Blockchain อาจจะกลายเป็นสตอรี่ยอดนิยมที่ขาดไม่ได้ของปีนี้ โดยล่าสุดบริษัท Chanticleer Holdings ซึ่งทำธุรกิจร้านเบอร์เกอร์ในอเมริกาหลายแบรนด์ และเป็นแฟรนไชส์ซีร้าน Hooter อยู่ 9 สาขา ได้ออกมาประกาศว่าบริษัทจะพัฒนาระบบ Loyalty Program โดยใช้แพลตฟอร์ม Blockchain ชื่อ MobivityMind ซึ่งเป็นเงิน Cryptocurrency สกุลหนึ่ง
คำอธิบายของซีอีโอ Mobivity นั้นบอกว่า ลูกค้าร้านอาหารในเครือ Chanticleer จะได้รับเหรียญเงินเป็นสิ่งตอบแทนเมื่อซื้อสินค้า เท่ากับว่าการกินเบอร์เกอร์ต่อจากนี้ก็เสมือนกำลังขุดเงิน Crypto อยู่ โดยสามารถนำมาแลกเป็นสินค้า-บริการในร้าน หรือจะนำไปซื้อขายต่อกันเองก็ย่อมได้
เรื่องนี้ก็มีฉากถัดไปคล้ายกับบริษัทขายชาที่ Blognone เคยเสนอข่าวไป โดยราคาหุ้นของ Chanticleer Holdings ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 50% ทันทีหลังจากประกาศข่าวนี้
Comments
มันคือระบบบัตรสะสมแต้มชัดๆ
แต่มันคือ Cryptopoint ที่ทำงานคล้ายๆ กับ Cryptocurrency ซึ่งตอนนี้มันเป็นแค่แต้มสะสม แต่อนาคตมันอาจจะถูกนำมาใช้แทนเงิน fiat นะครับ :)
แสดงว่า เงินสามารถปั๊มได้จากเจ้าของ?
ถ้าปั๊มไม่ได้ แสดงว่า เจ้าของต้องขุดสะสม?
แล้ว เรื่อง Node หละ? มีกี่ Node?
แล้วใครอยากจะเข้ามาเป็น Node ให้ เค้าจะได้อะไรตอบแทน
แล้วใครจะยืนยัน Transaction? เจ้าของยืนยันแต่เพียงผู้เดียวใช่มั้ย?
ที่กล่าวมานั้นคือเรื่องของร้านเบอร์เกอร์
ส่วนเรื่องของผู้คงเปลี่ยนเป็นซื้อเบอร์เพื่อเก็งกำไร
ร้านเบอร์เกอร์เค้าไม่ได้สร้าง network ใหม่ขึ้นมาเองครับ ไปใช้ของ MobivityMind อีกที รายละเอียดพวกนี้ก็คงต้องไปดูที่บริษัทนั้นแทน เท่าที่เคยเห็นและหาดูคร่าว ๆ น่าจะทำแนวแต้มสะสมแต่ว่าไม่ได้ใช้กับร้านเดียว เอาไว้ใช้กับร้านอื่นได้ด้วย ก็มองว่ายกระดับขึ้นมาคล้าย ๆ เงินนิดนึง ส่วนใครจะมาเป็น node ก็คงเป็นร้านที่เข้าร่วมมั้งครับ อาจจะรันเองหรือจ่ายค่าบริการให้ แทนที่จะต้องไปสร้างระบบขึ้นมาเองเพื่อใช้กับร้านตัวเองร้านเดียว
อาจจะไม่ใช่แบบ decentralized ครับ มีเจ้า ใช้ในวงจำกัด ขุดไม่ได้ เจ้าของเสกได้
แถ่ถึงวันนึง อาจจะมีร้านค้าอื่นๆ เข้าร่วมใช้ด้วยก็ได้ แนวคิดแบบ แต้มสะสมนี่แหละครับ เอาตังซื้อ เติมเงิน หรืออะไรก็ว่าไป...
อ่อ ใช้ระบบของ MobivityMind ไม่ได้เขียนขึ้นเอง
บัตรแรบบิทลองทำบ้างมั้ยฮะ ทำแอพออนไลน์ให้เปิด Wallet อิสระ จ่ายผ่าน QR/NFC ได้ โฆษณาว่าเปลี่ยนระบบแต้มแครอท (ไม่ใช่เงินในกระเป๋านะ) จากระบบเดิมเป็น "Cryptocarrot" ร้านค้าที่จะรับบัตรต้องเข้ามาเป็น Node/Miner แค่นี้ก็ได้ชื่อว่าธุรกิจ Blockchain เท่ๆ ละ ไม่โดนรัฐเพ่งเล็งด้วยเพราะไม่ใช่เงิน :P
แสตมป์ 7-11
ดูแล้วน่าจะเอาระบบสะสมแต้มมาเก็บบน private blockchain เพื่อแชร์กับร้านอื่นๆได้ด้วย
ตอนนี้กระแส อะไรๆก็ blockchain กันหมด เหมือน big data, A.I.,machine learning แล้วสินะ
ผมว่ามันเริ่มไร้สาระนะ
เพราะ blockchain หลักๆมันคือเพื่อป้องกันการโกง/แก้ข้อมูลตามใจชอบ โดยใช้วิธีกระจายศูนย์
ซึ่ง คูปอง มันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
และการ กระจายศูนย์ ต้นทุนโดนรวมจะแพงกว่า รวมศูนย์
เทียบกับพวก app e-coupon ที่เป็นระบบรวมศูนย์(=ต้นทุนถูก)
+ custom ให้เหมาะกับการตลาดหลายๆแบบได้
ยังไปกันไม่รอดเลย
ปล.เหมือน blockchain เป็นยาวิเศษในทางธุรกิจไปละ
ธุรกิจใดก็ตาม ขอแค่หันมาทำ blockchain หุ้นก็จะขึ้นทันที...
มันไม่ไร้สาระตรงที่แค่คิดจะทำราคาหุ้นก็ขึ้นแล้ว 50% นี่แหละครับ
พูดให้เต็มคือ
"หุ้นขึ้นแบบไร้สาระ" ครับ
เพราะเอา blockchain มาทำคูปอง มันไม่ได้ทำกิจการมี performance ดีขึ้นเลย
มันเป็นมุมมองเชิง disrupt ไงครับ หุ้นขึ้นเพราะคาดหวังว่า ระบบใหม่ๆจะทำให้พัฒนาได้ดีกว่าเดิม เหมือนมีแผนพัฒนาธุรกิจเพิ่ม ไม่ใช่ใช้แบบเดิมๆซ้ำๆไปจนร้านตาย
ระบบรวมศูนย์ ต้องมีศูนย์กลาง ต้องมีเจ้าภาพคนกลาง ทุกคนต้องพึ่งพาศูนย์กลาง(server) ปัญหาจะเกิดเมื่อต้องการเชื่อมข้ามระบบ (ข้ามค่าย) กันนี่แหละ
แต่กระจายศูนย์ ก็แค่มี api ที่กำหนดร่วมกัน ก็ใช้แยกกันไปได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนใดคนนึงโดยเฉพาะ
แต่นั่นแหละ ข้อเสียของblockchainยังอยู่ที่ต้นทุนพลังคำนวณ ซึ่งตรงนี้ อาจมองว่าแลกกับค่าlicense แบบรวมศูนย์แล้ว ค่าไฟ ค่า server ที่ใช้คำนวณมันถูกกว่าระบบรวมศูนย์เทพๆ แถมถ้าไปใช้ระบบ open ก็สามารถยืมพลังคำนวณจากคนอื่นได้อีก
ระบบมันยังใหม่ ทุกคนต่างคาดหวัง ก็ไม่ต่างจาก big data,machine learning อะไรพวกนี้หรอกครับ ทุกคนโดดเข้ามาแม้จะยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
มันคือโซล่าฟาร์มเวอร์ชั่นอเมริกา ถถถ
ถ้าเมืองไทยก็ประมาณบริษัทที่ทำ New Energy สิ่นะ