LG Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาสสองโดยพลิกมามีกำไรสุทธิ 1.08 แสนล้านวอน (99.6 ล้านดอลลาร์) หลังจากไตรมาสที่แล้วขาดทุน โดยมาจากกำไรในส่วนธุรกิจโทรทัศน์ทั้ง LED, LCD และ CINEMA 3D ที่เพิ่มสูงขึ้นมามาก ปัจจุบัน LG เป็นผู้ผลิตโทรทัศน์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ในส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือนั้น LG ยังคงขาดทุนอยู่แต่ขาดทุนน้อยลงเป็นขาดทุน 5.4 หมื่นล้านวอนในไตรมาสนี้ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 11.6% ซึ่งก็เป็นไปตามที่ LG เคยปรับลดเป้าหมายในปีนี้ลง 20% ก่อนหน้านี้ โดยไตรมาสที่ 3 LG จะลดสายการผลิตโทรศัพท์ราคาถูกลง และให้ความสำคัญกับมือถือจอ 3D ซึ่งคู่แข่งยังไม่มีสินค้าในขณะนี้
รายงานผลประกอบการ Amazon ไตรมาสที่สองแสดงรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจาก 6.57 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วมาเป็น 9.91 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 แต่ตัวเลขกำไรกลับลดลงเล็กน้อยจาก 207 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วเหลือ 191 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
เหตุผลที่ผลกำไรกลับน้อยลงเนื่องจาก Amazon ต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับธุรกิจที่ขยายตัว โดยตอนนี้ Amazon กำลังสร้างศูนย์กระจายสินค้าถึง 15 แห่งพร้อมกัน ทำให้รายจ่ายการดำเนินการสูงขึ้นไล่ไปกับรายได้
รายได้ 9.91 พันล้านดอลลาร์แบ่งออกเป็นสองฝั่งคือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอื่นๆ เป็นมูลค่า 5.89 พันล้านดอลลาร์ และสินค้าประเภทสื่อ, หนังสือ, ซีดี, และดีวีดี เป็นมูลค่า 3.66 พันล้านดอลลาร์
RIM ออกมาประเมินรายได้ประจำไตรมาสที่สองของปี 2011 คาดว่ารายรับน่าจะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี (ช่วงปีหลังๆ นี้ถึง RIM จะมีส่วนแบ่งตลาดลดลง แต่รายรับยังเติบโตดีเพราะขายได้จำนวนมากขึ้น) และเตรียมจะปลดพนักงานอีก 2,000 ตำแหน่ง
ปัจจุบัน RIM มีพนักงานเกือบ 20,000 คน ซึ่งการปลดพนักงานครั้งนี้มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 10 ของบริษัท ในแถลงการณ์ของ RIM ระบุว่าจะโฟกัสไปยังธุรกิจที่เจริญเติบโตดี และประกาศปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงจำนวนหนึ่ง
RIM จะประกาศผลประกอบการอย่างเป็นทางการของไตรมาสที่สอง ในวันที่ 15 กันยายน
ที่มา - Bloomberg
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปฏิทินการเงินของบริษัท มีกำไรสุทธิ 5.87 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 30% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว รายได้รวมอยู่ที่ 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.5%
ไมโครซอฟท์อธิบายสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นมากแม้รายได้ไม่เพิ่มมากนัก มาจากค่าเฉลี่ยต้นทุนทางภาษีที่ลดลงจากปีก่อนในอัตรา 25% เหลืออยู่ 7% ในปีนี้ โดยมาจากการรับรู้รายได้ผ่านสาขาในประเทศที่มีอัตราภาษีการขายต่ำมากอย่าง ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ และเปอร์โตริโก
รายละเอียดยอดขายเป็นรายกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้
เอเอ็มดีรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2011 มีกำไรสุทธิ 61 ล้านดอลลาร์ซึ่งดีกว่าไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุน ส่วนรายได้ลดลงมา 4.8% ที่ 1.57 พันล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Thomas Seifert ชี้แจงว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ลดลงคือยอดขายในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตช้า ขณะที่กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 46%
เอเอ็มดียังคงอยู่ในช่วงเวลาของการหาซีอีโอคนใหม่ ซึ่งแม้ซีเอฟโอ Seifert จะเป็นตัวเก็ง แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา: Bloomberg
โนเกียประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีเป็นเงิน 487 ล้านยูโรและรายได้ลดลง 7% จากปีที่แล้วจาก 10,003 ล้านยูโรเหลือ 9,275 ล้านยูโรนับเป็นการขาดทุนไตรมาสแรกในรอบหลายปีตั้งแต่เกือบสิบปีที่แล้ว
ทางโนเกียคาดว่าปริมาณเงินสดในปีนี้จะอยู่ในระดับเหนือ 3,900 ล้านยูโร ยังคงขาดทุนได้อีกสักพัก
ทาง Steven Elop นั้นออกมาให้ความมั่นใจว่าโนเกียจะยังกลับขึ้นมาแข็งแกร่งได้โดยตอนนี้โนเกียจะปรับแผนการทำราคาสินค้า, ให้ความสนใจกับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น, และปรับโครงสร้างการจัดการ
สำหรับ Windows Phone นั้นโนเกียจะเปิดตัวในบางตลาดเท่านั้น และโทรศัพท์สองซิมนั้นยังออกวางตลาดได้ตามกำหนด
งานนี้ดูรายงานได้ก็บอกได้แค่ว่า "อาการไม่ดี"
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งสูงกว่าเมื่อไตรมาสที่แล้ว และคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.95 พันล้านดอลลาร์ ผลที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ก่อนหน้านี้
ซีอีโอ Paul Otellini แถลงว่าแม้บริษัทยังไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดชิปสำหรับอุปกรณ์พกพา แต่เพราะสมาร์ทโฟนทุกๆ 600 เครื่องต้องการ 1 เซิร์ฟเวอร์ในการประมวลผล หรือเทียบกับแท็บเล็ตก็คือทุกๆ 122 เครื่องต้องการ 1 เซิร์ฟเวอร์เช่นกัน จุดนี้ยังทำให้อินเทลเติบโตได้ผ่านความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ให้บริการกลุ่มเมฆซึ่งต้องการชิปประสิทธิภาพสูงในการประมวลผลข้อมูลอย่างวิดีโอความละเอียดสูง
บริษัท EMC แถลงผลประกอบการไตรมาสที่สองรายได้ 4.85 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว ขณะที่กำไรอยู่ที่ 546 ล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคือบริษัทลูกอีกสองบริษัทคือ VMware และ RSA นั้นก็กำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหมือนกันทำให้สถานะทางการเงินของ EMC นั้นแข็งแกร่งมากในตอนนี้
VMware นั้นกำไรเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัวเป็น 220 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่อยู่เพียง 75 ล้านดอลลาร์ กำไรที่ดีขึ้นคงมาตามกระแส cloud computing ที่บริษัทจำนวนมากกำลังพัฒนาระบบภายในกันทำให้ไลเซนส์ของ VMware ขายดิบขายดี
ที่น่าสนใจคือ RSA ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกบริษัทนั้นรายได้ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 13% แม้จะมีปัญหาข้อมูลรั่วไหลจนต้องเปลี่ยน SecurID ให้กับลูกค้าจำนวนมาก
แอปเปิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2011 ตามรอบการเงินของบริษัท โดยตัวเลขที่ออกมายังคงเดินหน้าทำลายสถิติเดิมต่อไปอีกไตรมาส มียอดขายรวม 2.86 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 82% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หรือ 16% จากไตรมาสที่แล้วในปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 7.31 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าหนึ่งเท่าตัวจากปีก่อน ตัวเลขที่ออกมาก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และมีกำไรขั้นต้นถึง 41.7%
ยาฮูรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปีนี้ รายได้ลดลง 5% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยยาฮูกล่าวว่าสาเหตุหลักมาจากการปรับเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้จากข้อตกลงในความร่วมมือด้านเสิร์ชกับไมโครซอฟท์ ทำให้มีการแบ่งรายได้กันซึ่งยังไม่ลงตัวดี อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ก็เพิ่มขึ้นมา 11% เป็น 237 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Carol Bartz กล่าวว่าในครึ่งปีหลังธุรกิจโฆษณาซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของยาฮูจะยังไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากยาฮูอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต
ยักษ์ใหญ่สีฟ้า IBM รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดยตัวเลขออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ รายได้เพิ่มขึ้น 12% เป็น 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้านดอลลาร์
รายได้จากส่วนธุรกิจฮาร์ดแวร์เติบโต 17% จากปีก่อน เช่นเดียวกับซอฟท์แวร์ที่เติบโต 17% เช่นกัน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม WebSphere ยอดขายเพิ่มสูงถึง 55% มีสัญญาการให้บริการใหม่ที่ทำขึ้นในไตรมาสนี้รวม 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เมื่อแยกรายได้ตามพื้นที่ ในอเมริกาเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) เติบโตถึง 13%
นักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการ IBM ช่วยยืนยันอีกทางหนึ่งว่าการใช้จ่ายด้านไอทีในระดับองค์กรนั้นยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 รายได้เพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 6.92 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก็สูงกว่าถึง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ด้านกำไรก็สอดคล้องกัน โดยมีกำไรสุทธิ 2.51 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมาจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 1.84 ล้านดอลลาร์
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้นจนน่าตกใจในไตรมาสที่แล้วก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้แต่อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นลดลง โดยไตรมาสนี้กูเกิลมีพนักงานเพิ่มขึ้นอีก 2,452 คนโดย 450 คนมาจากการซื้อกิจการ ITA
ในช่วงการชี้แจงข้อมูลกับนักวิเคราะห์ซีอีโอ Larry Page ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญดังนี้
ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจากไต้หวัน HTC รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ตามรอบการเงินบริษัท มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนมาอยู่ที่ 1.24 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน ส่งมอบสมาร์ทโฟนไป 11 ล้านเครื่อง บริษัทคาดว่า Sensation จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ทำเงินให้บริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้
เมื่อเทียบคู่แข่ง ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนของ RIM ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 13.2 ล้านเครื่อง ทำให้โอกาสที่ HTC จะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 4 ตามข่าวก่อนหน้านี้ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว
ยักษ์ใหญ่ด้านซอฟท์แวร์อันดับสามของโลกอย่างออราเคิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปฏิทินการเงินของบริษัท มีรายได้รวม 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อแบ่งดูรายได้เป็นกลุ่ม ซอฟท์แวร์ไลเซนส์มียอดขายเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่บริษัทมีปัญหาในยอดขายกลุ่มฮาร์ดแวร์ที่ลดลง 6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจที่ขยายตัวจากการเข้าซื้อซันก่อนหน้านี้
ที่มา: Reuters
Research in Motion หรือ RIM ผู้ผลิต BlackBerry และแท็บเล็ต PlayBook แถลงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2011 ตามรอบการเงินบริษัท มีกำไรสุทธิ 695 ล้านดอลลาร์ ลดลง 9.6% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แม้รายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 16% ซึ่งยังคงสวนทางเหมือนไตรมาสที่แล้ว
BlackBerry ส่งมอบไป 13.2 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วน PlayBook อยู่ที่ 5 แสนเครื่อง ซึ่งถ้านับจากวันที่เริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายนจนถึงสิ้นสุดไตรมาสในเดือนพฤษภาคมก็เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ แม้ตัวเลขจะออกมาเยอะกว่าที่คาด แต่ตัวเลขนี้ก็น้อยกว่า iPad มากนัก
Koo Bon Joon ซีอีโอของ LG ให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจมือถือของบริษัทยังยากที่จะกลับมาทำกำไรในไตรมาสที่สองของปีนี้ หลังจากที่ขาดทุนติดต่อกันมาแล้ว 2 ไตรมาส
ในไตรมาสแรกของปี 2011 บริษัทขาดทุน 93 ล้านดอลลาร์ ส่วนไตรมาสที่สองของปีนี้ เดิมทีนักวิเคราะห์คาดว่า LG จะกลับมาทำกำไรได้จากมือถือตระกูล Optimus ชุดใหม่ แต่การออกมาประกาศของซีอีโอรอบล่าสุดทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มสั่นคลอน
LG เป็นผู้ผลิตมือถืออันดับสามของโลก แต่ส่วนแบ่งตลาดเริ่มลดลงจากเดิม 7.6% ในไตรมาสแรกของปี 2010 ลงมาเหลือ 5.6% ในไตรมาสแรกของปี 2011
ส่วนธุรกิจทีวีของ LG ก็ไปได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะสต๊อกสินค้าคงค้างอยู่เยอะเกินไป
Lenovo ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปีปฏิทินของบริษัท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเกือบ 3 เท่าตัวอยู่ที่ 42.13 ล้านดอลลาร์ (ข่าวไตรมาสที่แล้ว)
Lenovo อธิบายผลประกอบการที่ดีขึ้นว่ามาจากความต้องการพีซีในระดับองค์กรที่เพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทก็ต้องเผชิญปัญหาการแย่งชิงตลาดของแท็บเล็ตในกลุ่มลูกค้าทั่วไปเช่นกัน โดยบริษัทมี LePhone และ LePad ไว้รองรับการแข่งขันในตลาดดังกล่าว
ปัจจุบัน Lenovo เป็นผู้ผลิตพีซีรายใหญ่อันดับที่ 4 ของโลก
ที่มา: Reuters
เดลล์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2011 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นกำไรสุทธิ 945 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว
เดลล์เองก็ประสบปัญหายอดขายลดลงในกลุ่มพีซีสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปเช่นเดียวกับผู้ผลิตรายอื่น แต่เดลล์ได้ยอดขายเพิ่มจากกลุ่มลูกค้าองค์กรซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนพีซีมาให้รองรับ Windows 7 แทน ขณะที่บริษัทประกาศว่าจะเน้นสินค้าในกลุ่ม Data Center เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของแท็บเล็ตและการให้บริการกลุ่มเมฆ
HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีงบการเงิน 2011 ของบริษัท มีรายได้สุทธิ 3.16 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเพียง 3% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้เล็กน้อย
กลุ่มธุรกิจสินค้าส่วนบุคคลมีรายได้ลดลง 5% เนื่องจากยอดขายพีซีที่ลดลงไปมาก ขณะที่กลุ่มธุรกิจการให้บริการซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของ HP ในปีนี้เติบโตเพียง 2% เท่านั้น
ซีอีโอ Leo Apotheker กล่าวว่าในไตรมาสปัจจุบันนี้ยังคงเป็นไตรมาสที่ยากลำบากของ HP อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และการควบคุมค่าใช้จ่ายจะยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับลดตัวเลขกำไรในอีกสองไตรมาสที่เหลือลงด้วย
Logitech แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ประจำปี 2011 (นับตามปีงบประมาณ) ซึ่งผลออกมาไม่ค่อยดีนัก
Logitech มียอดขายรวมโตขึ้น 4% แต่ก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และกำไรหายไป 87% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เหตุผลสำคัญเป็นเพราะยอดขายในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา (เรียกรวมๆ ว่า EMEA) ลดลงมาก อย่างไรก็ตาม ยอดขายในเอเชียและทวีปอเมริกายังเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ขายดีมากคือ LifeSize (อุปกรณ์สื่อสารอย่างกล้องเว็บแคม)
ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีซัมซุงรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2011 มีรายได้เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่กำไรสุทธิลดลง 30% เหลือ 2.78 ล้านล้านวอน
ปัจจุบันธุรกิจที่เป็นตัวสร้างกำไรของซัมซุงคือโทรศัพท์มือถือ โดยไตรมาสที่ผ่านมาซัมซุงขายโทรศัพท์มือถือรวมกับแท็บเล็ตได้ 70 ล้านเครื่อง ซัมซุงไม่ได้ชี้แจ้งรายละเอียดว่า Galaxy Tab ลำพังขายได้เท่าใด แต่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ราว 1 ล้านเครื่อง
ในส่วนธุรกิจชิป NAND flash และโทรทัศน์นั้นยังมีกำไรอยู่แต่ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่สายธุรกิจชิ้นส่วนจอภาพขาดทุนหนักถึง 2.3 แสนล้านวอน
ซัมซุงบอกว่าไตรมาสที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ยากลำบากมาก ทั้งเศรษฐกิจในยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัวดี อีกทั้งปัญหาแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นตอนเดือนมีนาคมอีก
หลังจากปล่อยให้นักวิเคราะห์คาดเดากันมานานว่า XOOM ขายดีแค่ไหนกันแน่ ในที่สุด Motorola ก็ออกมาเปิดเผยยอดขายอย่างเป็นทางการในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส โดยไตรมาสแรกของปี 2011 สามารถขาย XOOM ได้ 250,000 เครื่อง เยอะกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์กันไว้
ไตรมาสนี้ Motorola ขายผลิตภัณฑ์ได้ทั้งหมด 9.4 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นสมาร์ทโฟน 4.1 ล้านเครื่อง ส่วนรายรับเพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังขาดทุนอยู่แต่ด้วยอัตราที่ลดลงจากเดิม
ที่มา - BGR
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามปฏิทินบริษัท มีรายได้สุทธิ 1.643 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ 5.23 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31%
ในไตรมาสที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจเพิ่มทั้งกับโนเกียในด้านโทรศัพท์ และโตโยต้าในการผลิตรถยนต์อัจฉริยะ เสริมกำลังเพิ่มจากความร่วมมือด้านเสิร์ชที่ร่วมกับยาฮูก่อนหน้านี้ ทั้งนี้รายละเอียดยอดขายแยกเป็นกลุ่มธุรกิจมีดังนี้
LG Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกโดยขาดทุนสุทธิ 1.58 หมื่นล้านวอนหรือราว 15 ล้านดอลลาร์ ซึ่งผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าไตรมาสนี้จะกำไรอยู่เล็กน้อย โดยปัญหาหลักมาจากส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือ
ถึงแม้ LG จะเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก แต่ส่วนธุรกิจนี้ยังคงขาดทุนต่อเนื่องติดต่อกันถึงสี่ไตรมาสแล้ว โดยได้กำไรส่วนธุรกิจโทรทัศน์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาช่วยเอาไว้ แต่ไตรมาสที่ผ่านมากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำไรลดลงไปมาก จึงส่งผลให้ภาพรวมในไตรมาสนี้ออกมาขาดทุน
Nintendo แจ้งผลประกอบการประจำปีการเงิน 2011 ตามวิธีนับของบริษัท (ข่าวไตรมาสที่แล้ว) โดยรายได้สุทธิลดลง 29% ขณะที่กำไรสุทธิลดลงฮวบจากปีก่อนถึง 66% เหลือ 7.762 หมื่นล้านเยน ซึ่งในตัวเลขยอดขายนี้ได้รวมยอดขายของ 3DS ที่เพิ่งเริ่มวางจำหน่ายไปได้ 3.61 ล้านเครื่อง
นอกจากนี้ Nintendo ยังแถลงอย่างเป็นทางการว่า Wii รุ่นถัดไปจะเริ่มวางจำหน่ายในปี 2012 โดยจะเปิดตัวเครื่องเล่นเกมนี้ในงาน E3 ช่วงเดือนมิถุนายน
Wii เปิดตัวตั้งแต่ 2006 และกลายเป็นเครื่องเกมยอดนิยมจากการควบคุมเกมด้วยวิธีการจับการเคลื่อนไหวของผู้เล่น แต่เมื่อไมโครซอฟท์และโซนี่เริ่มอัพเกรดอุปกรณ์ออกมาบ้าง ยอดขายของ Wii ก็ถดถอยลงต่อเนื่องมาสองปีแล้ว