สมาพันธ์สหภาพแรงงานสากล หรือ International Trade Union Confederation (ITUC) เปิดเผยเอกสารภายในของซัมซุงที่ชี้ให้ถึงนโยบาย วัฒนธรรมภายในและแนวทางปฏิบัติต่อแรงงานที่ออกไปในทางกดขี่ข่มเหง จำกัดและละเมิดสิทธิ์
เอกสารข้างต้นเป็นเอกสารสำหรับการนำเสนอ (presentation) โดยมีจุดประสงค์เพื่อพยายามเผยแพร่แนวทางในการปิดกั้นและป้องกันไม่ให้แรงงาน ทั้งของซัมซุงเองและบริษัทเอาท์ซอร์สอื่นๆ รวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้นมาต่อรองเรียกร้องสิทธิต่างๆ ได้อีก ไม่ว่าด้วยวิธีลงโทษหัวหน้าสหภาพ, แยกพนักงานตัวปัญหาออก รวมไปถึงทำให้กลุ่มแรงงานทะเลาะกันเอง
ไม่เพียงแค่นั้น ทาง ITUC ระบุว่าด้วยว่าสภาพการทำงานของแรงงานภายในซัมซุงนั้นเต็มไปด้วย "ความไร้มนุษยธรรม" (Inhumane conditions are rife) ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเกินเวลา อย่างการยืนทำงานวันละ 11-12 ชั่วโมงค่าแรงไม่ได้ตามที่ควรจะได้ รวมถึง ทำงานภายใต้สภาวะความกลัวจากการข่มเหงทั้งทางกายและวาจา การคุกคามทางเพศ รวมไปถึงไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยในการทำงาน
ขณะที่เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา มีการพูดถึงการใช้คำพูดด่าทอ ดูถูกและเหียดหยามจากเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารต่อแรงงาน รวมไปถึงการฆ่าตัวตายของแรงงาน ซึ่งเอกสารนั้นนำเสนอทางออกต่อความไม่พอใจของพนักงาน ว่าต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้แรงงานรู้สึกรักในบริษัท ทำให้รู้สึกว่าบริษัทอบอุ่นและใส่ใจ ด้วยการให้ของขวัญ อาทิ ภาพพร้อมลายเซ็นของซีอีโอ ในช่วงวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดเสียงบ่นและความพยายามในการจัดตั้งสหภาพแรงงานลงไปได้
สำหรับประเด็นด้านกฎหมาย ในเอกสารชี้ว่าว่าถึงแม้ตัวบทกฎหมายจะระบุว่าการละเมิดกฎหมายแรงงาน จะถูกจำคุก 2 ปี แต่ในทางปฏิบัติแล้วค่าจ่ายค่าปรับก็จบ ซึ่งซัมซุงพร้อมจะจ่าย รวมถึงการฟ้องร้องในเรื่องการละเมิดสิทธิข้างต้นนั้น หลักฐานเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกให้ผู้บริหารเมื่อทำอะไรแล้ว อย่าทิ้งหลักฐานเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ITUC รณรงค์พร้อมเปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม เรียกร้องให้ซัมซุงหยุดพฤติกรรมข้างต้นทั้งหมด ขณะที่เว็บไซต์ The Register ที่รายงานเรื่องนี้ได้ติดต่อไปยังซัมซุงเพื่อขอคำชี้แจง แต่ยังไม่มีการติดต่อกับมาแต่อย่างใด
ที่มา - The Register, เอกสาร Labor-Management Strategy of the year 2012
Comments
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่ก็เป็นเพราะการกระทำของตัวเองทั้งนั้น
นี่เป็นผลผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างมีปัญหาหรือเปล่า
I need healing.
เหยยยดดดดดดดดดด เรื่องแบบนี้มัน......
ถึงคราเจ๊ง
แนะนำให้อ่านเอกสารพรีเซ้นต์ครับ มีทั้ง right ทั้ง wrong เอาไปประยุกต์ใช้งานได้ ถึงบางอย่างมันจะเป็น common sense ก็เถอะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จากประสบการณ์การทำงานในโรงงานหลายแห่ง
ค่าจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นเงินจำนวนมากที่ต้องจ่าย
ในบรรดาค่าใช้จ่าย อะไรก็คุมได้ง่าย
ยกเว้นค่าจ้าง ยิ่งถ้ามีสหภาพจะยิ่งยาก
และค่าใช้จ่ายนี้จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี
สิ่งที่ทำๆกันก็คือ พยายามกดบีบให้ได้มากที่สุด
ในโรงงานที่มีระดับสูง อาจจะไม่มาก
แต่โรงงานระดับกลางถึงล่างนั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาอยู่มาก
และโรงงานระดับนี้มีอยู่เยอะด้วย
น่าสงสารผู้ใช้แรงงาน
บางทีโทรศัพท์อย่างดีที่เราใช้ แต่กลับพยายามแข่งราคากันถูก
อาจจะไม่ได้แค่เพียงลดต้นทุนจากวัตถุดิบ และกระบวนการอย่างเดียว
แต่พยายามลดต้นทุนจากค่าจ้าง
ด้วยการบีบคั้นแรงงานในลักษณะแบบนี้ด้วย
เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งของสินค้าเกือบทุกประเภทที่ทำสเป็คเท่า/ดีกว่าคู่แข่งแต่ขายราคาถูกกว่าได้โดยยังมีกำไรมากกว่าคนอื่น โคตรตลกร้ายตรงที่บริษัทที่ไม่ค่อยมีข่าวพวกนี้มักจะเจ๊งไม่เจ๊งแหลหรือปรับโครงสร้างหนี้กันเพลิน....
+1
กลายเป็น game theory ไปเลย
ถ้าทุก บ.แฟร์ ก็ลำบากตามปกติ
ถ้า บ.นึงเขี้ยว บ.นั้นกำไร บ.อื่นเดือดร้อน
ทุก บ.เขี้ยว = นรกทั้งระบบ
จริงหรือเท็จผมขอรับทราบไว้
"... ดูถูกและเหียดหยามจากเจ้าหน้าที่..." -> เหยียดหยาม
ติดต่อกับมา => ติดต่อกลับมา
คำว่าธุรกิจไม่เคยมีสีขาว
เพราะคำว่าเงินเพียงอย่างเดียว ตลกร้ายอย่างบอกไม่ถูก
Get ready to work from now on.
เพราะแสดงสีขาวไม่เกิดจากแสงสีขาว...
ปล. แต่ก็มีธุรกิจที่เรียกว่า social enterprise อยู่นะครับ เป็นรูปธุรกิจที่คิดเพื่อสังคมตั้งแต่ต้นจนจบ กำไรก็นำขยายการทำงานเพื่อสังคมต่อไปอีก
เพื่อนเกาหลีผมบอกว่า Samsung เอาเปรียบคนในประเทศแล้วก็มาทำตลาดที่อเมริกาในราคาที่ถูกกว่าที่ขายในเกาหลีโดยอ้างว่าเพื่อจะต่อสู้กับคุ่แข่งต่างชาติได้ แนวกระตุ้นให้สู้เพื่อความเข้มแข็งของชาติเกาหลี ผลคือ Samsung รวยแต่ลูกจ้างแรงงานมีปัญหาสุขภาพแล้วโดนเลิกจ้าง อันนี้ฟังเค้าเล่าตั้งแต่สี่ห้าปีมาแล้ว ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ดีขึ้นหรือแย่กว่าเดิม
ส่วนเรื่องการมีสหภาพแรงงาน มันมีหลากหลายกรณีทั้งดีทั้งแย่ เช่น ลูกจ้างได้รับการคุ้มครองทั้งเรื่องค่าแรงที่เป็นธรรม แต่บางครั้งสหภาพก็ทำตัวเป็นอันตพาลจนโรงงานต้องปิดทำให้ลูกจ้างทุกคนตกงานหมด บริษัทแบบ Apple จึงเลิกทำโรงงานของตัวเองเพราะไม่อยากแบกภาระพวกนี้ ส่วนบริษัทที่ไม่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งก็ต้องทำโรงงานต่อไป แล้วก็ต้องแบกภาระเหล่านี้ไว้กับตัว
จำได้ว่ามีข่าวพนง.ป่วยเป็นลูคีเมีย หรืออะไรซักอย่างนี่แหละที่เหมือนจะทำเป็นหนังด้วย
ยังจำได้สมัยก่อนตอนที่กิจการรถยนต์แดวูประสบปัญหาวิกฤตมาก แต่สหภาพแรงงานในเกาหลีกลับไม่ยอมลดสวัสดิการของตัวเองเพื่อช่วยเหลือบริษัท ทั้งยังก่อหวอดหยุดงานประท้วงดื้อๆซะอย่างนั้น (คงอยู่แต่ในประเทศตัวเองเห็นแต่ว่ารถเกาหลีขายดีแล้วนึกลำพองใจว่ารถยนต์แดวูเป็นที่ต้องการมากของชาวโลกไปด้วยยังไงก็ต้องง้อพวกตน)
ผลคือบริษัทล้มละลาย พนักงานตกงานมหาศาล
คำถามคือในเกาหลี วัฒนธรรมกดขี่แรงงาน กับแรงงานเรียกร้องมากเกิน ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นเหตุอันไหนเป็นผล เพราะทราบมาว่าทุกวันนี้เรื่องการประท้วงโดยสหภาพเพื่อเรียกร้องสิ่งต่างๆเพื่อตนเองและหยุดงานแบบไม่แคร์ใครก็ยังมีกันอยู่แทบทุกปี
ป.ล. ถ้าเราจำกันได้สมัยเด็กข่าวช่อง 7 ออกเกือบทุกค่ำที่ตำรวจเกาหลียิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วง ก็เรื่องเดียวกันนี่ เพื่อนเกาหลีผมบอกว่าทุกวันนี้ก็เหมือนเดิมแค่พวกเขาปิดข่าวเก่งขึ้น
foxcorn ที่ทำให้ apple ก็แย่พอกัน กำไรเอาจริง ก็เข้ากระเป๋าเจ้าของ กับผู้บริหารทุกที่นั่นละ
แต่ Foxconn นั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่ดูแลพนักงานได้ดีในระดับแถวหน้านะครับ เรื่องการละเมิดการกดขี่มันมีอยู่ทั่วไป และวิธีจัดการกับปัญหาก็ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละที่ การมีข่าวแบบนี้ออกมาไม่ว่าจากที่ไหนมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับฝั่งลูกจ้าง
Foxconn อย่างน้อยๆ มันก็มีสหาภาพแรงงานนะ
ซ้ำ...