เมื่อวานนี้ในงานเปิดตัว HTC Butterfly ที่ไต้หวัน Peter Chou ได้ออกมาพูดถึงความสำเร็จของ HTC Butterfly, Droid DNA และ HTC J Butterfly ที่เพิ่งวางขายไปว่า ตอนนี้ HTC J Butterfly ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นอย่างมาก และขณะนี้พวกเขาได้เพิ่มกำลังการจัดส่งสินค้าเพิ่มเติมแล้วด้วย
นอกจากนี้ Jack Tong ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเขาต้องเพิ่มกำลังการผลิตเป็นอย่างมาก ไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมันเป็นผลมาจากการที่ HTC เปลี่ยนกลยุทธ์ในการออกรุ่น Flagship ใหม่ในแต่ละรุ่น (One X, One X+ และ Butterfly) และเน้นการทำมือถือในตลาดกลางมากขึ้นนั่นเอง
ใครที่ยังเป็นแฟนของ HTC อยู่ก็ต้องเอาใจช่วยกันอีกแรงแล้วล่ะครับ งานนี้
HTC รายงานผลประกอบการประจำเดือนพฤศจิกายน 2012 มีรายได้ 21.23 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งถือว่าลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2011 ประมาณ 31.4%
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่ดี ตัวเลขนี้ถือว่าเป็นพัฒนาการเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2012 ที่มีรายได้ 17.21 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งอาจเป็นเพราะ HTC มีมือถือรุ่นใหม่เปิดตัวหลายรุ่น เช่น Droid DNA, Butterfly J, 8X เป็นต้น
ใครเป็นแฟน HTC ก็ต้องเอาใจช่วยกันหน่อยครับ
HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2012 สิ้นสุดเดือนตุลาคมตามปฏิทินบริษัท มีรายได้รวม 30.0 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยยังขาดทุนสุทธิอีก 6.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ และยังมีสาเหตุหลักคล้ายกันด้วยคือมีการลงบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์อีก 8.8 พันล้าน (ไตรมาสที่แล้วเป็นสินทรัพย์ส่วนกิจการ EDS และ Compaq) หากไม่มีรายการนี้นั้น HP ไตรมาสนี้ก็ยังมีกำไรอยู่
สำหรับรายได้แยกเป็นกลุ่มธุรกิจนั้นก็ลดลงถ้วนหน้า โดยกลุ่มพีซีก็ยังขาลงตามอุตสาหกรรมโดยมีรายได้ลดลง 14% กลุ่มเครื่องพิมพ์ลดลง 5% กลุ่มธุรกิจบริการลดลง 6% เซิร์ฟเวอร์องค์กรลดลง 9%
NVIDIA แถลงผลประกอบการไตรมาสสาม รายได้เพิ่มเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่ม 15.3% จากปีก่อน และกำไร 209 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 75.6% จากปีก่อน
รายได้ของ NVIDIA เพิ่มขึ้นในทุกสายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น GPU ทั้งสาย GeForce/Quadro รวมถึงสินค้าคอนซูเมอร์อย่างมือถือและแท็บเล็ต ที่น่าสนใจที่สุดคืออย่างหลัง เพราะแท็บเล็ตชื่อดังหลายรุ่นอย่าง Nexus 7 และ Surface ต่างก็ใช้ Tegra 3 เป็นหน่วยประมวลผล บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีแท็บเล็ต Tegra 3 วางขายทั้งหมด 30 ล้านเครื่อง
NVIDIA ระบุว่ารายได้จากสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่พีซี มีสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมดแล้ว เพิ่มจากสามปีก่อนที่คิดเป็นสัดส่วนแค่ 7% ของรายได้ทั้งหมด
เลอโนโวรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีปฏิทินการเงินของบริษัท มีกำไร 162 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมียอดขาย 8.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% โดยมียอดส่งมอบพีซีเพิ่มขึ้นถึง 10.3% สวนทางกับตลาดพีซีโลกรวมที่หดตัวลง 8% ซึ่งเลอโนโวระบุว่าเป็นการเติบโตที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 14 แล้ว ทำให้ตอนนี้เลอโนโวมีส่วนแบ่งการตลาดพีซีอยู่ที่ 15.6% ตามข้อมูลล่าสุดของ IDC
Panasonic ออกมาประเมินผลประกอบการประจำปีงบประมาณ (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2013) ว่าจะขาดทุนราว 765 พันล้านเยน (ประมาณ 3 แสนล้านบาท) ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์ 772 พันล้านเยน ซึ่งแปลว่าความพยายามกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทยังไม่ประสบความสำเร็จดังที่หวัง
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส งวดเดือนกรกฎาคม - กันยายน ซึ่งหลังจากขาดทุนกันมา
HTC ออกมาประเมินผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ (ต.ค.-ธ.ค.) โดยรายรับรวมของไตรมาสล่าสุดจะอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท หรือ 2.1 พันล้านดอลลาร์) ลดลง 14.5% จากไตรมาสก่อน ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ และน่าจะแย่ที่สุดในรอบ 11 ไตรมาสหรือเกือบ 3 ปีหลังสุด
ส่วนยอดขายโทรศัพท์มือถือ ถ้าอ้างตัวเลขล่าสุดจาก IDC จะลดลงถึง 42.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนโลกดุเดือดจน HTC สู้ไม่ไหว ส่วนตลาดจีนก็เน้นสินค้าราคาถูกที่กำไรต่ำมาก
ซัมซุงเผยผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี 2012 โดยมีกำไรเหนาะๆ 8.12 ล้านล้านวอน หรือ 7.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.3 แสนล้านบาท) ถือว่าเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 2011
กำไร 2 ใน 3 ของซัมซุงมาจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ ซัมซุงไม่ได้เปิดเผยยอดขายอย่างเป็นทางการ แต่คาดกันว่าซัมซุงขายมือถือในไตรมาสนี้ได้ราว 58 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าแอปเปิลที่ขายได้ 26.9 ล้านเครื่อง (ตัวเลขของแอปเปิลยังไม่ได้นับ iPhone 5 ที่เพิ่งวางขายช่วงปลายไตรมาส)
อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจชิปกลับลดลง 28% เนื่องจากราคา DRAM ในตลาดโลกลดลง แต่ก็ได้ยอดขายชิป NAND flash มาช่วยชดเชยได้บ้าง
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ตามปีการเงินบริษัท มีรายได้รวม 36 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 28.3 พันล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 8.2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนอัตรากำไรอยู่ที่ 40.0% โดยยอดขายในไตรมาสนี้นั้น 60% มาจากตลาดนอกอเมริกา
สำหรับยอดขายรายผลิตภัณฑ์นั้น iPhone ขายได้ 26.9 ล้านเครื่อง, iPad 14 ล้านเครื่อง, Mac 4.9 ล้านเครื่อง และ iPod 5.3 ล้านเครื่อง
ซีอีโอทิม คุกกล่าวว่าเราภูมิใจในผลงานไตรมาสสุดท้ายที่สวยสดงดงามนี้ พร้อมกับสถิติสูงสุดใหม่ และในตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปีพร้อมกับไลน์สินค้าใหม่ทุกตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เรามั่นใจกับมันมาก นอกจากนี้แอปเปิลยังมีมติจ่ายเงินปันผลอีก 2.65 ดอลลาร์ต่อหุ้นด้วย
หลังเฟซบุ๊กเข้าสู่ตลาดหุ้นก็มีปัญหากับตลาดหุ้นมาโดยตลอด จากการถูกกล่าวหาว่าปิดบังความเสี่ยงต่อนักลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่ได้รับข้อมูลครบถ้วน แต่รายงานไตรมาสที่สามก็แสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กยังเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งอยู่
รายงานไตรมาสนี้ระบุว่ารายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,262 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 954 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แต่ผลรวมกลับขาดทุน 59 ล้านดอลลาร์จากที่กำไร 414 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
กำไรขาดทุนยังไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบริษัทที่เติบโตสูงๆ เช่นนี้ อัตราการเติบโตในส่วนของโฆษณานั้นดีมาก เพิ่มเป็น 1,090 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 43% จากปีที่แล้ว ขณะที่ค่าธรรมเนียมการจ่ายเงิน (ซึ่งมักใช้ซื้อของในเกม) ลดลง 9%
AMD เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปี 2012 รายรับรวมอยู่ที่ 1.27 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 25% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากรายได้ลดแล้ว หักลบกับค่าใช้จ่ายแล้วออกมาขาดทุนที่ 157 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการกลับมาขาดทุนอีกครั้งของ AMD เพราะไตรมาสก่อนมีกำไร 77 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ AMD ยังมีเงินสดในมืออยู่ 1.48 พันล้านดอลลาร์ การขาดทุนรอบนี้ยังไม่ถือว่าวิกฤตแต่ก็ต้องเร่งปรับตัวให้แข่งขันได้
ที่น่าสนใจคือธุรกิจ GPU ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทก็มีรายได้ลดลง 15% จากปีก่อน เนื่องจากยอดสั่งซื้อของ OEM ลดลง (ตามสภาพของตลาดพีซีโลกที่หดตัว)
รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2012 ของกูเกิลหลุดเข้าไปยังเว็บกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ รายงานรายได้ 14.10 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 45% เทียบกับปีที่แล้ว แต่กำไรกลับทำได้เพียง 2.18 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้ว 2.73 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แย่มาจากฝั่งโมโตโรล่าที่ขาดทุนไปถึง 527 ล้านดอลลาร์ และยังมีค่าปรับโครงสร้างบริษัทของโมโตโรล่าอีก 349 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลที่รั่วออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้หุ้นของกูเกิลตกทันที 10% จนตลาดหยุดซื้อขายอัตโนมัติที่ 676.00 ดอลลาร์ก่อนจะกลับขึ้นมาได้หลังจากเปิดการซื้อขายอีกครั้ง
ไมโครซอฟท์ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2013 (ตามปีบัญชีบริษัท) รายได้อยู่ที่ 16,008 ล้านดอลลาร์ กำไร 5,308 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ลดลง 8% และกำไรลดลง 26% โดยชี้ประเด็นว่ามีรายได้และกำไรจาก Windows 8 ที่ยังไม่บันทึกลงบัญชีถึง 1,356 ล้านดอลลาร์ เพราะสินค้ายังไม่ส่งมอบ
ฝั่งองค์กรของไมโครซอฟท์ยังแข็งแกร่งมาก จากรายได้ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ 4,550 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% ตัว SQL Server เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก และ System Center เพิ่มขึ้นถึง 20% แถมยังเพิ่งเปิดตัว Windows Server 2012 ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2012 มีกำไรสุทธิ 3.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่รายได้รวมนั้นลดลง 5% อยู่ที่ 24.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ตัวเลขที่ออกมานี้ถือว่าต่ำไปจากที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้เล็กน้อย
ซีเอฟโอ Mark Loughridge ชี้แจงกับนักวิเคราะห์ว่าในช่วงสองเดือนแรกของไตรมาสนั้น การเจรจางานกับลูกค้าก็เป็นไปด้วยดี แต่ในเดือนที่สามนั้นลูกค้าเริ่มชะลอการใช้จ่ายลงอย่างมากจนส่งผลกระทบต่อตัวเลขทั้งไตรมาส โดยกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ที่รายได้รวมลดลงมากคือเม็กซิโกและออสเตรเลีย
อินเทลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2012 มีรายได้รวม 13.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 5.1% โดยรายได้ของส่วนธุรกิจพีซีลดลง 8% ขณะที่ธุรกิจศูนย์ข้อมูลเติบโต 6%
ซีอีโอ Paul Otellini กล่าวว่าผลประกอบการที่ออกมานี้สะท้อนสภาพว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก และตลาดพีซีเองก็อยู่ในช่วงรอ Windows 8 เข้าสู่ตลาดด้วย
ในช่วงแถลงผลประกอบการมีคนตั้งคำถามว่าถ้า Windows 8 มาจริงมันก็อาจเข้าสู่ตลาดแท็บเล็ตมากกว่า และตรงนั้นอินเทลไม่ได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่ง Otellini ก็ยอมรับว่าสถานการณ์ตรงนั้นมันยังไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเป็นอย่างไร
HTC ประกาศตัวเลขผลประกอบการที่ยังไม่ได้รับการตรวจบัญชีในไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ว่ามีกำไรสุทธิ 3.9 พันล้านดอลล่าร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 133.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 4.09 พันล้านบาท) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วกว่า 79%
ส่วนรายได้ของไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 7.02 หมื่นล้านดอลล่าร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 2.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 7.34 หมื่นล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วกว่า 48% ซึ่งสวนทางกับคู่แข่งรายใหญ่อย่างซัมซุงที่ทำสถิติใหม่ในไตรมาสเดียวกัน
Zynga ออกมาประเมินรายได้สุทธิปี 2012 โดยมีใจความสำคัญคือรายได้ตลอดปีนี้จะต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า โดยส่วนของไตรมาสที่สามจะขาดทุนราว 90-105 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งจะลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีในส่วนการซื้อกิจการ OMGPOP ลงราว 85-95 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Zynga เคยซื้อกิจการมาด้วยมูลค่าที่สูงถึง 210 ล้านดอลลาร์ เมื่อตอนต้นปี
ซัมซุงเผยตัวเลขประเมินผลประกอบการประจำไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ว่ามีกำไร 8.1 ล้านล้านวอน (7.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเกือบเท่าตัว (90.6%) และเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 20.6%
ส่วนรายรับรวมอยู่ที่ 52 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน และเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงมีรายรับแตะหลัก 50 ล้านล้านวอนได้สำเร็จ
ปัจจัยผลักดันรายได้ของซัมซุงคือยอดขายสมาร์ทโฟนและทีวีที่เติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นแม้ว่าแอปเปิลจะลดยอดสั่งซื้อชิปและชิ้นส่วนหน้าจอลง ก็ไม่เป็นปัญหานัก
HP ได้จัดประชุมกับนักวิเคราะห์ โดยซีอีโอ Meg Whitman ได้ออกมาคาดการณ์อนาคตของบริษัทว่า HP จะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2014 เนื่องจากโครงการที่ได้ลงทุนไปจะเริ่มส่งผล โดยในปี 2013 นั้น HP จะเจอปัญหากำไรลดลงในทุกส่วนธุรกิจ และเป็นอัตราลดลงที่รุนแรงกว่าในปี 2012 ปัจจุบัน ทั้งนี้แม้ฟื้นตัวได้ในปี 2014 Whitman ก็บอกว่า HP จะเริ่มมีสภาพธุรกิจเติบโตได้ตามอัตราการเติบโตของภาคธุรกิจในอเมริกา ก็ต้องใช้เวลาถึงราวปี 2016 เลย
Research in Motion หรือ RIM รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของบริษัท สิ้นสุดวันที่ 1 กันยายน มีรายได้รวม 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว และขาดทุนสุทธิ 235 ล้านดอลลาร์ โดยจำหน่าย BlackBerry ไปได้ 7.4 ล้านเครื่อง และ PlayBook 130,000 เครื่อง
Foxconn International Holdings (FIH) บริษัทลูกของ Foxconn Technology Group ที่เราคุ้นเคยกันดี ประกาศผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2012 ปรากฏว่าขาดทุนถึง 226.07 ล้านดอลลาร์ (ครึ่งแรกของปี 2011 ขาดทุน 17.65 ล้านดอลลาร์) ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2005 เป็นต้นมา
Foxconn ขาดทุนในครึ่งแรกของปีติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว เพียงแต่ปีก่อนๆ ขาดทุนไม่เยอะมากนัก ในขณะที่ปีนี้ตัวเลขตกฮวบเป็นหลักร้อยล้านดอลลาร์
HP รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2012 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคมตามปฏิทินบริษัท มีรายได้รวม 2.97 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 8.9 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ออกมานั้นใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดกันก่อนหน้านี้ เพราะการขาดทุนนั้นมาจากการตัดค่าใช้จ่ายทางบัญชีครั้งเดียวมูลค่า 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าที่ตัดขาดทุนนี้ส่วนใหญ่มาจากการซื้อกิจการบริษัท Electronic Data Systems ก่อนหน้านี้ และยังรวมถึงการตัดค่าความนิยมของแบรนด์ Compaq ด้วย
เดลล์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2013 ตามปฏิทินการเงินบริษัท มีรายได้ 14.5 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 732 ล้านดอลลาร์ ลดลง 18%
ซีอีโอ Michael Dell กล่าวว่าถึงแม้ตัวเลขที่ออกมาจะลดลง แต่เดลล์ก็ยังดำเนินงานได้ตามกลยุทธ์ระยะยาวที่วางไว้ นั่นคือการเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ตัวที่มีกำไรสูงขึ้น คือโซลูชั่นสำหรับองค์กรอย่างเช่น เซิร์ฟเวอร์, บริการเครือข่าย และหน่วยความจำ โดยไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโตดีตามเป้าหมาย นอกจากนี้ Dell ยังกล่าวว่าการเลือกจะเติบโตในตลาดพีซีนั้นยากกว่ามาก ทั้งสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดในตอนนี้