แอปเปิลปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนา ได้แก่ iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ ‌macOS Sequoia‌ 15 เบต้า 1 ในวันนี้ โดยมีอัปเดตสำคัญคือความสามารถปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ซึ่งเริ่มเปิดให้ใช้งานได้แล้ว

ฟังก์ชัน Apple Intelligence ต้องเปิดใช้งานเอง (opt-in) ใน Settings และต้องรอการอนุมัติใน Waitlist ก่อน แต่ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง รวมทั้งรองรับจำกัดอุปกรณ์ได้แก่ iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max, iPad หรือ Mac ที่ใช้ชิป Apple Silicon เท่านั้น

แอปเปิลจะเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว และแอปเปิลก็ปล่อยอัปเดตระบบปฏิบัติการที่ระบุว่ารองรับทั้ง iOS 18, iPadOS 18, และ macOS Sequoia เวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนาและคนที่สนใจออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีใครได้ลองใช้ Apple Intelligence เพราะแอปเปิลยังไม่เปิดการใช้งาน แล้วแอปเปิลเองก็ไม่เคยบอกเวลาที่ชัดเจนว่าจะใช้งานได้เมื่อใด

เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลไบเดนได้ให้บริษัทที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในสหรัฐ ให้สัญญากับสังคมแบบสมัครใจ ว่าจะพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ปลอดภัย (Safety), มั่นคง (Security) และน่าเชื่อถือ (Trustworthy) โดยมีบริษัทร่วมทำข้อตกลง 15 แห่ง

ล่าสุดรัฐบาลไบเดนประกาศว่า แอปเปิล คือบริษัทล่าสุดที่ประกาศร่วมทำข้อตกลงนี้ด้วย เนื่องจากบริษัทเพิ่มเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence นั่นเอง

ข้อตกลงนี้ยังมีสถานะเป็นแนวทางที่สะท้อนการควบคุมกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ แต่ยังไม่มีผลในทางกฎหมาย

แอปเปิลชี้แจงหลังจากมีรายงานว่า ทั้งแอปเปิลและบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อีกหลายแห่ง นำข้อมูลซับไตเติลวิดีโอใน YouTube มาเทรนโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกรณีของแอปเปิลถูกระบุว่านำมาใช้งานกับโมเดล AI โอเพนซอร์ส OpenELM ที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน

โดยแอปเปิลชี้แจงประเด็นที่อาจทำให้คนสับสนกับบริการ Apple Intelligence ยืนยันว่า OpenELM ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานกับฟีเจอร์ AI หรือ Machine Learning ใด ๆ ของผลิตภัณฑ์ในแอปเปิลเลย ซึ่งรวมทั้ง Apple Intelligence ด้วย

Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม ได้รายงานข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลในจดหมายข่าว Power On โดยสัปดาห์นี้ว่าด้วย Apple Watch

เริ่มที่ Apple Watch Series 10 รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะออกมาช่วงปลายปี ข้อมูลของเขาเหมือนกับที่ Ming-Chi Kuo รายงานก่อนหน้านี้ ว่าเครื่องจะบางลง หน้าปัดจะใหญ่ขึ้น ข้อมูลของ Gurman บอกว่าหน้าปัดนั้นจะใหญ่ใกล้เคียงกับ Apple Watch Ultra (49 มิลลิเมตร)

MacRumors รายงานข้อมูลที่พบในโค้ดของระบบแอปเปิล โดยอ้างถึงอุปกรณ์ใหม่ชื่อว่า HomeAccessory17,1, ซึ่งแอปเปิลไม่เคยมีอุปกรณ์ชื่อนี้มาก่อน ที่ใกล้เคียงที่สุดคือ HomePod ซึ่งแอปเปิลใช้ชื่ออ้างอิงว่า AudioAccessory

คาดว่าอุปกรณ์ใหม่นี้คือ HomePod แบบมีหน้าจอสัมผัส ซึ่งมีรายงานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาแล้วระยะหนึ่ง แต่ตอนนั้นรายงานว่าจะไม่มีออกมาในปีนี้ โดยทำงานบนระบบปฏิบัติพื้นฐานจาก tvOS ของ Apple TV

ข้อมูลนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg เขาอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง บอกว่าแอปเปิลได้โควต้าตำแหน่งบอร์ดสังเกตการณ์ใน OpenAI หนึ่งตำแหน่ง โดยจะให้ Phil Schiller อดีตหัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ที่ตอนนี้มีตำแหน่งหลักเป็น Apple Fellow และยังดูแล App Store กับ Apple Events ไปนั่งตำแหน่งนี้

โควต้าบอร์ดใน OpenAI ที่แอปเปิลได้นี้ เป็นผลจากการทำข้อตกลงเพื่อนำบริการ ChatGPT ของ OpenAI มาใช้กับระบบปฏิบัติการหลักทั้ง iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia

อีกรายงานจาก Mark Gurman ในจดหมายข่าว Power on สัปดาห์นี้ ได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่อนาคตแอปเปิลอาจทำแพ็กเกจที่ต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับ Apple Intelligence เพื่อแลกกับฟีเจอร์เสริมที่มากขึ้นกว่าเวอร์ชันฟรี เพื่อเป็นช่องทางรายได้ใหม่ๆ กับบริษัท

Gurman ไม้ได้มีการระบุเวลาที่จะออกแพ็กเกจนี้แค่มีการบอกเป็นนัย ๆ ว่าน่าจะเป็นช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าที่จะถึงนี้

ที่มา: Mashable

Mark Gurman รายงานในจดหมายข่าว Power On วีคนี้ เรื่อง Gemini บน Apple Intelligence ที่ Apple กำลังดีลอยู่ ว่าน่าจะลุล่วงและจะมาภายในปีนี้

Gurman ระบุว่าจะมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (fall) ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ปล่อย iOS 18 และ Apple Intelligence ให้ใช้งานจริงช่วงเปิดตัว iPhone 16 เดือนกันยายนนี้

ที่มา - Bloomberg

Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On ซึ่งคราวนี้เขาลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการขาย Vision Pro ของแอปเปิล เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น หลังจากเริ่มขยายประเทศที่จำหน่ายในเอเชียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อวันก่อนมีรายงานข่าวว่าแอปเปิลได้เจรจากับบริษัทผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์หลายแห่ง เพื่อนำมาเสริมกับบริการ Apple Intelligence ไม่ให้จำกัดแค่เฉพาะ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งหนึ่งในนั้นมี Meta ที่ถูกระบุชื่อรวมอยู่ด้วย

ล่าสุดเป็นรายงานจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg โดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าแอปเปิลเคยมีการพูดคุยเบื้องต้น ในการนำ Meta AI มาใช้กับ Apple Intelligence จริง แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว สาเหตุหนึ่งเพราะแอปเปิลไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดการความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานของ Meta

The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Meta บริษัทแม่ของ Facebook กำลังเจรจากับแอปเปิล เพื่อนำโมเดล Generative AI มาเชื่อมต่อการทำงานกับ Apple Intelligence ระบบ AI ที่แอปเปิลเพิ่งเปิดตัวใน iOS 18

แอปเปิลเปิดเผยว่าความสามารถด้าน AI หรือ Apple Intelligence ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ในงาน WWDC24 ซึ่งจะมีในอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอปเปิล อาจไม่ได้เปิดใช้งานสำหรับลูกค้าในภูมิภาคยุโรปภายในปีนี้ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลสหภาพยุโรปต้องทำการสอบสวนเรื่องการจัดการความเป็นส่วนตัวก่อน

แอปเปิลเปิดตัว Apple Intelligence ระบบ AI อัจฉริยะสำหรับอุปกรณ์ทั้ง iPhone, iPad และ Mac ในงาน WWDC24 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเนื่องจาก Apple Intelligence มีการเชื่อมต่อการทำงานส่วนหนึ่งกับ ChatGPT ของ OpenAI ย่อมทำให้ฟีเจอร์นี้มีข้อจำกัดในประเทศที่ ChatGPT ไม่มีให้บริการและเป็นตลาดสำคัญของแอปเปิลอย่างจีน

The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่าแอปเปิลได้เจรจากับผู้ให้บริการแชทบอต AI ในจีนหลายรายทั้ง Baidu และ Alibaba ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากทางการจีน โดยคาดว่าจะใช้ฟีเจอร์แชทบอตของผู้ให้บริการเหล่านี้กับ Apple Intelligence

ฟีเจอร์ Apple Intelligence มีข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ที่รันได้อยู่พอสมควร โดยกลุ่ม iPhone มีเฉพาะ iPhone 15 Pro / Pro Max เท่านั้น เท่ากับว่า iPhone 15 / 15 Plus ที่ยังมีอายุไม่ทันครบปีดี ถือว่าตกรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้แอปเปิลไม่ได้ให้เหตุผลชัดๆ ว่าฮาร์ดแวร์รุ่นไหนใช้งาน Apple Intelligence ได้หรือไม่ได้เพราะอะไร เว็บไซต์ Wired มีบทวิเคราะห์ว่าเหตุผลหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องแรม เพราะ iPhone 15 มีแรม 6GB ในขณะที่ iPhone 15 Pro มีแรม 8GB

ต่อเนื่องจากการเปิดตัว Apple Intelligence ที่มีความร่วมมือกับ OpenAI มาเสริม โดย Apple ระบุเพียงว่า Apple Intelligence ในภาพรวม (ซึ่งน่าจะเหมายถึงเฉพาะ Apple Foundation Model) ประมวลผลบนเครื่องและ Private Compute Cloud ของตัวเอง

ล่าสุด The Information รายงานว่า ส่วนประมวลผลของ OpenAI ที่มาเสริม Apple Intelligence ถูกประมวลผลอยู่บนคลาวด์ Azure โดยเฉพาะ (ต้นทางใช้คำว่า exclusively) ซึ่งถึงแม้ Apple จะยืนยันเรื่องการไม่ส่งข้อมูลส่วนตัว (เช่น IP Address) ของผู้ใช้งานให้กับ OpenAI แต่ข้อมูลนี้ก็อาจทำให้ Apple ถูกตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ตัวเองชูมาตลอด

จากการประกาศความร่วมมือระหว่างแอปเปิลและ OpenAI เพื่อให้บริการ Apple Intelligence ใน iOS 18 ที่เชื่อมต่อการทำงานบางส่วนกับ ChatGPT แต่ความร่วมมือนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเรื่องผลประโยชน์ในด้านตัวเงิน

เรื่องนี้อาจเทียบเคียงได้กับกรณีแอปเปิลและกูเกิล ที่กูเกิลต้องจ่ายเงินให้กับแอปเปิลเป็นจำนวนมากทุกปี แลกกับการเป็นเสิร์ชเอ็นจินค่าเริ่มต้นในระบบปฏิบัติการ ตัวเลขปี 2022 สูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่เมื่อดูกรณีแอปเปิลกับ OpenAI ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงินให้ใคร

ท่ามกลางบรรยากาศที่หันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่คำว่า AI มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทที่จุดพลุให้คำๆ นี้กลายเป็น buzzword คือ OpenAI จากการเปิดตัวเป็นแชทบ็อต ChatGPT (GPT 3.5) เมื่อปลายปี 2022

นอกจาก OpenAI บริษัทที่ถือว่าตีคู่ขึ้นมาได้ ทั้งแง่ความสามารถของโมเดล และผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการกับผู้บริโภคก็หนีไม่พ้น Google (แม้ในแง่การโปรโมท หรือการออกสู่ตลาดอาจจะทำได้แย่กว่า) จนทำให้จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมนี้ ณ ตอนนี้ อาจบอกได้ว่ามีอยู่แค่ 2 บริษัทนี้

ราคาหุ้นของแอปเปิลปิดการซื้อขายเมื่อคืนนี้ที่ 207.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้นถึง 7.26% จากวันก่อน ทำให้เป็นสถิติราคาหุ้นสูงสุดใหม่ของบริษัท หลังจากเมื่อวานนี้ราคาหุ้นปรับลดลงในช่วงแถลงข่าวงาน WWDC24

ปัจจัยหลักคือนักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นมองแนวโน้มเป็นบวกจากการประกาศของแอปเปิลใน WWDC24 โดยเฉพาะความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ทั้ง Siri ที่ปรับปรุงใหม่, การเชื่อมต่อกับ ChatGPT และเครื่องมือ AI คัสตอมแบบ on-device

ฟีเจอร์หนึ่งใน iOS 18 ระบบปฏิบัติการของ iPhone ที่เปิดตัวในงาน WWDC24 เมื่อคืนนี้ แต่ไม่ได้อยู่ในคีย์โน้ตที่น่าสนใจ คือความสามารถในการบันทึกเสียงสนทนาโทรศัพท์ได้แล้ว

โดยเมื่อมีการโทรศัพท์เสียง เราสามารถเปิดการบันทึกเสียงได้ โดยผู้ที่ใช้สายทั้งหมดจะได้รับการแจ้งเตือนว่าการโทรนี้มีการบันทึกเสียง และเมื่อจบการสนทนาแล้ว iPhone จะถอดข้อความเสียงออกมาเป็นตัวหนังสือได้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์ถอดข้อความนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence

อย่างไรก็ตามคุณสมบัติการถอดข้อความเสียงนี้ ในเบื้องต้นยังไม่รองรับภาษาไทย โดยภาษาที่รองรับได้แก่ ภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, จีนแมนดาริน, จีนกวางตุ้ง และโปรตุเกส

จากงาน WWDC 2024 นอกจากแอปเปิลจะประกาศความร่วมมือกับ OpenAI เพื่อนำ ChatGPT เข้ามาเสริมใน iOS 18 และดูเหมือนว่าแอปเปิลก็ได้บอกใบ้ความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการร่วมมือกันระหว่างแอปเปิลและ Google Gemini อยู่ตามที่เคยมีข่าวลือออกมาในอนาคต

Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล เสริมว่าแอปเปิลต้องการให้ Apple Intelligence มีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป โดยตอนนี้ขอโฟกัสกับแค่ ChatGPT ก่อน ส่วน Google Gemini เป็นเป้าหมายต่อไป

ในงาน WWDC24 เมื่อคืน แอปเปิลได้เปิดตัวชุดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกรวมกันว่า Apple Intelligence ซึ่งมีการทำงานบางส่วนที่เรียกใช้ GPT-4o ของ OpenAI อย่างไรก็ตามไม่มีตัวแทนของ OpenAI ร่วมในคีย์โน้ตแถลงข่าวนี้

โดย OpenAI ได้แถลงประกาศความร่วมมือกับแอปเปิล ระบุว่าแอปเปิลได้นำ ChatGPT มาใช้งานบน iOS, iPadOS และ macOS ซึ่งรองรับความสามารถเพิ่มเติม รวมทั้งการทำความเข้าใจรูปภาพ และเอกสาร โดยผู้ใช้งานไม่ต้องสลับแอปไปมา

Elon Musk เจ้าของ X และบริษัทปัญญาประดิษฐ์ xAI โพสต์ข้อความหลังจากแอปเปิลเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ซึ่งส่วนหนึ่งทำงานแบบบนอุปกรณ์ (On-device) แต่การทำงานบางส่วนผ่าน Siri ระบบอาจแจ้งขอเชื่อมต่อกับ ChatGPT เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

Musk บอกว่า ถ้าแอปเปิลนำเครื่องมือของ OpenAI รวมมาในระดับระบบปฏิบัติ แบบนั้นอุปกรณ์แอปเปิลต้องถูกแบนจากบริษัททั้งหมดของเขา เพราะถือเป็นการละเมิดความปลอดภัยที่ร้ายแรง แม้แต่ผู้มาติดต่อก็ต้องเช็กว่าใช้อุปกรณ์แอปเปิลหรือไม่ หากมีก็ต้องเก็บไม่ให้นำเข้ามาในพื้นที่

ไฮไลท์ของคีย์โน้ตงาน WWDC24 คือการเปิดตัว Apple Intelligence ซึ่งเป็นฟีเจอร์ด้าน AI หลายอย่างบนอุปกรณ์ของแอปเปิล โดยแอปเปิลบอกว่าจะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้ใน iOS 18, iPadOS 18, และ macOS Sequoia เฉพาะภาษาอังกฤษแบบสหรัฐก่อน จึงอาจดูเหมือนว่าฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้แม้เป็นอุปกรณ์รุ่นเก่า

อย่างไรก็ตามแอปเปิลมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า Apple Intelligence จะใช้งานได้เฉพาะอุปกรณ์บางรุ่นเท่านั้น ดังนี้

แอปเปิลเปิดตัวฟีเจอร์ AI ของตัวเองโดยเรียกว่า Apple Intelligence ที่เป็นชุดฟีเจอร์ด้านปัญญาประดิษฐ์จำนวนมาก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้นแบบเดียวกับ Samsung Galaxy AI

แอปเปิลระบุว่าพยายามจะใช้พลังประมวลผลของชิปในอุปกรณ์ผู้ใช้เป็นหลัก แต่ในกรณีที่การประมวลผลบางอย่างไม่สามารถประมวลผลในอุปกรณ์ได้จะส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์อยู่ดี โดยเรียกว่า Private Cloud ที่่จะเปิดให้นักวิจัยเข้าตรวจสอบความปลอดภัยโค้ดที่รันอยู่ในคลาวด์ว่าเคารพความเป็นส่วนตัวผู้ใช้จริง ขณะที่ตัวโทรศัพท์นั้นจะยืนยันโค้ดที่จะรันบนคลาวด์ว่าถูกตรวจสอบแล้วจึงส่งข้อมูลให้ และข้อมูลที่ส่งไปแล้วจะถูกประมวลผลอย่างเดียวไม่เก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์อีก ภายใน Apple Intelligence นั้นจะทำ "semantic index" แปลงข้อมูลให้ค้นหาได้ตามคำบรรยาย เพื่อให้บริการต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น