา และผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดก็สะท้อนเช่นนั้นจริง โดย Acer แจ้งกำไรสุทธิในไตรมาส 1.2 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ลดลงถึง 64% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่รายได้สุทธิก็ลดลงถึง 56% เช่นกัน ซึ่งเป็นตัวเลขกำไรในไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004

ถึงฤดูกาลประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสปีนี้เอเอ็มดีก็แถลงผลประกอบการเป็นกำไรถึง 56 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้รวม 1,610 ล้านดอลลาร์ ลดลงทั้งรายได้และกำไรจากเดิมไตรมาสที่แล้วทำกำไรได้ 106 ล้านดอลลาร์ และรายได้ 1,650 ล้านดอลลาร์

เอเอ็มดีอธิบายถึงผลประกอบการที่ตกต่ำลงว่าเกิดจากราคาขายเฉลี่ยของซีพียูนั้นลดลงเรื่อยๆ และตลาดเกมคอนโซลในไตรมาสแรกของปีนั้นไม่ดีนัก ทำให้ค่าไลเซนส์จากผู้ผลิตเครื่องคอนโซลนั้นตกต่ำลง อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งมอบ APU ซึ่งในตอนนี้มี Zacate และ Ontario นั้นเกินกว่าที่คาดไว้ (ไม่ระบุปริมาณ) และในตอนนี้เองเอเอ็มดีก็เริ่มส่งมอบ Llano ให้กับลูกค้าแล้ว

โนเกียแถลงผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2011 ซึ่งคาดการณ์กันว่าบริษัทจะมีผลประกอบการแย่ตลอดปีนี้ภายหลังประกาศยุทธศาสตร์ Windows Phone 7 ร่วมกับไมโครซอฟท์ ที่น่าจะมีผลต่อยอดขายสินค้าปัจจุบัน รายละเอียดเป็นดังนี้ครับ

แอปเปิลแจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2011 ตามวิธีนับของบริษัท ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมานี้มีประเด็นสำคัญคือ iPhone 4 ของ Verizon และ iPad 2 ที่เริ่มขายปลายไตรมาส โดยตัวเลขที่ออกมาก็ยังคงเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์อีกครั้ง

อินเทลแจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด (ข่าวไตรมาสที่แล้ว) รายได้อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 25% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ 3.16 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์ที่มองว่าตลาดพีซีอยู่ในภาวะถดถอย โดยอินเทลก็เผยตัวเลขยอดขายส่วนธุรกิจพีซีที่เพิ่มขึ้นมา 17% ในไตรมาสนี้

ในรายงานเบื้องต้นนี้ยังไม่มีการเผยตัวเลขค่าใช้จ่ายในการเรียกคืน Sandy Bridge โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าอินเทลน่าจะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ราว 700 ล้านดอลลาร์

ค่ายมือถืออันดับหก Sony Ericsson เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2011 หลังบริษัทพลิกมาทำกำไรได้ดีตลอดปีก่อน (ข่าวเก่า) โดยไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 11 ล้านยูโร จากการขายโทรศัพท์ได้ 8.1 ล้านเครื่อง ซึ่งรายได้ 60% นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งมี Xperia Arc เป็นตัวชูโรง

Sony Ericsson มีแผนเปิดตัว Xperia Neo ในไตรมาสนี้แต่ก็ได้ประกาศเลื่อนวันจำหน่ายออกไปเป็นต้นไตรมาสที่ 3 เนื่องจากปัญหาสายการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น นอกจากนี้ซีอีโอ Bert Nordberg กล่าวว่าบริษัทมีเป้าหมายจะทำส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์ Android ให้ได้ 25% จากเดิมที่ 14% เมื่อช่วงต้นปี

ยักษ์ใหญ่อุปกรณ์โทรคมนาคมของประเทศจีนอย่างหัวเหว่ยแจ้งผลประกอบการประจำปี 2010 โดยมีรายได้สุทธิ 1.85 แสนล้านหยวน และคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.376 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 3.64 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อน

บริษัทเผยว่ายอดขายในตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึง 34% โดยมีลูกค้าใหญ่ในอเมริกาเหนือและประเทศรัสเซีย ขณะที่รายได้ภายในประเทศจีนเองเพิ่มขึ้น 9.7% อย่างไรก็ตามบริษัทยังประสบปัญหาการขยายฐานลูกค้าในหลายประเทศโดยเฉพาะปัญหาด้านความมั่นคง เพราะบริษัทยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าอุปกรณ์ของบริษัทอาจดักเก็บข้อมูลความลับที่สำคัญส่งให้กับรัฐบาลจีน (ข่าวเก่า)

เข้าสู่เทศกาลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสอีกครั้ง ปีนี้กูเกิลขอเป็นผู้แจ้งผลประกอบการก่อนคนอื่นโดยเผยตัวเลขรายได้สุทธิ 6.54 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

แม้จะฟังดูเติบโตดีแต่นักวิเคราะห์ต่างตั้งคำถามกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของไตรมาสนี้ โดยเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.84 พันล้านดอลลาร์หรือ 55% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวมาจากค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนถึงเงินเดือนพนักงาน สอดรับกับความเชื่อของนักวิเคราะห์ว่ากูเกิลภายใต้ซีอีโอคนใหม่ Larry Page น่าจะเกิดการใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลงทุนในสินค้าตัวใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยหนักมากขึ้น

HTC ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก เผยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อไตรมาสเดียวกันของเมื่อปีก่อนถึงสามเท่าอยู่ที่ 14.83 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 12.99 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันอีกด้วย

ชัดเจนว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของแอนดรอยด์ช่วยฉุดให้ยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนในเอเชียอย่าง HTC โตวันโตคืนจนเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีมูลค่าตามตลาดหุ้นแซงหน้า Nokia ที่ใกล้กลายเป็นอดีตยักษ์อยู่ทุกขณะ และ HTC ยังคาดการณ์ว่าตัวเลขกำไรดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกราวร้อยละ 20 ในไตรมาสถัดไปจากยอดขายที่ดำเนินไปได้ด้วยดี

ออราเคิลเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามปีงบการเงินของบริษัทโดยมีรายได้สุทธิ 8.8 พันล้านดอลลาร์ เป็นกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กัน

Safra Catz หนึ่งในสองของประธานออราเคิลกล่าวว่าผลประกอบการที่ออกมา ไม่ใช่ผลจากการใช้จ่ายด้านไอทีขององค์กรที่เพิ่มขึ้นแต่มาจากความสำเร็จของซอฟท์แวร์ใหม่ๆที่ออกมา รวมถึงการผนวกสินค้าเดิมเข้าผลิตภัณฑ์ของซันที่ซื้อกิจการมาเมื่อปีก่อน โดยยอดขายไลเซนส์แอพพลิเคชั่นคิดเป็น 639 ล้านดอลลาร์ เติบโต 31% โดยออราเคิลกล่าวว่าตัวเลขกลุ่มแอพพลิเคชั่นนี้ดีกว่าคู่แข่ง SAP ถึงสิบเท่าตัว ขณะที่ธุรกิจฐานข้อมูลเติบโต 26% มียอดขาย 1.58 พันล้านดอลลาร์

Research in Motion หรือ RIM เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามรอบการเงินของบริษัท โดยมีรายได้สุทธิ 5.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และคิดเป็นกำไรสุทธิ 934 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทจำหน่าย BlackBerry ไปได้ 14.9 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันเล็กน้อย

RIM ประสบปัญหาส่วนแบ่งการตลาดในอเมริกาที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แล้ว ซึ่งบริษัทได้เผยกลยุทธ์ในการแก้ปัญหานี้โดยเริ่มจากให้ BlackBerry ที่จะวางขายในปีหน้าใช้ระบบปฏิบัติการ QNX เหมือนกับ PlayBook ทั้งหมด นอกจากนี้ PlayBook ก็ยังสามารถรันแอพของ Android ได้อีกด้วย

HP แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2011 ตามงวดการเงินของบริษัทสิ้นสุดเดือนมกราคม มีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.25 พันล้านดอลลาร์ โดยมาจากยอดขายรวม 3.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้พอสมควร

ข่าวย้อนหลังครับ Lenovo ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ในประเทศจีนแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามปีปฏิทินการเงินของบริษัทงวดเดือนตุลาคมถึงธันวาคม กำไรสุทธิ 99.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 79.5 ล้านดอลลาร์

Lenovo มียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นจากการได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่ได้มาจาก Acer นอกจากนี้ยังได้จากการเติบโตของภาคธุรกิจในประเทศจีน รวมถึงประโยชน์จากค่าเงินหยวน ปัจจุบัน Lenovo มีส่วนแบ่งการตลาดในพีซีอยู่ 10.4% อยู่ในอันดับที่ 4 ตามหลัง HP, Dell และ Acer ตามลำดับ โดย Acer มีส่วนแบ่งการตลาดลดลงมาเหลือ 10.8% ทั้งนี้คาดการณ์ว่า Lenovo จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มได้อีกจากการควบรวมกับ NEC ในประเทศญี่ปุ่น

เดลล์แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 โดยมีงวดการเงินสิ้นสุดเดือนมกราคมตามวิธีนับของบริษัทมีรายได้สุทธิ 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นกำไรสุทธิถึง 927 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 334 ล้านดอลลาร์

ซีอีโอ Michael Dell อธิบายว่าเป็นผลจากการที่เดลล์ลดการขายสินค้าที่ทำกำไรต่ำออกไป เพิ่มสินค้าที่มีกำไรดีเช่นอุปกรณ์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และอุปกรณ์พกพาทั้งหลาย รวมทั้งลูกค้าระดับองค์กรเริ่มมีการใช้จ่ายซื้อพีซีใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้ประโยชน์จากการที่ชิ้นส่วนอุปกรณ์หลายอย่างมีราคาถูกลง อาทิ จอ LCD และหน่วยความจำ

ที่มา: WSJ

Cisco แถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ หากแต่เมื่อดูตัวเลขรายได้รวมนั้นอยู่ที่ 10.41 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อัตรากำไรเบื้องต้นลดลงจาก 64.5% มาอยู่ที่ 60.2%

ซีอีโอ John Chambers กล่าวว่าบริษัทพยายามขยายตลาดไปยังประเทศกำลังพัฒนาให้มากขึ้น เนื่องจากประเทศใหญ่อย่างในอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นนั้นรัฐบาลต่างลดงบประมาณจัดซื้อลงไปมาก ส่วนบรรดานักวิเคราะห์มองว่า Cisco พยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดมากเกินไป ทำให้ต้องผลิตสินค้าจับกลุ่มระดับกลาง-ล่างมากขึ้น ซึ่งทำให้กำไรของบริษัทนั้นลดลง อีกทั้งสินค้ากลุ่มดังกล่าวยังต้องสู้กับคู่แข่งมาแรงอย่าง Huawei จากประเทศจีนด้วย

ซัมซุงเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิ 3.01 ล้านล้านวอน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท) จากยอดขาย 41.9 ล้านล้านวอน ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส เนื่องจากธุรกิจหลักของบริษัทอย่างการผลิตชิ้นส่วนซึ่งมีสินค้าหลักอย่างชิบหน่วยความจำและจอ LCD มีกำไรลดลงต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆยังคงมีผลประกอบการขาดทุนต่อจากไตรมาสที่แล้ว ตัวเลขกำไรสุทธิปี 2010 ของบริษัทอยู่ที่ 16.15 ล้านล้านวอน

ไมโครซอฟท์แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 (นับตามปฏิทินบริษัท) มีตัวเลขรายได้ 1.99 หมื่นล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 4.9% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.63 พันล้านเหรียญฯ ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์มีมุมมองกับผลประกอบการนี้แตกต่างกันไป โดยรายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้

ใครจะแย่งชิงตลาดยังกันยังไงระหว่าง iOS, Android, หรือ Windows Phone 7 บริษัทหนึ่งที่กินรายได้สบายๆ คือ Qualcomm เจ้าของสิทธิบัตรจำนวนมากในเทคโนโลยี CDMA และผู้ผลิตชิปเซ็ตสำหรับโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจนแทบเรียกได้ว่าทุกเจ้าใช้งานชิปของ Qualcomm อย่างน้อยก็หนึ่งตัวต่อโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้การที่ตลาดสมาร์ทโฟนโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมาก็ดันให้ Qualcomm โตตามตลาดได้อย่างน่าประทับใจ

วันเดียวกับที่คู่แข่งอย่างโซนี่ประกาศเครื่องเล่นเกมตัวใหม่ นินเทนโดก็ออกมาแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่สาม (นับตามปีงบประมาณ หมายถึงช่วงตุลาคม-ธันวาคม) ปรากฎว่ากำไรลดลงจากเดิม 46%

เหตุผลก็เพราะยอดขายของ Wii และ DS เริ่มลดลง ซึ่งนินเทนโดได้ปรับลดประมาณการณ์จำนวนยอดขายตลอดปี (สิ้นสุดเดือนมีนาคม) ลงมา โดย Wii ลดลงจาก 17.5 ล้านเครื่องมาเหลือ 16 เครื่อง ส่วน DS ลดจาก 23.5 ล้านเครื่องมาเหลือ 22.5 ล้านเครื่อง

นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเครื่องเล่นเกมของนินเทนโดเริ่มถึงอายุขัยรอบนี้แล้ว ซึ่งนินเทนโดก็รู้ตัวดี และไตรมาสหน้าเราจะเห็นอัตรายอดขายของ 3DS ว่าร้อนแรงแค่ไหน

โนเกียแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2010 มีรายละเอียดดังนี้ครับ

• รายได้เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่กำไรลดลง 26%
• ยอดขายมือถือ (นับเป็นเครื่อง) เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน
• ถ้าคิดทั้งปี 2010 รายได้เพิ่ม 4% กำไรลดลง 9% มือถือขายได้เพิ่มขึ้น 13%
• ส่วนแบ่งตลาดของโนเกียลดลงจาก 34% ในปี 2009 มาเหลือ 32% ในปี 2010

ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสที่โนเกียเริ่มวางขายอุปกรณ์ที่ใช้ Symbian^3 เป็นครั้งแรก และราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เดิม 136 ยูโร เพิ่มขึ้นเป็น 156 ยูโร

บริษัทที่ไม่ค่อยหวือหวาแต่ทุกคนยังไม่ลืม (และพร้อมจะให้อภัย) อย่าง Sony Ericsson ประกาศตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2010 ซึ่งทำให้เราเห็นสภาพการเงินตลอดทั้งปี 2010 ว่าสถานะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง หลังจากที่ติดลบกว่าพันล้านยูโรในปี 2009

ตลอดปี 2010 ยอดขายเครื่องของ Sony Ericsson ลดลงเหลือ 43.1 ล้านเครื่อง จาก 57.1 ล้านเครื่องในปี 2009 และมีรายรับรวมลดลงเล็กน้อย แต่ที่เพิ่มขึ้นผิดหูผิดตาคือกำไรเพิ่มจาก 15% ขึ้นมาเป็น 29% นอกจากนี้ยอดขายเครื่องตระกูล Xperia ที่เป็น Android ก็ขายได้มากกว่า 9 ล้านเครื่องตลอดปี

นี่เป็นสัญญาณที่ดีของแฟนๆ Sony Ericsson และถ้า Xperia Arc รวมถึงมือถืออื่นๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้ได้รับเสียงตอบรับดี เราก็อาจเห็น Sony Ericsson กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

แฟนๆ เอเอ็มดีมีเรื่องให้ลุ้นกันอยู่ทุกไตรมาสคือผลประกอบการที่ยังไม่นิ่งเท่าใหร่นัก แต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2010 เอเอ็มดีก็มีกำไรให้ชื่นใจถึง 375 ล้านดอลลาร์ จากรายได้ 1,650 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นรายได้รวมทั้งปี 6,490 ล้านดอลลาร์ กำไรรวม 471 ล้านดอลลาร์

ในรายงานประจำปีนี้เอเอ็มดียังสรุปภาพรวมเอาไว้หลายอย่าง

ถึงแม้ซีอีโอจะขอลาป่วยจนน่าจะเป็นข่าวลบต่อบริษัท แต่ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ผ่านมาของแอปเปิล ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2010 ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 1 ปี 2011 ของบริษัทก็ออกมาให้เป็นข่าวดีอีกครั้ง (ดูผลประกอบการไตรมาสที่แล้ว)

เข้าสู่ช่วงการแจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทต่างๆอีกครั้ง โดยในกลุ่มเทคโนโลยีก็เริ่มที่อินเทลเช่นเคย โดยบริษัทถูกประเมินว่าตัวเลขที่จะออกมาไม่น่าจะดีนักเพราะตลาดของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซึ่งอินเทลไม่มีส่วนแบ่งด้วย กำลังเข้ามาครองส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่อินเทลแจ้งรายได้ในไตรมาส 4 ที่ดีมากๆต่อเนื่องโดยอยู่ที่ 11.46 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.4% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ 3.39 พันล้านดอลลาร์ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่ 2.28 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาสูงถึง 67.5% (ข่าวเก่า: ไตรมาส 3)

Adobe เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2010 ปรากฎว่าทำรายได้รวม (revenue) แตะหลัก 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกของบริษัท

Adobe มีรายได้รวม 1.01 พันล้านดอลลาร์ โตขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรอยู่ที่ 268.9 ล้านดอลลาร์ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 32 ล้านดอลลาร์

สาเหตุของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากคือยอดขายของ CS5 ที่กลับมาดี หลังจากขายไม่ดีนักช่วงเปิดตัวใหม่ๆ เมื่อต้นปี นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ด้านองค์กรของ Adobe ก็ไปได้ดีเช่นกัน และกำลังเป็นตัวทำเงินใหม่ของบริษัทนอกเหนือจาก CS

ที่มา - Bloomberg