จากเหตุการณ์เว็บไซต์ซื้อขายเงินดิจิทัล Coincheck ของญี่ปุ่น ประกาศว่าเหรียญ NEM (ชื่อย่อ XEM) ของลูกค้าที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงิน Coincheck ถูกขโมยออกไป ล่าสุด Coincheck ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมแสดงความรับผิดชอบ

โดย Coincheck เผยว่าเหรียญ NEM ที่ถูกขโมยออกไปมีจำนวน 523 ล้าน XEM กระทบกับลูกค้าราว 260,000 คน ทั้งนี้ Coincheck จะชดใช้ค่าเสียหายโดยจ่ายเงินคืนให้ผ่านกระเป๋าเงิน Coincheck โดยคิดราคาต่อเหรียญเฉลี่ยจากช่วงที่หยุดให้บริการถึงเวลาที่ออกประกาศนี้ คิดเป็น 88.549 เยน ต่อ 1 XEM (0.81 ดอลลาร์) โดยใช้เงินทุนของบริษัทมาจ่าย

เว็บไซต์ซื้อขายเงินดิจิทัลของญี่ปุ่น Coincheck เปิดเผยว่าพบการถอนเหรียญ NEM (ตัวย่อ XEM สกุลเงินที่ใหญ่ประมาณอันดับ 10) ของลูกค้าจากกระเป๋าเงินของ Coincheck โดยไม่ได้รับอนุญาต คาดการณ์ความสูญเสียเบื้องต้น 500 ล้านเหรียญ NEM หรือตีเป็นเงินจริงประมาณ 533 ล้านดอลลาร์

ในงานแถลงข่าวต่อสื่อ Wakata Koichi Yoshihiro ประธานของ Coincheck ยอมรับว่าไม่รู้ว่าเหรียญหายไปได้อย่างไร รู้แค่ว่าเหรียญถูกถ่ายโอนออกไป และกำลังตามรอยอยู่ ส่วนปริมาณความเสียหายที่แน่ชัดต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้น Coincheck ประกาศหยุดเคลื่อนย้ายเงินดิจิทัลทุกประเภทยกเว้น Bitcoin

YouTube ถูกจับได้ว่าแสดงโฆษณาที่มีการใช้พลังประมวลผลของผู้ใช้ในการขุดเหมือนสกุลเงินคริปโต ซึ่งแอนตี้ไวรัสจำนวนมากก็ตรวจเจอพฤติกรรมดังกล่าวเมื่อผู้ใช้เข้า YouTube และแม้ว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนเบราว์เซอร์ในการเข้าชม YouTube ระบบก็ยังเตือนอยู่

Trend Micro กล่าวว่าผู้วางโฆษณานี้ใช้แพลตฟอร์ม DoubleClick ของ Google เพื่อแสดงโฆษณา โดยจะพบในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, ไต้หวัน, อิตาลี และสเปน

กระทรวงการคลังของรัสเซียกำลังเตรียมการพิจารณาออกกฎหมายเพื่อกำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต โดยจะไม่มีการแบนเต็มรูปแบบ กฎหมายใหม่นี้จะทำให้การเทรดสกุลเงินคริปโตผ่านช่องทางแลกเปลี่ยนดิจิทัลสามารถทำได้หากช่องทางนั้นปฏิบัติตามเงื่อนไขบางอย่าง และกฎหมายนี้อาจครอบคลุม ICO ด้วย

การออกกฎหมายใหม่นี้ ทางกระทรวงการคลังเห็นว่าเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการโกง และทำให้สามารถเก็บภาษีธุรกรรมสกุลเงินคริปโต เพื่อสนับสนุนงบประมาณของภาครัฐได้ แต่ก็ยังไม่ได้ให้การยอมรับสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนเหล่ามาแทนที่เงินรูเบิลของรัสเซีย

สโมสรอาร์เซนอลได้ตกลงเซ็นสัญญารับเงินสปอนเซอร์จากบริษัทเกมพนัน CashBet ที่เตรียมจะระดมทุน ICO ให้คนมาซื้อเหรียญ CashBet Coin ซึ่งจะถูกใช้เป็นสื่อกลางในพนันออนไลน์ โดยป้ายโฆษณา CashBet Coin จะปรากฎอยู่ในสนาม Emirate Stadium ในเกมเหย้าด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิทัลได้ตั้งคำถามถึงการโปรโมทสกุลเงินดิจิทัล โดยบอกว่าเป็นดีลค่อนข้างเสี่ยง ขณะที่หัวหน้าฝ่ายการค้าของอาร์เซนอลยืนยันว่า ดีลนี้ทางสโมสรไม่ได้มองว่าเป็นความเสี่ยงแต่อย่างใด พร้อมยอมรับว่าหนึ่งในจุดประสงค์ของดีลนี้ ก็เพื่อโปรโมท CashBet Coin ก่อนการระดมทุน ICO แต่ก็ไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้แฟนบอลไปลงทุน (bet) กับ CashBet Coin แต่อย่างใด

ที่มา - BBC

ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าว Steam เลิกรับเงิน Bitcoin และ งานสัมมนา Bitcoin เลิกรับเงิน Bitcoin ด้วยปัจจัยเรื่องราคาผันผวนและการประมวลผลธุรกรรมต้องรอนาน

ล่าสุด Stripe สตาร์ตอัพด้านประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ เป็นอีกบริษัทที่ประกาศหยุดรับเงิน Bitcoin

กระแสความนิยมในตลาดคริปโต ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้เติบใหญ่กันถ้วนหน้า ในโลกตะวันตก เว็บไซต์-แอพยอดนิยมที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยน ย่อมมีชื่อของ Coinbase อยู่เสมอ

เว็บไซต์ Recode ได้ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า รายได้ของ Coinbase ในปี 2017 สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งถือว่าเกินคาดของบริษัทเองด้วยซ้ำ เพราะเป้าเดิมอยู่แค่ 600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โมเดลธุรกิจของ Coinbase มาจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย) ที่อัตรา 0.25-1% จากยอดธุรกรรม

มูลค่าบริษัทของ Coinbase ในเดือนสิงหาคม 2017 อยู่ที่ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ แต่ถ้านับเรื่องตลาดคริปโตบูมสุดๆ ในช่วงท้ายปี น่าจะทำให้ Coinbase มีมูลค่าล่าสุดเพิ่มกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว

กระแสเงินคริปโตที่แพร่หลายไปทั่วโลกตอนนี้ ส่งผลให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต้องออกมาเรียกร้องให้บรรดาหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลก ต้องมาร่วมมือกันเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม

Gerry Rice โฆษกของ IMF ระบุว่าปัญหาสำคัญของเงินคริปโตคือ ราคาพุ่งเร็วเกินไปจนเกิดความเสี่ยงต่อตลาด โดยเฉพาะในตลาดที่นักลงทุนเริ่มกู้เงินเพื่อมาลงทุน สิ่งสำคัญคือนักลงทุนเหล่านี้ต้องรับรู้ความเสี่ยง และมีมาตรการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

นอกจากนี้เขายังเตือนว่า เงินคริปโตสามารถนำไปใช้ฟอกเงิน สนับสนุนการก่อการร้าย การหนีภาษี และการฉ้อโกงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ระบุชัดว่า "ความร่วมมือ" ที่ว่านี้หมายถึงอะไรบ้าง

จากปัญหาการ์ดจอขาดแคลนเพราะถูกนำไปใช้ขุดเหมือง ทางแก้ไขดูจะมีไม่เยอะนักเพราะเป็นเรื่องกลไกตลาด

NVIDIA ในฐานะผู้ผลิตชิปเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ล่าสุดมีตัวแทนของบริษัทให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมัน ComputerBase.de ว่าสำหรับบริษัทแล้ว เกมเมอร์สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ GeForce เน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือเกมเมอร์ และบริษัทก็อยากแนะนำ (we recommend) ให้ร้านค้าให้ความสำคัญกับกลุ่มเกมเมอร์ก่อนเช่นกัน

NVIDIA ย้ำว่าร้านค้ามีอิสระในการขายสินค้าให้ใครก็ได้ และบริษัทไม่มีสิทธิไปกำหนดว่าต้องขายการ์ดจอให้ลูกค้ากลุ่มใด แค่เพียง "แนะนำ" เท่านั้น

Lightning Network เปิดใช้งานแล้วเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากทดสอบบนเทสเน็ต (Testnet) มาหลายเดือน

ปัจจุบันบิตคอยน์ มีความสามารถบันทึกรายการโอนประมาณ 3 transaction ต่อวินาที (300,000 transaction ต่อวัน) มีค่าธรรมเนียมต่อ transaction ประมาณ 334 บาท (0.001 btc) และมีรายการโอนรอการบันทึกอีก 67,000 กว่ารายการ (เคยขึ้นไปสูงถึง 190,000 รายการ) รวมทั้งใช้เวลาในการยืนยันการทำรายการตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปถึงวัน (จ่ายค่าธรรมเนียมสูงเพื่อความเร็ว)

ความนิยมในตลาดเงินคริปโต ส่งผลให้การ์ดจอหลายรุ่นราคาพุ่งสูงผิดปกติ และต่อให้มีเงินก็อาจไม่สามารถซื้อได้ เพราะของหมดสต๊อกเกือบตลอดเวลา

จากสถิติของเว็บไซต์ PC Part Picker ที่เก็บข้อมูลชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ พบว่าราคาการ์ดจอพุ่งสูงขึ้นมากนับตั้งแต่หลังปีใหม่ 2018 เป็นต้นมา โดยรุ่นยอดนิยมคือการ์ดจอรุ่นสูงๆ อย่าง GeForce GTX 1070 Ti หรือ Radeon RX 570/580 ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของชาวเหมือง

เว็บเบราว์เซอร์ Opera ออกเวอร์ชัน 50 เมื่อต้นเดือนมกราคมโดยได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจเข้ามาอย่างตัวป้องกันสคริปต์ขุดเงินดิจิทัล (ที่ถูกทดสอบบนเวอร์ชันเบต้ามาซักพักแล้ว), ฝังความสามารถสตรีมภาพไปยัง Chromecast มาในตัวเบราว์เซอร์, รวมถึงสามารถบันทึกเว็บเพจเป็นไฟล์ PDF เก็บไว้อ่านในภายหลัง

และยังได้อัพเกรดการให้บริการ VPN พร้อมปรับปรุงความสามารถเดิมไปอีกหลายรายการ (ครั้งนี้ยาวมาก) รายละเอียดต่างๆ พอสรุปได้ดังนี้

ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China - PBOC) ออกหนังสือเวียนสั่งทุกธนาคารห้ามให้บริการ "กิจกรรมใดๆ" ที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโต

หนังสือเวียนฉบับนี้ไม่ได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ PBOC โดยตรงแต่ทางหนังสือพิมพ์ South China Morning Post ได้เห็นมา โดยระบุว่าเอกสารส่งให้กับธนาคารตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ตรงกับช่วงเวลาที่ค่าเงินคริปโตแทบทุกสกุลตกลงอย่างหนัก

เกาหลีใต้ยังคงเดินหน้าพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีผู้ลงชื่อต่อต้านครบสองแสนคนแล้วก็ตามที

Choi Jong-ku หัวหน้าคณะกรรมการด้านการบริการด้านการเงินของเกาหลีใต้ (Financial Services Commission) กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ในการตอบคำถามของการประชุมว่า ทางรัฐบาลกำลังพิจารณาถึงทั้งวิธีการสั่งหยุดให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสมือนภายในประเทศทั้งหมด หรือเพียงแค่ผู้ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น

BitConnect ผู้ออกเหรียญ BCC (คนละเหรียญกับ BitCoin Cash หรือ BCH) ซึ่งเป็นเหรียญที่ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าเป็นการฉ้อโกงแบบ Ponzi Scheme (มาลงทุนใน BCC แล้วการันตีผลตอบแทน) ประกาศปิดแพลตฟอร์มการลงทุนและแลกเปลี่ยนเหรียญแล้ว

แพลตฟอร์ม BitConnect เปิดรับกู้เงินจากลูกค้า โดยการันตีผลตอบแทนมากผิดปกติ เช่น การให้บริษัทกู้เงิน 10,000 ดอลลาร์เป็นเวลา 180 วัน จะได้ผลตอบแทนถึง 40% ต่อเดือน ทำให้ถูกโจมตีว่าเป็นแชร์ลูกโซ่แบบหนึ่ง

บิตคอยน์ (BTC) ยังคงตกต่อเนื่องในวันนี้ ทำให้ราคาเป็นดอลลาร์อยู่ที่ประมาณ 9,500 ดอลลาร์ต่อ BTC หรือประมาณครึ่งเดียวของช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยจุดต่ำสุดตามราคา Coindesk อยู่ที่ 9,199.59 ดอลลาร์ต่อ BTC เฉพาะวันนี้วันเดียวมูลค่าของ BTC หายไปถึง 20%

แต่มูลค่าของ BTC กลับ "นิ่ง" ที่สุดในวันนี้ โดยในบรรดา 10 สกุลเงินคริปโตที่มูลค่าตลาดสูงสุดล้วนตกหนักว่า BTC ทั้งสิ้น เช่น NEO และ NEM ตกไป 35%, Stellar ตกไป 34%, Ripple ตกไป 32%

สาเหตุมีได้หลายอย่าง ตั้งแต่การถกเถียงถึงมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายเงินคริปโตในเกาหลีใต้ ไปจนถึงการไล่ปิดตลาดซื้อขายแบบ over-the-counter ของจีน

Bloomberg รายงานข่าววงในว่า รัฐบาลจีนเตรียมไล่ปิดร้านรับแลกเปลี่ยนเงินคริปโตมากขึ้นอีก หลังมีมาตรการกดดันให้ปิดเหมืองไปแล้ว

ตามข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่าจีนวางแผนบล็อคแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินคริปโตทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่า "แพลตฟอร์ม" ในที่นี้ครอบคลุมอะไรบ้าง

หลังเรื่องนี้เป็นข่าว ส่งผลให้วันนี้ราคาคริปโตตกหนักแทบทุกสกุลเงิน ขณะที่เขียนข่าวนี้ Bitcoin ราคาตกไปเหลือ 11,474 ดอลลาร์ต่อ BTC แล้ว

ที่มา - Bloomberg

สัปดาห์ที่ผ่านมาวงการ cryptocurrency เกาหลีใต้คึกคักเป็นพิเศษหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเสนอการแบนตลาดซื้อขาย นำไปสู่การลงชื่อต่อต้านกฎหมาย ตอนนี้รายชื่อต่อต้านกฎหมายก็ครบสองแสนคนแล้ว

รัฐบาล Moon Jae-in ทำเว็บลงชื่อเสนอข้อเรียกร้องจากประชาชนของตัวเอง โดยสัญญาว่าหากรายชื่อครบสองแสนชื่อใน 30 วัน จะมีตัวแทนรัฐบาลมา "ตอบ" ข้อเสนอต่างๆ ที่ผ่านมามีการตอบแล้ว 5 ครั้ง เช่น การเสนอให้อนุญาตทำแท้งโดยถูกกฎหมาย (235,000 รายชื่อ) แม้รัฐบาลอาจจะไม่ได้ตอบรับหรือปฎิเสธตรงๆ

แฮกเกอร์ไม่ทราบกลุ่มสามารถแฮกเว็บ BlackWallet.co บริการกระเป๋าเงินออนไลน์ด้วย DNS injection เพื่อนำผู้ใช้ไปยังเว็บปลอมได้สำเร็จ และเมื่อผู้ใช้ล็อกอินเว็บปลอมจะโดนสั่งโอนเงินไปยังกระเป๋าเงินของคนร้าย

BlackWallet เป็นบริการกระเป๋าเงินสกุล Stellar Lumen (XLM) โดยยอดเงินในบัญชีคนร้าย ได้เงินไปกว่า 600,000 XLM หรือมูลค่า ณ เวลาแฮกสูงกว่า 400,000 ดอลลาร์ และตอนนี้ถูกถอนออกไปจนเหลือไม่ถึง 100 XLM โดยโอนเงินออกไปยัง Bittrex ตลาดซื้อขายเงินดิจิตอลในสหรัฐ คาดว่าจะแลกเปลี่ยนเงินเป็นสกุลอื่นเพื่อซ่อนตัวต่อไป

Ravi Menon ผู้จัดการใหญ่ธนาคารกลางสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการใช้งานเงินดิจิตอล หรือ cryptocurrency ในอนาคต โดยเฉพาะคำถามว่าธนาคารกลางจะออกเงินดิจิตอลของตัวเองให้คนทั่วไปถือได้หรือไม่

Menon ระบุว่า เขาไม่เห็นเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น เพราะหากธนาคารกลางออกเงินดิจิตอลด้วยตัวเองและเปิดให้คนทั่วไปใช้งาน คนจำนวนมากจะถอนเงินจากธนาคารมาถือเงินดิจิตอลแทน ที่ก่อให้เกิดภาวะการแห่ถอนเงิน (bank run)

ธนาคารกลางสิงคโปร์ทดสอบระบบการใช้เงินดิจิตอลเพื่อการชำระบัญชีระหว่างธนาคาร โดยสร้างเงินดิจิตอลที่ไม่ได้เป็นตัวเก็บมูลค่าในตัวเอง

ตลาดขุดเหมืองคริปโตเป็นที่นิยมในจีน เนื่องจากค่าไฟฟ้ามีราคาถูก แม้ทางการจีนเริ่มกดดันให้ปิดเหมืองด้วยมาตรการหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการขึ้นค่าไฟฟ้า

Bloomberg ลองประเมินค่าไฟในจีนว่าจุดคุ้มทุนของนักขุดอยู่ที่ตรงไหน และพบว่าต้นทุนของการขุดเหมืองอยู่ที่ 6,925 ดอลลาร์ต่อ BTC ซึ่งต่ำกว่าราคา Bitcoin ในปัจจุบันมาก นั่นแปลว่าตราบใดที่ Bitcoin ยังมีราคาดีเช่นนี้อยู่ การขุดเหมืองก็ยังทำกำไรอยู่เสมอ

ปัจจุบัน ประมาณ 3/4 ของเหมืองคริปโตอยู่ในประเทศจีน ส่วนการใช้พลังงานขุด Bitcoin ทั่วโลกในปี 2017 อยู่ที่ 20.5 เทอราวัตต์-ชั่วโมง เท่ากับการใช้พลังงานของครัวเรือนในสหรัฐ 3.4 ล้านครัวเรือน ส่วนในจีนใช้ไป 15.4 เทอราวัตต์-ชั่วโมง

หลังกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ประกาศแผน "กระชับวงล้อม" เงินดิจิตอล ถึงกับเสนอแนวทางแบนตลาดซื้อขายเงินทั้งหมด ตอนนี้กระแสของประชาชนเกาหลีก็ออกมาทางลบค่อนข้างมาก โดยเว็บลงชื่อเสนอข้อเรียกร้อง (petition) ของรัฐบาลเกาหลีเอง มีการลงชื่อต่อต้านแนวทางนี้แล้วถึง 128,000 คน

ทำเนียบประธานาธิบดีต้องออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่าแนวทางการแบนทั้งหมดเป็นเพียงข้อเสนอ และยังไม่มีการตัดสินใจแต่อย่างใด

ข้อเรียกร้องบนเว็บรัฐบาลเกาหลีแสดงความไม่พอใจรัฐบาลหลายกระทู้ บางกระทู้เสนอให้ไล่ออกรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ไปจนถึงกรรมการกำกับดูแลธุรกิจการเงิน

งานสัมมนา The North American Bitcoin Conference ที่จะจัดในสหรัฐอเมริกาวันที่ 18-19 มกราคมนี้ ประกาศไม่รับการจ่ายค่าตั๋วเป็น Bitcoin และ cryptocurrency ทั้งหมด เลือกรับเฉพาะเงินดอลลาร์เท่านั้น

เว็บไซต์ของงานระบุว่าที่ผ่านมา รับการจ่ายค่าตั๋วเป็นเงิน cryptocurrency มาโดยตลอด แต่ปีนี้ประสบปัญหาความยุ่งยากในการประมวลผลข้อมูลตั๋ว ความล่าช้าของเครือข่ายเหรียญ จึงตัดสินใจปิดการรับค่าตั๋วเป็นเงินดิจิทัล

Moe Levin ผู้จัดงานยังให้สัมภาษณ์ว่าประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมธุรกรรม Bitcoin ที่ราคาอาจสูงถึง 30 ดอลลาร์ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจยกเลิก

มหาเศรษฐีนักลงทุน Warren Buffett ให้สัมภาษณ์กับ CNBC พูดถึงวงการ cryptocurrency ว่าเขามั่นใจมาก (almost certainty) ว่าจะจบไม่สวยอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะจบอย่างไรและเมื่อไร

เขายังเสริมว่า เขาจะไม่ทุ่มเงินแทงว่าราคา Bitcoin จะร่วง (short) เพราะลำพังแค่เรื่องที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เขาก็ยุ่งมากพอแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไปลงทุนในเรื่องที่เขาไม่รู้จักมันอย่าง Bitcoin ไม่ว่าจะในฝั่งราคาขึ้น (long) หรือราคาลง (short) ก็ตาม เขาบอกว่าไม่มีเงินดิจิทัลเหล่านี้แม้แต่น้อย จึงไม่มีความเห็นว่าราคาจะขึ้นหรือลง

ก่อนหน้านี้ Buffett เคยให้สัมภาษณ์ว่า Bitcoin คือฟองสบู่

ข่าวใหญ่เมื่อวานนี้คือ Kodak ประกาศเข้าสู่วงการคริปโต เตรียมทำ Kodakcoin จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังกังขากับแผนการของ Kodak ว่าเป็นไปได้จริงแค่ไหน

แผนการของ Kodak มีสองส่วน ส่วนแรกคือ Kodak KashMiner เครื่องขุดเหรียญที่จะต้องจ่ายเงิน 3,400 ดอลลาร์เพื่อเช่าเครื่อง แลกกับผลตอบแทน 375 ต่อเดือนเป็นเวลา 2 ปี (9,000 ดอลลาร์) ภายใต้เงื่อนไขว่า Bitcoin ต้องมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 14,000 ดอลลาร์