เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บิล เกตส์ เดินทางไปที่ศาลเมืองซอลต์เลคซิตี้ เพื่อให้การคดีที่ Novell ฟ้องไมโครซอฟท์ว่ากีดกันชุดโปรแกรมสำนักงาน WordPerfect ไม่ให้ทำงานบน Windows 95 ได้ดี
ผลก็คือ WordPerfect สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ Microsoft Word (จากเดิมมีส่วนแบ่งตลาด 50% ลดลงมาเหลือ 10% อย่างรวดเร็ว) และ Novell จำเป็นต้องขายแผนก WordPerfect ออกไปให้ Corel ซึ่ง Novell อ้างในคำฟ้องว่าสูญเงินจากกรณีนี้ไป 1.2 พันล้านดอลลาร์
มูลนิธิของบิล เกตส์และภรรยา (Bill and Melinda Gates Foundation) บริจาคเงิน 30 ล้านดอลลาร์ ร่วมสนับสนุนโครงการของรัฐบาลเวียดนามที่มีเป้าหมายเพิ่มอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตในชนบท
โครงการนี้ใช้งบประมาณรวม 50.6 ล้านดอลลาร์ โดยได้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากมูลนิธิของบิล เกตส์ และได้ซอฟต์แวร์สนับสนุนจากไมโครซอฟท์ (ที่เหลือเป็นเงินของรัฐบาลเอง) รูปแบบโครงการจะติดตั้งคอมพิวเตอร์จำนวน 12,070 เครื่อง กระจายในห้องสมุด 1,900 แห่งใน 40 จังหวัดของเวียดนาม คาดว่าจะเพิ่มปริมาณผู้ใช้เน็ตได้อีก 760,000 คน
ชาวเวียดนามสามารถใช้เน็ตได้ฟรีจากคอมพิวเตอร์เหล่านี้ หรือบางแห่งจะคิดค่าใช้จ่ายในราคาครึ่งหนึ่งของร้านเน็ตท้องถิ่น
ในหนังสือชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ นั้นวอลเตอร์ ไอแซคสันผู้เขียนได้ถอดคำพูดของจ็อบส์ที่กล่าววิจารณ์บิลล์ เกตส์เอาไว้ว่า "บิลล์เป็นคนที่ไร้จินตนาการ และไม่เคยประดิษฐ์คิดค้นอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเหมาะที่จะทำงานมูลนิธิมากกว่าสายเทคโนโลยี เขาก็แค่คนที่ขโมยไอเดียจากผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย"
หลังจากนั้นเกตส์ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC "สตีฟ ได้สร้างผลงานที่สุดวิเศษ"
เขากล่าวกับนักข่าวว่า
"เมื่อคุณนึกถึงว่าทำไมโลกเราทุกวันนี้ถึงได้ดีขึ้น อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โทรศัพท์ วิธีการจัดการกับข้อมูลข่าวสาร ล้วนแล้วแต่เป็นปาฏิหารย์ทั้งนั้น"
ผู้อ่าน Blognone คงจำต้นแบบแท็บเล็ต Microsoft Courier ที่เป็นข่าวตั้งแต่ปี 2009 (ก่อน iPad เปิดตัวด้วยซ้ำ) แท็บเล็ตตัวนี้ยังเป็นแค่โครงการภายในของไมโครซอฟท์ ที่ไม่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ (แต่ Gizmodo เป็นคนนำมารายงาน) น่าเสียดายว่า
ข่าวนี้เป็นผลมาจากบทสัมภาษณ์โดย Walter Isaacson บันทึกเทปรายการ 60 Minutes ซึ่งตอนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์นั้นจ็อบส์ได้กล่าวถึงบุคคลสำคัญทางด้านไอทีสามคนไว้อย่างน่าสนใจ ดังรายละเอียดในข่าว
จ็อบส์พูดถึงซัคเกอร์เบิร์กไว้ว่าเขารู้สึกชื่นชมที่ซัคเกอร์เบิร์กไม่ตัดสินใจขายเฟซบุ๊กและมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทเป็นของตัวเอง และแม้คำว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คจะพูดถึงบริการโดยรวม แต่เขาก็ไม่เห็นผู้เล่นรายใดโดดเด่นกว่าเฟซบุ๊ก
ที่งานประชุมสัมมนา Global Alliance for Vaccines and Immunisation (Gavi) คุณบิล เกตส์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอังกฤษว่า งานประจำ (full-time) ในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตของเขาคือการทำงานให้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation และเขาได้ปฏิเสธการกลับไปนั่งเป็นซีอีโอของไมโครซอฟท์อีกครั้งโดยระบุว่าเขามีส่วนร่วมเป็นครั้งคราวเท่านั้น
คุณเกตส์ยังให้สัมภาษณ์ถึงวิสัยทัศน์ของเขาต่อเทคโนโลยีในอนาคตว่า เป็นเทคโนโลยีด้านการรู้จำเสียงพูด (speech and voice recognition)
โดยเขาได้ชี้ไปที่กระดานและกล่าวว่า ในอนาคตเราจะสามารถสัมผัสหรือพูดกับบอร์ดและได้รับข้อความโต้ตอบจากเพื่อนทั่วทุกมุมโลกได้
เรื่องเล็กๆ ก็เป็นข่าวใหญ่ๆ ได้ เมื่อบิล เกตส์ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ Daily Mail ซึ่งเนื้อหาก็เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเกตส์พูดถึงเหตุผลที่ Mark Zuckerberg บริจาคเงินด้านการศึกษามูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยเกตส์หลุดออกมาว่า
"His fiancée, Priscilla, thought about education, and he gave money to Newark"
Priscilla นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Priscilla Chan แฟนสาวของ Zuckerberg ที่คบกันมาตั้งแต่เรียน Harvard ซึ่งคำพูดดังกล่าวก็ทำให้นักข่าวเชื่อว่า Zuckerberg หมั้นแล้ว เพราะคนที่หลุดประโยคนี้คือเกตส์ซึ่งสนิทกับ Zuckerberg นั่นเอง
ตัวแทนของ Facebook ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในข่าวดังกล่าว
กรณีไมโครซอฟท์ซื้อ Skype คงไม่มีคำพูดของใครมีน้ำหนักมากไปกว่าบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท
เกตส์ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่าเขาสนับสนุนการซื้อ Skype ต่อบอร์ดของไมโครซอฟท์ และระบุว่า Skype เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไมโครซอฟท์ เพราะการสนทนาผ่านวิดีโอจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเขาอยากเห็นว่าทีม Microsoft Research ร่วมกับ Skype จะพัฒนาอะไรออกมาได้อีก
เกตส์ยังบอกว่า Skype เองก็มีรายได้ของตัวเอง ไม่ได้พึ่งพิงไมโครซอฟท์ไปทั้งหมด และการซื้อกิจการครั้งนี้เป็นผลดีต่อทั้งสองบริษัท
ที่มา - BBC
พอล อัลเลน (Paul Allen) คู่หูผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์กับบิล เกตส์ได้ให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับรายการ 60 Minutes ถึงเรื่องการก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และการทำงานภายในบริษัท โดยอัลเลนได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับบิล เกตส์นั้นเหมือนกับต้องตกนรก ("being in hell")
นอกจากนั้นพอล อัลเลนยังได้พูดถึงเกตส์ในแง่ลบอีกหลายอย่างเช่น การไม่ยอมแบ่งรายได้ในการก่อตั้งบริษัทกัน 50-50 แต่เกตส์กลับต้องการมากกว่านั้นจนได้ 60% และเปลี่ยนเป็น 64% ในท้ายที่สุด หรือในช่วงที่อัลเลนป่วยเป็นโรคมะเร็งนั้น ทั้งเกตส์และบัลเมอร์พยายามกดดันให้เขาขายหุ้นทั้งหมดออกไปด้วย
เป็นประจำทุกปีสำหรับนิตยสาร Forbes ที่มีการจัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี 2011 (อันดับปี 2010) โดยในปีนี้บิล เกตส์ซึ่งตกจากอันดับ 1 ในปีก่อนมาอยู่ที่ 2 ก็ยังคงรั้งอันดับที่ 2 ต่อไปอีกปีกับมูลค่าทรัพย์สิน 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยคือ 3 พันล้านดอลลาร์
ส่วนอันดับที่ 1 ยังเป็นของ Carlos Slim มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโกเจ้าของธุรกิจสื่อสารกับมูลค่าทรัพย์สิน 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์
เว็บไซต์ InformationWeek รายงานการขายหุ้นไมโครซอฟท์ของบิล เกตส์ ที่ขายออกมาเยอะมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ในรอบ 12 เดือนล่าสุด เกตส์ขายหุ้นไมโครซอฟท์ออกมา 90 ล้านหุ้น ทำให้เขามีหุ้นลดลง 13% และถ้านับรอบ 24 เดือนล่าสุด เกตส์มีหุ้นไมโครซอฟท์น้อยลง 22%
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เกตส์เป็นเจ้าของหุ้นไมโครซอฟท์อยู่ประมาณ 7% ของหุ้นทั้งหมด และยังเป็นผู้ถือหุ้นบุคคลรายใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์อยู่
ตอนนี้ยังไม่มีคำอธิบายใดๆ จากเกตส์ ทาง InformationWeek เดาว่าเหตุผลน่าจะตรงไปตรงมา คือ หุ้นไมโครซอฟท์ช่วงหลังมีผลตอบแทนไม่ดีนัก (ประมาณ 2.74% ในรอบ 5 ปีหลังสุด) เกตส์น่าจะโอนถ่ายทรัพย์สินของเขาไปลงทุนในกิจการที่ผลตอบแทนดีกว่า
เมลินดา เกตส์ ภรรยาของบิล เกตส์ และผู้ร่วมก่อตั้ง Bill & Melinda Gates Foundation ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ New York Times
ประเด็นหลักของการสัมภาษณ์คืองานของเธอที่มูลนิธิ โดยโฟกัสไปเรื่องผู้หญิงและเด็กเป็นหลัก นอกจากนี้มีเรื่องชีวิตครอบครัว โดยเมลินดาบอกว่าตอนนี้เกตส์กลัวคนๆ เดียวคือลูกสาวคนเล็กวัย 8 ขวบ ส่วนคนอื่นนั้นเขาไม่สนใจ แม้จะเป็น Carlos Slim เศรษฐีชาวเม็กซิกันที่แซงเขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกก็ตาม
แต่ที่เป็นข่าวคือเมลินดาตอบคำถามเรื่องแอปเปิล คำตอบตรงไปตรงมา ผมยกมาลงแบบไม่ต้องแปลนะครับ
Do you own an iPod, which is made by Apple?
No, I have a Zune.
ในงานสัมมนา Techonomy ซึ่งเชิญนักคิดผู้มีอิทธิพลของโลกไฮเทคหลายคนมาแลกเปลี่ยนความเห็นถึงอนาคตของการศึกษา ที่โดดเด่นจนเป็นข่าวมีสองราย
บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์กับ Larry King ของ CNN (พร้อมกับพ่อของเกตส์คือ William Henry Gates, Sr.) โดยมีประเด็นที่กล่าวถึงสตีฟ จ็อบส์, iPad และ Facebook ด้วย
เกตส์เริ่มจากการชมสตีฟ จ็อบส์ ว่าฉลาด และผลงานดีเยี่ยม เขาบอกว่าสนุกกับการมีคู่แข่งอย่างสตีฟมาก (ต้นฉบับใช้คำว่า sparring หมายถึง "คู่ซ้อม")
แต่สำหรับ iPad เกตส์บอกว่ามันยังไม่ดีพอที่เขาจะนำไปใช้ในห้องประชุม เพราะยังใช้กับปากกาไม่ได้ เขาบอกว่าแท็บเล็ตในอุดมคติต้องใช้ได้ทั้งปากกาและเสียงสั่งการ และตอนนี้มีอุปกรณ์ในแล็บ (คาดว่าหมายถึงแล็บของไมโครซอฟท์) ที่น่าจะทำงานได้จริงแล้ว
คุณบิล เกตส์ได้กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ร่วมกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ และคุณชาร์ลี มังเกอร์ กับทาง FOX Business Network ว่า ไมโครซอฟท์กำลังสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับแท็บเล็ตอยู่หลายโครงการ และคิดว่าการใช้ปากกาเป็นอินพุทซึ่งเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์บุกเบิกนั้นจะได้รับความนิยมในหมู่นักเรียน (ต้นฉบับใช้ mainstream for students) โดยมันไม่ใช่แค่ให้ผู้ใช้อ่านได้อย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังสามารถสร้างเอกสารใหม่ได้ในขณะเดียวกันด้วย
ระหว่างที่คุณบิล เกตส์ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ SFGate.com (เว็บหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของ San Francisco Chronicle) ก็ถูกถามว่า
ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าคุณสตีฟ จ็อบส์จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แล้วคุณชอบไอแพดไหม? (You once said Steve Jobs could see the next big thing. Do you like the iPad?)
เขาได้ตอบไปว่า
ก็โอเคนะ ถึงแม้รูปแบบการใช้งานจะไม่ค่อยเด่นชัดซักเท่าไร แต่มันก็ดูดีทีเดียว คุณสตีฟ จ็อบส์ทำด้านการออกแบบได้ดี และไอแพดก็เป็นหนึ่งในนั้น (It's okay. The scenarios aren't that clear. But it's good looking. [Steve Jobs] does good design, and [the iPad] is absolutely a good example of that.)
Jonathan Schwartz อดีตซีอีโอของซัน ที่เคยประกาศลาออกผ่าน Twitter หลังการควบกิจการของซันกับออราเคิลเสร็จสมบูรณ์ ได้เปิดบล็อก What I Couldn't Say… เล่าเรื่องที่เขาเคยเล่าไม่ได้ในตำแหน่งซีอีโอของบริษัท
นิตยสาร Forbes ได้ทำการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี ในปีนี้บิล เกตส์ร่วงลงมาเป็นอันดับที่สอง หลังจากที่รวยเป็นอันดับหนึ่งในปีที่แล้ว โดยเกตส์มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากเดิม 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 53 พันล้านดอลลาร์
สำหรับมหาเศรษฐีที่น่าสนใจรายอื่นๆ ในโลกไอทีก็มีรายชื่อและมูลค่าทรัพย์สินดังต่อไปนี้
การเปิดตัว iPad ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ทั้งในทางบวกและทางลบ แม้ว่าสตีฟ จ็อบส์ อาจไม่สนใจเสียงวิจารณ์ของนักข่าว นักวิเคราะห์ หรือคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าเป็นบิล เกตส์ พูดถึง iPad ก็ต้องสนใจบ้างสิน่า
บิล เกตส์ บอกว่า "iPad นั้นไม่เวิร์ค" เขาบอกว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนส่วนติดต่อผู้ใช้แบบสัมผัส และการอ่านหนังสือด้วยฟอร์แมตดิจิทัล แต่เขายังเชื่อเช่นกันว่า การป้อนข้อมูลด้วยปากกา เสียง และคีย์บอร์ด (ซึ่งเป็นวิธีป้อนข้อมูลที่เน็ตบุ๊กใช้) จะยังเป็นวิธีการป้อนข้อมูลมาตรฐานไปอีกนาน
TechCrunch ได้รับข่าวลือมาว่า เว็บไซต์ใหม่ของคุณบิล เกตส์ thegatesnotes.com ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นลีนุกช์ จึงได้ลองใช้ Netcraft ตรวจสอบ พบว่าเป็นเว็บไซต์ดังกล่าวทำงานทั้งบนลีนุกซ์และวินโดวส์ (โดยใช้ IIS 7.0 จัดการเว็บในฝั่งวินโดวส์) จึงเป็นไปได้ที่เว็บไซต์ดังกล่าวใช้ Akamai เชื่อมไปยังแหล่งคอนเทนต์สำรองในกรณีที่มีทราฟิกมากเกินเซิร์ฟเวอร์หลักจะรับไหว (รวมถึงการถูกโจมตีแบบ DDoS) และ Akamai นี้แหละที่ใช้ลีนุกซ์
ต่อจาก Twitter (บิล เกตส์เปิดทวิตเตอร์แล้ว ชื่อ @billgates) บิล เกตส์ ได้เปิดเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อว่า Gates Notes ซึ่งรวบรวมเอาโน้ตต่างๆ ที่เขาจดไว้
เกตส์บอกว่าหลังวางมือจากไมโครซอฟท์มาทำงานการกุศล มีคนถามเขาเยอะมากว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาเลยเอาโน้ตและอีเมลจำนวนมากที่เกิดจากการสนทนา และเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาเผยแพร่สู่สาธารณะในเว็บไซต์นี้
คุณบิล เกตส์ได้เปิดทวิตเตอร์แล้ว ชื่อ @billgates ข้อความแรกที่ทวีตคือ "'Hello World,' Hard at work on my foundation letter--publishing on 1/25." แสดงถึงความเป็นอดีตโปรแกรมเมอร์ได้เป็นอย่างดี รีบ follow กันด่วน!
ที่มา: The Business Insider ขอขอบคุณคุณ tr ที่มาแจ้งข่าวใน Blognone Forum ด้วยครับ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางช่อง CNBC ได้มีการนำเสนอรายการ Warren Buffett and Bill Gates: Keeping America Great โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ถามคำถามกับหนึ่งในสองคนที่เรียกได้ว่า "รวยที่สุดในโลก" โดยมีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจที่มีผู้ชมถามเกตส์ว่า คิดอย่างไรกับการทำงานของจ็อบส์ในฐานะ CEO ของแอปเปิลบ้าง
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ มีไอเดียว่าน่าจะลากสายไฟเบอร์ออปติกไปยัง "สถาบันหลักของชุมชน" ทั่วสหรัฐ ได้แก่ โรงเรียน วิทยาลัยชุมชน โรงพยาบาล ห้องสมุด ฯลฯ ประมาณ 123,000 แห่ง และประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นว่าน่าจะอยู่ราวๆ 5,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 แสนล้านบาท)
ทางมูลนิธิได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้ และทำรายงานเสนอไปยัง FCC (กทช. ของสหรัฐ) ซึ่งทาง FCC ก็กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนโครงการเมกะโปรเจคต์ National Broadband Plan ที่จะวางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วสหรัฐ โดยเปิดรับไอเดียจากภาคีทุกภาคส่วนของสหรัฐ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 FCC จะเลือกไอเดียจำนวนหนึ่งและประกาศเป็นแผนบรอดแบนด์แห่งชาติ ถ้าไอเดียของมูลนิธิเกตส์ผ่านก็คงได้เห็นกันอีกไม่ช้า
แม้ว่าในวันนี้บิล เกตส์จะไม่ใช่ผู้ที่กุมบังเหียนของไมโครซอฟต์อีกแล้ว แต่ทว่าทั่วโลกก็ยังให้ความสนใจในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดบิล เกตส์ที่เดินทางไปรับรางวัล ณ กรุงนิวเดลี ได้กล่าวเกี่ยวกับเฟซบุคว่าเขาพยายามที่จะลองเล่นเฟซบุคดู แต่หลังจากที่มีคนอยากเป็นเพื่อนกับเขามากจนเขามีจำนวนผู้ที่ต้องการเป็นเพื่อนกับเขาถึง 10,000 คน ซึ่งมากพอที่จะทำให้เขาตัดสินใจเลิกเล่นทันที
นอกจากนี้เขายังยืนยันในงานนั้นอีกว่า ตัวเขาเองไม่ได้ใช้เวลาทั้งวันไปกับเรื่องเทคโนโลยี เพราะเขาต้องใช้เวลาอ่านในเรื่องอื่น ๆ เช่นกัน
ที่มา - Tom's Hardware