Nissan ร่วมมือกับ Ovo ซัพพลายเออร์ฮาร์ดแวร์ด้านพลังงาน เปิดโครงการสำหรับผู้ที่ซื้อ Nissan Leaf รุ่นใหม่ในปีหน้า ได้มีโอกาสขายไฟฟ้าที่เหลือหรือไม่ได้ใช้งานจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ คืนให้กับระบบของการไฟฟ้า
ผู้ที่สนใจจะต้องติดตั้งโซลูชันของ Ovo ที่จะเข้ามาดูแลกระบวนการขายคืนไฟฟ้านี้ โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการปริมาณของไฟฟ้าในแบตเตอรี่มากน้อยแค่ไหน ตามแต่ปริมาณการใช้งาน ส่วนที่เหลือทาง Ovo จะจัดการให้ทั้งหมด ด้วยการจ่ายไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ในช่วงที่ค่าไฟถูกก่อนจะขายคืนระบบช่วงที่ค่าไฟแพง (เช่นช่วงที่ความต้องการใช้งานสูง)
BMW ได้เผยโฉมโซลูชันสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์แบบไร้สายของตัวเอง โดยจะเริ่มมาใช้งานในปี 2018 กับ BMW 530e รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน ไฮบริดเป็นรุ่นแรก
แท่นชาร์จไร้สายของ BMW จะติดตั้งไว้ที่พื้น จ่ายไฟที่ 3.2 kW ซึ่งสำหรับ 530e ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 9.2 kWh จะใช้เวลาชาร์จราว 3 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งถือว่าไม่แตกต่างจากแท่นชาร์จแบบลากสายมากนัก (i Wallbox ของ BMW จ่ายไฟที่ 3.7 kW และใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการชาร์จ 530e)
BMW ยังไม่ได้ระบุราคาวางจำหน่ายของระบบชาร์จไร้สาย รวมถึงประเทศที่จะวางขายแต่ก็คาดว่าสหรัฐและยุโรปจะได้เป็นกลุ่มแรก
ที่มา - CNET
GM เผยแผนการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยทางบริษัทกล่าวว่าในอีก 18 เดือนข้างหน้าจะวางขายรถยนต์ปลอดไอเสียเพิ่มเติมจาก Bolt EV อีกสองรุ่น และจะวางขายอีก 18 รุ่นให้ทันปี 2023
Mark Reuss รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์, การซื้อ และซัพพลายเชนของ GM กล่าวว่า GM นั้นเชื่อในอนาคตแบบ all-electric และเชื่อในโลกที่รถยนต์ปลอดไอเสีย การเปิดตัว Bolt EV ในงาน CES นั้นเคยประกาศแล้วว่าเป็นแพลตฟอร์ม และนี่คือขั้นแรก
Pam Fletcher หัวหน้าฝ่ายวิศวกรของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, รถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ของ GM กล่าวว่า เราต้องการรถยนต์ EV จำนวนมากขึ้นอีกเพื่อกระตุ้นการตอบรับในด้านรถยนต์ไฟฟ้า และการมีแค่รถยนต์ไฟฟ้านั้นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องมีพื้นที่ชาร์จด้วย
Ford เผยว่าตอนนี้ทางบริษัทได้ตั้งทีมภายในชื่อว่า Team Edison เพื่อทำการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งทีมพัฒนาใหม่นี้จะต้อง คิดการใหญ่ (think big), ขยับให้ไว (move fast) และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว (make quicker decision) ในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
Team Edison นี้จะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ของ Ford รวมถึงซัพพลายเออร์ด้วย โดย Sherif Marakby รองประธานฝ่ายรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและไฟฟ้าให้สัมภาษณ์ว่า ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นมีศักยภาพที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศออกกฎหมายสนับสนุน
Toyota ร่วมกับ Mazda และ Denso Corporation บริษัทซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์ ประกาศจัดตั้งบริษัท EV Common Architecture Spirit Co Ltd. เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยอาศัยวิศวกรและเทคโนโลยีจากทั้ง 3 บริษัทร่วมกัน
Toyota จะถือหุ้น 90% ในบริษัทนี้ ขณะที่ Mazda และ Denso แบ่งกันบริษัทละ 5% ทำให้เทคโนโลยีที่ออกจาก EV Common จะพัฒนาบนฐานแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ของ Toyota เป็นหลัก ซึ่งสถาปัตยกรรมนี้ถูกใช้งานอยู่ก่อนแล้วบน Prius และ Camry รุ่นปี 2018 โดย Toyota ระบุว่าโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทใหม่นี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์เจ้าอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
James Dyson ผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบรนด์ Dyson ทวีตข้อความว่าทางบริษัทเตรียมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Dyson กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้แล้วกว่า 30 ปี
Dyson ได้ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่าตอนนี้เขาได้สร้างทีมพัฒนาแบตเตอรี่ขึ้นมาแล้ว โดยมีวิศวกรกว่า 400 คนอยู่ในทีมนั้น และแบตเตอรี่ของ Dyson พัฒนามาแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปีครึ่ง ซึ่ง Dyson เตรียมจะจ้างผู้มีความสามารถเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งลงทุนในการพัฒนารถยนต์กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงคาดหวังว่าจะเปิดตัวรถยนต์ให้ได้ในปี 2020
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีโครงการแท็กซี่ไร้คนขับและได้เซ็นสัญญาซื้อรถยนต์ Tesla จำนวน 200 คันเพื่อใช้ในโครงการนี้
ล่าสุดดูไบได้รับมอบรถยนต์ Tesla ล็อตแรกจำนวน 50 คันแล้ว โดยจะนำมาประจำที่สนามบินดูไบก่อน ซึ่ง HH Sheikh Ahmed bin Saeed Al Maktoum ประธานสำนักงานการบินพลเรือนและสนามบินดูไบ กล่าวว่ากรมการขนส่งทางบกดูไบได้รับมอบรถยนต์ Tesla จำนวน 50 คัน และจะรับมอบอีก 75 คันในปี 2018 และอีก 75 คันในปี 2019 ซึ่งบริษัทแท็กซี่ดูไบได้ช่วยจัดหาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานรถแท็กซี่ไร้คนขับนี้ และตั้งสถานีชาร์จอีก 13 สถานี
Daimler Trucks โดยบริษัทในเครือ Mitsubishi Fuso Truck and Bus Corporation (MFTBC) ได้เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าใหม่ในชื่อว่า FUSO eCanter โดยได้ลูกค้ารายแรกคือ United Parcel Service หรือ UPS ซึ่งนอกจากในตลาดสหรัฐฯ แล้ว Daimler จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ในยุโรปและญี่ปุ่นอีกด้วย
อินเดียกำลังเป็นอีกประเทศที่ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า โดย Reuters รายงานว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาร่างกฎหมายและโร้ดแม็พ คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ภายในสิ้นปีนี้ คร่าวๆ คือรถยนต์ทุกคันในอินเดียจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030
ถึงแม้นโยบายจะยังไม่ประกาศใช้ แต่รัฐบาลก็เริ่มแจ้งเตือนบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียให้เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านนโยบาย ขณะที่หลากบริษัทก็เริ่มแผนการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยตอนนี้มีเพียง Mahindra & Mahindra เป็นบริษัทเดียวในอินเดียที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้สิ่งที่บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่กังวลคือจำนวนสถานีชาร์จไฟในอินเดีย ซึ่งก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีแผนผลักดันเรื่องสถานีชาร์จนี้ด้วย
หากยังจำกันได้ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เคยเขียน "แผนการขั้นสุดยอด" ของบริษัทไว้ โดยในตอนหนึ่งของแผนดังกล่าวเขาระบุไว้ว่า Tesla จะทำ "รถบรรทุกไฟฟ้า" ในนาม Tesla Semi ด้วย โดยตอนนั้นยังอยู่ในช่วงการวิจัยและพัฒนาอยู่
ล่าสุดเขาทวีตผ่านบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะจัดงานเปิดตัวรถบรรทุกดังกล่าวในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ (ใช้คำว่า tentative คือยังไม่ยืนยันวันที่แน่ชัด) ที่เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยในงานจะเปิดให้ทดลองขับด้วย ก่อนปิดท้ายทวีตว่าควรจะมาเห็นด้วยตาตนเอง และมัน "เหลือเชื่อ" (it's unreal)
ไว้เปิดตัวแล้ว Blognone จะนำเสนอให้อ่านกันครับ
Cruise สตาร์ทอัพชุดคิทที่เปลี่ยนรถธรรมดาให้กลายเป็นรถไร้คนขับ ถูก General Motors เข้าซื้อตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่านมาราวๆ ปีครึ่ง ล่าสุด Cruise มาเงียบๆ แต่แซงหน้าคู่แข่งหลายรายจากการประกาศว่ารถยนต์ไร้คนขับเตรียมพร้อมสำหรับการออกสู่ตลาดแล้ว
รถยนต์ของ Cruise ถูกเรียกว่า Generation 3 เนื่องจากยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ โดยเป็นการดัดแปลงมาจากรถยนต์ไฟฟ้า Bolt ของ Chevrolet และมีชิ้นส่วนใหม่เพิ่มเข้ามาราว 40% ซึ่ง Cruise ระบุว่ารถคันนี้มีระบบความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสาร ในกรณีที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเกิดปัญหาหรือล้มเหลวไม่ทำงาน
Dieter Zetsche ซีอีโอของ Daimler บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ประกาศว่าแบรนด์รถยนต์ Mercedes-Benz จะมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ในปี 2022 และแบรนด์รถยนต์ซิตี้คาร์ Smart จะเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าล้วนภายในปี 2020
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีส่วนต่างรายได้มากกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ดังนั้น Daimler จึงวางแผนการประหยัดงบในภายภาคหน้าด้วย โดยเป้าหมายคือจะต้องประหยัดงบให้ได้ 4 พันล้านยูโร โดย 1 พันล้านแรกจะประหยัดจากต้นทุนคงที่, 1 พันล้านถัดมาจะประหยัดจากค่าวิจัยและพัฒนากับค่าใช้จ่ายหลัก ส่วนเงินที่เหลือจะประหยัดให้ได้จากการผลิต คือ Daimler จะเริ่มใช้การซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตรายอื่นแทนที่จะพัฒนาขึ้นมาเองทั้งหมด คงเหลือไว้แต่การผลิตชิ้นส่วนสำคัญเท่านั้น
ซีอีโอของ Volkswagen Group ประกาศลงทุนครั้งใหญ่ พร้อมปรับรถยนต์ของแบรนด์ในเครือทั้งหมดให้มีตัวเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2030
Mueller เผยว่า ในปี 2025 แบรนด์ในเครือของ Volkswagen Group จะมีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 80 รุ่น ซึ่งรวมไปถึงรถยนต์ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอย่าง I.D. Buzz ตอนนี้บริษัทจะยังไม่ทิ้งเครื่องยนต์สันดาปภายในทันที เพราะว่าโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่พร้อม รถยนต์สันดาปภายในกับรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องอยู่ร่วมกัน แต่ Mueller ไม่สามารถตอบได้ว่านานแค่ไหน
ถึงแม้ Tesla Motors จะติดตั้ง Supercharger ในหลายพื้นที่ของสหรัฐสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานรถไฟฟ้าของ Tesla แต่ด้วยขนาดของสถานีและแท่นชาร์จ ทำให้การติดตั้งมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และสถานีชาร์จส่วนใหญ่จะอยู่ไม่นอกเมือง ก็ตามโรงแรมขนาดใหญ่หรือทางหลวงเท่านั้น
ล่าสุด Tesla Motors เปิดตัวสถานี Supercharger ใหม่ที่มีขนาดเล็กลงสำหรับการติดตั้งในตัวเมืองที่มีพื้นที่จำกัดและแออัด ซึ่งจะเริ่มติดตั้งตามซูเปอร์มาร์เก็ต, ศูนย์การค้าหรือย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองชิคาโกและบอสตันก่อน และด้วยขนาดนี้ที่เล็กลงก็ต้องแลกมาด้วยกำลังไฟที่ลดลงและเวลาชาร์จที่นานขึ้น โดย Supercharger เวอร์ชันย่อส่วนนี้จะปล่อยไฟที่ 72kW ที่น้อยกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ 150 kW
จีนเตรียมวางแผนกำหนดเส้นตายสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ให้เลิกวางจำหน่ายรถยนต์ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เพื่อเป็นการผลักดันให้บริษัทเร่งการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เร็วยิ่งขึ้น
Xin Guobin รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายอุตสาหกรรมและไอทีประกาศในงานประชุมผู้ผลิตรถยนต์ในเทียนจินว่า รัฐบาลกำลังทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจเพื่อวางตารางเวลาในการเลิกผลิตและวางขายรถยนต์พลังงานฟอสซิล การขยับตัวครั้งนี้ถือว่ามีผลอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและการเติบโตของอุตสาหกรรม
การแบนรถยนต์เครื่องสันดาปภายในนั้นจะช่วยผลักดันทั้งผู้ผลิตรถยนต์ระดับประเทศและระดับโลกให้เปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ทางรัฐบาลก็จะสนับสนุนด้านการเงินให้กับผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกให้มากขึ้น
เราคงเห็นข่าวกันแล้วว่าขณะนี้พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา (Hurricane Irma) กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ทางใต้ของรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยความเร็วลมสูงถึง 190 กม./ชม. ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 181,000 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่าฟอริดาทั้งรัฐอีก) รัฐต้องสั่งอพยพประชาชนราว 6.3 ล้านคนออกจากพื้นที่
ในขณะเดียวกันก็มีเจ้าของรถ Tesla จำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดารายงานกันว่ารถยนต์ของพวกเขาแสดงระยะทางที่วิ่งได้มากกว่าปกติ โดยเจ้าของรถ Tesla Model S 60 คนหนึ่งติดต่อเข้ามายังเว็บไซต์ Electrek ว่ารถเขาบอกว่าวิ่งได้ไกลขึ้นราว 60 กิโลเมตร และบนหน้าจอแสดงตรา "75" (Model S 60 ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นรุ่นเล็กสุดที่ Tesla เคยมีขาย ปัจจุบันเลิกขายไปแล้ว)
ไม่เพียงนโยบายภาครัฐที่เริ่มหันไปหารถยนต์พลังงานสะอาดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ก็เริ่มทยอยเบนเข็มกันไปบ้างแล้วเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ Volvo และ Aston Martin ล่าสุดเป็นคิวของ Jaguar Land Rover (JLR) บริษัทรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่ตอนนี้เป็นแบรนด์ลูกของ Tata Motors
Ralf Speth ผู้บริหารของ JLR ระบุไลน์รถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท (ซึ่งมีทั้งแบรนด์ Jaguar และ Land Rover ซึ่งก็น่าจะหมายรวมทั้งสองแบรนด์) หลังปี 2020 จะมีแต่รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยรถยนต์สปอร์ตรุ่นแรกที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทคือ Jaguar I-Pace วางจำหน่ายในปีหน้า อย่างไรก็ตามรถยนต์รุ่นเก่าๆ ของ JLR ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะยังคงถูกผลิตอยู่ เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้บริโภค
Nissan เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Leaf รุ่นปี 2018 ซึ่งเป็นการอัพเกรดใหญ่ของ Nissan Leaf นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011
Nissan ระบุว่าปรับปรุง Leaf ใหม่ทั้งหมด นอกจากหน้าตาภายนอกที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว จุดเด่นสำคัญคือแบตเตอรี่ 40 kWh ตัวใหม่ที่เพิ่มระยะการขับขี่สูงสุดที่ 400 กิโลเมตร (ตัวเลขจากการทดสอบมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น )
ส่วนฟีเจอร์อื่นได้แก่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ProPILOT (รองรับการใช้งานบนไฮเวย์แบบไม่เปลี่ยนเลน), ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ProPILOT Park, ระบบแป้นเหยียบ e-Pedal ที่ใช้เป็นทั้งคันเร่งและเบรกในอันเดียว (ปล่อยคันเร่งคือการเบรก)
เราเริ่มเห็นเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองและรัฐบาลหลายประเทศเริ่มประกาศแผนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดเป็นสกอตแลนด์ ที่รัฐบาลออกมาประกาศแผนการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า และตั้งเป้าว่าจะไม่มีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันวิ่งในประเทศหลังปี 2032
แผนการหลักๆ ของรัฐบาลสกอตแลนด์คือการผลักดันการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อย่างจุดชาร์จไฟตามถนนเส้นทางหลัก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งรัฐบาลสกอตแลนด์ระบุสาเหตุเบื้องหลังของนโยบายนี้ ก็เพื่อแก้ปัญหาภาวะเรือนกระจกและปัญหามลพิษที่เกิดจากรถยนต์
เมื่อวานนี้ Tesla ปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลง 3,500 ถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.1 ถึง 1.6 แสนบาท) หลังบริษัทฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ได้ ซึ่งรถยนต์รุ่นที่ถูกปรับลดราคาคือ Model S และ X ในรุ่นความจุแบตเตอรี่ 100 กิโลวัตต์เท่านั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีราคาแพงสุด
ลูกค้าที่จองรถไปก่อนประกาศนี้ออกมาแต่ยังไม่ได้ชำระเงินก็จะได้รับราคาใหม่เลย ดังนี้
ทางเลือกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคงไม่ได้มีแค่สถานีชาร์จแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อพลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์กำลังเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ เมื่อ Audi ประกาศจับมือกับ Alta Devices บริษัทลูกของ Hanergy Thin Film Power บริษัทด้านโซลาเซลล์
แผนเบื้องต้นคือ Audi จะนำแผงโซลาเซลล์มาติดตั้งบนกระจกหลังคารถ (Panoramic Glass Roof) ซึ่งรุ่นโปรโตไทป์จะถูกพัฒนาในช่วงปลายปี 2017 ขณะที่ในระยะยาว Audi จะนำโซลาเซลล์ของ Alta Devices ติดตั้งลงบนหลังคารถทั้งหลังคาเลย ซึ่งไฟฟ้าจากส่วนนี้จะช่วยยืดระยะของแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์ให้มากขึ้น
ที่มา - Alta Devices
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว Mercedes-Benz ได้เผยโฉม Mercedes-Maybach Vision 6 Cabriolet คอนเซ็ปต์รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตหรูแบบเปิดประทุน ที่มีความยาวของตัวรถกว่า 20 ฟุต 750 แรงม้า และสามารถขับได้ไกล 200 ไมล์ (321 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Maybach 6 Cabriolet สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 155 ไมล์ต่อชั่วโมง (250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) พร้อมระบบชาร์จเร็ว รถสามารถวิ่งต่อได้อีกราว 60 ไมล์ (96 กิโลเมตร) จากการชาร์จภายใน 5 นาที
ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่เพิ่งส่งมอบไปเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว มีคนพบว่าบริเวณก้านกระจกมองหลังมีกล้องเล็กๆ ฝังอยู่ โดยที่ในงานเปิดตัวไม่มีการพูดถึงกล้องนี้แม้แต่นิดเดียว จึงทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร
ล่าสุด Tesla ยืนยันแล้วว่านั่นคือกล้องจริงๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดใช้งาน นอกจากนี้ยังระบุว่ากล้องนี้สามารถมองเห็นผู้โดยสารได้ทั้งคันอีกด้วย ซึ่งเว็บไซต์ Electrek คาดว่ากล้องนี้จะเปิดใช้งานในอนาคต เมื่อซอฟต์แวร์ของรถพร้อมสำหรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ คือคนในรถไม่ต้องสนใจการขับเลย และการมีกล้องนี้ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ภายในรถได้หากเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม Tesla ระบุว่าไม่มีกล้องดังกล่าวใน Model S และ X
ปัจจุบัน Tesla มีรถยนต์ขายอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น คือ Model S, 3 และ X ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีก 1 รุ่นที่เรายังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับมันมากนัก คือ Model Y ล่าสุด Elon Musk ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับรถรุ่นนี้เพิ่มเติมแล้ว
สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับ Model Y คือมันจะเป็นรถ SUV ที่เล็กกว่าและราคาถูกกว่า Model X และจะถูกเปิดตัวในปลายปี 2019 ถึง 2020 โดยก่อนหน้านี้ Elon เคยเผลอทวีตว่า Model Y จะมาพร้อมประตูปีกนก falcon wing แต่ลบไปทันที
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในงานส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ล็อตแรกที่โรงงานของ Tesla ณ เมือง Fremont ซีอีโอของบริษัท Elon Musk ได้ขึ้นเวทีพูดเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ โดยระหว่างการนำเสนอ Elon ได้เปิดคลิปวิดีโอเปรียบเทียบการทดสอบชนด้านข้าง ระหว่าง Tesla Model 3 และ Volvo S60 ปี 2016
จากคลิปแสดงให้เห็นว่ารถยนต์ Tesla เสียหายจากการชนน้อยกว่า Volvo มาก ซึ่ง National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) เคยให้คะแนนความปลอดภัยของรถยนต์รุ่นนี้ไว้ที่ 5 ดาวในทุกการทดสอบ