สวัสดีครับ ผมได้ ตัวหลอดไฟ Yeelight LED มา เลยจะเอามารีวิวให้ดูนะครับ เป็นทางเลือกให้คนที่อยากจะเริ่มขั้นแรกของการสร้าง smart home แบบที่ไม่ได้ถือว่าแพงจนเกินไป
Yeelight LED เท่าที่ผมทราบ ไม่ได้มีขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่ก็เหมือนกับสินค้าตัวอื่นๆของจีน ที่มีคนนำเข้ามาขายค่อนข้างเยอะ ตัวผมเองซื้อมาชุดนึงตอนไปเที่ยวฮ่องกง และอีกชุดนึงฝากซื้อจากที่จีน ซึ่งราคาก็ถูกกว่าตามที่หาได้ในไทยอยู่ประมาณร้อยนึง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Nest บริษัทในเครือของ Alphabet เตรียมจะพัฒนา Thermostat รุ่นที่ราคาถูกลง, ระบบสัญญาณกันขโมยภายในบ้าน, กล้องติดบ้านรุ่นถัดจาก Nest Cam และกริ่งหน้าประตูบ้าน
สำหรับ Thermostat รุ่นใหม่ที่ราคาถูกลงนั้น จากราคาขายคาดว่าน่าจะอยู่ที่ต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ จากรุ่นปัจจุบันที่ 249 ดอลลาร์ โดยอุปกรณ์ภายในตัวเครื่องก็จะใช้ของที่ราคาถูกกว่า และวัสดุก็จะไม่ใช้ขอบโลหะเหมือนรุ่นปัจจุบัน ซึ่ง Thermostat รุ่นใหม่จะเริ่มวางขายในปีหน้า
ตอนนี้ Nest กำลังอยู่ในช่วงเพิ่มความสามารถให้กล้องเรียนรู้ได้เองเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับได้เองว่าประตูบ้านอยู่ตรงไหน
ก่อนหน้านี้หากผู้ใช้ต้องการสร้างการแจ้งเตือนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบริเวณประตู ต้องเข้าไปกำหนดตำแหน่งของประตูให้ Nest Cam รู้ก่อน ต้องเข้าไปตั้งค่าในแอพโดยการวาดตำแหน่งที่กล้องเห็นด้วยตัวเอง แต่ฟีเจอร์นี้ Nest บอกว่าตัวกล้องจะรับรู้เองว่าประตูบ้านอยู่ตรงไหนและส่งการแจ้งเตือนหากมีกิจกรรมเกิดขึ้นรอบๆ ประตูโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไร ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ Nest Cam ใช้งานได้ทันที
หากต้องการใช้งานฟีเจอร์นี้ต้องสมัครใช้งาน Nest Aware ซึ่งเป็นบริการ cloud service ของ Nest ก่อน โดยราคาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับกล้อง 1 ตัวและ 50 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับกล้องตัวที่ 2 ขึ้นไป
ที่มา : The Verge
Song Dae-hyun ผู้บริหาร LG Electronics ฝ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศเผยว่า ปีหน้าเป็นต้นไป เครื่องปรับอากาศที่ LG เปิดตัวทุกเครื่องจะมาพร้อมกับระบบ Voice Recognition โดยตอนนี้ LG กำลังพิจารณาเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทที่ครอบครองเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างแอปเปิลและ Amazon
ผู้บริหาร LG ระบุด้วยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เปิดตัวตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ด้วย ส่วนรุ่นที่ยังไม่เก่ามาก จะรองรับการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี SmartThinQ รวมถึงมีแผนจะพัฒนาเครื่องปรับอากาศเอนกประสงค์ ที่ทำได้ทั้งปรับอุณหภูมิให้เย็นลง, เพิ่มอุณหภูมิห้องแบบฮ๊ตเตอร์หรือแม้แต่ฟอกอากาศ (Air Purifying)
Mark Zuckerberg ตั้งเป้าหมายของปีนี้ไว้ว่า จะต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ดูแลบ้านเหมือน Jarvis ใน Iron Man ก่อนที่ล่าสุดจะเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นออกมา
ทั้งนี้ทั้งนั้นในช่วงเดือนตุลาคม ซีอีโอเฟซบุ๊กได้โพสต์สเตตัสถามความเห็นผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า จะให้ใครเป็นคนให้เสียงของ Jarvis ดี ซึ่ง Robert Downey Jr. โพสต์ตอบอาสาทำให้ด้วย หาก Paul Bettany (คนให้เสียง Jarvis ในภาพยนตร์) ได้ค่าจ้างและบริจาคให้กับองค์กรที่ Benedict Cumberbatch เลือก
เป็นที่ทราบกันดีว่า Mark Zuckerberg กำลังสร้างระบบ AI ควบคุมบ้านของตัวเองที่เขาเรียกว่า Jarvis (เหมือนใน Iron Man) ล่าสุดเขาออกมาเผยความคืบหน้าและเบื้องหลังโครงสร้างของ Jarvis ให้ทราบกันแล้ว
เว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าววงในของฟีเจอร์ใหม่ Windows 10 ชื่อว่า "Home Hub" ที่ยังไม่เปิดตัว
Home Hub เป็นฟีเจอร์ที่เปลี่ยนพีซีเป็นศูนย์กลางสำหรับสื่อสารกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน รูปแบบของมันจะใกล้เคียงกับ Amazon Echo หรือ Google Home แต่จะเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ ไม่มีฮาร์ดแวร์เฉพาะแต่อย่างใด จุดเด่นของ Home Hub คือรันบนพีซีหรืออุปกรณ์ที่มีหน้าจอ ช่วยให้ใช้งานสะดวกกว่า Echo หรือ Google Home ที่ต้องสั่งงานผ่านเสียงพูดเพียงอย่างเดียว
สำนักข่าวเทคโนโลยี Engadget สัมภาษณ์พูดคุยกับ Vivian Balakrishnan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และผู้รับผิดชอบงาน Smart Nation Intiative ของสิงคโปร์ ถึงความพยายามสร้างสิงคโปร์ให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ด้วยระบบ IoT ในภาคส่วนต่างๆ ทั้งระดับเมือง ครัวเรือน สุขภาพประชาชน การคมนาคม รวมถึงความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายสมาร์ทซิตี้
Singtel ผู้ให้บริการเครือข่ายในสิงคโปร์ออกแอพโซลูชั่นในบ้านเรือน True-i ให้ผู้ใช้เปิดปิดประตูบ้าน ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ผ่านแอพพลิเคชั่น โดยลูกค้าต้องซื้อบริการใหม่นี้เพิ่ม
ว่ากันตามตรงแล้ว โดยปกติเวลาผู้ชายเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ สิ่งที่พวกเขาจะชำระล้างให้สะอาดได้ก็คงมีเพียงการล้างมือหลังเสร็จกิจ แต่สำหรับสิ่งนั้นที่ใช้เพื่อการปัสสาวะอย่างแท้จริงแล้วคงไม่มีใครควักมันออกมาล้างที่อ่างล้างหน้า หรือจัดการชำระทำความสะอาดมันด้วยสายฉีดน้ำ ทว่าสิ่งประดิษฐ์ใหม่จากสเปนจะทำให้ประสบการณ์ปลดทุกข์เบาของเหล่าผู้ชายเปลี่ยนไปได้ ด้วยโถปัสสาวะ Urinary 2.0 ที่มีระบบทำความสะอาดอวัยวะเพิ่มสุขอนามัยให้แก่ผู้ใช้งาน
เหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็มีอะไร นี่คือ Pop Home Switch สวิตช์ติดผนังของ Logitech ที่ไว้ใช้ควบคุมทุกอุปกรณ์ในบ้านในปุ่มเดียว พร้อมใช้กับทั้งหลอดไฟ, ล็อกประตู หรือร่วมกับชุด Harmony hubs ร่วมแบรนด์ ตั้งค่าให้ทำงานได้สามแบบคือ กดหนึ่งครั้ง กดเบิ้ล และกดแช่ ตั้งค่าผ่านแอพครับ
Logitech Pop Home Switch ชุดเริ่มต้นอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,480 บาท) และสวิตช์เสริมชิ้นละ 40 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,400 บาท) วางจำหน่ายในสหรัฐเดือนนี้ มีหลายสีสวยดีครับ
ที่มา - Engadget
Google ยื่นขอจดสิทธิบัตรการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้เครื่องเรือนต่างๆ ภายในบ้านเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (ซึ่งอาจเป็นอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือ) เพื่อทำการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์เรื่องสุขภาพของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน
เนื้อหาสำคัญของคำขอจดสิทธิบัตรนี้ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคว่าทำอย่างไรให้เครื่องใช้ภายในบ้านมีสภาพเป็นเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายคนได้ หากแต่ Google กำลังขอจดสิทธิบัตรในแง่ความแปลกใหม่ของระบบทั้งระบบที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวข้องกับสุขภาพผู้อยู่อาศัยในบ้านจากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผู้ใช้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการตั้งใจวัดโดยเฉพาะ
เคยอยากให้ม่านเปิดได้ด้วยตัวเองตอนเช้า หรือเคยรู้สึกขี้เกียจเดินไปปิดม่าน เวลาแดดส่องเข้าบ้านตอนบ่ายหรือไม่ หากใช่ คุณอาจจะสนใจ Mezamashi (แปลว่านาฬิกาปลุก) Curtain mornin จากบริษัท Robit Inc ตัวนี้ ที่สามารถตั้งเวลาเปิดม่านไว้ได้อัตโนมัติหรือสั่งเปิดปิดม่านได้จากบนสมาร์ทโฟน
ตัว Mezamashi จะถูกติดตั้งเข้ากับรางม่าน และใช้พลังงานจากถ่าน AA 3 ก้อนเท่านั้น และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth LE ซึ่งนอกจากจะตั้งเวลาและสั่งให้เปิดปิดม่านผ่านสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถเลือกระดับความเร็วของการเปิดปิดได้ด้วย
Mezamashi Curtain mornign วางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 3,985 เยนหรือประมาณ 1,320 บาท
Nest บริษัทผู้ทำสินค้าประเภทสมาร์ทโฮมภายใต้เครือ Alphabet ได้เปิดตัวสินค้าสำหรับเสริมความปลอดภัยของบ้านชิ้นใหม่ โดยรอบนี้จะเป็นกล้องสำหรับติดนอกบ้านที่ชื่อว่า Nest Cam Outdoor ซึ่งเป็นตัวกล้องแบบเดียว Nest Cam ที่ติดบ้านและซิงค์เข้าสมาร์ทโฟน แต่ต่างกันที่ Nest Cam Outdoor จะเป็นกล้องสำหรับติดนอกบ้าน ส่วน Nest Cam สำหรับติดในบ้าน
นอกจากการเพิ่มความสามารถให้ติดนอกบ้านได้แล้ว Nest ยังเพิ่มระบบเสียงแบบสองทางให้ Nest Cam Outdoor เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในบ้านพูดกับผู้ที่อยู่นอกบ้านได้ผ่านสมาร์ทโฟนด้วย
ช่วงนี้เราเห็นข่าวความร่วมมือระหว่างบริษัทไอทีกับบริษัทรถยนต์ออกมาเรื่อยๆ รายล่าสุดคือ LG Electronics ประกาศจับมือ Volkswagen Group ของเยอรมนี ร่วมกันพัฒนารถยนต์ที่เชื่อมต่อเน็ตได้ (connected car)
จุดสำคัญของความร่วมมือนี้คือการทำงานร่วมกันระหว่างรถยนต์ต่อเน็ตของ Volkswagen กับบ้านอัจฉริยะของ LG เพื่อให้เจ้าของรถสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านได้ระหว่างขับขี่ ทั้งสองบริษัทเคยร่วมกันพัฒนารถยนต์ต้นแบบมาก่อนแล้วในปี 2015
Nest บริษัทลูกของ Alphabet ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เปลเด็กอัจฉริยะ โดยเปลที่ว่านี้จะมีเซ็นเซอร์และกล้องถ่ายภาพเพื่อคอยเฝ้าดูเด็กที่อยู่ในเปล
เปลในที่นี้อาจจะต่างกับเปลเด็กที่คนไทยคุ้นเคยอยู่สักหน่อย หากเรียกว่าคอกก็ดูจะเหมาะสมกับลักษณะของมันมากกว่า โดยเปลตามแนวคิดสิทธิบัตรของ Nest นั้นจะมีกล้องถ่ายภาพเพื่อสตรีมภาพสดๆ ไปยังโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเฝ้าดูเด็กได้ตลอดเวลา นอกจากนี้มันจะมีเซ็นเซอร์เพื่อสำรวจพฤติกรรมของเด็ก และเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หาความเปลี่ยนแปลงของเด็กตลอดจนสิ่งแวดล้อมรายรอบเปลนั้น
Atari บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 40 กว่าปีก่อน และโด่งดังเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เกมมากมาย ได้ผ่านช่วงตกต่ำจนถึงขั้นต้องประกาศยื่นขอล้มละลายเมื่อปี 2013 ซึ่งหลังจากนั้นก็พยายามพลิกฟื้นกิจการด้วยการทำเกมลงมือถือและทำตู้เครื่องเล่นสำหรับบ่อนคาสิโน ล่าสุดได้ประกาศทำสินค้าสำหรับบ้านอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Sigfox ซึ่งเป็นบริษัทจากฝรั่งเศสที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Internet of Things
Atari ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะทำผลิตภัณฑ์อะไรกันแน่ เพียงแต่บรรยายว่าสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทั้งของพื้นๆ ไปจนถึงของผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะมีทั้งสินค้าสำหรับใช้ในบ้าน, สัตว์เลี้ยง, เสริมรูปแบบการใช้ชีวิต ตลอดจนสินค้าด้านระบบความปลอดภัย โดยจะได้เทคโนโลยีของ Sigfox มาช่วยในเรื่องระบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งพัฒนาเรื่องแบตเตอรี่ให้ผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้นาน
ที่มา - Engadget
สวัสดีครับ พอดีผมได้เจ้า Samsung SmartThings Home Monitoring Kit ที่สั่งมาจาก Amazon เพื่อมาใช้เองที่บ้าน ก็เลยมารีวิวกันให้เพื่อนๆ ดูกันว่าเจ้านี่มีดียังไง ทำไมถึงขึ้นชื่อว่าเป็น Smart Home Hub ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้
เกริ่นกันสักนิดนึงก่อนเข้ารีวิว ตลาด Smart Home ตอนนี้ SmartThings ถือเป็นบริษัท startup ที่ค่อนข้างมาแรง บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดยออกแคมเปญที่ Kickstarter ระดมทุนให้ SmartThings Hub Version 1 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้เงินลงทุนถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับการเพิ่มทุนจากนักลงทุนเรื่อยๆ จนในปี 2014 ถูกซัมซุงซื้อกิจการด้วยเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และเปลี่ยนชื่อเป็น Samsung SmartThings ในที่สุด
ในยุคที่ใครๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยี IoT และสินค้าสำหรับสมาร์ทโฮมเริ่มออกสู่ตลาดกันอย่างแพร่หลาย คำถามสำหรับผู้ซื้อสินค้าเหล่านี้คือ มันจะใช้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ จำเป็นต้องพึ่งพาบริการฝั่งเซิร์ฟเวอร์ของผู้ผลิตด้วย
Revolv ผู้ขายผลิตภัณฑ์ฮับสำหรับสมาร์ทโฮม ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ขายกิจการให้ Nest Labs บริษัทในเครือ Alphabet ไปตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งตอนนั้น Nest บอกชัดว่าต้องการทีมงาน แต่ไม่เห็นด้วยกับการมีฮับตรงกลางอีกตัว ซึ่งดูยุ่งยากเกินไปสำหรับผู้ใช้
Xiaomi เปิดตัวสินค้าชุด IoT/Smart Home มาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ของทั้งหมดยังวางขายเฉพาะในจีนเท่านั้น ล่าสุด Xiaomi เริ่มผลักดันสินค้ากลุ่มนี้ออกสู่ตลาดโลกบ้างแล้ว
สินค้าตัวแรกที่ Xiaomi ดันออกมาขายคือเครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier โดยจะเริ่มขายในสิงคโปร์ก่อน
บริษัทยังอัพเดตแอพ Xiaomi Smart Home ที่ใช้เชื่อมต่อกับสินค้า IoT เหล่านี้ ให้รองรับการใช้งานนอกจีนด้วย โดยระบุว่าข้อมูลจากฮาร์ดแวร์จะเก็บลงบนเซิร์ฟเวอร์ของ Xiaomi แบบแยกโซนกัน และโอนถ่ายข้ามโซนกันไม่ได้ ผู้ใช้ต้องตัดสินใจแต่แรกว่าจะเลือกเก็บข้อมูลในโซนไหน
ที่มา - Tech in Asia
นอกจากจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ที่จะไม่มีขายในไทยอย่าง LG G5 ไปแล้ว ในงานเดียวกัน LG ยังมาโชว์ของใหม่สำหรับใช้ในยุคสมาร์ทโฮมอย่าง LG Rolling Bot หุ่นยนต์พ่อบ้านตัวกระปุ๊กลุ๊ก
LG Rolling Bot เป็นหุ่นยนต์ทรงกลมหน้าตาคล้าย BB-8 แต่เปลี่ยนเป็นสีขาว ขนาดประมาณ 6 นิ้ว พร้อมกับฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการบังคับไร้สายด้วยสมาร์ทโฟนได้ เพราะ LG Rolling Bot ทำได้มากกว่าด้วยการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ในบ้านเพื่อเดินลาดตระเวนสอดส่องในบ้านด้วยกล้องความละเอียด 8 เมกะพิกเซลที่ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและ วิดีโอ
กระแสของ Internet of Things กำลังรุกคืบในทุกทิศทาง ต่อเนื่องจากประเด็นที่คุณ lewcpe เคยเล่าถึงในบทความ Internet of Things: ความฝันถึงโลกที่แตกต่างในยุคต่อไป โอกาสนี้ผมมีรีวิวของ Mi Smart Home Kit จาก Xiaomi ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชุดอุปกรณ์ที่นำพาที่พักอาศัยได้มีความสะดวก ปลอดภัย ผ่านอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และใช้งานผ่าน Wi-Fi และสมาร์ทโฟน
เป็นประจำทุกปีที่ซีอีโอของเฟซบุ๊คจะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง อย่างในปีก่อนๆ คือการเรียนภาษาจีนและปีที่แล้วคือการอ่านหนังสือให้ได้ 2 เล่มในทุกๆ เดือน สำหรับในปีนี้ Mark Zuckerberg ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) สำหรับช่วยดูแลบ้านและเป็นผู้ช่วยในที่ทำงาน ในลักษณะเดียวกับ J.A.R.V.I.S ใน Iron Man
LG เปิดตัว SmartThinQ Hub อุปกรณ์สำหรับควบคุมระบบ IoT ภายในบ้าน (ชื่อคล้ายกับ SmartThings ของซัมซุง จะบังเอิญหรือจงใจคงไม่มีใครทราบ)
SmartThinQ Hub มีหน้าตาคล้ายลำโพง Amazon Echo แต่มีหน้าจอ LCD ขนาด 3.5" มาให้ด้วย รวมถึงสามารถสั่งงานผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนได้
หน้าที่ของ SmartThinQ Hub คือมอนิเตอร์และสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า-เซ็นเซอร์ภายในบ้านที่รองรับมาตรฐาน AllJoyn โดยจะแสดงข้อมูลบนหน้าจอ หรือส่งเสียงผ่านลำโพงให้ผู้ใช้งานทราบ นอกจากนี้ตัวลำโพงยังรองรับการเล่นเพลงแบบสตรีมมิ่งจาก iHeartRadio หรือเพลงที่อยู่ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตด้วย
Quirky, Inc. ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เครื่องใช้ไฟฟ้า-บ้านอัจฉริยะ เจ้าของแบรนด์ Wink ยื่นขอล้มละลายต่อศาลสหรัฐอเมริกาแล้ว เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดบ้านอัจฉริยะไม่ง่ายสำหรับผู้เล่นรายเล็ก-หน้าใหม่
ตัวบริษัท Quirky ล้มละลายในทางกฎหมาย และหยุดธุรกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าร่วมกับแบรนด์ต่างๆ (เช่น ทำแอร์ร่วมกับ GE) แต่ธุรกิจบ้านอัจฉริยะ Wink จะถูกขายให้กับบริษัท Flextronics International USA Inc. ด้วยมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ แต่อาจขายให้บริษัทอื่นถ้ามีคนเสนอราคาสูงกว่านี้ภายใน 60 วัน
ลูกค้าที่ซื้อสินค้าของ Wink ไปแล้วจะยังใช้งานได้ปกติ และสินค้าของ Wink จะยังวางขายต่อไปเช่นเดิม