ไมโครซอฟท์เล่าประสบการณ์การอัพเกรดพีซีของตัวเองเป็น Windows 11 ทั้งหมดในระยะเวลา 5 สัปดาห์ อัพเกรดพีซีให้พนักงาน 190,000 คนทั่วโลก
ไมโครซอฟท์บอกว่าการอัพเกรดเป็น Windows 11 ราบรื่นมากเมื่อเทียบกับตอนอัพเกรด Windows 10 เหตุผลสำคัญคือไม่มีปัญหาความเข้ากันได้ของแอพ (สถิติบอกว่าแอพเข้ากันได้ 99.7%) และตัวเครื่องมือที่ใช้อัพเกรดพีซีจำนวนมากๆ นั้นดีขึ้นมากด้วย ช่วยลดแรงที่ใช้ลงได้มาก
- อย่างแรกคือสำรวจว่ามีพีซีเครื่องไหนบ้างที่อัพเกรดเป็น Windows 11 ไม่ได้ ซึ่งทำได้ผ่านเครื่องมือ Update Compliance และ Microsoft Endpoint Manager ช่วยวิเคราะห์ให้ (พบว่าพีซี 99% อัพเกรดได้) พอได้ข้อมูลเชิงสถิติแล้วจึงมาวางแผนการอัพเกรดได้ละเอียดขึ้น ส่วนพนักงานที่เครื่องอัพเกรด OS ไม่ได้ก็รอเปลี่ยนพีซีเครื่องใหม่ตามรอบการเปลี่ยนถัดไป
- ใช้การอัพเกรดเป็น ring ค่อยๆ ขยายไปทีละกลุ่ม (แบบเดียวกับข่าวนี้) เพื่อทยอยปล่อยอัพเกรดให้พนักงาน
- เครื่องมือที่ใช้ปล่อยอัพเดตคือ Windows Update for Business เพื่อให้แยกกลุ่มพีซีได้ง่าย และสามารถ rollback ได้ถ้าจำเป็น
- การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเตรียมวิธีการสื่อสารกับพนักงานผ่านช่องทางต่างๆ ในองค์กร เช่น FAQ, Yammer, SharePoint, Teams, อีเมลภายใน ไปจนถึงการกำหนดจำนวนการขึ้นข้อความชวนอัพเกรดที่ OS ว่าจะขึ้นเตือนกี่ครั้ง
- การมอนิเตอร์ข้อมูลว่าอัพเกรดไปได้ดีแค่ไหน ทีมงานใช้ Power BI ในการวิเคราะห์
ตัวอย่าง timeline การอัพเกรด Windows 11 ภายในบริษัทไมโครซอฟท์เอง

ที่มา - Microsoft, Microsoft
Comments
อัพเกรดผ่านได้ง่าย แต่ ux แย่กว่าเดิม สงสัยว่าตรงนี้มีการประเมินไหม ว่า พนง. เสียเวลาเรียนรู้มากขึ้นขนาดไหน
ทำไมผม upgrade แล้วไม่รู้สึกต่างเลยครับ ไม่รู้สึกว่าต้องเรียนรู้อะไรมากขึ้นเลย
ต้องลองรีโมท ไปเครื่อง Client ที่เน็ตอืดๆซักรอบ แค่ขยับเมาส์ห็หัวร้อนแล้ว ยังต้องคลิ๊กเพิ่ม นี่หัวร้อนกว่า
เน็ทช้าไม่น่าเอามาเกี่ยวนะครับ ต่อให้ใช้ window อะไรถ้า remote แล้วเจอเน็ทแบบนี้ก็หัวร้อนหมดละครับ
เข้าใจละครับ น่าจะหมายถึงให้คลิ้กเยอะสินะคับ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เป็นเรื่องดีนะที่ MS เอาประสบการณ์ของตัวเองมาเล่าให้ลูกค้าฟัง
..: เรื่อยไป
Thinkpad x AMD x Win 11 ยังเน่าอยู่เลย Sleep ไม่ได้ sleep แล้วรวนมาก
Windows sleep เหมือนไม่ sleep นะครับ เคยใช้ทั้ง sleep, hibernate สรุปไม่หลับทั้งคู่ แถมรวนกว่าเดิมอีก ใช้ตั้งแต่ windows 7 แล้ว สุดท้ายต้อง shutdown ปกติครับ อีกอย่างระบบ windows มันไม่เหมาะกับ sleep เหมือน macOS ครับ
จะว่าไป ssd ผมอาจจะขิตเพราะ sleep state: S4 นี่แหละมั๊งครับ
อันนี้อธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมครับ
ผมแทบจะ sleep อย่างเดียวมาตั้งแต่ Windows XP HDD 40GB มาจน SSD เครื่องปัจจุบัน แต่ก็แทบไม่ได้จับ macOS เลยไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไรบ้าง รู้แต่ว่าก่อน M1 มา Windows ปลุกได้เร็วกว่า MacBook มาก
ตอน Win 10 ก็ sleep แปลกๆ ครับ ที่เจอมันตื่นขึ้นมาเอง เสียงดังจากในเครื่องเปิดขึ้นมาเลย พอมา Win ลงใหม่ clean ลองเทสเลย sleep ทิ้งไว้ อยู่ดีๆ ก็เปิดตื่นเอง ทิ้งไว้สักพักถึงปิด
แต่ก่อนหน้าเป็น Win 10 ดีกว่ากว่า Win 11 เยอะมาก sleep นานๆ แล้วแบตไม่หมด พอ 11 ปิดไม่กี่วันแบตหมด เสาทืตย์ เปิดจัน แบตเกลี้ยงงง ยังไม่นับปัญหาอื่นๆ อีกตั้งแต่ Win 10 มา Win11
เป็นปัญหาที่ AMD driver มากกว่า ฝั่ง Intel ปรกติมาก
ผมใช้ ThinkPad P14s Gen 2 กว่า driver AMD จะเข้าที่ ผมแทบจะโยนเครื่องอายุได้ 2 อาทิตย์ทิ้ง มันทำงาน standby หรือปิดฝาแบบเดิมๆ ที่เคยทำได้บนเครื่อง Intel ไม่ได้เลย
ส่วนตัวคิดว่าเครื่องต่อไปคง Intel แหละ AMD ทำชวนปวดหัวมาก
ผมนึกว่าจะเป็นเฉพาะฝั่ง Linux เสียอีก แต่ของผมเป็นปัญหากับ GPU แทน ส่วน Sleep ทำงานได้ปกติ
ของ X13 gen 1 ผมมีปัญหาตั้งแต่ Win 10 กล้อง IR Win Hello เน่า Lenovo support บอกให้ reset แบบ delete everything ผมก็ปล่อยมาเรื่อยๆ จนอัพ 11 ก็เน่าอยู่ดีเพิ่มเติมปัญหา Sleep ที่ลงใหม่ก็ทำให้ใช้กล้อง IR ได้ แต่ Sleep แล้วรวนไม่หาย อัพเดตอะไรก็ไม่หายสักที ของคนรู้จักก็ปัญหา sleep เหมือนกันตัว P14s gen 1
sleep ที USB ใช้ไม่ได้บ้าง กล้อง IR ทำงาน มี Fingerprint ไม่ติดเคยเจอ หลังตื่น shutdown ค้างบ้าง
เครื่องหน้าถ้าไม่ติดเรื่องงานไป Mac ละครับ ไม่ไหว เลย
ชอบเรื่องการแบ่งหน้าต่างง่าย แต่ไม่ชอบที่ล็อก Taskbar มันแยกไม่ได้แล้ว ไม่ค่อยสะดวกเลย
SSD ผมขิตไปอันนึงเพราะ disk 100% นี่ปิด page file แล้วแต่ว่าไม่รู้จะเขียนอะไรนักหนา
ปล.มีคนบอกความอัดอั้นให้แล้วเนี่ย https://www.youtube.com/watch?v=sxXs0Yy5-0Y
ส่วนผมเล่าประสบการณ์เครื่องแฟน Windows 10 ใช้ Bluetooth ไม่ได้ ตอนแรกใช้ได้ปกติ วันหนึ่งใช้ไม่ได้เฉย restart ก็ไม่หาย ลองรัน services,device manager และอื่นๆก็ไม่หาย สรุปคือต้องทนใช้แบบมีสายต่อไปเพราะความห่วยของ Windows 10
อันนี้มั่นใจว่าตัวการ์ด Bluetooth ไม่ได้เสียใช่ไหมครับ? พอดีผมสงสัยนิดหน่อย
เห็นคุณพิมพ์แบบนี้เหมือนยังไม่ได้ตรวจเช็ค Hardware เลย ถ้าตรวจแล้วผมก็ขอโทษที่สงสัยครับ
ไม่ค่อยชอบเลย เมนูซ่อนไปเยอะ โล่งไปหน่อย ชอบแบบ 10 อะ
ใช่ครับผมชอบแผ่ๆ กดๆๆๆ ส่วนตัวรู้สึกเน้นไปทาง
ทัชสกรีนมากไปบางจังหวะเหมือนต้องกดคลิก 2 ครั้ง
- ติ๊กแรก Select
- ติ๊กสอง คำสั่ง
ส่วนตัวเหมือนบั๊กกิชยังไงไม่รู็ไล่ความรู็สึกนี้ไม่หายสักที
เคยอัพครั้งนึง หงุดหงิดที่ย้าย Taskbar ไม่ได้ อันใหญ่แบบไร้สาระ และแถมช้ามาก (เครื่อง i5 Gen 8U) แต่ก็ทน ๆ ใช้ไป สุดท้ายไม่ไหว กลับมา 10 เหมือนเดิมชีวิตดีขึ้นเยอะ คงไม่ไปอีกแล้ว รำคาญ จนกว่าจะย้าย Taskbar และใช้ Small Taskbar ได้
ผมใช้โปรแกรม ExplorerPatcher ที่โหลดจาก GitHub มาจัดการปลด Taskbar Windows 10 style มาใช้งานครับ
..คือเป็น Windows 10 เดิมจริงๆ เลย ปุ่ม Start อยู่ซ้าย, มีแว่นขยายค้นหา, ปุ่ม Task view, เพิ่ม Toolbar ได้ (เช่นเพิ่ม Quick Launch), ปรับ Taskbar ใหญ่-เล็กได้, Task เปิดโชว์ Title ได้ (Combine taskbar buttons), เพิ่ม Toolbar System Monitor อย่างพวก Internet Uploadd/Download Speed ได้, นาฬิกาสามารถใช้โปรแกรมเปลี่ยนสกินได้ (เช่น T-Clock)
..แต่ยังไงผมก็รู้สึกว่า Windows 11 มันมีอาการหน่วงๆ อยู่ ก็เลยใช้ Windows 10 ดีกว่า
ขอบคุณที่ชี้ทางสว่างครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้ Win 11 จริง ๆ คงจะต้องใช้อันนี้ แต่เหมือนมันจะย้าย Taskbar ไปไว้ด้านบนไม่ได้เหมือนเดิม แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มีอะไร
เดี๋ยวจะเอาไปลงในเครื่องที่ทำงานให้หมด 555
ย้ายตำแหน่ง Taskbar ได้ครับ ให้คลิกขวาที่ว่างบน Taskbar > Properties ..เมนูหมวด Taskbar เลือก Primary taskbar location on screen เป็น Top > คลิก *Restart File Explorer ที่มุมซ้ายล่างเพื่อรีโหลด Explorer ใหม่ Taskbar ก็จะย้ายตำแหน่งละครับ
..การกลับไปใช้ Taskbar สไตล์แบบ Win10 ทำให้การใช้โปรแกรม Open-Shell (ชื่อเดิม Classic Shell) สามารถใช้สกินในส่วนต่างๆ ได้เป็นปกติเหมือนกับที่ใช้ Windows 7,8,10 ทุกประการ และยังสามารถใช้สกินส่วน Taskbar แสดงผลถูกต้องยาวตลอด Taskbar, การเปลี่ยนปุ่ม ปุ่ม Start ก็ไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่งปุ่ม เพราะเป็นการแทนที่ปุ่ม Start เดิมแบบสมบูรณ์ ไม่ใช่การวางทับปุ่มแบบที่เห็นใน Taskbar สไตล์ Win11 ..ทำให้ผมสามารถปรับแต่งเลียนแบบหน้าตา Windows XP ได้ (แต่ส่วนแถบ Icon Tray เปลี่ยนไม่ได้) หรือหน้าตา Windows Vista ได้อย่างไม่มีปัญหาด้วย
ผมใช้ notebook intel i7 gen8 win10 ใช้งานได้ปกติดี แต่พอเป็น 11 เครื่องช้า software เดิมๆกิน CPU เยอะมากครับ
เลยไปถอย ryzen 5800 มา ลื่นมากครับ รวมๆชอบมากกว่า win10 แต่รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ถึงขนาดจะต้องกิน cpu ขนาด gen8 run ไม่ไหว
ใช่ครับ Gen 8 ไม่น่าเอาไม่อยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะแก้บัก CPU Spectre/Meltdown พอมา Ryzen มันไม่มีบักตรงนี้เลยไม่เป็นอะไร
แต่ตอนนี้ใช้ Gen 12 อยู่ แต่ก็ไม่เอาแล้วล่ะครับ Win 11 รอ Win 12 เลยละกัน
สมูทเหรอ ที่บริษัทผมกระท่อนกระแท่นมากเลยนะ 5555
รอ Windows 12 เลยเถอะ
Microsoft ก็พูดง่ายนะ ส่วนใหญ่องค์กรที่ Microsoft ไปอัปเกรดมา องค์กรเขามีศักยภาพในการใช้ PC รุ่นล่าสุดทุกปีเลยเปล่าล่ะ? ..คือแค่เป็น PC เช่าที่มีอายุสัญญา 3 ปี แล้วเปลี่ยนขึ้นรุ่นใหม่ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องอัปเกรด Win11 แต่ถ้าเป็นองค์กรที่เขาไม่ได้เช่า แต่เป็นการซื้อขาด PC เขาก็จะเปลี่ยนก็่ต่อเมื่อสเปคการใช้งานมันไม่ไหวแล้วนั่นแหละ (นี่ยังไม่นับ PC ตามบ้านที่เขาไม่ได้อัปเกรด PC กันบ่อยด้วยนะ)
ที่ผมคิดวว่า่มันดูตลกก็คือ Scrollbar ที่ออกแบบมาเป็นขีดๆ แล้วซ่อนลูกศรเอาไว้ แต่ขนาดพื้นของ Scrollbar มันยังใหญ่เท่าเดิม ..ถ้าจะทำแบบนี้จริงๆ ก็หดขนาด Scrollbar ให้ผอมลงไปเลยสิ พอเอาเมาส์ไปชี้ก็ขยายขนาด (หรือกลัวคนใช้ Touch Screen แตะเลื่อนไม่ได้?)
ป.ล. Win11 แม้ Microsoft จะไม่ทำให้มันทำงานเต็มประสิทธิภาพแบบ Win10 ลงไป แต่อย่างน้อยผมก็เจอบทความที่จะทำให้เปลี่ยนกลับไปใช้ Taskbar แบบ Win10- ได้อยู่ ซึ่งมีทั้งแบบทำมาเป็นโปรแกรมช่วย และวิธีแก้ไข Registry จึงไม่น่าห่วงสำหรับผมเท่าไหร่ละ แค่มันมีวิธีย้อนกลับไปใช้ได้ก็ OK ขอแค่ Microsoft อย่าไปปิด Taskbar เก่าโดยสมบูรณ์ก็พอ (ผมใช้โปรแกรม ExplorerPatcher จัดการ แถมเปลี่ยนไปกลับได้ดด้วย ปรับแต่ง Taskbar ได้จากออปชันของโปรแกรมเอง แต่จะมีปัญหาก็ไอคอน Widget นี่ล่ะ ที่ถ้าใช้ Taskbar style Windows 10 มันจะกลายเป็นไอคอน Cortana ที่เป็นวงกลม)
อันนี้ที่ไหนนะครับ?
ทุกจุดที่มี Scrollbar เลยครับ สังเกตว่า ขนาด Scrollbar ที่มีขนาดแบบ Windows 95 แต่พอเปลี่ยนดีไซน์ที่ Win11 มันจะยังมีความหนาของแถบเลื่อนอยู่ แต่ตัวแถบเลื่อนจะแสดงผลเป็นขีด และซ่อนลูกศรเอาไว้ ต้องนำเมาส์ไปชี้แถบเลื่อนจึงจะทำให้หนาขึ้นและโชว์ลูกศร เช่น Notepad, File Explorer (ไม่ใช่ UI Settings นะ เพราะอันนั้นมันเปลี่ยน UI แสดงผลใหม่)
ขอบคุณครับ
เครื่องคอมที่นั่นคงจะมีเทขายมือ2กันเยอะแน่
พอจะมีหลุดมาไทยบ้างไหมนะ
อัปเกรดไม่ผ่าน เพราะสเป็คไม่ถึง แต่พอลงแบบติดตั้งล้างเครื่องใหม่ผ่าน พออัพเดตไดรเวอร์เสร็จใช้งานรวดเร็วเท่ากับ 10 เลย รู้สึกเหมือนระบบเดิมเปลี่ยนธีมใหม่ แถมบางแอปอย่าง เอดจ์เบราเซอร์นี่เร้วกว่าวิน 10 อีก
ส่วนตัวคิดว่าระบบอัพเกรด (Windows 10 > 11) มีปัญหา เพราะเครื่องของเพื่อนอัพเป็น Win 11 ผ่านระบบอัพเกรด ช้าฉิบหาย แถมเล่นๆ ไป CPU 100% แต่ไม่มีโปรเซสตัวไหนวิ่งเต็มเลย
สุดท้ายตัดสินใจลงแบบ Clean ให้ จนป่านนี้ ยังไม่เห็นบ่นว่าเครื่องอืดเลย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ตอนผมอัพจาก 7 เป็น 10 ก็เป็น ต้องใช้ ccleanner ล้างถึงจะหาย ไฟล์หลายกิ๊กกะไบต์เลย ถ้าจำไม่ผิดมันมีโฟลเดอร์ที่ชื่อ Old windows ด้วยมั้งที่หลายกิ๊ก ล้างพวกนี้ออกคือลื่นเลย