Facebook เขียนบล็อกเล่าว่าเปลี่ยนเครื่องมือสำหรับเขียนโค้ด (IDE) จากเดิมที่ใช้ Nuclide ซึ่งเป็น IDE ของตัวเองที่พัฒนาขึ้นบน Atom มาเป็น Visual Studio Code แทนแล้ว
Facebook ระบุว่าหยุดพัฒนา Nuclide เวอร์ชันโอเพนซอร์ส ในปี 2018 แต่ยังใช้งานในบริษัทอยู่ แต่พอมาถึงปลายปี 2018 ก็ตัดสินใจย้ายมาใช้ Visual Studio Code แทน ด้วยเหตุผลว่าเป็น IDE ที่ได้รับความนิยมสูง ทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม ได้รับการพัฒนาจากไมโครซอฟท์อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าอยู่ต่อได้ในระยะยาว และมี API ที่ดีในการสร้างส่วนขยาย (หมายเหตุ: VS Code พัฒนามาจาก Electron ซึ่งเป็นแกนของ Atom อีกที)
เฟซบุ๊กมีความพยายามจะจับตลาดวัยรุ่นด้วยมีม ล่าสุดได้ทดสอบแอพพลิเคชั่นใหม่ Whale ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างมีมด้วยตัวเองได้
การทำงานของ Whale คล้ายกับการทำงานของแอพแต่งรูป ใช้รูปจากสต็อกมาตกแต่งเป็นมีม ครอปภาพ ใส่ฟิลเตอร์ สติกเกอร์ และอีโมจิได้ และสามารถแชร์ภาพที่ทำเสร็จหรือมีมนั้นไปยังโซเชียล และ thread การสนทนาได้โดยตรงจากในแอพ Whale เลย
การโพสต์รูปโป๊เพื่อกลั่นแกล้ง หรือแก้แค้น (revenge porn) เป็นการคุกคามอีกรูปแบบหนึ่งที่โซเชียลมีเดียต้องรับมือ สำนักข่าว NBC ทำรายงานพิเศษ สัมภาษณ์ทีมงานเฟซบุ๊ก เจาะลึกวิธีที่เฟซบุ๊กใช้จัดการกับคอนเทนต์เหล่านี้
TechCrunch ไปเจอเฟซบุ๊กกำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่คือ Popular Photos ให้ผู้ใช้เลื่อนดูรูปภาพที่ได้รับความนิยมของเพื่อนๆ โดยอัลกอริทึมจะเสนอรูปภาพเพื่อนมาให้เลื่อนดูไปเรื่อยๆ เหมือนไถฟีด Instagram เลย
วิธีการทำงานเหมือนเซกชั่น Video คือ เมื่อกดดูรูปภาพ หน้าจอพื้นหลังจะเป็นสีดำ เป็นการเข้าสู่โหมด Popular Photos ผู้ใช้สามารถไถไทม์ไลน์ลงมาได้เรื่อยๆ เพื่อดูรูปอื่นๆ ล่าสุดเฟซบุ๊กได้ยืนยันว่ามีการทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวจริง และไม่ได้ระบุว่าจะเปิดให้ใช้งานเมื่อไร
John Carmack ซีทีโอของ Oculus ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เหลือหน้าที่เพียงเป็นเพียงซีทีโอที่ปรึกษาเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ทำงานเต็มเวลาเหมือนเดิม แต่ยังพอมีสิทธิมีเสียงในกระบวนการพัฒนาอยู่ ส่วนเวลาอื่นเขาบอกว่าจะเอาเวลาไปไปทำ Artificial General Intelligence (AGI) แบบเต็ม ๆ
Carmack เคยอยู่เบื้องหลังเกมอย่าง Doom และ Quake ก่อนจะมาร่วมทีม Oculus ในปี 2013 โดย Carmack นับเป็นผู้บริหารคนที่ 4 ที่ลาออกจากบริษัทต่อจากผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอย่าง Palmer Luckey ที่ลาออกไปตั้งแต่ปี 2017, Brenden Iribe ในปี 2018 และ Nate Mitchell ที่ออกเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ที่มา - John Carmack via The Verge
ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า Joshua Maddux ได้ทวีตปัญหา (น่าจะบั๊ก) ที่พบบนเฟซบุ๊กเวอร์ชัน iOS ที่แอบเปิดกล้องหลังเองขณะที่เจ้าตัวกำลังไถอยู่บนนิวส์ฟีด (ดูตัวอย่างได้จากทวิตเตอร์ท้ายข่าว)
Maddux บอกว่าพบปัญหาบน iPhone ทุกเครื่องที่รัน iOS 13.2.2 แต่กลับไม่พบปัญหา iOS 12 (แต่ก็ไม่รู้ว่ามันแอบทำงานเหมือนกันหรือไม่) ขณะที่ทาง The Next Web ได้ทดสอบก็พบปัญหาเดียวกันบน iOS เวอร์ชันเดียวกัน แต่หากเป็น iOS 13.1.2 กลับไม่พบปัญหา เช่นเดียวกับที่ไม่พบบน Android 10 จาก Pixel 4
ด้านเฟซบุ๊กยังไม่ได้แสดงความเห็นจากปัญหานี้ (แต่ก็คาดเดาได้ว่าคงตอบว่าเป็นบั๊กและจะปล่อยอัพเดตแก้) ทางที่ดีคือปิดไม่ให้เฟซบุ๊กเข้าถึงทั้งกล้องและไมโครโฟนตลอดเวลา เป็นการดีที่สุดครับ
Facebook เปิดตัวบริการจ่ายเงิน Facebook Pay โดยสามารถใช้งานได้ผ่านแพลตฟอร์มในเครือทั้ง Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ Facebook Pay ส่งเงินให้กับเพื่อน, จ่ายเงินซื้อสินค้า ไปจนถึงกิจกรรมบริจาคเงินให้กับโครงการต่าง ๆ
ทั้งนี้ Facebook บอกว่าบริการ Facebook Pay ใช้แพลตฟอร์มการเงินที่มีอยู่ปัจจุบันผ่านความร่วมมือของพาร์ทเนอร์ ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับกระเป๋าเงิน Calibra และระบบเงิน Libra ที่ล่าสุด Facebook มีท่าทียอมถอยจนกว่ารัฐบาลสหรัฐจะอนุมัติ โดยรองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิต, บัตรเครดิต และ PayPal ส่วนระบบการชำระเงินเป็นความร่วมมือกับ PayPal, Stripe และผู้ให้บริการรายอื่นทั่วโลก
เฟซบุ๊กออกมาเผยว่า พบแอพพลิเคชั่นภายนอก ที่เคยเชื่อมต่อ API เข้ามาใน Facebook Groups ยังคงเข้าถึงข้อมูลสมาชิกใน Facebook Groups จำพวก ชื่อ และรูปโปรไฟล์ได้ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเข้าถึงข้อมูลไปแล้วในปี 2018
Facebook ประกาศเปิดตัวโลโก้ใหม่ของบริษัท เพื่อแยกแบรนด์ของบริษัท Facebook Inc. ออกจากแบรนด์ของแอพ/ผลิตภัณฑ์โซเชียล โดยดีไซน์ใหม่เป็นการเขียนคำว่า FACEBOOK ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด แทนคำว่า facebook ที่เราคุ้นเคยมาตลอด
ตัวโลโก้ Facebook อันเดิมยังคงอยู่ แต่จะใช้กับแอพโซเชียล Facebook เท่านั้น ส่วนโลโก้ใหม่ที่เป็นแบรนด์ของบริษัท จะปรากฏตัวในบริการอื่นๆ ในสังกัดทั้งหมด ได้แก่ Messenger, Instagram, WhatsApp, Oculus, Workplace, Portal, Calibra ที่จะเพิ่มคำว่า "From Facebook" พร้อมโลโก้ใหม่เข้ามาด้วย
เฟซบุ๊ก, มอซิลล่า, และ Cloudflare ร่วมเสนอมาตรฐาน TLS Delegated Credentials มาตรฐานที่อนุญาตให้เจ้าของโดเมนสามารถออกใบรับรองระยะสั้นเพื่อใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยกระจายข้อมูล (content delivery network - CDN)
ทุกวันนี้เมื่อเว็บไซต์ต่างๆ ต้องการใช้งาน CDN แบบเข้ารหัส ต้องนำใบรับรองและกุญแจลับไปมอบให้กับผู้ให้บริการ CDN กุญแจเหล่านี้จะถูกกระจายไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ ที่บางครั้งก็มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากกระจายไปทั่วโลก หากเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งถูกเจาะ คนร้ายก็จะได้กุญแจสำหรับเข้ารหัสทั้งหมด
เป็นข่าวต่อเนื่องจากที่กูเกิลประกาศซื้อกิจการ Fitbit โดย The Information ระบุว่า มีบริษัทหนึ่งได้เจรจาขอซื้อ Fitbit ก่อนกูเกิล แต่ปิดดีลไม่ได้ นั่นคือ Facebook
แหล่งข่าวบอกว่า Facebook เป็นผู้ติดต่อขอซื้อ Fitbit ก่อน แต่เสนอราคาไม่สูง โดยเสนอไปประมาณครึ่งหนึ่งของที่กูเกิลเสนอซื้อ (2,100 ล้านดอลลาร์) จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ Fitbit จะตัดสินใจเลือกกูเกิล
ที่น่าสนใจคือ Facebook ทำไมจึงสนใจซื้อ Fitbit เนื่องจากไลน์สินค้านั้นดูไม่เข้ากับธุรกิจปัจจุบันนัก ถึงแม้อดีต Facebook จะเคยซื้อแอปออกกำลังกาย Moves แต่เวลาต่อมาก็ปิดตัวไป
Facebook ได้ยื่นฟ้องบริษัท OnlineNIC ซึ่งเป็นบริษัทรับจดทะเบียนโดเมนเนมพร้อมด้วยบริษัทในเครือ ID Shield บริการพร็อกซีและความเป็นส่วนตัวสำหรับซ่อนตัวผู้จดทะเบียน ในข้อหาปล่อยจดทะเบียนโดเมนโดยใช้เครื่องหมายการค้าผู้อื่นเป็นโดเมนเนม ซึ่งมักจะเป็นโดเมนเนมที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
ตัวอย่าง URL ที่ Facebook ระบุไว้ในคำฟ้อง เช่น facebook-pass.com, facebook-pw.com, www-facebook-login.com, www-facebook-pages.com, iiinstagra.com, m-facebook-login.com ซึ่งโดเมนเนมเหล่านี้สามารถใช้เพื่อทำการหลอกลวงผ่านการฟิชชิ่งได้ เพราะชื่อใกล้เคียงมากจนส่งผลให้ผู้ใช้งานสับสนได้ง่าย
Aaron Sorkin ผู้เขียนบทหนังเรื่อง The Social Network ตีแผ่การกำเนิดของเฟซบุ๊กที่ฉายเมื่อปี 2010 เขียนจดหมายถึงมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ลงในหนังสือพิมพ์ The New York Times วิจารณ์ว่าสิ่งที่เฟซบุ๊กทำอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่การรักษาเสรีภาพในการแสดงความเห็น แต่เป็นการพยายามบ่อนทำลายความจริง
อย่างที่ทราบกันว่า เฟซบุ๊กมีนโยบายชัดเจน ไม่แบนโฆษณาจากนักการเมือง แม้มันจะเป็นข้อมูลผิดหรือบิดเบือน เพราะเฟซบุ๊กมองว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะรู้
Jane Manchun Wong นักวิจัยแอพพลิเคชั่นคนเดิม ไปพบว่าเฟซบุ๊กกำลังทดลองฟีเจอร์โทรคุย และวิดีโอคอลแบบเข้ารหัสบน Facebook Messenger
ปัจจุบันผู้ใช้งาน Facebook Messenger สามารถพิมพ์คุยกันได้ใน Secret Mode แต่ผู้ใช้ต้องเป็นคนเปิดโหมดนี้ในเมนูตั้งค่า และยังไม่มีฟังก์ชั่นสำหรับโทรและวิดีโอคอล
แม้เฟซบุ๊กจะถูกวิจารณ์จากทุกทิศทาง ทั้งเรื่องโฆษณาการเมือง, Libra แต่รายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊กในไตรมาส 3 ปี 2019 ยังแสดงการเติบโตในทุกด้าน ทั้งรายได้ กำไร และยอดผู้ใช้งาน
รายรับเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 29% เทียบกับปีที่แล้ว เป็น 17.7 พันล้านดอลลาร์, กำไรโตขึ้น 19% เป็น 6.1 พันล้านดอลลาร์, ผู้ใช้งานเฉลี่ยรายเดือน 2.45 พันล้านรายต่อเดือน และถ้ารวมผู้ใช้งาน Facebook Messenger, Instagram และ WhatsApp เข้ามาด้วยจะกลายเป็น 2.8 พันล้านราย
Adriel Hampton นักเคลื่อนไหวพยายามต่อต้านนโยบายเฟซบุ๊กที่อนุญาตให้มีโฆษณาจากนักการเมือง และจะไม่ลบแม้ว่าเนื้อหาจะเป็นเท็จ โดย Hampton จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2022 จุดประสงค์ไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เพราะเขาจะได้ซื้อโฆษณาการเมืองเสียเอง และจะเผยแพร่ข้อมูลเท็จด้วย
Hampton บอกว่าเขาจะเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ โดนัลด์ ทรัมป์, มาร์ก ซักเคอเบิร์ก และผู้บริหารคนอื่นในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ด้วย เป้าหมายของเขาคืออยากให้เฟซบุ๊กหยุดนโยบายนี้เสีย เขายังบอกด้วยว่า ในความคิดเห็นของเขา โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลมาก มากพอจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งได้
โมเดลธุรกิจหลักของโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กคือโฆษณา ที่ผ่านมาบริษัทก็พยายามทำให้โฆษณามีความเกี่ยวข้อง (relevant / personalized) กับความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคนมากที่สุด
หลายครั้งโฆษณาของเฟซบุ๊กมีความเกี่ยวข้องกับเรามากเกินไปจนน่ากลัว เช่น โฆษณาปรากฎขึ้นมาหลังการสนทนากับเพื่อนไม่นาน เลยกลายมาเป็นประเด็น (บางทีก็กลายเป็นข้อสรุปเลย) ว่าเฟซบุ๊กต้องแอบดักฟังเสียงเราแน่ ๆ ถึงสามารถแสดงโฆษณาได้แม่นยำและถูกต้องขนาดนั้น
โดยส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่าเฟซบุ๊กไม่ได้ดักฟังเราจริง ๆ โดยบทความนี้จะพยายามอธิบายว่าทำไมผมถึงเชื่อเช่นนั้น แล้วเมื่อเฟซบุ๊กไม่ได้ดักฟังแล้ว มันแสดงโฆษณาขึ้นมาได้ตรงเผงตามที่เราพูดคุยกันได้ยังไง
จากกรณีเฟซบุ๊กจะไม่ลบโฆษณาจากนักการเมืองที่เผยแพร่ข้อมูลปลอม พนักงานเฟซบุ๊กกว่า 250 ราย เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง มาร์ค ซักเคอเบิร์ก แสดงเจตจำนงไม่เห็นด้วยต่อนโยบายนี้
กลุ่มพนักงานให้เหตุผลว่า ถ้าเฟซบุ๊กปล่อยให้มีข้อมูลปลอมบนเฟซบุ๊ก แม้จะเป็นข้อมูลจากนักการเมืองจริงก็ตาม จะทำลายความน่าเชื่อถือของเฟซบุ๊กลงไปอีก แนะนำว่าให้โฆษณาการเมืองอยู่ในมาตรฐานเดียวกันกับโฆษณาอื่นๆ ในเฟซบุ๊ก ต้องจำกัดกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาการเมือง และต้องมีนโยบายที่ชัดเจนกว่าโฆษณาทั่วไป
ผลวิจัยจาก Activate Inc. บริษัทที่ปรึกษาให้แก่บริษัทเทคโนโลยี สำรจการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เราใช้งานเฟซบุ๊กกันน้อยลง จากเดิมที่เคยใช้เวลาไปกับเฟซบุ๊ก 14 ชั่วโมงต่อเดือนในปี 2017 จนถึงตอนนี้เราใช้งานกันแค่ 9 ชั่วโมงต่อเดือน เท่ากับว่า เวลาที่ผู้ใช้งานจดจ่ออยู่กับเฟซบุ๊กหายไป 26%
หน่วยวิจัย AI ของ Facebook ประกาศความสำเร็จในการสร้างระบบ de-identification สำหรับบุคคลในวิดีโอได้แล้ว สามารถใช้งานกับวิดีโอได้แบบบเรียลไทม์รวมถึงการไลฟ์ด้วย โดยไม่ต้องผ่านการเทรนใหม่ทุกครั้งที่จะใช้งาน และใช้เวลาในการปรับแต่งวิดีโอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปัญหาของระบบรู้จำใบหน้าคือทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยีทดแทนใบหน้าที่นับวันยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ อาจะถูกใช้เพื่อสร้างวิดีโอที่ชี้นำในทางที่ผิด เป็นไอเดียตั้งต้นที่ทำให้เกิดงานวิจัยชิ้นนี้ขึ้นมา
ตัว AI นี้ จะใช้ระบบ encoder-decoder เพื่อสร้างหน้ากากและภาพ โดยในระหว่างการเทรนนิ่ง จะใช้หน้าคนที่ปรับแต่งแล้วส่งเข้าไปในระบบ และระบบจะสร้างหน้าแบบบิดเบี้ยวและไม่บิดเบี้ยวของคนออกมา สามารถนำไปใช้งานในวิดีโอได้
Facebook พยายามอีกครั้งกับการนำเสนอ "ข่าว" ให้กับผู้ใช้งาน บริการรอบใหม่ล่าสุดมีชื่อตรงตัวว่า Facebook News
Facebook News เป็นแท็บใหม่ที่มีศักดิ์เทียบเท่ากับ Facebook Watch โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข่าวสาร แสดงหัวข่าวจากสื่อชั้นนำต่างๆ และสามารถผูกกับบริการ subscription ของหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวที่เราใช้งานอยู่แล้วได้ (ภาพรวมการใช้งานคล้ายกับ Google News)
Facebook ระบุว่าผู้ใช้จะยังเห็นข่าวบน News Feed เช่นเดิม แต่เพิ่มหน้า Facebook News มาเพื่อเป็นหน้าเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการตามข่าวจริงๆ โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสำนักข่าวที่คัดกรองแล้วว่ามีคุณภาพ ไม่มีปัญหาข่าวปลอม
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้การต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนด้านบริการทางการเงินของสหรัฐอเมริกา หรือ House Financial Services Committee โดยยืนยันว่าบริการนี้ต้องทำตามกฎหมายสหรัฐฯ และเฟซบุ๊กจะไม่ให้บริการถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ
เขาระบุว่าแม้เฟซบุ๊กจะเป็นสมาชิก Libra Association ตั้งแต่ก่อตั้ง แต่หากทางสมาคมตัดสินใจจนเฟซบุ๊กไม่สบายใจที่จะร่วมงานด้วย เฟซบุ๊กก็อาจจะถอนตัวออกมาได้
ใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าไปทุกที บรรดาบริษัทไอทีอย่าง ทวิตเตอร์, Amazon, เฟซบุ๊ก ก็เตรียมหามาตรการรับมือ DeepFake หรือคลิปปลอมใช้ AI ตัดต่อใบหน้าคนดังเข้าไป
DeepFake ครั้งหนึ่งเป็นภัยคุกคามดาราคนดัง เพราะถูกนำใบหน้าไปตัดต่อใส่หนังโป๊ได้อย่างเนียนสนิท แต่ DeepFake ตอนนี้ได้ถูกนำมาใช้กับนักการเมือง ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้สังคมเข้าใจผิด และถือเป็นอีกหนึ่งภัยข่าวปลอมที่ระบาดบนโซเชียลมีเดีย สร้างความเข้าใจผิดในช่วงเลือกตั้งปี 2016
เฟซบุ๊กประกาศเปิดตัว Facebook Gaming เป็นแอพพลิเคชั่นแยกในไทย ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูคอนเทนต์จากสตรีมเมอร์ได้ บริจาคเงินสนับสนุนเกมเมอร์ได้ หรือจะไลฟ์เล่นเกมของตัวเอง หรือเกมจาก Instant Game สามารถแชร์คลิปไปยังบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเองได้ด้วย ตัวแอพล่าสุดยังเป็นเวอร์ชั่นเบต้า และสามารถโหลดได้เฉพาะผู้ใช้งานแอนดรอยด์เท่านั้น
Fast Company รายงานโดยอ้างข้อมูลจาก Ben Bajarin นักวิเคราะห์จาก Creative Strategies ซึ่งระบุว่ายอดขาย Portal อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในบ้าน ที่เป็นหน้าจอสำหรับสนทนาแบบอัจฉริยะตัวแรกของ Facebook มียอดขายไม่สูงมากนัก
โดย Bajarin ใช้ข้อมูลจากซัพพลายเออร์ที่ส่งชิ้นส่วนให้โรงงานผลิต Portal พบว่า Facebook เองไม่ได้สั่งผลิต Portal รอไว้จำนานมากตั้งแต่แรก และกำลังการผลิตก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาตลอด ประเมินแล้ว Portal ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขายได้แล้วระดับหลายแสนเครื่อง ยังไม่ถึงระดับล้าน