Quanta Computer บริษัทไต้หวันที่ผลิตเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลให้กับบริษัทใหญ่อย่าง Facebook, Google, Amazon และ Microsoft ประกาศว่าทางบริษัทจะขยายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ ตอบรับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ว่าต้องการให้ฐานการผลิตของบริษัทไอทีอยู่ในสหรัฐเท่านั้น ปัจจุบัน Quanta มีโรงงานประกอบเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่สหรัฐสองแห่งแล้ว ที่รัฐเทนเนสซี่และแคลิฟอร์เนีย
Mike Yang รองประธานอาวุโสของ Quanta กล่าวว่า เรากำลังถือไพ่เหนือกว่าในตอนนี้ เราไม่เหมือนบริษัทอื่นที่ต้องย้ายจากเม็กซิโกเข้าไปในสหรัฐฯ เพราะเรามีโรงงานของเราอยู่ในสหรัฐแล้ว และจะขยายงานมากขึ้นในอนาคต เราจะเพิ่มจำนวนโรงงานประกอบและเพิ่มพนักงานในสหรัฐฯ เป็นสองเท่าภายในสามปีข้างหน้า
ต่อจากข่าว ระบบขนส่งมวลชนซานฟรานซิสโกโดน Ransomware ล่าสุดแฮ็กเกอร์ที่เจาะระบบได้ ประกาศเรียกค่าไถ่ข้อมูลเป็นจำนวน 100 bitcoin (73,000 ดอลลาร์ หรือ 2.6 ล้านบาท) เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์จัดการตั๋วของเมืองทำงานได้เหมือนเดิม
แฮ็กเกอร์ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ Threatpost ของบริษัท Kaspersky ว่าพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และถ้าทางองค์กรขนส่งมวลชนของซานฟรานซิสโก (SFMTA) ไม่ติดต่อกลับไป พวกเขาจะโพสต์ฐานข้อมูลขนาด 30GB ออกสู่สาธารณะ ซึ่งในฐานข้อมูลนี้มีข้อมูลส่วนตัวของพนักงานและลูกค้า SFMTA ด้วย
วันเริ่มต้นชอปปิ้งครั้งใหญ่ของชาวอเมริกันก่อนคริสต์มาส หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า Black Friday บรรดาร้านค้าต่างๆ ก็จะลดราคากันใหญ่โต โดย Black Friday ในปีนี้สร้างสถิติใหม่ มีการซื้อของผ่านมือถือมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ยอดเงินสูง 1.2 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีที่แล้ว 33%
ตัวเลขดังกล่าวมาจากการวิเคราะห์และรวบรวมของ Adobe ซึ่งคาดการณ์ยอดรวมชอปปิ้งของปีนี้ไว้ที่ 3.34 พันล้านดอลลาร์ คนที่ได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ ก็จะเป็นร้านค้าใหญ่ที่ลงทุนเรื่องการชอปปิ้งออนไลน์ควบคู่กับสินค้าหน้าร้าน เช่น Fanatics แบรนด์ขายสินค้ากีฬา ที่ 42% ของการขายมาจากลูกค้าที่ซื้อผ่านมือถือ
ระบบคอมพิวเตอร์ของรถไฟฟ้าในซานฟรานซิสโกถูก ransomware โจมตี ทำให้ทางหน่วยงานตัดสินใจเปิดให้บริการฟรีตลอดวันเสาร์ที่ผ่าน
ทาง SFMTA หน่วยงานดูแลรถไฟฟ้าระบุว่า ransomware ไม่ได้กระทบต่อการให้บริการ แต่ทางหน่วยงานตัดสินใจเปิดให้บริการฟรีป้องกันไว้ก่อน
ยังไม่แน่ชัดว่า ransomware แพร่ไปในระบบใดของหน่วยงานบ้าง แต่ระบุว่าระบบอีเมลถูกโจมตี พนักงานบางคนกลัวว่าทางหน่วยงานจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนตามกำหนด
ที่มา - CBS Local
Adobe Digital Index เปิดเผยผลสำรวจว่าในคืนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์เป็นมูลค่าสูงถึงกว่า 1.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 14% ชี้ให้เห็นถึงกระแสการแย่งกันซื้อของในช่วงเทศกาล Black Friday ตามร้านค้าที่เริ่มลดน้อยลง
ด้านร้านค้าปลีกต่างๆ ก็เริ่มปรับตัวเช่นกัน ด้วยการเปิดหน้าเว็บออนไลน์ พร้อมโปรโมชันลดราคาตามเทศกาล ขณะที่หัวหน้าทีมนักวิเคราะห์ของ Adobe Digital Index ระบุว่าโปรโมชันลดราคาบนร้านค้าออนไลน์ปีนี้มาเร็วกว่าทุกครั้ง และลดเยอะกว่าปีก่อนๆ มาก
หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ออกคำแนะนำ (guidelines) สำหรับกลุ่มผู้ผลิตซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ที่ทำงานเชื่อมต่อกับรถยนต์ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน ให้ตั้งค่าการเชื่อมต่อกับระบบ infotainment บนรถเป็นดีฟอลต์ รวมถึงมีโหมดขับรถ (Driver Mode) เพื่อปรับอินเทอร์เฟสให้เรียบขึ้นขณะขับรถ
NHTSA ให้รายละเอียดว่าในโหมดขับรถ จะต้องไม่มีอินเทอร์เฟสหรือการแสดงผลอะไรก็ตามที่ดึงความสนใจของคนขับออกจากถนน อย่างเช่นวิดีโอ รูป ตัวหนังสือ ซึ่งหน่วยงานจราจรสหรัฐแนะนำด้วยว่า ผู้ผลิตเทคโนโลยี infotainment ควรจะพัฒนาระบบที่สามารถแยกแยะการใช้งานระหว่างคนขับและผู้โดยสารด้วย
ว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ในหลายประเด็น เรื่องหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงคือการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงของเขามาตั้งแต่แรก
Trump ยืนยันว่าอเมริกาจะต้องกลับมา "ผลิตของ" (we're going to start making things) ส่วนประเด็นเรื่องการใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคน เขาบอกว่าอเมริกาต้องผลิตหุ่นยนต์เองด้วย
เขายังบอกว่าได้โทรศัพท์คุยกับทั้ง Bill Gates และ Tim Cook โดยเขาบอกกับ Cook ว่าสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำให้ได้คือดึงให้แอปเปิลกลับมาสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แทนการผลิตสินค้าในจีนหรือเวียดนาม โดยรัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการจูงใจทางภาษี และผ่อนคลายกฎระเบียบให้แอปเปิลเป็นการตอบแทน
Tim Cook ตอบ Trump เพียงสั้นๆ ว่า 'I understand that' (จากที่ Trump เล่าออกสื่อด้วยตัวเอง)
J. Alex Halderman อาจารย์ด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เสนอทฤษฎีว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้นับคะแนนเลือกตั้งของสหรัฐอาจมีปัญหา จนเป็นเหตุให้นับคะแนนผิดพลาดจน Hillary Clinton พ่ายแพ้ และเสนอให้นับคะแนนใหม่จากบัตรเลือกตั้งกระดาษ
ระบบการเลือกตั้งในสหรัฐใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วย แม้รูปแบบของแต่ละรัฐแตกต่างกัน แต่แบ่งได้ใหญ่ๆ 2 กลุ่มคือ ลงคะแนนบนกระดาษแล้วนำไปอ่านด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสแกนเนอร์เพื่อนับคะแนนเข้าระบบ หรือ ลงคะแนนในคอมพิวเตอร์เลยแต่พิมพ์ยืนยันการโหวตลงกระดาษเป็นหลักฐาน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเผยผลวิจัยว่า วัยรุ่นอเมริกันส่วนใหญ่ 82% แยกไม่ออกว่าคอนเทนต์ไหนบนโซเชียลออนไลน์เป็นข่าว คอนเทนต์ไหนเป็นเนื้อหาโฆษณา
นักวิจัยทำการสำรวจวัยรุ่นอเมริกัน 7,804 คน ทั้งที่กำลังศึกษาอยู่ในช่วงชั้นต่างๆ ทั้งมิดเดิลสคูล-ไฮสคูล ให้ผู้ให้การสำรวจประเมินความน่าเชื่อถือของคอนเทนต์ต่างๆ บนทวิตเตอร์ ประเมินว่ารูปภาพที่เห็นนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ รวมถึงประเมินคอมเมนต์ใต้ข่าวหรือคอนเทนต์นั้นๆ และแน่นอนว่าคณะวิจัยแทรกคอนเทนต์โฆษณาและข่าวที่ชวนให้เข้าใจผิดเข้าไปด้วย
nuTonomy สตาร์ทอัพพัฒนารถไร้คนขับ ที่ประกาศนำรถมาทดสอบวิ่งให้บริการส่งคนเป็นที่แรกของโลกในสิงคโปร์ ได้ทำข้อตกลงกับทางการเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ในการนำรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนน
nuTonomy จะใช้รถยนต์ที่ดัดแปลงจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Renault Zoe ทดสอบวิ่งในย่านอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของบอสตันในช่วงปลายปีนี้ โดยมีวิศวกรนั่งไปด้วย แต่จะไม่ได้มีบริการรับส่งคนเหมือนในสิงคโปร์ ขณะที่นายกเทศมนตรีของบอสตันระบุว่าข้อตกลงนี้ แสดงให้เห็นว่าบอสตันพร้อมจะเป็นอีกเมืองที่ผลักดันเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชาวเมืองมากที่สุด
หลายฝ่ายจับจ้อง Facebook เรื่องวิกฤตข่าวปลอมบนหน้าฟีดอาจมีส่วนช่วยให้โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี จนมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กออกโรงจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง (แม้ตอนแรกเขาจะคิดว่าเรื่องนี้ไร้สาระก็ตาม) ขณะเดียวกันมีผลสำรวจออกมาว่าช่วงเลือกตั้งมีแอคเคาท์ปลอมในทวิตเตอร์ที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นักวิจัยที่กำลังทำโครงการ Project on Computational Propaganda เผยรายงานว่า มีบ็อทในทวิตเตอร์ที่ใช้เพื่อโน้มน้าวทางการเมืองในอัตราสูงสุดช่วงระหว่างการรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดี 2016 นักวิจัยรวบรวมข้อมูลทวีต 18.9 ล้านทวีตที่ติดแฮชแทกเรื่องการเมืองอเมริกา พบว่า 17.9 % มีลักษณะเป็นอัตโนมัติสูง คือทวีตเรื่องการเมืองกว่า 50 ครั้งต่อวัน สถิติจะสูงขึ้นไปอีกถ้าอยู่ระหว่างการดีเบตครั้งสุดท้ายระหว่างฮิลลารี คลินตัน และทรัมป์ โดยตัวเลขจะสูงถึง 27%
สตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) เป็นนักธุรกิจด้านสื่อ เคยแสดงความเห็นเหยียดเชื้อชาติ-เหยียดผิวค่อนข้างมาก แต่เขากำลังเป็นว่าที่มือขวาคนสำคัญของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดึงมาทำงานด้านยุทธศาสตร์ ล่าสุดมีข้อมูลว่าเขาเคยวิจารณ์คนไอทีในซิลิคอนวัลเล่ย์ว่าประกอบด้วยคนเอเชียและผู้อพยพมากเกินไป
แบนนอน พูดเรื่องนี้ไว้เมื่อปีที่แล้วระหว่างสัมภาษณ์พูดคุยกับทรัมป์ แต่สำนักข่าว The Washington Post ขุดขึ้นมาอีกรอบเมื่อวานนี้
ในการสัมภาษณ์คราวนั้น ทรัมป์พูดกับแบนนอนเรื่องนักศึกษาในกลุ่มมหาวิทยาลัยไอวี่ลีก (Ivy League กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ) โดยทรัมป์เป็นห่วงว่าคนที่มาเรียน เมื่อจบแล้วจะกลับไปทำงานที่ประเทศของตัวเอง ทรัมป์มองว่าต้องพยายามรักษาให้คนเก่งอยู่ในสหรัฐให้ได้
คนไทยคงยังสงสัยไม่หายว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งได้อย่างไร ในเมื่อโพลก่อนหน้านี้ ฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำมาตลอด และที่เห็นชัดกว่านั้นคือนโยบายสุดโต่งของทรัมป์ (นี่ยังไม่นับการพูดจาของเขา)
เว็บไซต์ Brandinside วิเคราะห์ประเด็นนี้ไปแล้วว่า เป็นผลจากคนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากทุนนิยม ที่สร้างสภาวะโลกาภิวัฒน์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก คำถามคือ เป็นเพราะโลกาภิวัฒน์เท่านั้นหรือที่นำพาทรัมป์มาจุดนี้
จากที่มีรายงานเว็บสำนักตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดาล่ม หลังผลการเลือกตั้งส่อแววว่าโดนัล ทรัมป์จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ซึ่งต้นเหตุก็คิดได้แต่เพียงว่า ชาวอเมริกันที่หวาดกลัวและรับไม่ได้กับประธานาธิบดีคนใหม่ คิดจะย้ายไปอยู่แคนาดาแทน
ล่าสุดรัฐบาลแคนาดายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ชาวอเมริกันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เว็บล่ม โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีจำนวนผู้เข้าชมเว็บพร้อมกันถึง 200,000 ราย ซึ่งสูงกว่ายอดเข้าชมเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของสัปดาห์ที่แล้วถึง 1,076% และจากจำนวนผู้เข้าชมนั้น มากกว่า 100,000 รายมีทราฟฟิคมาจากสหรัฐอเมริกา
หลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี บรรดาซีอีโอของบริษัทไอทีหลายแห่งของอเมริกา ก็ต่างเขียนอีเมลถึงพนักงานในบริษัท อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเรียกขวัญกำลังใจพวกเขา แต่ก็มีบางถ้อยคำที่แสดงให้เห็นมุมมองต่อผลการเลือกตั้งนี้
การที่เหล่าซีอีโอจะมองการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ดีนักก็ไม่แปลกนัก เนื่องจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์มีท่าทีต่อต้านเทคโนโลยี ซึ่งลามมาจนถึงเสนอแยกแคลิฟอร์เนียออกจากอเมริกา แต่พวกเขาก็ล้วนแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ รวมทั้งยังมีถ้อยคำที่ให้กำลังใจพนักงาน เช่น Tim Cook บอกว่าถึงอย่างไรทุกคนก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป เช่นเดียวกับคนอื่นซีอีโอคนอื่นที่ให้พนักงานตั้งใจทำงานกันต่อไป
ยังคงอยู่ในภาวะช็อกทั่วโลกเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี บางพื้นที่ในสหรัฐฯ มีการเดินประท้วงกันแล้วหลังรู้ผลไม่กี่ชั่วโมง มีแฮชแทก #calexit แคมเปญขอให้มลรัฐแคลิฟอร์เนียแยกตัวเองออกมาจากสหรัฐ ร่อนเต็มทวิตเตอร์
คนแคลิฟอร์เนียส่วนใหญ่เป็นสายพรรคเดโมแครต และยังเป็นเมืองเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯและของโลก จึงไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาชาวเมืองเหล่านี้
แต่ที่น่าสนใจคือแนวคิด #calexit ได้รับการสนับสนุนจากบรรดานักลงทุนในซิลิคอนวัลเล่ย์ด้วย เช่น Shervin Pishevar นักลงทุนในอูเบอร์ และ Hyper Loop และ Jason Calacanis ที่เป็น angel investor ชื่อดัง
หลังผ่านคืนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (ตรงกับช่วงกลางวันในบ้านเรา) เมื่อวานนี้ ทวิตเตอร์ออกมาเปิดเผยว่า มีทวีตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเลือกตั้งกว่า 75 ล้านทวีต ซึ่งสูงกว่าการเลือกตั้งในปี 2012 ที่มีการทวีตราว 35 ล้านทวีตเท่านั้น
ช่วงที่มีการทวีตพุ่งสูงที่สุดคือช่วงเที่ยงคืนตามเวลาตะวันออก (Eastern Time) หรือช่วงเที่ยงวันบ้านเรา ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงตี 3 (บ่าย 3 โมงในไทย) ที่โดนัล ทรัมป์ประกาศชัยชนะ
ณ เวลาที่เขียนข่าวอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาการนับคะแนนเสียงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยผลปัจจุบันมีแนวโน้มว่า Donald Trump ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันจะเป็นผู้ชนะ
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คนที่รับไม่ได้กับผลการเลือกตั้งจึงคิดจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่น ซึ่งแคนาดาเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุด ส่งผลให้เว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดา (Citizenship and Immigration Canada) ได้ล่มไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเวลาประมาณ 10:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
นอกจากนี้คำค้นบนกูเกิลเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานไปประเทศแคนาดาก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีเคยมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นแล้วช่วง Super Tuesday หลัง Trump มีคะแนนนำ
ที่มา - Business Insider
ไม่รู้ว่ากลายเป็นกระแสการซื้อโฆษณาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์หรืออย่างไร หลัง Slack เคยซื้อเพื่อส่งสารไปยังไมโครซอฟท์ คราวนี้เป็นซัมซุง ที่ซื้อโฆษณาเต็มหน้าของหนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับวันจันทร์ เพื่อส่งสารและขอโทษไปยังผู้ใช้ จากกรณี Galaxy Note 7
เนื้อหาของโฆษณา เป็นจดหมายขอโทษจาก Gregory Lee ซีอีโอของซัมซุงในอเมริกาเหนือ พร้อมระบุด้วยว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดโดยผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ตัวฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ กระบวนการผลิตเครื่องและแบตเตอรี่ โดยซัมซุงจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบต่อไป เมื่อการสืบสวนเสร็จสิ้น
สำหรับโฆษณาดูได้จากที่มาในทวิตเตอร์
วันที่ 8 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐ) จะเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่ง Google ประกาศว่าจะแสดงผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์หลังปิดคูหา พร้อมรายละเอียดอื่นๆ หากเสิร์ชคำที่มีการเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในวันพรุ่งนี้ แต่รวมถึงการเลือกตั้งระดับอื่นๆ หลังจากนี้ด้วย (น่าจะเฉพาะการเลือกตั้งในสหรัฐ)
ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามปี สำหรับฟีเจอร์ Nearby Pokemon แบบใหม่ ที่ไม่เพียงรู้ว่ามีตัวไหนใกล้ๆ แต่ยังรู้ตำแหน่งและโปเกสตอปที่จะไปจับอีกด้วย มีการทดลองฟีเจอร์นี้มาตั้งแต่สิงหา ล่าสุดมีข่าวดีคือปล่อยให้ใช้แล้ว แต่ข่าวร้ายคือ ยังใช้ได้แค่ไม่กี่พื้นที่เท่านั้น คือ แอริโซนา ซีแอตเทิล และซานฟรานซิสโก
ทางผู้ผลิตค่อนข้างพยายามอย่างหนักที่จะแก้ไขความรำคาญใจของผู้เล่น และเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ นานามาตั้งแต่ฮาโลวีนที่ผ่านมา ทั้งโปเกมอนมืด โบนัสรายวัน และจุดที่ผู้เล่นหงุดหงิดที่สุดคงจะเป็นโปเกมอนที่อยู่ใกล้ รู้ว่าอยู่ใกล้ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
นอกจากนี้ยังอัพเดตให้ยิมอยู่กับผู้ชนะนานขึ้น เมื่อชนะเแล้วจะมีช่วงระยะเวลาสั้นๆ สามารถวางโปเกมอนของตัวเองในการเปิดยิม
ตัวแทนบริษัทแมคโดนัลด์ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าว Bussiness Insider ว่า ทางบริษัทเตรียมให้ลูกค้าสั่งอาหาร และกดจ่ายเงินได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยเริ่มต้นจะเปิดให้ใช้ในสหรัฐฯ และตลาดต่างประเทศบางแห่งภายในปีหน้า และจะสามารถใช้ระบบนี้ได้ 25,000 สาขา ภายในปี 2018
การปรับตัวครั้งนี้ทำไปเพื่อไล่ตามให้ทันคู่แข่งอื่นอย่าง Starbucks, Dunkin’ Donuts และ Chick-fil-A ที่ต่างก็มีระบบสั่งอาหารและจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่น สั่งซื้ออาหารเสร็จก่อนที่ตัวจะไปถึงร้าน แมคโดนัลด์เคยเปิดให้ใช้ระบบดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ในออสเตรียและไทย แต่ปรากฏว่าคนที่ใช้จริงๆ มีแค่กลุ่มคนยุโรป และครั้งนี้ทางบริษัทตั้งใจยกระดับระบบนี้ให้อยู่ในตลาดที่กว้างขึ้น
บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่มีบัญชีทวิตเตอร์ประจำตำแหน่ง @POTUS (ย่อมาจาก President of the United States)
เมื่อบารัค โอบามา กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง บัญชีทวิตเตอร์อันนี้ก็จะถูกส่งต่อให้กับประธานาธิบดีคนถัดไป คำถามคือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทำเนียบขาวมีคำตอบเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยบัญชี @POTUS จะถูกลบข้อความทวีตทั้งหมดในยุคโอบามา เพื่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่มีบัญชีเปล่าๆ พร้อมใช้งาน (แต่ยังมีคนฟอลโลว์ 11 ล้านคนเหมือนเดิม) ข้อความเหล่านี้จะย้ายไปเก็บไว้ในบัญชี @POTUS44 เพื่อเป็นคลังข้อความจดหมายเหตุแห่งชาติ (archive) ซึ่งนโยบายนี้จะใช้กับบัญชีอื่นๆ อย่างสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (@FLOTUS) รองประธานาธิบดี (@VP) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงตำแหน่งอื่นๆ ด้วย
Hugo Barra แห่ง Xiaomi ให้สัมภาษณ์กับ Engadget ถึงแผนการวางขายสมาร์ทโฟนในตลาดสหรัฐที่พูดกันมานานว่า ปีนี้ Xiaomi เริ่มทดสอบอุปกรณ์ตัวเอง (เป็น Mi 5 และ Mi Note 2 รุ่นพิเศษ) กับเครือข่ายโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐแล้ว ถือเป็นก้าวแรกๆ ของบริษัทในการเตรียมพร้อมสู่เปิดตัวสินค้าขายจริงในอนาคต
Barra บอกว่าการนำสมาร์ทโฟนมาขายในสหรัฐต้องระวังเรื่องความเข้ากันได้ของเครือข่ายด้วย ซึ่งเขายกตัวอย่างสมาร์ทโฟนยี่ห้อหนึ่ง (คาดกันว่าเป็น OnePlus X) ที่นำเข้าจากจีนมาขายในสหรัฐ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่รองรับคลื่น Band 17 ที่เครือข่าย LTE ของ AT&T ใช้งาน
Barra ยังไม่บอกว่า Xiaomi จะขายในสหรัฐเมื่อไรกันแน่ บอกแค่ว่าจะขาย "เมื่อพร้อม"
ที่มา - Engadget
จากเหตุการณ์การประท้วง Standing Rock ที่นอร์ธดาโกต้า คัดค้านระบบท่อที่อาจส่งผลให้ชุมชนแถบนั้นไม่มีน้ำสะอาดใช้ มีผู้ใช้คนหนึ่งชื่อ Atsa E’sha Hoferer หนึ่งในผู้ประท้วงถ่าย Facebok Live ตลอดระยะเวลาการปะทะระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง มีคนเข้าไปดูสดๆกว่าสองหมื่นคน และจนถึงตอนนี้คลิปมียอดชมแล้วกว่าล้านครั้ง