หลังเผยโฉมหน้าจอพับได้ตัวต้นแบบ Infinity Flex Display ไปแล้ว ซัมซุงยังเผยแนวทางดีไซน์หน้าจอมือถือใหม่อีก 4 แบบที่มาพร้อมรอยแหว่งหรือ notch ตามสมัยนิยม แต่ยังอยู่ภายใต้คอนเซ็ป Infinity Display เช่นเดิม

หน้าจอใหม่ 4 แบบของซัมซุงถูกเรียกว่า Infinity-V, Infinity-U, Infinity-O และ New Infinity ที่สิ่งที่เหมือนกันของ 3 รุ่นแรกคือหน้าจอจะมีกล้องหน้าแค่อันเดียว โดยแต่ละแบบจะแตกต่างกันไปตามทรงของรอยแหว่ง อย่าง Infinity-V รอยแหว่งจะมีทรงแหลม ส่วน Infinity-U รอยแหว่งจะทรงกลมคล้าย Essential Phone, Infinity-O ตัวกล้องจะลอยอยู่บนหน้าจอ ขณะที่ New Infinity จะไม่มีรอยแหว่งเลย เป็นหน้าจอที่กินพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด

หลังประกาศมาตั้งแต่SDC 2017 ปีที่แล้ว วันนี้ในงาน SDC 2018 ซัมซุงประกาศเปิดให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึง Bixby ผ่าน SDK แล้ว ทำใหเราน่าจะได้เห็นอุปกรณ์และแอปอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของซัมซุงทำงานเชื่อมต่อกับ Bixby มากยิ่งขึ้น

ถึงแม้จะดูพัฒนาช้าและไม่ค่อยมีข่าวคราวมากนัก แต่ Eui-Suk Chung หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์และ AI ของซัมซุงยืนยันบนเวที SDC 2018 ว่าซัมซุงยังคงจริงจังกับการพัฒนา AI โดยมี Bixby เป็นศูนย์กลาง และบริษัทก็มีเป้าจะลงทุนด้านนี้ไม่ต่ำกว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2020 และจะจ้างผู้เชี่ยวชาญ AI ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันคนภายในช่วงเวลาเดียวกัน

สอดคล้องกับ การเปิดตัวมือถือจอพับได้ของซัมซุง ฝั่งของกูเกิลก็ออกมาประกาศ Android for Foldables ออกแบบหน้าจอให้รองรับอุปกรณ์ประเภทใหม่แล้ว

กูเกิลอธิบายว่าอุปกรณ์ประเภท Foldables มีสองโหมด โหมดแรกคือหน้าจอมือถือแบบปกติ โหมดที่สองคือเปิดออกเพื่อใช้จอด้านในที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สิ่งสำคัญคือความต่อเนื่องระหว่างการสลับไปมาของสองโหมดนี้

สิ่งที่กูเกิลทำคือ screen continuity ออกแบบให้แอพในโหมดจอเล็ก กลายร่างเป็นโหมดจอใหญ่อย่างราบรื่นที่สุด รายละเอียดจะประกาศในงาน Android Dev Summit ซึ่งจัดขึ้นสัปดาห์นี้เช่นกัน

กูเกิลยังอธิบายว่าเราจะได้เห็นอุปกรณ์ Foldable จากผู้ผลิตหลายราย ส่วนสินค้าของซัมซุงมีแผนจะวางขายในปีหน้า

ในงาน Samsung Developer Conference 2018 ซัมซุงเปิดตัว UI แบบใหม่ของมือถือยุคถัดไป โดยใช้ชื่อว่า One UI

One UI เปลี่ยนแนวทางจาก UI ของซัมซุงในปัจจุบัน (Samsung Experience) โดยใช้สีสันสดใสมากขึ้น ต่างจากตัวปัจจุบันที่เน้นพื้นหลังสีขาวเพียงอย่างเดียว, ใช้สี่เหลี่ยมมุมโค้งแทนสี่เหลี่ยมมุมฉาก เพื่อสะท้อนถึงมือถือของซัมซุงรุ่นหลังๆ ที่เป็นขอบจอโค้งหมดแล้ว, เน้นความเรียบง่ายกว่าเดิม และเปลี่ยนดีไซน์ไอคอนใหม่ (อีกแล้ว)

One UI ยังออกแบบมาให้ใช้งานด้วยมือเดียวได้สะดวก ปุ่มต่างๆ ที่ใช้งานบ่อยจะวางอยู่ชิดขอบล่างของหน้าจอ วัตถุบนจอมีขนาดใหญ่ขึ้น กดง่ายขึ้น และมี Night Mode สำหรับใช้งานในที่มืด

ในที่สุด ซัมซุงก็โชว์มือถือจอพับได้ที่ลือกันมาหลายปี โดยมือถือตัวนี้ยังเป็นแค่ต้นแบบ ใช้จอภาพที่ซัมซุงเรียกว่า Infinity Flex Display สามารถคลี่ออกมาเพื่อกลายร่างเป็นแท็บเล็ตได้

ซัมซุงใช้เวทีงานสัมมนาประจำปี Samsung Developer Conference 2018 สาธิตจอภาพตัวใหม่นี้ โดยมือถือรุ่นต้นแบบเป็นมือถือแบบพับที่เปิดมาแล้วเจอกับจอภาพพับได้ และมีอีกจอด้านนอกสำหรับใช้งานตอนที่พับอยู่

ตัวหน้าจอหลักของ Infinity Flex Display มีขนาด 7.3 นิ้ว ความละเอียด 1536x2152 ส่วนหน้าจอรองที่อยู่ด้านนอกเป็นจอภาพปกติ ขนาด 4.58" ความละเอียด 840x1960

เฟซบุ๊ก Samsung Mobile โพสต์ภาพโลโก้แบบพับ เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าจากข่าวลือก่อนหน้านี้ถึงเรื่องสมาร์ทโฟนแบบพับได้ของซัมซุงอาจเปิดตัวในเร็วๆ นี้

ซัมซุงรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2018 ต่อจากตัวเลขเบื้องต้นที่ให้ออกมาก่อนหน้านี้ ยอดขายรวม 65.46 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13.15 ล้านล้านวอน

กลุ่มธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ (DRAM, NAND, เซ็นเซอร์ภาพ) ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และกำไรหลักให้กับซัมซุง (24.77 ล้านล้านวอน กำไรจากการดำเนินงาน 13.65 ล้านล้านวอน) จากความต้องการสินค้าสูงทั้งฝั่งเซิร์ฟเวอร์และสมาร์ทโฟน

ซัมซุงเปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ ISOCELL รุ่นใหม่ แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ISOCELL Bright GM1 และ ISOCELL Bright GD1 มีพิกเซลขนาด 0.8μm เล็กลงกว่าเซ็นเซอร์ ISOCELL Slim 2X7 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีพิกเซลขนาด 0.9μm

Bloomberg รายงานข่าววงในถึงแผนการเปิดตัว Galaxy S10 มือถือเรือธงของซัมซุงในปี 2019 ว่าจะมีทั้งหมด 3 โมเดลย่อย ได้แก่

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการผูกขาดของอิตาลี สั่งปรับเงินแอปเปิลและซัมซุงรายละ 5 ล้านยูโร (ประมาณ 190 ล้านบาท) ในข้อหาใช้อัพเดตซอฟต์แวร์ให้มือถือของตัวเองทำงานช้าลง แถมแอปเปิลโดนปรับเพิ่มอีก 5 ล้านยูโร ในประเด็นว่าไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ต่อลูกค้า

กรณีของแอปเปิลนั้นชัดเจน เพราะบริษัทออกมายอมรับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ว่าทำให้มือถือทำงานช้าลงจริงๆ แต่กรณีของซัมซุงถือว่าน่าสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงโดนลงโทษในประเด็นนี้

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า กรณีของซัมซุงมีรายละเอียดอย่างไร และซัมซุงเองยังก็ไม่ได้แสดงความเห็นในประเด็นนี้ แต่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยบอกว่าไม่ได้ปรับลดประสิทธิภาพของซีพียูแต่อย่างใด

ปีที่แล้ว ซัมซุงออกตัวแว่น Samsung HMD Odyssey ใช้เทคโนโลยี Windows Mixed Reality วางขายในราคา 499.99 ดอลลาร์

เวลาผ่านไปหนึ่งปี ซัมซุงออกแว่นรุ่นอัพเกรด HMD Odyssey+ (ชื่อรุ่นมี +) ที่ปรับปรุงเรื่องการแสดงผลให้ดียิ่งขึ้น หน้าจอของแว่นรุ่นนี้มีความละเอียด 1,233 PPI (ความละเอียด 1440x1600 พิกเซล ขนาดจอข้างละ 3.5") มุมมอง 110 องศา เท่ากับรุ่นก่อน แต่เพิ่มเทคนิค Anti-Screen Door Effect (Anti-SDE) ช่วยลดปัญหาการเห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอชัดเจนเกินไป และช่วยลดปัญหาการเวียนหัวขณะสวมแว่น

แว่น Odyssey+ ยังมีระบบเสียงของ AKG แบบ 360 องศา spatial sound ได้ยินเสียงจากทุกด้าน ตัวแว่นมีปุ่มปรับระดับเสียงเพื่อความสะดวกของผู้ใช้

ในวันที่ 18 ตุลาคม ทาง Samsung Display เชิญกลุ่มลูกค้าประมาณ 20 ราย เข้าร่วมงาน "2018 Samsung OLED Forum" ที่โรงแรม Shenzhen Marriott ในประเทศจีน

ประเด็นสำคัญกล่าวถึงทิศทางการออกแบบหน้าจอสมาร์ทโฟนของปี 2019 จะรวมเอา 4 เทคโลโนยีมาไว้ที่จอแสดงผล ประกอบด้วย

ซัมซุงประกาศเดินสายการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรแบบพลังงานต่ำ LPP (Low Power Plus) อย่างเต็มตัวแล้ว

กระบวนการผลิตแบบ 7LPP ของซัมซุงใช้เทคนิคการฉายแสงแบบ extreme ultraviolet (EUV) ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรลงไปยังแผ่นเวเฟอร์ แทนการแช่ argon fluoride (ArF) แบบดั้งเดิม ซึ่งมีข้อจำกัดที่ความยาวคลื่น 193 นาโนเมตร และมีต้นทุนการสร้างแผ่นบัง (mask) ราคาแพง เพราะต้องใช้ถึง 4 แผ่นต่อเลเยอร์ ในขณะที่เทคนิค EUV ใช้เพียงแผ่นเดียว

เทคนิค EUV ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงานของชิปลง โดยชิป 7LPP ของซัมซุงเทียบกับชิป 10nm FinFET ที่ใช้ในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพต่อพื้นที่ดีขึ้น 40%, ประสิทธิภาพดีขึ้น 20% หรือกินพลังงานน้อยลง 50%

ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ประกาศเข้าซื้อกิจการ Zhilabs สตาร์ทอัพจากสเปนที่พัฒนา Networks Analytics แบบเรียลไทม์ สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่ากิจการที่เข้าซื้อ ทั้งนี้ Zhilabs จะยังคงให้บริการภายใต้แบรนด์และทีมบริหารเดิมต่อไป แม้จะกลายเป็นส่วนธุรกิจหนึ่งของซัมซุง

ซัมซุงให้เหตุผลในการซื้อ Zhilabs ว่าบริษัทนี้มีจุดเด่นคือในการพัฒนา AI สำหรับ Analytics เครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดกับเทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะมีปริมาณทราฟิกเพิ่มสูงมาก จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการจัดการ เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ AI ของ Zhilabs ยังสามารถนำมาต่อยอดกับ IoT บน 5G รองรับได้หลากหลายความต้องการ

สัปดาห์นี้เราเห็น ซัมซุงเปิดตัวสมาร์ทโฟน 4 กล้องอย่าง Galaxy A9 ที่โฆษณาว่าเป็นมือถือ 4 กล้องหลัง (Quad Camera) ตัวแรกของโลก

ในยุคที่มือถือแข่งเรื่องกล้องกันอย่างรุนแรง โลกมือถือก็ขยับจากกล้องเดี่ยว มาเป็นกล้องคู่ และสามกล้องอย่างรวดเร็ว จนล่าสุดมาถึงยุคของ 4 กล้อง หลายคนอาจเกิดคำถามว่านี่ออกจะเกินความจำเป็นไปแล้วหรือเปล่า บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ทิศทางของซัมซุงและโลกมือถือในภาพรวม ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังนำพาโลกเข้าสู่ยุค 4 กล้อง

ซัมซุงไม่ได้มีแต่การล้อ iPhone เท่านั้น แต่เพื่อนร่วมวงการอย่าง Pixel 3 XL ก็โดนด้วย หลังจากกูเกิลเปิดตัว Pixel 3 เสร็จเรียบร้อย บัญชีทวิตเตอร์ @SamsungMobileUS ก็เริ่มปฏิบัติการแซว Pixel 3 XL โดยเฉพาะประเด็นเรื่องติ่งขนาดใหญ่นั่นเอง

รูปแบบการแซวก็มีหลากหลาย ที่น่าสนใจคือตอบข้อความทวีตของกูเกิลว่าติ่งกว้างจนจอดเครื่องบินได้ (You could land a plane on it) หรือตอบคอมเมนต์แฟนๆ ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ (Not everyone is born to lead)

ซัมซุงเปิดตัว Samsung Galaxy A9 สมาร์ทโฟนระดับกลางซีรีส์ A รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวครั้งแรกของโลก ดีไซน์ตัวเครื่องเป็นกระจกคล้ายกับรุ่น Galaxy A7 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ (Cavier Black), สีน้ำเงิน (Lemonade Blue) และสีชมพู (Bubblegum Pink)

แหล่งข่าวจากประเทศจีนที่ไม่ระบุชื่อเปิดเผยว่า ชิปประมวลผล Exynos รุ่นใหม่ของซัมซุงจะมีหน่วยประมวลผลพิเศษ Neural Processing Unit (NPU) สำหรับงานประมวลผล AI มาด้วย อาจเริ่มใช้กับสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy S10 เป็นรุ่นแรก

ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 คาดยอดขายรวม 65 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานราว 17.5 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งอาจทำให้ไตรมาสนี้ซัมซุงทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยสูงกว่าสถิติเดิมในไตรมาส 1/2018

จุดขายที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ Galaxy Note 9 คือปากกา S Pen ที่ใช้เป็นรีโมทไร้สายได้ด้วย ซัมซุงจึงต่อยอดคุณสมบัตินี้ โดยเปิด S Pen SDK สำหรับ Galaxy Note 9 ให้นักพัฒนาเข้าถึงลูกเล่นในปากกา เพื่อนำมาใส่ในแอปของตนเองได้

ในเอกสารของ SDK นี้ ระบุคุณสมบัติน่าสนใจหลายอย่าง อาทิ สามารถใช้กับแอปได้ไม่มีข้อจำกัด โดยอาศัยการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth LE ซึ่งทำให้นักพัฒนาสามารถใส่ไอเดียเข้าไปได้หลากหลาย จากที่ปัจจุบันใช้ถ่ายภาพ หรือเล่นเพลง

น่าสนใจว่า S Pen จะถูกนำไปใช้งานอะไรได้บ้าง และอาจเป็นมาตรฐานลูกเล่นใหม่สมาร์ทโฟนในอนาคตก็เป็นได้

ใน Galaxy Note 9 ถือเป็นมือถือเครื่องแรกของซัมซุงที่กล้องมาพร้อม AI ช่วยถ่ายภาพ สามารถแยกแยะประเภทของวัตถุ, สัตว์, สภาพแสงต่างๆ รวมกันถึง 20 แบบ ล่าสุดซัมซุงออกอัพเดตเฟิร์มแวร์ตัวใหม่ เพื่อปรับปรุงความสามารถให้การถ่ายภาพของ Note 9 ดียิ่งขึ้น

บริษัท Samsung มีแนวคิดในการผลิตฮาร์ดดิสก์ความจุ 4TB ในแบบ QLC จำนวนมากขึ้นมา จากการที่ความจุของฮาร์ดดิสก์ในการผลิตนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์แบบ SSD นั้น มีความจุแค่ 4GB เท่านั้น ในปี พศ 2549 และได้ถูกพัฒนาขึ้นให้มีความจุ 512 GB ในปี พศ 2553 สำหรับฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะใช้ชิปในการเก็บข้อมูลแบบ TLC (Triple-Level-Cell) โดยจะมีความจุที่ 3 บิต ต่อ เซลล์ หรือ 64GB ต่อ ชิปหนึ่งตัว เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ขนาด 500 GB ในปัจจุบันนั้น ราคาถูกลงมาก แต่ไม่ใช่กับขนาดที่ใหญ่กว่านั้นขึ้นไป

ซัมซุงเปิดตัวนาฬิกา Galaxy Watch ในไทยแล้ว มีหน้าปัด 2 ขนาดให้เลือก ได้แก่ 42 มม. สีดำและสีโรสโกลด์ ราคา 11,900 บาท และขนาด 46 มม. สีเงิน ราคา 12,900 บาท

คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Galaxy Watch แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานหลายวัน, ชาร์จแบบไร้สายได้

Samsung ยื่นจดเครื่องหมายการค้าชื่อ Samsung Buds โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าเป็นอุปกรณ์ประเภทใด ซึ่งเว็บไซต์ AndroidHeadlines คาดว่าอาจเป็นหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2019

นอกจากนี้เว็บไซต์ AndroidHeadlines ยังคาดการณ์ว่า Samsung Buds จะเป็นชื่อหูฟังไร้สายแทนที่ Gear IconX มาพร้อม Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะรองรับคำสั่งเสียงได้, Bluetooth 5.0, เป็น Fitness Tracking ในตัว และราคาที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6,500 บาท

ไม่ต้องรอกันถึงเรือธงตัวถัดไป เพราะซัมซุงเปิดตัวมือถือกล้องหลัง 3 ตัวกับเขาบ้างแล้วด้วย Galaxy A7 รุ่นปี 2018

Galaxy A7 (2018) มีกล้องหลัง 3 ตัวดังนี้

• เลนส์ปกติ 24MP (F1.7) มีฟีเจอร์จับภาพในสภาพแสงน้อย ด้วยการรวมแสงจาก 4 พิกเซลเป็นพิกเซลเดียว
• เลนส์ระยะลึก Depth Lens 5MP (F2.4) สำหรับทำ Live Focus และภาพ bokeh
• เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Lens 120 องศา ความละเอียด 8MP (F2.2)

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 24MP พร้อมฟีเจอร์ปรับระดับแสงแฟลช LED ได้, Selfie Focus สำหรับถ่ายภาพติด bokeh และ Pro Lighting Mode จำลองสภาพแสงสตูดิโอ