แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา ไตรมาส 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 26 กันยายน 2020 รายได้ 64,698 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 12,673 ล้านดอลลาร์ ยอดขายจากนอกอเมริกาคิดเป็น 59% ของรายได้รวม

สินค้าใหม่ที่เปิดตัวและเริ่มขายในไตรมาสที่ผ่านมาได้แก่ Apple Watch Series 6, iMac รุ่นใหม่ และ iPad รุ่นที่ 8 ส่วน iPad Air 4 และกลุ่ม iPhone 12 เริ่มขายเดือนตุลาคม ทำให้รายได้แยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone ลดลงเป็น 26,444 ล้านดอลลาร์, Mac เพิ่มขึ้นเป็น 9,032 ล้านดอลลาร์, iPad เพิ่มขึ้นเป็น 6,797 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่-อุปกรณ์ในบ้าน-อุปกรณ์เสริม ซึ่งรวม Apple Watch เพิ่มขึ้นเป็น 7,876 ล้านดอลลาร์

ข้อมูลเพิ่มเติมจากช่วงแถลงผลประกอบการมีดังนี้

• รายได้จากกลุ่ม Services ซึ่งรวมทั้ง App Store, Apple Music, Apple TV+ และอื่น ๆ ยังเติบโตต่อเนื่องเป็น 14,549 ล้านดอลลาร์
• รายได้จากกลุ่ม Mac ทำสถิติใหม่สูงสุดของบริษัทเช่นกัน
• ซีเอฟโอ Luca Maestri กล่าวว่าไตรมาสนี้แม้ไม่มี iPhone เปิดตัว แต่รายได้ส่วนอื่นก็เติบโตรวมถึง 25%
• ซีอีโอ Tim Cook ให้ข้อมูลว่า iPhone 12 ได้ทดสอบการใช้งาน 5G แล้วกับผู้ให้บริการเครือข่ายกว่า 100 ราย ใน 30 ประเทศ
• มอง 5G เป็นโอกาสสำคัญที่ 10 ปีจะมีหนึ่งครั้ง (Once in a decade) และแอปเปิลก็เริ่มต้นกับสิ่งนี้แล้ว
• จำนวนผู้สมัครใช้งานแบบ subscription เพิ่มขึ้นเป็น 585 ล้านราย
• ยอดขาย iPhone 12 เบื้องต้นออกมาดี แต่เปรียบเทียบได้ยาก เนื่องจากช่วงเวลาเริ่มขายแตกต่างจากปีอื่น และมีประเด็นโควิด-19

ที่มา: แอปเปิล และ Apple Insider