Elon Musk ซีอีโอ Tesla ตอบคำถามเมื่อเขาพูดถึงบริษัท 4 แห่ง ที่เป็นซีอีโออยู่ได้แก่ Tesla, SpaceX, The Boring Company และ Neuralink โดยบอกว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนโลกได้จากการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จึงมีคนถามต่อใน Twitter ว่า เช่นนั้นแล้วตัวเลขควรเป็นกี่ชั่วโมงจึงจะเปลี่ยนโลกได้?
คำตอบของ Musk คือ ขึ้นอยู่กับบุคคล ทั่วไปก็อยู่ที่ 80 ชั่วโมง สูงสุดคือ 100 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิน 80 ไปแล้วจะเริ่มโหดมาก
Elon Musk เคยให้สัมภาษณ์กับ Recode ก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าเคยทำงานมากที่สุดสัปดาห์ละ 120 ชั่วโมง ขณะที่พนักงาน Tesla ทำงานระดับ 100 ชั่วโมงกันเป็นปกติ ซึ่งเขาบอกว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้
ที่มา: Business Insider
There are way easier places to work, but nobody ever changed the world on 40 hours a week
— Elon Musk (@elonmusk) November 26, 2018
Varies per person, but about 80 sustained, peaking above 100 at times. Pain level increases exponentially above 80.
— Elon Musk (@elonmusk) November 26, 2018
Comments
ในขณะที่มีงานวิจัยว่าทำงานเยอะๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น
cr: @Thidakarn Retweeted
วิจัยพบ ทำงาน61-70ชม.ต่อสัปดาห์ เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ42% 71-80ชม.ต่อสัปดาห์ เพิ่มความเสี่ยง63%
https://www.webmd.com/a-to-z-guides/news/20180403/all-that-overtime-could-be-killing-you?ecd=soc_tw_181120_cons_news_overtime&linkId=100000003972874
Traget ของ Musk คือ Change the world ครับ
แต่การทำงาน วันละ 17-18 ชั่วโมง แบบไม่พัก พักคือการนอน นี่มันโหดเกินไป
คงทำได้แค่ช่วงคนที่ยังสุขภาพดี...
อีลอน คงอยากจะสื่อว่า เปลี่ยนโลกในแบบของเขาคือให้ประชากรโลกทำงานหนักๆจะได้เสี่ยงเจ็บป่วยง่ายขึ้นและตายเร็วขึ้นเป็นการลดประชากรโลกลงซึ่งจะส่งให้มีการใช้ทรัพยากรและสร้างมลพิษต่างๆมาทำลายโลกลดลงด้วย .oO(มโนเองล้วนๆ)
5555555
มันจะเอาเวลาไหนพักผ่อนเนี่ย
เขาอาจจะหลับลึกหลับสนิทแบบตัดการทำงานของสมองไปเลยก็ได้ครับ นอนน้อยก็สดชื่นได้
แต่ถ้าไม่ ก็คงอายุสั้นครับ ยกเว้นร่างการซ่อมแซมดีกว่าคนปกติ ซึ่งโชคดีมาก
กลัวตัดแล้วต่อไม่ติดนะครับ 555 แบบคอม Sleep แล้วปลุกไม่ตื่น ต้อง Reboot อย่างเดียว
ปลาหมอจะตายเพราะปากอีกหรือเปล่า
รอบนี้ Department of Labor
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นั่นสิ ผมกำลังงงว่ามันไม่ผิดกฎหมายหรอ
ชั่วโมงการทำงานไม่ผิดครับ แต่อาจจะโดนเรื่องอื่นๆแทน เช่นค่าจ้างจ่ายตามจริงหรือเปล่า หรือตรงตามมาตรฐานสุขภาพของ OSH หรือเปล่า
ตามปกติบริษัทต้องบันทึกระยะเวลาการทำงานจริงแล้วส่งให้ DoL ครับ และ OT ต้องจ่ายอย่างน้อย 1.5x เกิดสอบแล้วบันทึกที่ส่งให้ DoL ไม่ถึง 90-100 ชมและ OT ได้ไม่ตามจริงนี่น่าจะโดนครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม
จริงด้วย
กำหนดให้วันทำงาน 5 วัน ถ้าทำ 80 ชม. ก็คือวันละ 16 ชม. ถ้า 100 ชม. ก็คือวันละ 20 ชม. โห แบบนี้ไม่ผิดกฎหมายหรอ
เจ้าของธุรกิจ ส่วนใหญ่เค้าทำงานกัน 7 วันครับ ทุกวันนี้ผมทำอย่างต่ำก็วันละ 6 - 10 ช.ม. เป็นเรื่องปกติ
FREE FOR ALL
น่าจะหมายถึงส่วนของพนักงานนะครับ
ใช่ครับ ผมทำงานของตัวเอง ทำวันนึงอย่างต่ำก็ 10 ชั่วโมงครับ บางครั้งอยู่บ้านทั้งวัน ทำงานตลอด นอน 8 ชั่วโมง กิน 2 ชั่วโมง (สั่งอาหารมากินบ้าน) เหลือเวลาทำงาน 14 ชั่วโมง
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
มันขึ้นอยู่กับลักษณะของงานด้วย ที่บอกว่าทำงานทุกวัน คุณทำมันหนักแค่ไหนด้วย หรือเป็นแค่งาน รูทีน ซ้ำๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไร
ผมทำงาน 5-7 ชม.ต่อวัน ฐานะเป็นเจ้าของนะ..
เรื่องนี้ หากเป็นพนักงานหรือผู้บริหาร ผมว่าผิดกฎหมายแรงงาน ยกเว้นเป็นเจ้าของ
กลัวจะตายก่อนเปลี่ยนโลกได้มากกว่า
สำหรับผม Paypal ที่เขาทำนี่ถือว่าเปลี่ยนโลกเลยนะ เมื่อ 10 ปีก่อนถ้า Paypal ไม่เกิดนี่ไม่มีทางนั่งทำงานที่เมืองไทยแล้วกินเงินเดือนที่อเมริกาได้แน่ มุมมองเปลี่ยนโลกของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างผมการเอาจาวาสคริปต์มารันที่เซิร์ฟเวอร์ได้นี่ก็เปลี่ยนโลกแล้ว ไม่ต้องไปเรียนภาษา C ให้มันยุ่งยาก อีกอย่างสามารถบังคับรถ Tesla ด้วยโปรแกรมภายนอกได้ ถ้าคุณนึกภาพออกต่อเน็ตเข้ารถ ลงโปรแกรม แล้วคุณสามารถบังคับรถ Tesla ที่อเมริกาจากเมืองไทยได้เลยล่ะ เจ๋งม๊ะ
อะไรคือ "change the world"
นามธรรมเกินไปนะผมว่า
สิ่งที่ Elon ทำอยู่
ผมไม่เรียกว่านามธรรมนะ
ผมไม่เรียกว่าเปลี่ยนโลกหรอกก็แค่ธุรกิจ ถ้าเปลี่ยนโลกจริงต้องแบบนักวิทยาศาสตร์อย่างมาดามคูรี รายนั้นยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก หรือคนที่ประดิษฐ์วัคซีนโปลิโอแทนที่แกจะเก็บค่าลิขสิทธิ์ยา แต่แกไม่เก็บบอกลิขสิทธิ์ยาเป็นของชาวโลก ผมว่าแบบนี้น่าเรียกว่าเปลี่ยรโลกจริงๆ
ป.ล ความเห็นส่วนตัวผมนะ
ถ้างั้นงานของ Steve Jobs, Larry Page, Sergey Brin ก็ไม่เรียกว่าเปลี่ยนโลกสิ ถูกต้องไหมครับ?
อันนั้นเปลี่ยนแน่ครับแต่ของMusk ยังไม่น่าเรียกว่าเปลี่ยนโลกได้ หลายๆอย่างก็เหมือนขายฝันมากกว่า บางทีก็เข้าข่ายขี้โม้ก็มี
คนที่จะเปลี่ยนโลกมักจะโดนเหน็บแนมว่าขายฝัน ขี้โม้ หรือหลอกลวงเป็นปกติอยู่แล้วครับ เพราะสิ่งที่คิดหรือทำมันมักจะขัดกับองค์ความรู้หรือสามัญสำนึกของคนทั่วไปในยุคนั้นๆ อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว Musk จะไปอยู่ตรงจุดไหน
จรวดใช้ซ้ำ / รถไฟฟ้าที่ใช้แทนรถ ICE ได้จริง สองอย่างนี้ผมถือว่า(เริ่มต้น)เปลี่ยนโลกแล้วครับ ถ้าจะบอกว่ามันก็แค่เอาเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมารวมๆ กันออกมาให้ใช้ได้จริงไม่ได้คิดอะไรใหม่ ผมว่าการทำให้ของที่มีอยู่แล้วและมีประโยชน์มาทำให้ Mass ได้นี่แหละคือเปลี่ยนโลก
บางทีเราก็ไม่ได้สะกิดใจว่ามันเปลี่ยนครับ
แค่เขาทำให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้ามันเอามาใช้งานได้จริง จนหลายประเทศออกนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และหลายบริษัทลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น นี้ก็เปลี่ยนได้แล้วนะครับ
รถไฟฟ้านี่ผมไม่เถียงแน่ แต่หลายอย่างที่แกนำเสนอมันเกินไปนี่ครับ
หลายอย่างผมก็เห็นว่านำเสนอเกินไป แต่จะเปลี่ยนโลกรึเปล่าดูตรงนั้นหรอครับ ไม่ดูสิ่งที่ทำแล้วเกิดขึ้นมาจริงๆ หรอครับ ไม่จริงทั้งหมด แต่ส่วนที่จริงแล้วผมว่าก็เรียกได้ระดับหนึ่ง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใน 1 ชีวิตของคน เปลี่ยนโลกได้ 1 อย่างก็สุดยอดแล้วครับ
ส่วนที่เหลือของเฮียแก คงต้องรอเวลา
ถึงแกจะปากไม่ดีเท่าไหร่ แต่แกก็ถือเป็นคนจริงคนนึง
เช่นอะไรบ้างครับที่เกินไป? ลองยกตัวอย่างหน่อยสิ ผมเห็นแกทำได้ตามที่พูดไว้เกือบหมดเลยนะ
สิ่งที่ทำมันเป็นรูปธรรม ถูกแล้วครับ แต่คำว่า "change the world" มันเป็นนามธรรม เพราะสิ่งที่เขาทำมันจะ change the world หรือไม่ คำตอบอาจจะไม่เกิดในยุคสมัยของเขาก็ได้
change the world ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แต่มันคือสิ่งที่เขาอยากให้เกิด เป็นเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายที่เป็นนามธรรมมันยากมาก ท้าทายความคิด ท้าทายโลก น่าชื่นชมแต่ก็น่าเป็นห่วงไปพร้อมๆ กันครับ
เพลงนึงของอีริค แคลปตันครับ
อ่าวผมนึกถึงแต่ Inuyacha opening
The Last Wizard Of Century.
Ranjan Das เหล้ายาไม่แตะ ออกกำลังกายทุกวัน แต่นอนวันละ 4-5 ชั่วโมง สุดท้ายหัวใจวายทั้งที่อายุแค่ 42
คนสมัยนี้ไม่รู้คิดไง อยากประสบความสำเร็จให้อดนอนมั่ง อย่าเพิ่งแต่งงานมั่ง คราวหน้าจะมีอะไรใหม่อีก
บางคนก็มีแนวคิดว่า ได้ทำอะไรให้โลกเปลี่ยนแปลง (ไปในทางที่เขาชอบ) บ้าง ถึงจะทำได้บางส่วนแล้วตาย ยังดีกว่าอายุยืนยาวแต่ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยครับ เพราะยังไงสุดท้ายก็ตายเหมือนกัน
เขาคงแค่พูดในมุมของการเปลี่ยนโลก ไม่ได้พูดถึงเรื่องสุขภาพ ครอบครัว หรือด้านอื่นๆ
มันอยู่ที่งานอะไรด้วย
ระดับเจ้าของกิจการร้อยล้านพันล้าน นั่งรถมีคนขับ งานบ้านจ้างคนใช้ งานอื่นๆ ไม่ต้องทำเอง มันก็ได้อยู่
เปลี่ยนไปอยู่โลกหน้ารึเปล่าครับ
แทบพุ่ง 55555
ในมุมเจ้าของกิจการ จะพูดยังงั้นก็เต็มที่เลยครับ แต่ในระดับลูกจ้างผมไม่เห็นด้วยนะ เปลี่ยนโลกอะไรไม่มีหรอก ก็เป็นลูกจ้างนั่นแหละ ทำงานตามความฝันของคนอื่น ไม่ใช่ฝันของตัวเอง ในขณะเดียวกันการที่ออกมาบอกว่าพนักงานคุณต้องทำงานหนักมากเพื่อให้บริษัทอยู่รอด มันก็สื่อให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบริหารด้วยหรือเปล่า
เจ้าของกิจการมันกำหนดเวลาได้นี่วันนี่ทำมากพรุ่งนี้ทำน้อยได้แต่ลูกจ้างไม่ได้นี่เวลากำหนดตายตัว อย่างผมเป็นเจ้าของวันไหนทำงานเยอะพรุ่งนี้ก็ตื่นสายได้
ลูกจ้างเองก็ขึ้นกับงานที่ทำเหมือนกันครับ ผมทำงานกินเงินเดือนแต่เวลาทำงาน Flexible ได้ บางทีนั่งทำถึงตีสองส่งแล้วอีกวันลานอนอยู่บ้านก็ได้ครับ
ใช่ไงครับ ผมก็ไม่ได้ให้ความเห็นขัดกับเรื่องนี้นะ เป็นเจ้าของกิจการคุณจะอุทิศทั้งชีวิตของคุณให้กับงานมันก็ไม่แปลกเพราะนั่นมันกิจการของคุณ คุณจะจัดการเวลาตัวเองยังไงมันก็คงไม่มีใครว่า
แต่กับพนักงาน ยังไงก็ต้องตามกฎบริษัท เค้าถึงได้มีกฎหมายแรงงานมาใช้คุ้มครองแรงงานไม่ให้นายจ้างเอาเปรียบไง ผมยินดีทำงาน 8 ชั่วโมงแลกเงินเดือน งานนอกเวลาจากนั้นผมก็ยินดีถ้าสมเหตุสมผล มีค่าตอบแทนชัดเจน
พอดีเคยอยู่ในบริษัทที่เจ้าของพูดประมาณว่า "พวกเราต้องเสียสละ เพื่อประโยชน์ของบริษัท" แล้วก็ใช้งานโขกสับ ทำงานไม่ได้กลับบ้านสามวันสองคืน ผมเสียสละได้ แต่ต้องยอมรับด้วยว่าบริษัทไม่ใช่ของผม ผมเสียสละถ้ามีผลตอบแทนสมเหตุสมผล จะเอาบรรทัดฐานของเจ้าของบริษัทมาใช้กับพนักงานไม่ได้หรอกครับ
บริษัทอยู่รอด...แต่คนทำงานไม่น่ารอด
บางทีผมก็ไม่เข้าใจนะ หลังๆคนเริ่มกระแหนะกระแหน Elon มากขึ้นแบบ... ไม่รู้สิ
ผมก็รู้ว่าหลายๆสิ่ง Elon ก็ทำไม่ถูกต้อง บางทีก็ PR มากไป
แต่ถ้าในเรื่องการทำงาน ผมว่าเขาเป็นคนนึงที่ทุ่มเทอย่างหนัก และผลงานก็ออกมาดีกว่าคนทั่วไปมาก
ถ้าเขาให้คำแนะนำบางอย่างมา มันก็น่าจะรับฟังได้ไม่เสียหาย
ส่วนจะทำตามไหม ก็ขึ้นกับบริบทของแต่ละคนล่ะ
เค้าก็บอกชัดว่าถ้าอยากเปลี่ยนโลก
ในนี้ผมเห็นแต่คนแค่อยากเปลี่ยนเงินเดือนหรือค่าจ้างรายวันมากกว่า
55
ในกรณีคนทำงานปกติไม่ใช่ตำแหน่งอะไรสำคัญ คนทำงานคนเดียว 80 ชั่วโมง กับคนทำงาน 2 คนคนละ 40 ชั่วโมงมันก็เปลี่ยนโลกได้เหมือนกันครับ อย่างหลังทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
ความเห็น Musk ก็แค่ทัศนคติของ employer ที่มีให้ employee แบบปกติครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมเข้าใจคำว่า เปลี่ยนโลก คือ ความต้องการของคนๆนึง คนเดียว ที่อยากจะเปลี่ยนโลกให้เป็นแบบที่เขาต้องการ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุนะว่าเขาจะอยู่ในบทบาทไหน
เขาอาจจะเป็นลูกจ้าง 40 ชม. แล้วก็ทำ startup ของตัวเองอีก 40 ชม. จากนั้นค่อยจ้างคนเพิ่มเอาทีหลังก็ได้
Elon แค่ต้องการสื่อว่า ลำพัง 40 ชม.มันไม่พอ ถ้าอยากจะเปลี่ยนโลก
อ่านข่าวและ tweet ให้จบครับ
Musk บอกว่า
ชัดนะครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
บางครั้ง การเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ก็ต้องแลกมาด้วย ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต
จะเปลี่ยนโลก หรือ เพื่อความอยู่รอดของบริษัทกันแน่เนี่ย
ผมถึงนะทำงานสัปดาห์ละ 80 ชม. โหดสุดนอนสต็อป 2 วันครึ่ง เกือบจะกลายเป็นซอมบี้ ถ้ารู้ว่าช่วงไหนงานจะเยอะนี่ไปซื้ออาหารมาตุนสำหรับ 2 อาทิตย์เลย ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
ไม่เอา...จะนอน
ใครจะเปลี่ยนโลกก็เชิญ
อยากให้ พนง บ. ตัวเองทำงานเยอะๆ ก็บอกมาเถอะ
ตูนอนสัปดาห์ละ80 ชม.แทนละกันไม่อยากตายไว คนเปลี่ยนโลกก็เพิ่งตายไปหมาดๆนี่ตา Musk จะรีบตามไปเหรอ
The Last Wizard Of Century.