Sony เปิดตัว WH-1000XM6 ได้รับการอัปเกรดหลายอย่าง

iPhonemod - 16 May 2025 - 18:17

Sony เปิดตัว WH-1000XM6 โดยฝนรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงมา […]

The post Sony เปิดตัว WH-1000XM6 ได้รับการอัปเกรดหลายอย่าง appeared first on iMoD.

Categories: Partners

Samsung เปิดตัว ‘Vision AI TV’ ทีวีมี AI รุ่นปี 2025 มาแบบครบไลน์อัป ทุกเรตราคา

CEEi - 16 May 2025 - 17:38

Samsung ประกาศเปิดตัวไลน์อัปทีวี AI รุ่นใหม่ปี 2025 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Samsung Vision AI’ ที่ทำให้ทีวีเป็นมากกว่าอุปกรณ์รับชมคอนเทนต์ โดยเพิ่ม AI เข้าไปในทีวีหลายฟีเจอร์

หัวใจหลักของ ‘Samsung Vision AI’ คือการทำให้ทีวีสามารถเรียนรู้พฤติกรรมการรับชมและปรับภาพ-เสียงให้เข้ากับความชอบของผู้ใช้และสภาพแวดล้อม ภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ Know You Better (เรียนรู้ผู้ใช้), Connect Better (ให้ทีวี ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสมาร์ตโฮมผ่าน SmartThings Hub) และ Care Better (รักษาความปลอดภัยด้วย Samsung Knox)

โดย Samsung Vision AI มีฟีเจอร์เด่นที่ประมวลผลด้วย AI เช่น

  • 8K AI Upscaling Pro และ Color Booster Pro เพื่อเพิ่มความละเอียดและสีสันของภาพ
  • AI Customization Mode ปรับภาพตามคอนเทนต์
  • Adaptive Sound Pro และ Active Voice Amplifier Pro ปรับเสียงให้คมชัดทุกบทสนทนาตามสภาพแวดล้อม รวมถึงฟีเจอร์เฉพาะทางอย่าง
  • Pet Care & Baby Care ฟีเจอร์ดูแลสัตว์เลี้ยงและเด็กเล็ก ผ่านเซนเซอร์ในตัว ที่วิเคราะห์เสียงเห่า หรือเสียงร้องไห้ พร้อมแจ้งเตือนสถานการณ์ปัจจุบันบนหน้าจอทีวี มือถือ หรือมอนิเตอร์
  • Universal Gesture ควบคุมทีวีผ่านท่าทางจาก Galaxy Watch เช่น บิดข้อมือเพื่อเลื่อน จีบมือเพื่อเลือก หรือกำมือเพื่อย้อนกลับ
  • Samsung Food แอปฯ วางแผนมื้ออาหารบนทีวี รวมสูตรอาหารจากแหล่งต่าง ๆ และ Karaoke Mode โหมดคาราโอเกะที่ใช้สมาร์ตโฟนเป็นไมค์ก็ได้ด้วย

สำหรับไลน์อัปทีวี AI ปี 2568 ประกอบด้วยหลากหลายรุ่น และหลายราคาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่าง ประกอบไปด้วย

  • รุ่นเรือธง Neo QLED 8K QN990F ที่มาพร้อมชิปประมวลผล AI Gen3 (ราคาเริ่มต้น 139,990 บาท)
  • OLED Series ที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้น หน้าจอ Quantum Dot OLED มีสีดำที่ดำสนิท และสีสันสดอิ่มแบบสมจริง วัดความตรงของสีโดย PANTONE Validated (ราคาเริ่มต้น 44,990 บาท)
  • The Frame ที่ผสานทีวีเข้ากับกรอบภาพศิลป์ และหน้าจอ Matte Display (ราคาเริ่มต้น 25,990 บาท)
  • QLED Series ที่ใช้เทคโนโลยี REAL QLED ให้ได้สีสันที่ดี และความละเอียดระดับ 4K (ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท)
  • ลำโพง Soundbar Q-Series ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับทีวีซัมซุงผ่านฟีเจอร์ Q-Symphony คือใช้ลำโพงทั้งของทีวี และซาวน์บาร์ เพื่อคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น (ราคาเริ่มต้น 12,990 บาท)

Samsung บอกว่า ได้ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot แท้ในทีวี QLED เพื่อให้สีสันที่แม่นยำ และปลอดภัยจากสารแคดเมียม และประกาศว่าทีวีของ Samsung จะรองรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการฟรี 7 ปีอีกด้วย โดยใครที่สนใจในไลน์อัปทีวีใหม่ของ Samsung สามารถมาลองเล่น Samsung Vision AI และไลน์อัปทีวีใหม่ได้ที่งาน ‘Samsung AI TV Unbox & Discover 2025’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 Eden Zone ตั้งแต่วันที่ 16–18 พฤษภาคม 2568 นี้

oplus_137363458

The post Samsung เปิดตัว ‘Vision AI TV’ ทีวีมี AI รุ่นปี 2025 มาแบบครบไลน์อัป ทุกเรตราคา appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

Meta ผนึกกำลังตำรวจสอบสวนกลาง ยกระดับปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์

CEEi - 16 May 2025 - 17:03

ล่าสุด Meta ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และพันธมิตรหลายภาคส่วนในประเทศไทย ทั้ง ETDA, ก.ล.ต มาร่วมกันยกระดับการป้องกัน และปราบปรามการฉ้อโกงออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ มุ่งสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานชาวไทยพร้อมเปิดตัวเครื่องมือ และฟีเจอร์ใหม่ ๆ เสริมประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน และรับมือกับกลโกงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Meta ในการสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ปลอดภัยและเชิงบวก โดยบริษัทได้ลงทุนกว่า 30,000 ล้านเหรียญ ในทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อนำมาพัฒนาทีมงานผู้เชี่ยวชาญราว 40,000 คนทั่วโลก และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย รวมถึงการใช้ AI ในการตรวจจับ และลบบัญชีปลอม และเนื้อหาที่เป็นอันตราย 

ทาง Meta ยังได้ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการสกัดกั้นการสร้างบัญชีปลอมในแต่ละวันหลายล้านบัญชี ไตรมาส​ 4 ปี 2024 ได้ดำเนินการลบบัญชีปลอมไปแล้ว 1,400 ล้านบัญชี และในปีที่ผ่านมาลบไปแล้ว 408,000 บัญชีเชื่อมโยงกับการหลอกให้หลงรัก (Romance Scam) รวมถึงลบเพจ และบัญชีที่มีส่วนร่วมในการฉ้อโกงกว่า 116,000 รายการ 

แนวทางการดำเนินงานที่ครอบคลุมของ Meta มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่ :

1.  ยกระดับการป้องกันภัยบนแพลตฟอร์ม : ปกป้องแพลตฟอร์มจากภัยลวงออนไลน์

2.  ขัดขวางผู้กระทำผิด : เพิ่มความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายเพื่อสกัดกั้นมิจฉาชีพ

3.  ผนึกความร่วมมือ : ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี ธนาคาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย

4.  มอบการดูแลความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน : ส่งมอบเครื่องมือ การควบคุม และให้ความรู้เพื่อป้องกันตนเอง

ฟีเจอร์ และเครื่องมือเด่นที่ Meta นำเสนอ และพัฒนาเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

– เครื่องมือตรวจจับบัญชีม้า : พัฒนาร่วมกับ CIB เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับและรายงานบัญชีต้องสงสัยได้ง่ายขึ้น

– การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) : เพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงบัญชี

– การแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบ (Login Alerts) : แจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก

– ฟีเจอร์ Security Checkup : ช่วยให้ผู้ใช้อัปเดตการตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชีได้สะดวก

– เทคโนโลยีจดจำใบหน้า : ป้องกันการนำภาพบุคคลสาธารณะไปใช้ในโฆษณาหลอกลวง

– เครื่องมือกู้คืนบัญชีที่ถูกแฮก : ช่วยเหลือผู้ใช้ในการได้บัญชีคืน

– การตรวจจับและลบบัญชีปลอม : ระบบ AI ทำงานเชิงรุกในการจัดการบัญชีปลอม

– Safer Message Requests บน Instagram : จำกัดการส่งข้อความจากบุคคลที่ไม่ใช่เพื่อน โดยอนุญาตให้ส่งข้อความแรกได้เพียงข้อความเดียว และต้องรอการตอบรับก่อนสนทนาต่อ

– การแจ้งเตือนผู้ใช้ : กระตุ้นให้ระมัดระวังเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าบน Instagram, Messenger และ WhatsApp

– เครื่องมือรายงานบัญชีต้องสงสัยสำหรับภาคธุรกิจ : เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาการปลอมแปลงตัวตนและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

– Brand Rights Protection : ช่วยธุรกิจค้นหาและตรวจสอบเนื้อหาที่อาจละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

– ข้อกำหนดใหม่สำหรับผู้ลงโฆษณา : ผู้ลงโฆษณารายใหม่ต้องยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ที่เชื่อมกับบัญชีโฆษณาก่อนเผยแพร่โฆษณา

ในปี 2568 Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย (ก.ล.ต.) เพื่อจัดการฝึกอบรมร่วมเกี่ยวกับเครื่องมือปกป้องสิทธิ์แบรนด์ของ Meta เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างการปกป้องธุรกิจและทรัพย์สินแบรนด์เพื่อปกป้องแบรนด์จากการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพ

พร้อมกันนี้ยังมีความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในการจัดโรดโชว์เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยออนไลน์และการต่อสู้กับภัยลวงโดยมีการจัดกิจกรรมในกว่า 32 จังหวัดทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 นอกจากนี้ Meta ยังได้เปิดตัวแคมเปญต่อต้านการหลอกลวง ‘Legit or Leg It’ ใน 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ETDA ในประเทศไทย แคมเปญนี้ประกอบด้วยสื่อออนไลน์ที่จัดทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย และครีเอเตอร์ชาวไทยเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ทั่วไป รวมถึงวิธีการตรวจจับมิจฉาชีพออนไลน์ แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีการเข้าถึง (Reach) ทั้งหมด 224 ล้านครั้งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครีเอเตอร์ชาวไทยมีส่วนสร้างการเข้าถึงในแคมเปญนี้กว่า 18.3 ล้านครั้ง

นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หนึ่งในหน่วยงานพันธมิตรและผู้เข้าร่วมเสวนาภายในงานในหัวข้อ “สร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย” กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทุกกิจกรรมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการทำธุรกรรมออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ ช่วยอำนวยความสะดวก ให้เราสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ติดต่อสื่อสาร ทำงาน ตลอดจนทำธุรกิจได้รวดเร็ว แต่สิ่งที่ตามมา คือ ภัยหรือปัญหาที่แฝงมากับโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกงและอาชญากรรมออนไลน์ ETDA มุ่งส่งเสริมให้คนไทยทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย  พร้อมเดินหน้าพัฒนาการดำเนินงานในหลายมิติ ตั้งแต่การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล การรับแจ้งเรื่อง ส่งต่อเรื่องร้องเรียน และการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อให้คนไทยรู้เท่าทัน รับมือเป็น การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งด้านทักษะ เสริมเกราะป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการส่งต่อเรื่องร้องเรียนร่วมกันผ่านศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA) เพื่อแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ให้ครอบคลุมมากสุด รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์  ร่วมลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ในทุกมิติแก่ประชาชนมาแล้วกว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ แม้โลกดิจิทัลหมุนผ่านไปอย่างไร เราสามารถหมุนตามให้ทันได้ หากเราพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ รู้จักใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ ไม่เป็นภัย เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างพร้อมบูรณาการระดมความร่วมมือ พัฒนามาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่จะช่วยลดความสูญเสียของประชาชนจากภัยออนไลน์”

นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวเสริมว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้อง ผู้ลงทุนจากภัยคุกคามในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะการหลอกลวงด้านการเงินการลงทุนที่มีความซับซ้อนและพัฒนาการของรูปแบบอย่างรวดเร็ว ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรปี 2568 – 2570 โดย ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเชิงรุกในการส่งเสริมความรู้เท่าทันภัยการลงทุนผ่านความร่วมมือกับภาคีทั้งภาครัฐและ เอกชนเพื่อรับมือกับความท้าทายจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนากลไกที่จะช่วยธุรกิจและ หน่วยงานในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในการปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามในโลกดิจิทัล นอกจากนี้ก.ล.ต. ยังให้ความสำคัญกับการบูรณาการข้อมูลเชิงลึกจากภาคเอกชนเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังภัยการลงทุน การส่งเสริมการ ใช้เทคโนโลยีเพื่อคัดกรองข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย รวมถึงการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถตัดสินใจด้านการลงทุนด้วยความรอบครอบและปลอดภัยยิ่งขึ้น ความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. และ Meta ถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับความมั่นคงทางการเงินและสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับคนไทย ซึ่งทั้งสององค์กรได้ทำงานเชิงรุกร่วมกันอย่างต่อเนื่อง”

ด้าน พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์จุลพิภพหรือ “สารวัตรแจ๊ะ” จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (IDMB) ผู้เข้าร่วมเสวนาได้กล่าวเสริมว่า “ปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะวิวัฒนาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเหมือนกับว่าแทบจะเป็นธุรกิจเฟรนไชน์ประเภทหนึ่งไปแล้ว ต้นตอของปัญหานี้ก็มีหลายอย่างเกี่ยวพันกันเป็นทอดๆ การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่จับได้ครั้งสองครั้งแล้วจะจบ มันเป็นเหมือนสงครามที่ต้องต่อสู้กับมันในทุกมิติ สิ่งสำคัญ ผมมองว่าคือ “ความร่วมมือ” ในทุกภาคส่วนไม่ว่ารัฐหรือเอกชน ทาง Meta เองส่วนสำคัญในการช่วยในทะลายสะพานโจรเหล่านี้ สิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ กลุ่มหางานที่หลอกคนไปทำงานที่คอลเซ็นเตอร์ ถูกสืบสวนและเอาลงทั้งเครือข่าย ทำให้เกิดความคืบหน้าในการทำงานและสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ได้มากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยครับ” 

The post Meta ผนึกกำลังตำรวจสอบสวนกลาง ยกระดับปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

HP โชว์กลยุทธ์ตลาดไทยปี 2025 ขยายฐานการผลิตเข้าไทย – เน้น AI เพื่อการทำงาน

CEEi - 16 May 2025 - 14:50

HP ประเทศไทย ประกาศกลยุทธ์ เปิดตัวโครงการใหม่ ‘Made in Thailand’ ขยายฐานการผลิตเข้าประเทศไทย และใช้ AI เพื่ออนาคตแห่งการทำงาน (Future of Work) ด้วยอุปกรณ์หลายอย่าง ทั้งคอมพิวเตอร์​เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ภายใต้กลยุทธ์ ‘One HP’

HP Made in Thailand – One HP

วรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ กรรมการผู้จัดการ HP ประเทศไทย กล่าวว่า กลยุทธ์ ‘One HP’ ที่จะเน้นผลิตภัณฑ์หลากหลายอุปกรณ์ ที่เชื่อมต่อกันแบบครบทั้ง ecosystem ตั้งแต่พีซี, เครื่องพิมพ์, อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น Poly และ HyperX, ซอฟต์แวร์ และโซลูชันต่าง ๆ โดยใช้ AI มาประกอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, ช่วยบริหารจัดการต้นทุน และรักษาความปลอดภัย อย่างเช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์ประชุม Poly เข้ากับคอมพิวเตอร์ของ HP ทำให้ระบบสามารถปรับมุมกล้องและหน้าจออัตโนมัติได้ หรือถ้าใช้โน้ตบุ๊กเกมมิง HP Omen ก็สามารถต่อกับอุปกรณ์เสริมเช่นหูฟัง หรือไมค์ของ HyperX มาประกอบการเล่นเกมได้ เป็นต้น

โน้ตบุ๊กทำงาน HP ที่ใช้กล้องของ Poly HP Victus 16 ที่ใช้หูฟัง HyperX

นอกจากนั้นยังมีโครงการ ‘Made in Thailand’ HP ดีต่อไทย ซึ่งเริ่มต้นในปี 2568 นี้ ด้วยการเพิ่มฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการของเอชพี ด้วยการสร้างโรงงาน ของ HP ในไทย โดยมีการจ้างงานคนไทยกว่า 10,000 คน เพื่อผลิตอุปกรณ์ HP ในประเทศ ซึ่งจากที่สอบถามทาง HP มา ในไทย จะผลิตโน้ตบุ๊ก HP 15 ที่เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นประหยัด, HP ProBook 445 G11, เครื่องพิมพ์ HP Smart Tank 580 และ HP Smart Tank 790

โน้ตบุ๊ก HP ที่ผลิตในประเทศไทยแล้ว

โดยโครงการนี้ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตในประเทศ, สร้างความก้าวหน้าทางสังคม, ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม, สร้างอาชีพ และยกระดับศักยภาพของคนไทย โครงการประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ ด้านเทคโนโลยี (การผลิตพีซีและเครื่องพิมพ์), ด้านสังคมและเศรษฐกิจ (ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ) และด้านความยั่งยืน (ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม)  

ด้าน ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าการตั้งฐานผลิตของ HP เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นการเพิ่ม GDP ให้กับประเทศได้ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศได้ด้วย ทำให้อุปกรณ์ของ HP ที่ผลิตในประเทศไทย ได้ตรา Made in Thailand จากสภาอุตสาหกรรมด้วย

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโครงการ ‘Made in Thailand’ ทาง HP มีแคมเปญสำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ HP ที่ ‘Made in Thailand’ ที่ร่วมรายการ ที่ร้านค้าปลีกที่ร่วมกิจกรรม โดยจะได้รับสิทธิ์ขยายระยะเวลารับประกันเพิ่มเติมอีก 1 ปี และมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษเป็นทริปสัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทย (ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในเพจ HP Thailand)

Next-Gen AI PC

ส่วนของคอมพิวเตอร์สายทำงาน ได้มีการออก ‘Next-Gen AI PC’ ที่ได้ทำเป็นคอมพิวเตอร์ที่เน้นการประมวลผล AI ภายในเครื่องมากยิ่งขึ้น โดยได้ทำให้โน้ตบุ๊ก Next-Gen AI PC ของ HP สามารถประมวลผล AI ได้ที่ 40-60 TOPs, ประมวลผล AI ภายในเครื่องได้ และได้เพิ่มโปรแกรม AI Companion ที่เป็นตัวช่วยสำหรับตัวเครื่อง ทั้งหาไอเดีย วิเคราะห์เอกสาร โดยประมวลผลด้วย AI ที่รันอยู่ภายในเครื่องด้วย และได้เปิดตัวสติกเกอร์ ‘HP AI HELIX’ ที่เป็นตัวบอกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ๆ เป็นคอมพิวเตอร์ Next-Gen AI PC ด้วย

Gaming Notebook ขยายไลน์อัปมากกว่าเดิม

ด้านโน้ตบุ๊กเกมมิงเองก็ได้มีการขยายไลน์อัปเช่นกัน โดยได้เพิ่ม OMEN MAX 16 ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิงเบอร์สุดของ HP ที่ให้ประสิทธิภาพแบบเต็ม ๆ โดยในประเทศไทย จะนำเข้าทั้งโมเดลที่ใช้ CPU ของ Intel และ AMD เลย โดยรุ่นนี้ ได้เพิ่มทั้ง TDP ที่สามารถใช้ไฟการ์ดจอได้มากสุด 250W, OMEN Tempest Cooling Pro ที่เป็นระบบระบายความร้อนแบบใหม่ มีเซนเซอร์ในการจัดการอุณหภูมิของตัวเครื่องได้แบบเรียลไทม์ด้วย

HP OMEN MAX 16

นอกจากนั้นยังมี ‘OMEN AI’ ที่เป็นซอฟต์แวร์​ แค่กดคลิกเดียว ก็จะให้ AI ปรับการตั้งค่าคอมพิวเตอร์ให้สามารถเล่นเกมได้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีเฟรมเรตมากที่สุดได้ โดยปรับทั้งตัวเครื่อง ซอฟต์แวร์ในเครื่อง ไปจนถึงการตั้งค่าในเกมให้สอดคล้องกันในปุ่มเดียว

ไลน์อัปโน้ตบุ๊กที่โชว์ตัวในงาน (ชมภาพ)

นอกจากแผนกลยุทธ์ทางการตลาดของ HP ที่เปิดตัวเพิ่มเติมในประเทศไทยแล้ว ยังได้มีการโชว์ตัวไลน์อัปสินค้าที่จะเข้ามาขายในประเทศไทยหลากหลายไลน์อัปมาก ทั้งโน้ตบุ๊กเพื่อการทำงาน และโน้ตบุ๊ก Business รวมถึงอุปกรณ์เสริมทั้งของ Poly และ HyperX เลย ลองชมภาพกันดู

The post HP โชว์กลยุทธ์ตลาดไทยปี 2025 ขยายฐานการผลิตเข้าไทย – เน้น AI เพื่อการทำงาน appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

งานวิจัยชี้ ผู้หญิงช่างพูดมากกว่าผู้ชายจริง มากกว่ามากด้วย

CEEi - 16 May 2025 - 13:33

เรื่องความช่างพูดระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเป็นประเด็นที่อยู่ในสังคมทุกยุคทุกสมัย ซึ่งผลงานวิจัยระบุว่าผู้หญิงมีความช่างพูดมากกว่าผู้ชายจริงโดยเฉพาะในช่วงวัยกลางคน

การศึกษาวิจัยในบุคคลที่มีอายุระหว่าง 25-64 ปีซึ่งเป็นวัยผู้ใหญ่ตอนต้นไปจนถึงวัยกลางคน พบว่าผู้หญิงจะพูดมากกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย 3,275 คำต่อวัน หากนับเป็นเวลาแล้วก็พูดมากกว่าผู้ชายประมาณ 20 นาที เมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่น ๆ ตัวเลขที่ออกมาก็มีความใกล้เคียงกันด้วย คอลิน ทิดเวลล์ (Colin Tidwell) นักจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยแอริโซนากล่าวว่า มีข้อสันนิษฐานจากวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมายทว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ช่างพูดมากกว่าผู้ชายมาก เราอยากรู้ว่าข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่

การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมกว่า 2,197 คน จาก 4 ประเทศ รวบรวมข้อมูลเป็นระยะเวลา 14 ปี แบ่งตามกลุ่มอายุต่าง ๆ คณะวิจัยใช้เครื่องบันทึกเสียงที่ออกแบบพิเศษซึ่งผู้เข้าร่วมสวมใส่ในชีวิตประจำวัน โดยมีการใช้คลิปเสียงทั้งหมด 631,030 คลิป และประมวลผลโดยใช้แบบจำลองทางสถิติ

เมื่อเทียบกับงานวิจัยเมื่อปี 2007 เพศชายกับเพศหญิงมีความช่างพูดเท่า ๆ กัน แต่งานวิจัยล่าสุดพบผู้หญิงมีความช่างพูดมากกว่า ส่วนหนึ่งมาจากบริบททางสังคม เช่น แม่ จะมีการพูดกับลูกมากกว่าเนื่องจากหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกมากกว่าผู้ชาย อันที่จริงแล้วช่วงวัยก็มีความสำคัญ มีคนที่พูดมากและไม่ค่อยพูดในทั้ง 2 เพศ โดยคนที่พูดน้อยที่สุดในกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ชายที่พูดเพียง 62 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ที่พูดมากที่สุดคือผู้หญิงที่พูดมาถึง 124,134 คำต่อวัน ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าผู้คนพูดคุยกันน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป (โดยไม่คำนึงถึงอายุและเพศ) ซึ่งนักวิจัยระบุว่าเป็นเพราะทุกคนใช้เวลากับหน้าจอมากขึ้น

แม้ว่าการศึกษานี้จะมีจำนวนตัวอย่างที่มากกว่าการวิจัยในปี 2007 มาก แต่นักวิจัยบอกว่าผลลัพธ์ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ตัวอย่าง ช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและวัยกลางคน ผู้หญิงช่างพูดมากกว่าผู้ชายประมาณ 1,500-3,600 คำต่อวัน ซึ่งถือเป็นช่วงที่กว้างมาก โดยช่วงต่ำสุดคือพูดประมาณ 10 นาที และช่วงสูงสุดพูดนาน 23 นาที นักวิจัยระบุว่ายังจำเป็นต้องจำนวนตัวอย่างที่มากกว่านี้เพื่อแยกแยะปัจจัยต่าง ๆ ด้วย

ที่มา ScienceAlert

The post งานวิจัยชี้ ผู้หญิงช่างพูดมากกว่าผู้ชายจริง มากกว่ามากด้วย appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

Galaxy S25 Edge มอเตอร์สั่นบางมาก แต่ดีกว่า Galaxy S25 Ultra

iPhonemod - 16 May 2025 - 13:32

มีข้อมูลว่า มอเตอร์สั่นรุ่นใหม่ใน Galaxy S25 Edge นั้น […]

The post Galaxy S25 Edge มอเตอร์สั่นบางมาก แต่ดีกว่า Galaxy S25 Ultra appeared first on iMoD.

Categories: Partners

วิธีตั้งค่าผู้ติดต่อการกู้คืนบัญชี Apple

iPhonemod - 16 May 2025 - 13:12

การตั้งค่าผู้ติดต่อการกู้คืนบัญชีเป็นการป้องกันข้อมูลขั […]

The post วิธีตั้งค่าผู้ติดต่อการกู้คืนบัญชี Apple appeared first on iMoD.

Categories: Partners

ซ่อมได้แม้อยู่ไกลโพ้น! ยาน Voyager 1 พร้อมวิ่งต่อยาว ๆ หลัง NASA ซ่อมไอพ่นหลักที่หยุดทำงานนานกว่า 21 ปี

CEEi - 16 May 2025 - 12:50

NASA ประกาศความสำเร็จและสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง โดยพวกเขาสามารถเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นของยานสำรวจ Voyager 1 ให้สามารถกลับมาทำงานได้สำเร็จอีกครั้ง เหตุผลหลัก ๆ ในการกู้ชีพเครื่องยนต์ไอพ่นนี้คือทีมงานต้องการมีระบบขับเคลื่อนสำรองไว้ใช้งานต่อ เนื่องจากเครื่องยนต์ไอพ่นชุดปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาท่อส่งเชื้อเพลิงอุดตัน ซึ่งอาจทำให้มันไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งอีกหนึ่งความท้าทายคือต้องซ่อมให้เสร็จก่อนที่เสาส่งสัญญาณวิทยุที่ใช้ติดต่อกับยาน Voyager 1 และ 2 จะต้องหยุดทำงานนานหลายเดือนเพื่ออัปเกรดครั้งใหญ่

ในปี 2004 เครื่องยนต์ไอพ่นหลักของ Voyager 1 ที่ใช้ควบคุมทิศทางของยานหยุดทำงานเนื่องจากมีปัญหาของฮีตเตอร์ภายใน ซึ่งไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทีมวิศวกรจึงต้องพึ่งพาเครื่องยนต์สำรองในการควบคุมทิศทางของยานมาจนถึงปัจจุบัน และจากนั้นทีมวิศวกรได้ตัดสินใจพยายามซ่อมเครื่องยนต์ไอพ่นหลักอีกครั้งโดยตรวจสอบวงจรไฟฟ้าและพบว่าปัญหาน่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงในวงจรการจ่ายไฟฟ้าสำหรับฮีตเตอร์ ถ้าสามารถแก้ไขและเปิดเครื่องฮีตเตอร์ได้ใหม่ เครื่องยนต์หลักจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง และสามารถใช้ได้หากเครื่องยนต์สำรองที่ใช้งานมานานเริ่มมีการอุดตันของเชื้อเพลิง

ทีมวิศวกรเผชิญกับความท้าทายอย่างมากเนื่องจากต้องทำงานภายใต้แรงกดดันด้านเวลา ก่อนที่เสาสัญญาณในออสเตรเลียจะหยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2025 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026 และการทดสอบเครื่องยนต์ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างมาก เนื่องจากคำสั่งจากโลกไปถึงยานต้องใช้เวลาถึง 23 ชั่วโมง และหลังจากการส่งคำสั่งไปพบว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไอพ่นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นแสดงว่าฮีตเตอร์กลับมาทำงานได้อีกครั้งแล้ว

“มันเป็นช่วงเวลาที่สุดยอดมาก เครื่องยนต์นี้เคยถูกมองว่าใช้งานไม่ได้แล้ว แต่นี่คืออีกครั้งที่การพยายามของเราประสบผลสำเร็จ มันเป็นการช่วยชีวิตยาน Voyager อีกครั้ง” ทอดด์ บาร์เบอร์ หัวหน้าทีมการขับเคลื่อนยานของ JPL กล่าว

เรื่องน่ารู้คือยาน Voyager นั้นไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ไอพ่นเพื่อขับเคลื่อนยาน เพราะยานได้อาศัยแรงเหวี่ยงจากแรงโน้มถ่วงของดาวในระบบสุริยะเพื่อเดินทางออกไปในอวกาศ ซึ่งปัจจุบันยาน Voyager 1 เดินทางด้วยความเร็ว 17 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 61,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เครื่องยนต์ไอพ่นของยานนั้นใช้ในการควบคุมตำแหน่งการหันของเสาอากาศยาน เพื่อให้ส่งข้อมูลกลับมายังโลกได้

โดยยาน Voyager 1 ได้เดินทางออกจากโลกเมื่อวันที่ 5 กันยายน 1977 ด้วยภารกิจสำรวจดาวเคราะห์วงนอกของระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งปัจจุบันยานได้เดินทางมาเกือบ 50 ปีแล้ว และปัจจุบันยานอยู่ห่างจากโลกเกือบ 25,000 ล้านกิโลเมตร อยู่ในเขตอวกาศที่เชื่อมต่อระหว่างระบบสุริยจักรวาลกับอวกาศภายนอก ซึ่งคาดว่ายานจะสามารถทำงานได้จนถึงปี 2036 ก่อนที่เชื้อเพลิงจาก Radioisotope Thermoelectric Generators (RTGs) จะหมดลง และอยู่ไกลเกินกว่าระยะที่ NASA Deep Space Network จะสามารถสื่อสารกับยานได้

ที่มา nasa

The post ซ่อมได้แม้อยู่ไกลโพ้น! ยาน Voyager 1 พร้อมวิ่งต่อยาว ๆ หลัง NASA ซ่อมไอพ่นหลักที่หยุดทำงานนานกว่า 21 ปี appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

Huawei เตรียมเปิดตัวแล็ปท็อปจอพับ

iPhonemod - 16 May 2025 - 11:25

Huawei กำลังจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ในอีกไม่กี่วันข้า […]

The post Huawei เตรียมเปิดตัวแล็ปท็อปจอพับ appeared first on iMoD.

Categories: Partners

InventWood เปิดตัวไม้ Superwood แข็งแกร่งกว่าเหล็ก 10 เท่า พร้อมผลิตจริงในปีนี้

CEEi - 16 May 2025 - 11:21

แม้จะฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่เทคโนโลยีนี้มาจากห้องทดลองในรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2018 ของศาสตราจารย์หลียงบิง หู (Liangbing Hu) นักวิทยาศาสตร์วัสดุจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ที่ได้คิดค้นวิธีเปลี่ยนไม้ธรรมดาให้กลายเป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็ก แม้ช่วงแรกจะดูเหมือนแค่การค้นพบที่น่าสนใจแต่ก็ไม่เกิดขึ้นจริงในเชิงพาณิชย์

ศาสตราจารย์หูมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีนี้จนสามารถลดเวลาการผลิตจากเกือบหนึ่งสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในที่สุดเทคโนโลยีก็พร้อมที่จะนำออกสู่ตลาด เขาได้อนุญาตให้บริษัทสตาร์ตอัป InventWood นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้เชิงพาณิชย์และในตอนนี้ InventWood เตรียมเริ่มผลิตไม้ Superwood ในฤดูร้อนปีนี้ โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นผลิตวัสดุปิดผิวอาคารก่อนขยายไปสู่การใช้ในโครงสร้างหลักในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้คอนกรีตและเหล็กในอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้บริษัทยังได้รับเงินลงทุนรอบแรกกว่า 15 ล้านเหรียญจากนักลงทุนชั้นนำหลายรายที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Superwood เริ่มจากไม้ธรรมดาที่ประกอบด้วยเซลลูโลสและลิกนิน ซึ่งบริษัทเน้นเสริมความแข็งแรงของเซลลูโลสซึ่งมีคุณสมบัติเหนือกว่าคาร์บอนไฟเบอร์หลายเท่า โดยใช้สารเคมีที่ปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารในการปรับโครงสร้างโมเลกุล จากนั้นบีบอัดไม้จนเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลเซลลูโลสเพิ่มขึ้น ทำให้ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น 4 เท่า แต่ความแข็งแรงเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า วัสดุที่ได้มีความต้านแรงดึงสูงกว่าเหล็กถึง 50% และมีสัดส่วนความแข็งแรงต่อความเบาที่ดีกว่าเหล็กถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังทนไฟระดับ Class A ทนต่อเชื้อราและแมลง และสามารถเคลือบโพลิเมอร์เพื่อใช้ภายนอกอาคาร เช่น ผนังหรือหลังคาได้

สีของไม้จะเข้มขึ้นและดูเหมือนไม้เนื้อแข็งเขตร้อนที่มีราคาแพง โดยผลิตภัณฑ์แรกจะเน้นสำหรับงานผิวอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ในอนาคต InventWood วางแผนใช้เศษไม้ชิ้นเล็กสร้างคานโครงสร้างในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่ต้องตกแต่งเพิ่มเติม โดยวัสดุจะมีสีสันสวยงามเป็นธรรมชาติที่เหมือนไม้สักเลยทีเดียว

ที่มา techcrunch

The post InventWood เปิดตัวไม้ Superwood แข็งแกร่งกว่าเหล็ก 10 เท่า พร้อมผลิตจริงในปีนี้ appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

เปิดตัว Apple CarPlay Ultra เริ่มใช้งานแล้วกับแบรนด์ Aston Martin

CEEi - 16 May 2025 - 10:44

Apple กลับมาจริงจังเรื่องยานยนต์อีกครั้ง เปิดตัว CarPlay Ultra ผสานระบบควบคุมของรถยนต์แบบเต็มขั้น เริ่มใช้งานแล้ววันนี้กับ Aston Martin ในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดา

Apple ประกาศเปิดตัว CarPlay Ultra ระบบ CarPlay เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ทาง Apple ได้เริ่มโครงการ Apple CarPlay Next Generation มาตั้งแต่ปี 2022 และได้เลื่อนการเปิดตัวจากเดิมปลายปี 2024 สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ก็ได้ร่วมมือ และเปิดใช้งานครั้งแรกกับแบรนด์รถยนต์ Aston Martin ในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นกลุ่มแรก

สำหรับการทำงานของ Apple CarPlay Ultra นั้นจะแตกต่างจาก CarPlay แบบเดิม ๆ โดยจะมีการผสานการทำงานระหว่าง iPhone และข้อมูลระบบของตัวรถ ซึ่งทางแบรนด์ก็จะทำงานร่วมกับทีม Apple ออกแบบหน้าตาของ Infotainment คอลโซลหลังพวงมาลัย และหน้าจอกลางของตัวรถให้ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ รวมไปถึงเจ้าของรถก็ยังปรับแต่งเองได้ด้วย

CarPlay Ultra ร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ จะสร้างนิยามใหม่ให้กับประสบการณ์ในรถยนต์ ทำให้มีความเป็นหนึ่งเดียวและสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น

เอเดรียน ฮอลล์มาร์ค ซีอีโอ ของ Aston Martin ฟีเจอร์เด่นของ CarPlay Ultra แสดงข้อมูลที่สำคัญของตัวรถที่จำเป็น

สามารถแสดงข้อมูลบนหน้าจอทุกส่วนของผู้ขับขี่ รวมถึงแผงหน้าปัด โดยแสดงผลทั้ง มาตรวัดความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิ และอื่น ๆ

ข้อมูลครบครันบนแผงหน้าปัด

ผู้ขับขี่สามารถเลือกแสดงข้อมูลจาก iPhone เช่น แผนที่ เพลง วิทยุ และควบคู่ไปกับข้อมูลจากตัวรถยนต์ เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และแรงดันลมยาง ในหน้าจอของหน้าปัดหลังพวงมาลัยคนขับ

ควบคุมฟังก์ชันรถยนต์ผ่าน CarPlay

ควบคุมฟังก์ชันการทำงานของตัวรถผ่านหน้าจอกลางเช่น เช่น วิทยุ ระบบปรับอากาศ รวมถึงคุณสมบัติ และการควบคุมเฉพาะเจาะจงของรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ เช่น ตั้งค่าระบบเสียง, ตั้งค่าสมรรถนะของตัวรถ, เบาะที่นั่ง, ระบบช่วงล่าง และอื่น ๆ

วิดเจ็ต (Widgets)

แสดงหน้าวิดเจ็ตที่อยู่บน iPhone ปรับให้เข้ากับหน้าจอรถ หรือแผงหน้าปัดหลังพวงมาลัยคนขับ ให้ข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว

การปรับแต่งหน้าจอรถตามใจชอบ

ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งสี และวอลเปเปอร์ของธีมให้เข้ากับรสนิยมส่วนตัวได้

iPhone รุ่นไหนที่รองรับ Apple CarPlay Ultra บ้าง

ทาง Apple ได้ระบุว่าจะต้องเป็น iPhone 12 Series ขึ้นไป และอัปเดต iOS 18.5 ขึ้นไป

แบรนด์รถอะไรบ้างรองรับ Apple CarPlay Ultra

นอกเหนือจากแบรนด์ Aston Martin แล้วในอนาคตจะมีอย่างน้อยอีก 3 แบรนด์ได้แก่ Hyundai, Kia และ Genesis จะรองรับ Apple CarPlay Ultra

ที่มา : Apple Newsroom

The post เปิดตัว Apple CarPlay Ultra เริ่มใช้งานแล้วกับแบรนด์ Aston Martin appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

รับมือโรคหอบหืดดีขึ้น ด้วยที่ครอบขวดยาพ่นอัจฉริยะ ติดตามการใช้ยาพร้อมแจ้งเตือนก่อนลืมพ่น

CEEi - 16 May 2025 - 10:00

Adherium พัฒนา Hailie Smartinhaler ที่ครอบขวดยาพ่นหอบหืดอัจฉริยะ ช่วยติดตามการใช้ยา แนะใช้ยาให้ถูกวิธี พร้อมแจ้งเตือนเมื่อลืมพ่น

ปัจจุบันคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดนั้นจะมีอยู่ราวๆ 29% ของประชากรทั้งโลก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีอาการหายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ แน่นหน้าอก และไอ แถมมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต หากไม่ได้ควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ไม่ทานยาอย่างสม่ำเสมอ หรือฉีดยาพ่นไม่ถูกวิธีทำให้ตัวยาเข้าสู่ปอดในปริมาณที่ไม่เพียงพอ หากใช้ยาเกินขนาดก็จะมีผลข้างเคียงตามมา เช่น ใจสั่น ปวดหัว ในกรณีที่พ่นยาซ้ำ ๆ บ่อยเกินความจำเป็น จะทำให้สมรรถภาพของปอดลดลงเรื่อยๆ รวมถึงอาจกเกิดหลอดลมเสื่อมอย่างถาวรได้ 

เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ทาง Adherium บริษัท eHealth จากออสเตรเลียที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจจึงได้พัฒนา Hailie Smartinhaler เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยโรคหอบหืด ใช้ยาพ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Hailie Smartinhaler มีลักษณะเป็นที่ครอบขวดพ่นยาหอบหืด ออกแบบให้มีหลายดีไซน์เพื่อให้เข้ากับขวดยาพ่นที่มีรูปร่างและขนาดต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นยาควบคุมอาการหรือยาบรรเทาอาการ ด้านในติดตั้งเซนเซอร์บลูทูธ เพื่อตรวจจับปริมาณยาที่พ่นในแต่ละครั้ง พร้อมส่งเสียงแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องพ่นหรือทานยา

ทันทีที่พ่นยาผู้ป่วย ข้อมูลเชิงลึกการใช้ยาทั้งหมดจะส่งไปยังแอป Hailie บนสมาร์ตโฟนแบบ Real-time เช่น เราพ่นยาเวลาไหน แสดงปริมาณยาที่ใช้ ซึ่งเราสามารถแชร์ข้อมูลเหล่านี้กับคนในครอบครัวหรือแพทย์ได้ ในขณะที่ฝั่งแพทย์ที่ทำการรักษาก็จะได้รับข้อมูลตอบรับแบบเรียลไทม์เช่นกันผ่านพอร์ทัลของ Hailie

ผลการทดสอบเชิงคลินิกกับผู้ป่วยที่ได้ใช้งาน Hailie Smartinhaler พบว่า

  • 59% ของผู้ป่วยสามารถควบคุมปริมาณยาได้ดีขึ้น
  • 80% ของผู้ป่วยเด็กเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยลง
  • 45% ของผู้ป่วยเด็กลดการใช้ยาบรรเทาอาการ

เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผ่านการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์การรักษาดีขึ้น เมื่อผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ดีขึ้น คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น ซึ่งผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ช่วยลดงบประมาณและภาระให้กับบุคลากรด้านสาธารณะสุขด้วย

ที่มา https://newatlas.com/medical-devices/adherium-hailie-smartinhaler-asthma-control/

The post รับมือโรคหอบหืดดีขึ้น ด้วยที่ครอบขวดยาพ่นอัจฉริยะ ติดตามการใช้ยาพร้อมแจ้งเตือนก่อนลืมพ่น appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

MediaTek เปิดตัว Dimensity 9400e : ชิปเซ็ตเรือธงตัวใหม่ คาดวางขายพร้อม Realme GT 7 เป็นรุ่นแรกในประเทศไทย

CEEi - 16 May 2025 - 01:04

MediaTek เปิดตัว Dimensity 9400e ชิปเซ็ตเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Dimensity โดยเป็นโมเดลรองจาก Dimensity 9400 และ 9400+ คล้ายการรีแบรนด์ 9300+ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม

จุดเด่นของ Dimensity 9400e ยังมาพร้อมดีไซน์คอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมด ได้แก่

  • Cortex-X4 3.4 GHz จำนวน 1 คอร์
  • Cortex-X4 2.85 GHz จำนวน 3 คอร์
  • Cortex-A720 2.0 GHz จำนวน 4 คอร์
  • L3 Cache 8MB, SLC 10 MB

ลักษณะคอร์ที่อยู่ใน CPU ของ Dimensity 9400e ยังคงเหมือนกับ Dimensity 9300+ และรองรับสตอเรจ LPDDR5X สูงสุด 8533 MHz รวมถึง UFS 4.0 + MCQ ส่วนในด้าน GPU ประกอบด้วย Immortalis-G720 MC12 12-คอร์ พร้อมการรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing

สำหรับการเชื่อมต่อต่าง ๆ ยังคงไม่ต่างไปจาก Dimensity 9300+ แต่ 9400e จะรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่มีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 7.3 Gbps (เพิ่มขึ้นจาก 6.5 Gbps) อีกทั้งยังมี Bluetooth 6.0 ที่ปรับปรุงให้เร็วขึ้น พร้อม Dual Bluetooth Engine โดย MediaTek อ้างว่ามีระยะการเชื่อมต่อไกลถึง 5 กิโลเมตรในระยะสายตา

ด้าน AI และการประมวลผลพบว่า Dimensity 9400e จะมาพร้อม MediaTek NeuroPilot SDK ที่รองรับการประมวลผล Multi-Modality (LMM), Large Vision Models (LVM) และ SLM/LLM ซึ่งเป็นระบบ AI ทั่วโลก

ส่วนด้านเกมมิ่ง Dimensity 9400e ยังคงรองรับ MediaTek HyperEngine และเทคโนโลยี MediaTek Adaptive Gaming เช่นเดียวกับ Dimensity 9300+ เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น อีกทั้งมีการเพิ่ม MediaTek Frame Rate Converter ซึ่ง MediaTek เคลมว่าจะช่วยประหยัดพลังงานได้อีก 40% เมื่อเปิดใช้งาน

คาดวางขายครั้งแรกในไทยพร้อมกับ Realme GT 7 15 พฤษภาคม 2025 นี้ !

ในตอนนี้ OnePlus และ Realme ได้ออกมาประกาศว่าจะมีการรองรับชิปเซ็ตดังกล่าว โดย OnePlus จะเปิดตัว Dimensity 9400e ใน OnePlus Ace5 Racing Edition ที่ประเทศจีน

ขณะที่ Realme เตรียมเปิดตัว Realme GT 7 ที่มาพร้อมชิป MediaTek Dimensity 9400e เป็นรุ่นแรกในประเทศไทยในวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 เวลา 15.00 น. ซึ่งทาง Realme ได้แอบแง้ม ๆ ออกมาแล้วว่า Realme GT 7 จะเป็นสมาร์ตโฟนนักฆ่าเรือธงหรือ flagship killer เพราะรุ่นนี้ได้คะแนนทดสอบจาก AnTuTu กว่า 2,450,000 คะแนน ติด Top 3 ของแอนดรอยด์ในปัจจุบัน !

ที่มา : GSMArena

The post MediaTek เปิดตัว Dimensity 9400e : ชิปเซ็ตเรือธงตัวใหม่ คาดวางขายพร้อม Realme GT 7 เป็นรุ่นแรกในประเทศไทย appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

เผยรายชื่ออุปกรณ์ Samsung 13 รุ่น ที่จะไม่ได้อัปเดต One UI 8 !

CEEi - 16 May 2025 - 00:30

แม้ก่อนหน้านี้ Samsung อาจปล่อยอัปเดต One UI 7 ออกมาช้ากว่าที่วางแผนเอาไว้ แต่ก็สามารถแก้ตัวได้โดยการปล่อยอัปเดต One UI 7 ให้กับอุปกรณ์หลายรุ่นได้ภายในเดือนเดียว และในขณะที่กำลังจะหมดช่วงเวลาของการปล่อยอัปเดตสำหรับ One UI 7 Samsung ก็อยู่ในช่วงพัฒนา One UI 8 ที่จะมีพื้นฐานอยู่บน Android 16 แล้ว

รายงานระบุว่าการทดสอบ One UI 8 เวอร์ชัน beta อาจเริ่มต้นภายในเดือนนี้ ซึ่งก็จะมีอุปกรณ์รุ่นเก่าของ Samsung บางรุ่นที่หมดระยะเวลาการรับประกันการอัปเดตซอฟต์แวร์ไปก่อน

ในขณะที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทาง Samsung แต่อ้างอิงจากนโยบายการอัปเดตซอฟต์แวร์ (3 ปีสำหรับรุ่นระดับกลาง, 4 ปีสำหรับรุ่นเรือธง) แล้วพบว่ามีอุปกรณ์ 13 รุ่น ที่จะไม่ได้รับอัปเดต One UI 8 ดังนี้

  • Galaxy S21
  • Galaxy S21+
  • Galaxy S21 Ultra
  • Galaxy Z Fold 3
  • Galaxy Z Flip 3
  • Galaxy Tab S6 Lite (2022)
  • Galaxy Tab Active 4 Pro
  • Galaxy A14
  • Galaxy A14 5G
  • Galaxy M33
  • Galaxy M14
  • Galaxy M14 5G
  • Galaxy F14 5G

ในส่วนของ One UI 8 คาดว่าจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกพร้อมกับเรือธงจอพับ Galaxy Z Fold 7 และ Z Flip 7 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 หลังจากการเปิดตัว Android 16 ของ Google ในเดือนมิถุนายน

ที่มา : GizmoChina

The post เผยรายชื่ออุปกรณ์ Samsung 13 รุ่น ที่จะไม่ได้อัปเดต One UI 8 ! appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

[ลือ] iPhone Fold จะยังคงมาพร้อมกล้องแบบเจาะรู

MacThai - 15 May 2025 - 21:34

ตามการรายงานจากแหล่งข่าวจีน Digital Chat Station บน Weibo อัปเดตมาว่า iPhone Fold หรือไอโฟนพับได้รุ่นแรกของแอปเปิล จะมีกล้องแบบเจาะรูบนหน้าจอด้านนอก และจอแสดงผลด้านในจะมีการพับได้แบบหนังสือ

โดยจอด้านในที่พับได้นั้นจะมีขนาดสัดส่วนอยู่ที่ 14.1:1 ซึ่งมีกล้องอยู่ใต้จอ และจอด้านนอกจะมีสัดส่วนที่ 14.6:1 พร้อมด้วยกล้องแบบเจาะรู

อีกทั้งต้นแบบทางวิศวกรรมใหม่จากแอปเปิล ก็คาดว่าจะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เราเคยใช้เล็กน้อย โดยมีความละเอียดและอัตราส่วนภาพเท่ากัน ส่วน Touch ID จะรวมอยู่ด้านข้างของอุปกรณ์แล้ว

โดย Digital Chat Station เคยอ้างข้อมูลที่ถูกต้องมาแล้วหลายครั้ง เช่น เผยว่า ‌iPhone 15‌ และ ‌iPhone 15‌ Plus จะมีเซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซลที่เล็กกว่า ‌iPhone 15‌ Pro และ ‌iPhone 15‌ Pro Max เล็กน้อย รวมถึงดีไซน์แผงหน้าจอของ ‌iPhone‌ 12 ในปี 2020 ด้วย

เช่นเดียวกันกับข้อมูลจาก  yeux1122 เว็บไซต์รวบรวมข่าวของเกาหลี ก็เคยบอกมาแล้วว่าแอปเปิลจะมีการเจาะรูกล้องไว้ที่หน้าจอด้านนอก และการออกแบบแทบจะเหมือนกับสมาร์ตดฟนพับได้ที่เราเห็นกันในตลาดปัจจุบัน โดยเฉพาะ Pixel 9 Pro Fold ของ Google

แต่ยังไม่ชัดเจนนักว่าจะยังคงมีฟีเจอร์ Dynamic Island อยู่หรือไม่ ส่วนหน้าจอภายในจะมีขนาด 7.8 นิ้วที่ไร้รอยยับ กับจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว และมี Touch ID เป็นปุ่มด้านข้างเพื่อประหยัดพื้นที่ภายในสำหรับส่วนประกอบอื่น ๆ ตามที่นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo บอกไว้ครับ

ที่มา – https://www.macrumors.com/2025/05/15/foldable-iphone-outer-display-hole-punch-camera/

The post [ลือ] iPhone Fold จะยังคงมาพร้อมกล้องแบบเจาะรู appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

ทรัมป์ขอทิม! ให้หยุดผลิต iPhone ในอินเดีย และอยากให้ผลิตในอเมริกาแทน

MacThai - 15 May 2025 - 21:22

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขอให้ทิม คุก ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล หยุดการผลิตไอโฟนในอินเดีย และให้ความสนใจในการย้ายฐานผลิตหลักมาในอเมริกาแทน ซึ่งคำขอนี้อาจส่งผลกระทบต่อแพลนของบริษัทที่จะย้ายการผลิตไอโฟนออกจากจีน

โดยทรัมป์ได้กล่าวระหว่างการเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการว่า ตอนนี้กำลังมีปัญหาเล็กน้อยกับทิม คุก เพราะเขากำลังสร้างบ้านอยู่ทั่วอินเดีย ซึ่งอินเดียได้เสนอข้อตกลงกับอเมริกาว่าจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ และต่อให้แอปเปิลจะสร้างโรงงานในจีนมาหลายปี ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสนใจว่าจะย้ายไปที่อินเดีย เพราะอินเดียเป็นประเทศที่ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ตามรายงานของ Bloomberg

และคาดว่าการหารือระหว่างทรัมป์ และทิม คุกครั้งต่อไป ก็น่าจะเป็นการหารือเกี่ยวกับการย้ายฐานผลิตมาที่อเมริกา แม้ในปีงบประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา การผลิตไอโฟนของแอปเปิล ในอินเดียมีมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าก็ตาม

แต่ความคิดเห็นในฐานะประธานาธิบดีของทรัมป์ในตอนนี้ ก็ทำให้กลยุทธ์ของแอปเปิลมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะแอปเปิลเตรียมที่จะนำเข้าไอโฟนส่วนใหญ่ไปยังอเมริกาจากอินเดียภายในสิ้นปีหน้าอยู่แล้ว หลังแอปเปิล และซัพพลายเออร์ได้เร่งย้ายฐานการผลิตออกจากจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ทั้งสถานการณ์โควิด และท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอเมริกา และจีนยังคงปะทุอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายครั้งในตอนนี้ ไอโฟนส่วนใหญ่ที่ผลิตในอินเดียประกอบขึ้นที่โรงงานของ Foxconn ทางตอนใต้ของประเทศ

รวมถึงแผนกการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Tata Group ซึ่งเข้าซื้อกิจการในท้องถิ่นของ Wistron ก็บริหารจัดการการดำเนินงานของ Pegatron ในอินเดีย ที่นับว่าเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่เจ้าหนึ่งเลยทีเดียว

และเมื่อไม่นานมานี้ทิม คุกก็ได้กล่าวถึงอนาคตของซัพพลายเออร์ของแอปเปิลจากการเรียนรู้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมา ว่าการมีทุกอย่างอยู่ในสถานที่เดียวมีความเสี่ยงมากเกินไป เพราะเมื่อเวลาผ่านไปซัพพลายเออร์ก็จะมีความต้องการใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำถึงผลกระทบของแอปเปิลในอเมริกา ว่าแผนการใช้จ่าย 500 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ไปจนถึงการขยายโรงงานในหลายรัฐนั้น จะมีโรงงานใหม่สำหรับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ขั้นสูงในเท็กซัสด้วย ซึ่งมีกำหนดเปิดทำการในช่วงปลายปีนี้ครับ

ซึ่งแสดงให้เห็นไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว แอปเปิลก็ต้องหาทางย้ายฐานการผลิต และสร้างโรงงานในอเมริกาให้ได้ โดยลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์นอกประเทศให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ ต่อให้ตอนนี้อเมริกาจะยังทำไม่ได้ 100% ก็ตาม

ที่มา: https://www.macrumors.com/2025/05/15/trump-tells-apple-stop-building-iphones-india/

The post ทรัมป์ขอทิม! ให้หยุดผลิต iPhone ในอินเดีย และอยากให้ผลิตในอเมริกาแทน appeared first on Macthai.com.

Categories: Partners

Galaxy S25 FE อาจได้อัปเกรดกล้องหน้าให้ดีขึ้น

iPhonemod - 15 May 2025 - 18:03

ข่าวลือเกี่ยวกับ Galaxy S25 FE มีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แต […]

The post Galaxy S25 FE อาจได้อัปเกรดกล้องหน้าให้ดีขึ้น appeared first on iMoD.

Categories: Partners

OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น CHERY กลับมาอีกครั้ง พร้อมรถรุ่นใหม่ 4 รุ่น

CEEi - 15 May 2025 - 17:16

OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่กว่า 5 รุ่น ครบทุกขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่ OMODA C7 SHS, OMODA C9 SHS, JAECOO 5 EV, JAECOO 6T EV และ JAECOO 6 EV ภายในปี 2025

รวมถึงเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เพิ่มทางเลือกภายใต้แบรนด์ CHERY ได้แก่ CHERY Tiggo Cross, Tiggo 7, Tiggo 8 และ CHERY V23 ในขุมพลังไฟฟ้า 100%

พร้อมปรับราคา OMODA C5 EV รวมถึงส่วนลดของ JAECOO 6 EV และส่วนลดพิเศษสำหรับใครที่เปลี่ยนรถยนต์สันดาปมาใช้รถไฮบริดของ CHERY Group ด้วย

ปีนี้ CHERY Group พร้อมจับมือดีลเลอร์กว่า 30 โชว์รูม รวมถึงเปิดตัวโรงงานผลิตและประกอบ (ผลิตและประกอบรุ่น JAECOO 6 EV ก่อน) ที่จังหวัดระยอง ภายในปี 2025 อีกด้วย

The post OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น CHERY กลับมาอีกครั้ง พร้อมรถรุ่นใหม่ 4 รุ่น appeared first on CEEi.co.

Categories: Partners

Pages